คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3: และแล้ว วันสัมภาษณ์และประกาศผลก็มาถึง
พอมาถึงวันขึ้นเขียง ก่อนที่จะสัมภาษณ์ เค้าจะให้เขียนเรียงความก่อน
หัวข้อ
”ถ้าจะซื้อรถ จะซื้อรถอะไร เพราะอะไร”
ในใจ ฮิฮิ ง่ายจุง นึกว่าจะยากกว่านั้นซะอีก เขียนไปเรยค่ะ อยากได้รถแวน (ศัพท์ตอนนั้น Limited มาก นึกศัพท์ประเภทรถอื่นๆไม่ออก รู้จักแต่ car, van จะ truck ก็ดูโคบาลไป จะสปอร์ตก็ไม่มีตังค์ - -)
เหตุผลดูดีมีระดับ เพราะที่บ้านมีเจ็ดคน รวมอากงอาม่า จะได้ไปกินข้าวพร้อมแน่ แฮ่!
ระหว่างเขียนนึกไม่ค่อยออก ก็คนไม่ค่อยได้เขียนเป็นภาษาอังกฤษนี่หว่า
แอบเหลือบมองเด็กรร.อินเตอร์ที่นั่งข้างๆ
“แหม เขียนซะเร็วเรยนะยะ ชั้นยังเขียนไปได้ครึ่งหน้า ชิส์ - -“
นินทาตามประสาเด็กไทยใจอกุศล
“อายุแค่นี้แล้วยังแต่งหน้า เขียนคิ้วละ ชั้นยังอยู่กับแป้งบิโอเรอัดแข็งกับลิปกลอสอยู่เรย”
(ก็เทอมัวแต่ยังเนิร์ดอยู่ไงล่ะจ๊ะ-___-)
พอเขียนเสร็จก็นั่งรอไป เค้าจะมาเรียกไปสัมภาษณ์เป็นคนๆ
ด้านหน้าห้องก็เริ่มมีเด็ก AFS จับกลุ่มกัน
“อ๋อๆ เทอไปประเทศนี้มาหรอ เห้ย เหมือนกันเรย” เจ๊าะแจ๊ะๆ
ช้ะ มากระแทกปมชั้นอีกละ - ___- ความรู้สึกเสียดายเมื่อครั้งที่สละสิทธิ์ไปแลกเปลี่ยนยังคงหลอกหลอน
นอกจากกลุ่มเด็กแลกเปลี่ยนหน้าห้องก็ยังได้ยินเสียงแว่วมาจากข้างๆ
“นี่ๆ ถ้าชั้นติดนะ แม่ชั้นอยากให้ไปยูนี้ล่ะ @#$#$ แล้วก็มาเป็นออดิทที่บริษัทแม่ เริ่ดนะ#$#$”
ชีวิตเธอดูดีนะ - - คงวางแผนไว้ดี ส่วนชั้น ตอนนี้ ขอติดที่ไหนสักที่ก็พอเหอะ - -
(รู้ทีหลังว่าคนนั้นติดสำรอง ส่วนเราติดตัวจริง แฮ่~)
.
