ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Diary: จุดเริ่มต้นของชีวิตเด็กอินเตอร์

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 6: ก้าวแรกของการเป็นเด็กแลกเปลี่ยนหลังจากฝันมา 8 ปีเต็ม

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ค. 56


     

    เครื่องจะออกแล้ว กรุณารัดเข็มขัด

     

    หลังจากโบกมือลาป๊าม๊า พี่ชาย น้องสาว แฟน เพื่อน (มีเรอะ? - -)

    ก็ใจหายหวิวๆ เมื่อคิดว่าต้องไปอยู่เมืองนอกครั้งแรกแปดเดือนเต็ม

    เหยย เค้าว่าแปดเดือนเร็วแป๊บเดียว ไม่ถึงปีเดี๋ยวก็กลับ >__<~

    ใจนึงก็ตื่นเต้น อีกใจนึงก็แอบกังวลนะ

    แต่หลังจากขึ้นเครื่องเตรียมทะยานบิน ก็พยายามตัดความกังวลนั้นออกไปซะ

    มุ่งมั่นตั้งใจว่า เอาล่ะ แปดเดือนที่มาแลกเปลี่ยนนี้

     

    จะต้องตั้งใจ พัฒนาภาษาให้เก่งๆ

    แล้วก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวเองให้ได้ !“

     

    หลังจากตั้งใจแน่วแน่ถึงมิชชั่นสำคัญที่จะต้องทำในอนาคตอันใกล้นี้ จากนั้นก็

    .

    .

    .

    ทำไรล่ะคะ นอนสิ

    คร่อกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

    (หลับไปหนึ่งตื่น ต่อเครื่องที่ไต้หวัน ขึ้นใหม่หลับอีกจนถึง แม่~~ ทำไมชั้นไม่จองไฟล์ทรวดเดียวนะ - - )

     

    ถึงจะบ่นอย่างงั้น แต่ด้วยความเป็นคนนอนง่าย ก็นอนไปเรื่อยๆจ้า

    ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนเราป่าวนะ แต่เราไม่เล่นเกม ไม่ฟังเพลงไรเลย ขึ้นปุ๊บหลับเรย ยาวด้วย - -

    บางทีข้าวบนเครื่องก็ไม่กิน แอร์มาติดป้ายตลอด ตื่นแล้วมาเรียกให้เสริฟนะค้า

    แต่ก็ดีอย่าง ไม่เมาเครื่องเรย แฮ่ ~

    (ใครอยากเอาวิธีนี้ไปใช้ไม่สงวนสิทธิ์นะจ้า)~

     

    นอกเรื่องอีกละ มาต่อ

     หลังจากหลับๆตื่นๆ มาร่วมยี่สิบชั่วโมง (รวมเปลี่ยนเครื่อง)

    ในที่สุด ก็มาถึงแคนาดา ประเทศที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะมาใช้ชีวิตที่นี่

    (แต่ก่อนก็เหมือนเด็กมัธยมทั่วไปที่ฝันว่าจะไปแลกเปลี่ยนที่เมกา)

    ระหว่างที่นั่งแท็กซี่รวมกับเพื่อนอีกสองคน ก็ทอดสายตาไปยังวิวนอกหน้าต่าง

     

    อา~~~~ นี่มันที่ไหนนะ อิกลู ใบเมเปิ้ล อากาศหนาวเย็น มันอยู่ไหนนะ - -?”  

    เด็กนอกมือใหม่พยายามหาส่วนที่เรียกว่า แคนาดา ในมโนของนาง

     

    ทุ่งนาแดนนี้ไม่มีความหมาย เหลือเพียงกลิ่นโคนสาบควายยย~~~”

     

    ณ จุดๆนั้น มองไปทางไหนก็มีแต่หญ้าแห้ง

    นี่ถ้าเปลี่ยนแท็กซี่เป็นรถจิ๊บ มีสัตว์ป่ากระโจนออกมา ชั้นคงนึกว่าตัวเองเป็นนายพรานมาล่ากวางสินะ - -

     

    ขยายความนิดนึง เมืองที่เลือกมาอยู่ชื่อ Victoria ค่ะ

    ถ้านั่งเฟอร์รี่จากแวนคูเวอร์ก็ใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียว เป็นเมืองน่าอยู่

    สถาปัตยกรรมเป็นแบบอังกฤษ แต่เดิมมีคนอังกฤษอพยพมาอยู่เยอะ

    เลือกที่นี่เพราะได้ยินมาว่าเป็นเมืองปลอดภัย คนใจดี (แหงสิ มีแต่ฝรั่งเกษียณ) แล้วที่สำคัญ

     

    อากาศอบอุ่น!

     

     อันนี้สำคัญมาก มากกว่าวิชาการ555

    อาจเป็นเพราะว่าเป็นเกาะเล็กๆอยู่ใต้สุดของแคนาดาก็ว่าได้

    แต่ถึงจะหนาวน้อยกว่าส่วนอื่นในแคนาดา (เช่น Alberta ลบสามสิบองศาชนิดต้องต่อท่อระหว่างตึกเรียน)

    พอถึงหน้าหนาว หิมะก็ถมซะท่วมขาจนแทบออกจากหอไม่ได้เรยล่ะค่ะ

     

     

     หลังจากนายพรานนั่งแท็กซี่มาเรื่อยๆ เข้าเขตมหาลัยก็พอใจชื้นได้หน่อย

    เพราะจากหญ้าแห้งทุ่งสะวันน่า

     

    ก็กลายเป็น หญ้าเขียว

    .

    .

    .

    (คนอ่าน: มันใช่ประเด็นเรอะ!)

