ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Diary: จุดเริ่มต้นของชีวิตเด็กอินเตอร์

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 5: หลากหลายความนึกคิดก่อนออกเดินทางครั้งสำคัญ

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ค. 56


     
    หลังจากที่เรียนไปได้หนึ่งปี ปีที่สองก็จะเริ่มเลือกประเทศที่จะไปแลกเปลี่ยนกัน

    สำหรับคนอื่นๆ อาจจะเลือกที่ชื่อเสียงของยูที่จะไป แต่สำหรับเรา
    เป้าหมายเราคือ "ฝึกภาษา" แล้วก็ใช้ชีวิตเมืองนอกให้เต็มที่
    เราเลยเลือก ไป แคนาดา  

    ถามว่า

    "ทำไมถึงไม่ไปเมกาล่ะ ?"

    จริงๆคือตอนนั้นเพื่อนอยากไปเมกากันเยอะ  และระบบมหาลัยคือใครเกรดดีกว่าได้เลือกก่อน
    (
    เกรดเราเป็นยังไงคงพอเดาได้ใช่มั้ยคะ - -)
    เลยเลือกแคนาดาที่คู่แข่งน้อยกว่าแทน บวกกับได้ยินมาว่าน่าอยู่มาก
    สำเนียง ก็ไม่เพี้ยน

    แม้ว่าจะหนาววววว >___< เหลือเกินก็เหอะ

     ********************************

    สามวันก่อนหน้าที่จะออกเดินทาง เชื่อๆว่าหลายๆคนก็คงมีเรื่องกังวลไม่แตกต่างกัน

    ไปถึงเราจะหลงทางมั้ยนะ? เรียนไหวมั้ย? จะอยู่ด้วยตัวเองได้รึเปล่า?

    คนที่มีแฟน ก็จะมีเรื่องให้ปวดหัวเพิ่มขึ้นอีกเรื่อง แฟนเราจะยังรอเราอยู่มั้ย เค้าจะไม่เปลี่ยนไปใช่มั้ย

    ทั้งๆที่ดีใจที่จะได้เดินตามความฝันอย่างที่ตั้งใจไว้จริงๆ แต่ก็อดกังวลไม่ได้สิน่า~

    งั้นเรามาดูแต่ล่ะข้อกันเลยดีกว่า ว่าจริงๆแล้ว มันเป็นอย่างที่คิดไว้กันรึเปล่า

     

    1. เรียนไหวมั้ย

     

    ท็อปฮิตคำถามในใจคงไม่พ้นข้อนี้

    เอาจริงๆแล้ว ตั้งแต่คลุกคลีกับเพื่อนที่ไปแลกเปลี่ยนมัธยม ไปแลกเปลี่ยนเองตอนมหาลัย
    จนถึงมาอีกทีตอนปอโทแล้ว ไม่เคยได้ยินใครที่ เรียนไม่ไหว

    เพียงแต่

    เรียนอย่างมีความสุขรึเปล่า

    หลายๆคนไปเรียนเพื่อให้ผ่านไปวันๆ

    ไม่คบใคร กลัวฝรั่ง กลัวคนเกาหลี

    จบคาบ กลับบ้าน เล่นอินเตอร์เน็ต ฝังอยู่ในเว็บเด็กดี ดูซีรีย์ฮอร์โมน (เอ๊ะ งานอดิเรกคุ้นๆ)

    หรือหลายๆคน ที่ไปเรียนดีกรี (ปอตรี ปอโท)

    เลือกเอกที่ตัวเองไม่ได้อยากเรียนจริงๆ

    แค่เลือกเพียงเพราะ

    อยากได้ทุน

    เลือกแค่เพราะ

    อยากไปอยู่เกาหลี

    บอกได้เลยว่า เรียนไปอย่างไม่มีความสุข

    เพราะฉะนั้น ก่อนมา อย่าตั้งคำถามแค่ว่าเรียนไหวมั้ย

    แต่ให้ถามว่า ทำยังไง หนึ่งปี สองปีที่จะถึง

    เราจะใช้เวลา เรียนรู้สิ่งๆนี้ อย่างมีความสุข และเกิดประโยชน์แก่ตัวเรามากที่สุด

     

    2. จะพูดภาษาอังกฤษได้มั้ย

     

    หลายๆคน (เหมือนคนเขียน) หวังว่าไปแลกเปลี่ยน แล้วจะเปลี่ยนชั้นให้ฟุดฟิดฟอไฟได้ภายในสิบเดือน