ไม่นาน ก็ถูกเรียกไปห้องสัมภาษณ์
ห้องดูกว้างมากๆเลย มีอาจารย์รออยู่สามคน ไทยสอง ฝรั่งหนึ่ง
ทุกคนดูดี สมกับเป็นอาจารย์ด้านธุรกิจ
อาจารย์ก็ให้แนะนำตัว
ก็แนะนำไปเป็นภาษาอังกฤษขลุกขลัก ชั้นชื่อนางสาว ก. มีพี่น้อง 3 ค. จบรร. ก. อยากเข้ามหาลัย จ. o-
บลาๆ ตามประสาวิธีแนะนำตัวแบบต้นตำรับ (และน่าเบื่อ)
อาจารย์ถามมาเรื่อยๆ ตอบแป้กๆไปบ้าง จารย์คิ้วขมวดบ้าง จนมาถึง
“อยากเข้า business มี business woman คนไหนที่ชอบมั้ย”
ทึงงง จารย์ หนูเตรียมคำตอบแค่นักธุรกิจมา ทำไม่ต้องเป็นวูแมนด้วยอ้ะ T^T
ครั้นจะตอบว่า “จารย์คะ เปลี่ยนจาก woman เป็น man ได้มั้ย” ก็ใช่เรื่อง เอาไงดีวะ ไม่เคยอ่านข่าวธุรกิจ
ไม่รู้จักซะคน อ๋อๆ เอาคนนั้นละกัน
“ชื่อนี้ๆ อะค่ะ สองสาวนักธุรกิจที่สร้างพารากอน” เราตอบ
“แล้วทำไมเธอถึง admire สองคนนั้นล่ะ “ จารย์ถามต่อ
เอ่อ เอาไงดีวะ ไม่รู้ลึกซะด้วย
“เอ๋อ พารากอนดูยิ่งใหญ่ดีค่ะ มีร้านสิ่งสะดวกเยอะ มีแคลิฟอร์เนียฟิตเนสด้วย พ่อหนูสมัครอยู่”
ชิ้ง~~~~~~ เงิบไปเรยค่ะ อาจารย์ดูช็อคกับเหตุผลของว่าที่นักธุรกิจในอนาคต ด้วยความตื่นเต้น บวกกับภาษาอังกฤษพาไป หนูไม่ได้ตั้งใจง่า
“เอ่อ.. แล้วหนูอยากเข้าเมเจอร์อะไรล่ะ” อาจารย์ฝรั่งถาม
“อยากเข้า marketing ค่ะ” อาจารย์ฝรั่งดูยิ้มๆ เรียกเอาเราใจชื้นขึ้นมา โดยไม่รู้เรยว่า
อาจารย์สอนอยู่เอกนี้ และเราจะต้องเรียนกับอาจารย์คนนี้ในอนาคต!
สุดท้าย หลังจากเศษหน้ากระจุยกระจายพอควร อาจารย์ก็ได้เปิดโอกาสว่าเราอยากจะพูดอะไร ก่อนจบการสัมภาษณ์(อันโปกฮา)นี้มั้ย
เอาไงดีฟระ ต้องพูดอะไรเนี่ย ตอนนั้นไม่รู้จริงๆว่าควรถามเกี่ยวกับคณะ เพื่อแสดงความสนใจในแขนงที่จะเรียน
ตอบไปเกี่ยวกับตัวเองค่ะ
“เอ๋อ หนูคิดว่า จุดมุ่งหมายบั้นปลายชิวิต หนูอยากมีตังค์เยอะๆ
จะได้เที่ยวรอบโลกแบบอาม่าค่ะ”
O_O อาจารย์สามคนจ้องมาตาแป๋ว ค้าง
1
2
3
“ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
.
.
.
“เป็นไงมั่งลูก สัมภาษณ์โอเคมั้ย “ แม่ถามเมื่อกลับลงมาที่โรงอาหาร
ส่วนเราไม่พูดไม่จากินข้าวมันไก่ประหนึ่งเป็นจานสุดท้ายที่จะได้กินที่มธ.
“คงตกอะม้า รอลุ้นห้าปีละกันเนอะ” คิดว่าคงต้องเตรียมแอดมิดชั่นแล้วล่ะหมดหวังกะอินเตอร์ละ
ก็เล่นตลกไปซะขนาดนั้น
ก่อนออกมาแวะซื้อชอคโกบอล ร้านแอ๊วท่าพระจันทร์ ปลอบใจตัวเอง
ความหวังที่จะได้เข้ามหาลัยเดียวกับแม่ก็ริบหรี่ลง
พอกลับมารร.
