ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Diary: จุดเริ่มต้นของชีวิตเด็กอินเตอร์

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2: ชั้นจะเข้าอินเตอร์ให้ด้ายยย: เป้าหมายที่สองกับ inter มธ.

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ค. 56



    จนกระทั่งวันนึงพ่อกลับมาบ้าน เล่าให้ฟังว่า
    เนี่ย ลูกชายเพื่อนพ่อเรียนวิศวะ โครงการไรไม่รู้ (รู้ทีหลังว่าเป็น TEP)

    เรียนสองปีที่ไทย สองปีที่เมืองนอกด้วยนะ

    เท่านั้นล่ะค่ะ จุดประกายขึ้นมาทันที ชั้นจะต้องเข้าอันนี้ให้ได้
    ทั้งๆที่ก็ยังไม่รู้ว่าคณะบัญชีที่ตัวเองอยากเข้ามีอย่างนี้รึเปล่า -_-"


    คิดแล้วก็เปิดคอมปุ๊บเสริช์ปั็บ ก็เจอโครงการ BBA ของจุฬาแล้วก็มธ
    ถึงจะไม่ได้ไปอยู่สองปีแบบ TEP แต่ก็ยังมีโอกาสได้ไปแลกเปลี่ยนที่มหาลัยต่างประเทศ
    แถมตอนอยู่ไทยก็ได้เรียนเป็นอินเตอร์ซะด้วย
    แต่แหม~~ เข้ายากไม่ใช่เล่นนะเนี่ย -_-^" ต้องสอบ SAT กับ SMART ด้วย
    แต่เอาฟระ ทีนี้มีเป้าหมายแล้วก็ถึงเวลาพุ่งชนจ้าาา~~~~~~!!

    ย้อนความไปตอนนั้นคนเขียนอยู่ศิลป์ คำนวณ เพราะอยากเข้าบริหารตั้งแต่ตอนมอสามแล้ว 
    ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าเรียนอะไร รู้แค่ อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง อยากเปิดร้านกาแฟ ร้านดอกไม้ ร้านหนังสือ
    ร่วมกับน้องสาวผู้ร่วมอุดมการณ์ (คือจริงๆถ้าจะทำแค่นั้นจบอะไรก็ทำได้นะเจ๊ -__-)
    คือสมัยก่อนไม่มีข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเยอะอย่างตอนนี้จริงๆค่ะ ทุกอย่างพึ่งอยู่กะครูแนะแนว
    ตอนนั้นที่ได้ทำแบบสอบถามในคาบแนะแนวได้คณะบริหาร
    เรยฝังใจว่า


    "ชั้นต้องเข้าบริหาร"
    (ลอจิกอะไรของมัน น้องๆอย่าเอาเป็นตัวอย่าง)
    หลังจากนั้นก็เลยฟิตเลขกับอังกฤษตั้งแต่มอสี่ ตะลุยเรียนกวดวิชาไปหมด
    ที่เค้าว่าดี ทั้งเดอะเบรน อาจารย์อรรณพ
    ส่วนอังกฤษเรียนกับครูสมศรีที่เดียวเลยค่ะ เพราะพี่ชายบอกว่าดี เลยเรียนตามพี่จนจบคอร์สสำหรับเข้าโครงการอินเตอร์
    คอร์สแรกๆ 1,2 ยังโอเค พอไปไหว แต่พอคอร์ส 3 นี่ไม่ไหวจริงๆ
    ศัพท์ไรฟระ เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอ เรียนไปอย่างมึนๆค่ะ


    แล้วก็สอบสมาร์ท
    ตอนนั้นเป็นรุ่นแรกพอดี ไม่มีใครรู้เลยว่าข้อสอบมันจะเป็นยังไง แต่เราเตรียมพร้อมก่อน
    คิดว่ามันน่าจะเหมือนข้อสอบตรงของคณะเมื่อปีก่อนๆ เลยฝึกทำแบบฝึกหัดมาอย่างดี
    สอบครั้งแรกเลยได้คะแนนนำคนอื่นไปเยอะเลยค่ะ แต่พอสอบรอบสอง คนอื่นเค้าเริ่มรู้แนวกัน
    เราเลยตกลงมา ทึงงง 


