คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ : ปฐมบท
บทนำ : ปฐมบท
“แฮ่ก แฮ่ก”
เสียงหายใจกระหืดหระหอบดังอย่างชัดเจน จนกลบเสียงฝีเท้าอันแผ่วเบาแต่รวดเร็ว ที่เหยียบย้ำลงบนพื้นหญ้าแห้งๆ เงาของใครบางคนภายในป่าสนอันมืดมิดที่มีเพียงแสงเลือนรางจากดวงจันทร์ กำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเกินมนุษย์ มีอีกเงาหนึ่งที่โผล่ออกวิ่งระนาบข้างมาติดๆ ลักษณะเหมือนกับอุ้มอะไรบางอย่างไว้
“เราหนีกันมาไกลแค่ไหนแล้ว”
สองสามีภรรยาหยุดพักอยู่ข้างต้นไม้ อุ้มลูกน้อยทารกที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าหนาสีขาวไว้ในอ้อมอก
“เราต้องรีบหนีกันแล้ว พวกมันเข้ามาใกล้ทุกที”
ฝ่ายสามีตอบ เขาเอามือประคองภรรยาขึ้นและพาเธอวิ่งต่อ
ทั้งสองเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นไปอีก ขณะที่ใครบางคนตามพวกเขามาติดๆ ความเร็วของฝีเท้าของมันนั้น ราวกับหมาป่าที่กำลังโหยหาเหยื่ออย่างกระหาย
“เราจะออกจากที่นี่แล้ว อีกไม่ไกล”
แสงจากดวงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาที่ปากทางออกของป่าสน เห็นเป็นทุ่งกว้างด้านหน้า เพียงแค่พวกเขาออกจากป่าสนนี้ เพียงอึดใจเดียวเท่านั้น
ทันใดนั้นเอง พวกเขาวิ่งออกมาจากป่าสน สู่ทุ่งหญ้ากว้างเขียวที่ถูกสาดส่องด้วยแสงเหลืองอร่าม ดวงจันทร์ดวงใหญ่ลอยตระหง่านอยู่บนท้องฟ้า หมอกเมฆเพียงเล็กน้อยที่บดบังมัน ด้านหน้าผ่านทุ่งหญ้านี้ไปเพียงไม่ไกล เป็นหุบเหวที่มีสะพานไม้แขวนไว้ให้ข้ามผ่าน เพื่อไปยังอีกฝั่งให้เห็นเป็นลางๆ
“ อีกไม่ไกลเราก็จะถึงสะพานแล้ว พวกเขาต้องมาช่วยเรา”
ผู้เป็นสามีกล่าว ทั้งสองชะลอความเร็วลงเพื่อพักความล้าของร่างกาย
“ข้าอ่อนล้าเต็มที ไม่ไหวแล้ว“
ภรรยาของเขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วนั่งคุกเข่าลงไปพักกับพื้นหญ้า มือข้างหนึ่งของเธอยันพื้นเอาไว้ให้พอพยุงตัวได้ ส่วนอีกข้างอุ้มลูกเอาไว้
“เราต้องรีบไปกันแล้วนะ“ เขาโน้มตัวลง พยุงภรรยาของเขาด้วยมือทั้งสองข้างอย่างอ่อนโยน
เสียงหัวเราะชั่วร้ายดังขึ้น กึงก้องจากด้านในของป่า เสียงสะท้อนตามออกมาเป็นจังหวะ
“จะรีบไปไหนกัน คู่รักบันลือโลก“
ชายหนุ่มผู้หนึ่งก้าวออกมาจากป่าสนอย่างช้า ๆ แสงจากพระจันทร์ค่อยๆกระทบผมรองเท้าหนังของเขา ไล่เลี่ยขึ้นมาเผยให้เห็นนัยน์ตาสีแดงเข้ม ผมสีเทาที่ดูเป็นเอกลักษณ์ และผ้าพันคอขนสัตว์ที่เหมือนจะเป็นหางของหมาป่า
ผู้เป็นสามีหันหน้าไปมองต้นตอของเสียง มันแสยะยิ้มให้พร้อมกับใบหน้ากวนๆของมัน ราวกับคนสติไม่ดีที่เพิ่งหลุดออกมาจากโรงพยาบาล
“แกนี่มัน ตื้อไม่เลิกเป็นหมาเลยนะ”
“เรื่องฉันจะหมา ฉันไม่เคยเถียงใครอยู่แล้ว ก็นั่นมันฉายาฉันนี่นา”
มันควักมีดออกมาจากข้างหลัง ใช้เท้าซ้ายเป็นแรงส่งพุ่งเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว ร่างกายของมันเสียดสีกับอากาศจนเกิดเป็นเสียงฟู่ มันเอี้ยวตัวไปด้านซ้าย ใช้มือขวาที่กำมีดไว้อย่างถนัดมือแหวกอากาศออกไปราวกับลูกดอกที่ออกจากหัวหน้าไม้ เล็งปลายมีดไปที่ขั้วหัวใจของเขา
ฉึบ!