“แกๆ ไปสอบมาใช่ป่ะ แกตอบเรียงความว่ายังไงอะ ไอ่รถอะ”
“รถ van บ้านมีหลายคน ทำไมหรอ” เพื่อนตาค้าง O_O
“คนอื่นเค้าตอบ รถประหยัดน้ำมันกัน ลดค่าใช้จ่าย แล้วช่วยโลกร้อน” เพื่อนมีน้ำเสียง เห็นใจเราสุดฤทธิ์ จริงสินะ อย่างงี้ใช่มั้ย ถึงเป็นว่าที่เด็กบัญชีตัวจริง T_T
หลังจากนั้นก็เรียนไป เตรียมอ่านแอดมิชชั่นไป
จนมาถึงหนึ่งวันก่อนวันประกาศผล
ยังจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันตรุษจีน
แม้จะปลอบใจตัวเองไว้เนิ่นๆแล้วว่า เราคงไม่ติด
แต่ตามประสาเด็กเอนท์ ทุกคน ก็อดจะลุ้นนิดๆไม่ได้
หลังจากรีเฟรชหน้าจอคณะครั้งแล้วครั้งเล่า บร้ะ คงประกาศพรุ่งนี้มั้ง
พ่อแม่บอกให้ทำใจสบายๆ ไปไหว้พระด้วยกันดีกว่า
ก็เรยไปไหว้หมด เยาวราช เจ้าพ่อเสือ
จำไม่ได้ว่าขออะไร แต่คงขอให้ติดที่ๆหวังไว้
หลังจากขลังควันธูปพอควร ก็กลับมาเปิดเว็บคณะตามปกติ (เปิดจนเป็นงานอดิเรกไปแล้ว)
ทันใดนั้น สายตาก็สะดุดกับตัวอักษรแดงพรืด หนึ่งข้อความ
“เชี่ย ประกาศแล้ว” มือไม้สั่น
คลิก เข้าไปเลื่อนๆลงมา
Miss sdasdfasdf 4850203
เห้ย ติดแล้วววววววววววววววววววววว
ภาพที่ทุกคนคิดไว้เวลาเอนท์ติด คือตะโกนร้องลั่นบ้าน แต่สำหรับเราตอนนั้น
เงียบ---- คือช็อค อึ้งไปแล้ว งง ก่อนจะค่อยๆหันไปหาป๊าม๊าที่เมาท์อยู่บนโต๊ะอาหารห่างไปหนึ่งเมตร
“ป๊าม๊า พิชติด BBA แล้ว”
ป๊าม๊า หันมามอง ค้างไปหนึ่งวิ พอเรากระพริบตาอีกที ทั้งสองคนก็มาอยู่หน้ามอนิเตอร์แล้ว
“ไหนๆ เลื่อนๆขึ้นๆ “ (ภาษาเราคือ เลื่อนลง แต่สำหรับยุคป๊าม๊าคือ เลื่อนขึ้น เลื่อนตัวอักษรขึ้น - -)
เห้ยๆ จริงด้วย เย่!!!!!!!!! ^O^”!!!!
ป๊าม๊ากระโดดร้องดีใจ ทันใดนั้น ป๊าก้อวิ่งไปคว้าหูโทรศัพท์ บอกข่าวอากง อากงก็คงไปบอกสมาคมแซ่เบ๊ อาม่าคงไปป่าวประกาศทั่วตลาดนางเลิ้ง อาม๊าคงไปบอกอาม่า(ฝ่ายแม่) อาม่าบอกอาอี๊ อาโซ้วโกว อากิมง้วน$%$%
ส่วนเรา คืนนั้นก็เป็นคืนแรก ในรอบหลายๆเดือน ที่ได้นอนหลับแบบสบายใจ โล่งใจ แล้วก็ภูมิใจ ที่หลังจากเหน็ดเหนื่อยมานาน ก็ได้บรรลุเป้าหมายที่หวังไว้ซักทีค่ะ
ตีสามคืนนั้น ประกาศผลบริหาร 5 ปีพอดี เพื่อนโทรมาบอกว่าติดนะ ดีใจเหมือนกันค่ะ แต่ว่าตัดสินใจแล้ว
ว่าจะมาทางนี้ ก็คงมุ่งมั่นพัฒนาภาษาอังกฤษ แล้วก็เป็นนักธุรกิจ ไปต่างประเทศให้ได้
ถ้าตอนนี้ ใครกำลังท้ออยู่ ให้นึกภาพวันที่ประกาศผล แล้วรู้ว่าเราติดดูนะคะ นึกว่าเราจะดีใจแค่ไหน
พ่อแม่เราจะดีใจแค่ไหน
อดทนอีกนิดเดียวเท่านั้นล่ะค่ะ ไฟต์ติ้งงง~~!!
p.s จนถึงทุกวันนี้ คิดว่าคะแนนสมาร์ทคงดีมากๆ เพราะคะแนนสัมภาษณ์เต็มสิบคงได้ไม่ถึงห้า -__-
แต่พรหมลิขิตคงมีจริง
ความคิดเห็น