    เลยอยากให้ทุกๆคน โดยเฉพาะคนที่เรียนกลางๆแบบเรา เตรียมไว้ล่วงหน้าคนอื่น ที่เก่งกว่า
    จะทำให้เรามีโอกาสขึ้นนะคะ
    ถ้าตอนนั้นไม่ได้เก็งข้อสอบไป คงไม่ได้คะแนนดีขนาดนี้ เพราะคะแนนรอบสองถ้ายื่นนี่คงไม่ติดจริงๆค่ะ -___-" 
    พรหมลิขิตล้วนๆที่ทำให้ติดจริงๆ
    นอกจากสมาร์ทแล้วก็ไปสอบ SAT ไว้กันเหนียว ค่าสอบแพงจนน้ำตาร่วง
    ซื้อหนังสือมาหัดทำทั้งเลขทั้งอังกฤษ
    พอถึงวันไปสอบ หูวว เด็กอินเตอร์มากันเยอะเลย พูดอังกฤษกันไฟแลบ
    ข่มเด็กไทยน้อยๆอย่างเราตัวลีบไปเลย T_T
    เจอเพื่อนจากรร.เดียวกัน มาอีกหนึ่งคน

    ใส่ชุดนักเรียนมา - -!

     รู้เรยว่ามาจากรรไทย55 (ถ้าไปสอบให้ใส่ชุดลำลองไปนะจ้ะ)
    แถมตอนเข้าห้องสอบเค้าให้ใช้พาสปอร์ตอีกตังหาก เราไม่มี เพราะ


    ไม่เคยไปเมืองนอกเลยตอนนั้น
    (บอกแล้วว่าเด็กไทยแท้)


    กรรมการเลยอนุญาตบอกว่าครั้งนี้ให้เท่านั้นนะ ครั้งหน้าไม่ได้แล้ว (ไม่มีครั้งหน้าแล้วจ้า ถ้าไม่ได้ก็ไม่ติดแล่วว T^T)
    พอคะแนนออกมา ก็อย่างที่คิดไว้อะค่ะ - - คิดไว้ว่าตก

    โหยย ก็ตอนนั้นภาษาอังกฤษยังงงๆ ให้ไปสอบแคลคูลัส จึก! ตรีโกณ จึก!
    แล้วยังสอบ verbal เป็นภาษาอังกฤษแบบเด็กอินเตอร์เค้าทำกัน จะไปไหวได้ไงละก๊าบบ แถมกาผิดหักคะแนนอีก
    สรุปพาร์ทเลขผ่านอังกฤษไม่ผ่าน
    คณะบอกยื่นไม่ได้ มัน..
    "ต่ำกว่าเกณฑ์"


    จึกจึก!! แร๊งอะ T^T
    เสียตังค์ฟรี สุดท้ายเลยยื่นไปแต่คะแนนสมาร์ท
    กับเกรดเฉลี่ยที่ได้แค่สามต้นๆ ที่มธ ส่วนจุฬาไม่ได้ยื่น เพราะ ไม่ผ่าน CU-TEP  T_____T
    แม้จะถูกทำร้ายมามาก
    (ไม่มีใครทำร้ายเทอทั้งนั้นแหละ เรียนห่วยเอง - -)
    แต่สุดท้ายก็ได้เข้าไปรอบสัมภาษณ์ค่า

    เอาล่ะฟระ สัมภาษณ์เป็นอังกฤษครั้งแรกจะเป็นยังไงน้า เค้าจะถามไรเรามั่งเนี่ย
    ถ้าตอบไม่ได้จะทำไงเนี่ย ว่าแล้วก็เครียดๆจนมาถึงวันขึ้นเขียง..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×