    อันที่จริงแล้ว มันอยู่ที่ตัวเราเอง

    ใครเป็นคนกล้าแสดงออก คบเพื่อนเยอะ ใช้ภาษาเยอะ ก็จะพัฒนาได้เร็ว

    ส่วนใคร หมกห้อง อ่านการ์ตูน ดูคุณชายย้อนหลัง ก็คงพัฒนาได้ช้าหน่อย

    ไม่ใช่ว่าแค่ไปอยู่ต่างประเทศสิบเดือนแล้วก็จะชุบตัวเป็นเด็กนอกได้ทุกคน

    ทีนี้ ก็จะเกิด คำถาม


    แล้วถ้าหนูไม่กล้าคบเพื่อนฝรั่ง หนูจะทำไงให้พูดอิงค์เก่งๆได้บ้างล่า?”


    จริงๆแล้วภาษาอยู่ที่ การฝึกฝน

    ไม่มีเพื่อนฝรั่ง เราไม่อินกับเค้า เที่ยวผับ แฮงค์เอาท์ Friday night ไม่เป็น

    คุยกะอิยุ่น อิเกา เพื่อนเอเชีย ที่เรียนด้วยกันไปก่อน

    ภาษาจะมั่วๆ ก็ไม่ต้องสนใจ เพราะประเด็นคือฝึกการแต่งประโยค คิดศัพท์

    ส่วนใหญ่เราพูดไม่ได้ เพราะเรานึกศัพท์ไม่ออก ทั้งๆที่เรามีศัพท์ในหัวที่ท่องมาตั้งแต่อนุบาลมากมายพออยู่แล้ว

    คุยกะมันไป เฮ้ย กินข้าวไหน เรียนไรต่อ

    ว่างๆ ชวนมันไปดูปลาแซลมอนว่ายน้ำ ลงเรือออกอ่าวชมปลาวาฬ ลากไปช็อปปิ้งวันหยุด

    จะได้ใช้ภาษาตลอดเวลา

    เปิดคอม เล่นเฟสเหงา คิดถึงเมืองไทยมากแค่ไหน ให้พิมพ์สเตตัสภาษาอังกฤษ

    เขียนไดอารี่เป็นอิงค์ให้ชิน คุยกับตัวเองเป็นอิงค์เนี่ยแหละ

     

    สุดท้าย ยิ่งใกล้วันกลับไทย ยิ่งกังวลภาษายังไม่ได้อย่างที่คิด

    กลับไปคนจะว่าเรามั้ย อินี่ ไปอยู่ตั้งนาน ภาษาได้นิดเดียว

    อยากบอกว่า ไม่ต้องกังวล ส่วนใหญ่ตัวเราคิดไปเองคนเดียวนั่นแหละ

    เคยมีคนพูดว่า 


    "ไม่มีใครสนใจเรื่องของเราได้เท่าครึ่งนึงของที่เราสนใจหรอก


    เรื่องแย่ๆของเรา ก็เป็นเพียงหนึ่งในหลายร้อยเรื่องที่เค้าได้ยินในแต่ละวัน

    แค่ผ่านมา แล้วก็จะผ่านไป

    ใช้ชีวิตต่างประเทศให้คุ้ม ทำใจให้สบาย ไม่ต้องสนว่าคนอื่นจะดีกว่าเรายังไง

    แค่เรารู้ว่า


    เราเดินมาไกลแค่ไหนแล้ว


    ก็พอ J

     

    3. เรื่องวุ่นๆ กับคุณแฟน

     

    เพิ่งดู VRZO ย้อนหลังเมื่อกี้



    คำถาม

     

    ถ้าแฟนไปต่างประเทศสามปี เราจะ


    รอ
    !


    หรือ


    ไม่รอ
    !

    อ่ะ ให้เวลานึกสามวินาทึ 
    .

    .
    .

    หมดเวลา!

    จริงๆประเด็นนี้  ม่ต้องถึงขนาดสามปี แค่ไปไม่กี่เดือนแต่ละคนก็ไม่ไหวแล้วจ้า

    บางคนเลือกที่จะตัดปัญหาซะ

    ".เลิกก่อนไปละกัน ขืนหนูรอแล้วมันมีกิ๊กเป็นฝรั่ง หนูไม่รอเงิบหรอเพ่"

    บางคนเชื่อในรักแท้อยู่เหนือกาลเวลา

    "เทอเป็นรักแท้ นานแค่ไหน ชั้นจะรออออ"
     
    (ว่าแล้วก็มโนถึงชายปวรรุจ)

    บางคนเชื่อพี่เบิร์ด
    อย่ายอมแพ้~~” แฟนยังไม่ทันไปเลย ให้หนูยอมแพ้ เลิกก่อนได้ไง ต้องรอดูก่อนซักตั้ง