     

    credit: onedublin

    เดี๋ยวสิ~ คือด้วยความที่มหาลัยอยู่ใกล้ป่าไง

    จากแผนที่จะเห็นว่าส่วนในวงกลมคือพื้นที่มหาลัยใช่ป่ะ รอบๆมหาลัยมันก็จะมีป่าล้อมๆ

    เป็นเขตเขียวขจี อุดมสมบูรณ์ด้วยไม้นานาๆพรรณ

    และสัตว์ป่า….

    .

    .

    .

    (คนอ่าน: หลอกชั้นอีกละ - -*)

    จริงจริ้ง!!

    ถ้าทุกคนเสริช University of Victoria ก็จะเจอว่า

    นอกจากบรรดารูปตึกต่างๆในมหาลัยแล้ว

    รูปที่มีจำนวนพอๆกัน (หรืออาจจะมากกว่า)

    ก็คือ

     

     น้องกระต่าย

     

    credit: 3littlebirds

    กระต่ายที่
    uvic มีเยอะมากกกก นอนตามสวนในมหาลัยเสมือนเป็นอาณาจักรของมัน ส่วนเราเป็นแค่แขก - -

    ยิ่งหน้าหนาว หนีเข้าไปมุดในรูใต้ดิน ออกลูกออกหลาน เป็นกระต่ายน้อยน่ารัก >_<

    นอนกันเกลื่อนกลาดถึงขนาดวัยรุ่นบางคนหมั่นไส้ รอทีเผลอแล้ววิ่งเข้าไปกลางฝูงกระต่าย

    ให้มันตกใจตาลีตาเหลือกกระโดดหนีเล่น (เอ๊ะ พฤติกรรมคุ้นๆ)

    จนมหาลัยต้องรณรงค์ กระต่ายเป็นสัตว์ป่าสงวน ห้ามไปวิ่งไล่มันนะจ้ะ

    บ้างก็รณรงค์หาตังค์สมทบทุนทำนุบำรุงเผ่าพันธุ์กระต่าย ว่ากันไป

    บางทีเจอปัญหาร้ายๆ กลับมาหน้าหอ เห็นนางกระต่ายยืนสองขาอยู่รอรับ ก็หายเหนื่อยนะ

    (กระต่ายจริงๆต่ายยืนขออาหารต่างหากฮ่ะ - -)

    เอาเป็นว่า ถ้าปศุสัตว์มาล้างเผ่าพันธุ์น้องต่ายไปซักวัน uvic คงเงียบเหงาแย่


     credit: wikipedia

    อะ ลืมไปอีกละว่านิยายเราเป็นไดอารี่เรียนต่อนอกไมใช่ National geography

    หลังจากพี่แท็กปล่อยเราลงหน้าหอตามที่เอาที่อยู่ให้ดูแล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาจริงล่ะ

      


    ฟิ้วววว~~~~~~~~~”

    ใบไม้แห้งพัดผ่านเด็กไทยสามคนที่มองไปยังตึกใหญ่มหึมาที่อยู่เบื้องหน้าอย่างเลื่อนลอย



    อ่าเราต้องไปติดต่อหอตรงไหนนะ -o-?” บีหนึ่งหันไปถามบีสองและบีสาม

     

    สิ่งที่หลายๆคนอาจจะไม่ได้คิดก็คือ ออฟฟิสหอที่ต้องรายงานตัวอยู่ตรงไหน หลายคนๆว่า

    มันต้องอยู่ในหอสิ! มโนเสร็จสรรพ

    เช่นเดียวกัน กองทัพกล้วยหอมจอมซนเลยส่งแนวร่วมหนึ่งคนเข้าไป โดยที่อีกสองคนเฝ้ากระเป๋าใบมหึมา ที่มีมากกว่าจำนวนคนอยู่ข้างนอก

    ไม่นาน บีหนึ่งออกมาเรียกสหาย

    "แม่บ้านเค้าบอกว่าออฟฟิสอยู่ตึกนู้นนนนนนนน
    "

    กองทัพกล้วยหอมจอมซนก็เลยเคลื่อนตัวพร้อมกระเป๋ายักษ์ไปทิศทางที่ว่าอย่างทุลักทุเล

    พร้อมสาบแช่งคนคิดที่แยกออฟฟิสกับหอคนละที่กัน

    หลังจากรับกุญแจ ผ้าปู บัตรโรงอาหารของหอ (รูดปรื๊ดๆหักค่าอาหารจากบัตร)

    ก็ได้เข้าห้องตัวเองซะที



    โชคดีที่ได้หอที่เพิ่งสร้างใหม่ ห้องเลยสะอาดเอี่ยม

    ห้องที่เลือกเป็นห้องเดี่ยว เพราะกลัวมีปัญหาเรื่องรูมเมท ก็เลยเลือกอยู่คนเดียว

    มองออกนอกหน้าต่างไปก็เป็นวิวสวน สนามอาบแดดของบรรดากระต่ายพอดี

    หลังจากชื่นชมห้องแล้ว ก็จัดการลงข้าวของตัวเอง

    แล้วก็ล้มตัวนอนด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากเสร็จสิ้นการเดินทางยาวนานที่สุดในชีวิต..

    (To be continued)

     

     ************************************************

    พอนึกถึงหอที่แคนาดาแล้วก็อดเปรียบเทียบกับหอที่เกาหลีตอนนี้ไม่ได้เน้อ .

    แต่อย่างว่าอยู่กับรูมเมท ต่างชาติต่างวัฒนธรรม ก็ต้องปรับตัวเข้าหากันเนอะ~

    ช่วงนี้เมืองไทยฝนตกกันมั้ยน้อ~?  ที่เกาหลีกำลังตกจั๊กๆเลย

    สาวๆเลยใส่เรนบู้ทกันเกรียวกราว

    ไว้มาอัพใหม่นะ^^!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×