    ส่วนตัวคนไปเอง ทั้งกลัวแฟนแอบมีกิ๊กที่เมืองไทย ทั้งไม่มั่นใจตัวเอง (อ่าว) ก็แหม ไปอยู่เมืองนอกตั้งนาน
    อะไรๆก็ใหม่ไปหมด ไม่แน่ใจว่าเราจะไม่เปลี่ยนไปเหมือนกันเนี่ยซิ

     

    เรื่องแบบนี้ก็มีหลายเคส

    ทั้งคนที่รอ รอแล้วประสบความสำเร็จก็มี

    แต่อย่างงี้ ก็ต้องลงทุน

    ต้องบอกว่าโทร หรือสไกป์ทุกวัน

    เล่าเรื่องราวแต่ละคนให้ฟังกันเอง แต่บอกเลยว่ายากกกกส์ เพราะ

    ยิ่งอยู่ไกลกันนาน แต่ละคนก็จะเริ่มไม่อินกับชีวิตของอีกคน

    แต่ก่อนอยู่รร เดียวกัน เมาท์ถึงคนนู้นคนนี้

    อาจารย์วิชานั้น บ่นการบ้านวิชานี้

    พอเริ่มไกลกัน

    ฮะ คนไหนนะ จำไม่ได้

    ไม่ก็ได้แต่ อือออ อ๋อหรอ อืมๆ - - ไปซะงั้น

     

    หลายๆคน หนูไม่อยากโทรหาแฟนบ่อยอะพี่

    นานๆมาอยู่นอกที อยากใช้ชีวิตให้เต็มที่

    ไม่อยากติดโทรศัพท์ ค่าโทรก็แพง

    อยากบอกว่า ถ้าแบบนี้


    โอกาสเลิกมีสูงงง

    (ประสบการณ์ตรง)


    ยิ่งทิ้งไว้นาน ยิ่งลืมเรื่องราวที่เมืองไทย

    บางคนบอกว่า อะไร เรียนด้วยกันตั้งหลายปี มันจะลืมได้ไง

    มันไม่เชิงลืมไปเลยหรอก แต่ออกแนว ลางๆ จำได้ว่าเคยทำยังงี้ เคยไปเดทที่นี่

    แต่ความรู้สึกในตอนนั้นจำไม่ได้

    สุดท้าย ความผูกพัน ความเข้าใจกัน ยังคงอยู่

    แต่อารมณ์ชอบแบบแฟน แบบคนรัก มันจางหายไป

    หลายๆคน เลยเลิกกัน ไม่ใช่เพราะมือที่สาม แต่แค่

     

    ไม่ได้ชอบแบบแฟนแล้ว

     

    แต่เป็นเหมือนคนรู้จัก จะให้กลับไปจูงมือกัน ก็ฝืนใจยังไงอยู่

    ส่วนบางคน อาจจะเจอคนที่อยู่ใกล้ตัวกว่า เรียนเหมือนกัน เจอคนเหมือนกัน คุยแล้วอินกว่า

    เข้าใจเรากว่า ก็จะทำให้เรารู้สึกชอบโดยปริยาย

    อันนี้ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่ไทย หรือก็คนที่อยู่นอก ก็อาจจะอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน

    สิ่งที่อยากแนะนำคือ

    ให้หันหน้าคุยกัน

    แค่ตอนเราเริ่มรู้สึกเปลี่ยนไป หรือเจอคนใหม่

    ให้รีบบอกเค้า อย่าเก็บไว้ บอกว่าไม่มีกิ๊ก แต่จริงๆคบอีกคน

    หรือทำเหมือนเป็นแฟนกัน แต่จริงๆไม่ได้ชอบแล้ว

    รัก เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เราไม่สามารถห้ามหัวใจตัวเองได้

    ไม่มีใครผิด

    แต่อย่างน้อย แคร์ความรู้สึกอีกฝ่ายซักนิด บอกเค้า ดีกว่าให้เค้ารู้จากคนอื่นทีหลังนะจ้ะ J

    **************************************

     

    ว่าจะคุยถึงการเตรียมตัวก่อนไปแลกเปลี่ยน กลายเป็นการเตรียมใจซะงั้น55

    แต่ไม่อยากให้ทุกคนกลัวการไปเรียนต่อต่างประเทศกันนะ

    ความเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่แน่นอน ในชีวิตของแต่ละคน

    การไปแลกเปลี่ยน เป็นแค่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครั้งแรกในชีวิตเราเท่านั้นเอง :)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×