เฉียดฉิว เขาหลบได้อย่างหวุดหวิด แต่แขนเสื้อด้านซ้ายของขาดหลุดลุ่ย เลือดจากปากแผลค่อยๆไหลลงจากมือไปยังปลายนิ้วและหยดลงพื้นจากปลายนิ้วในที่สุด ถ้าแขนเสื้อนั่นเป็นขั้วหัวใจ เขาคงล้มตัวลงขาดใจตายเสียแล้ว
ภรรยาที่จับจ้องการจู่โจมของชายผมเทากับสามีของเธออย่างไม่คลาดสายตา เธอค่อยๆถอยออกจากบริเวณนั้นอย่างช้าๆ ส่วนผู้เป็นสามี แม้ตนจะบาดเจ็บ ก็เตรียมรับมือกับการโจมตีในระลอกต่อไปอย่างเข็มแข็ง แต่ชายผมเทากลับหยุดการจู่โจมลงอย่างกะทันหัน
“ เลือดแวนดาเรล “ น้ำเสียงแหบและแผ่วเบาที่ออกมาพร้อมลมหายใจ
ชายผมเทาจ้องมองเลือดที่อาบบนมีดของเขา พลิกกลับสลับไปมา ราวกับมันเป็นของแปลกตา ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ลิ้นยาวๆอันน่าเกลียดกวาดบริเวณรอบปากไปมา จากนั้นเขาก็ยกมีดเข้ามาใกล้ริมฝีปาก แสยะยิ้มเล็กๆก่อนที่จะใช้ลิ้นออกมาลิ้มรสของเลือด ปลายลิ้นแตะลงที่ดาบอย่างประณีต
“ แค่นิดเดียว“ เขาสูดกลิ่นของเลือดเข้าไปเต็มปอด “ข้าก็รู้สึกได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่สมคำร่ำลือ“
“ จะเป็นยังไงนะ ถ้าข้าได้ลิ้มรสเลือดทั้งตัวของเจ้า”
เขาเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พลางยกมีดที่มีคราบเลือดขึ้น เลียไปเลียมา สองสามีภรรยาก้าวถอยห่าง
“เราต้องไปที่สะพานให้เร็วที่สุดแล้ว” ผู้เป็นสามีกระซิบ ภรรยาของเขาค่อยก้าวถอยหลังช้าๆ โดยที่แขนทั้งสองโอบอุ้มลูกไว้แน่น
“ พวกเจ้าไปไหนไม่รอดอีกแล้ว” ชายผมเทาเดินเข้ามาอย่างช้า “ตายซะ!”
สิ้นประโยค มันก็พุ่งตัวเข้ามาอีกครั้ง
“วิ่งเร็ว!” ผู้เป็นสามีตะโกนสุดเสียง
ภรรยาของเขาเร่งฝีเท้าอย่างสุดกำลังไปทางสะพาน
เสียงกรีดร้องดังขึ้น แน่นอนจากภรรยาของเขาเป็นแน่ เขาหันกลับไปดูทางภรรยา ปรากฏเป็นคนที่ไม่เหมือนคน ดูเหมือนว่าจะเป็นพวกอมมนุษย์ ไม่ใส่เสื้อผ้าและมีแขนยาวกว่าขา ลิ้นที่เต็มไปด้วยคราบน้ำลายเหนียวยาวห้อย ผิวหนังหยาบกร้านเทา ฟันและเล็บแหลมยาว พวกมันต่างก็มีดวงตาสีแดงสะท้อนแสงและจมูกยื่นออกคล้ายหมาป่า
“เอาเลือดพวกเจ้ามาซะ เจ้าพวกแวนดาเรล!”
ชายผมเทาตะโกนก้อง และชะงักอยู่ตรงหน้าเขา ยกมีดขึ้นเหนือหัวขยับมีดให้เข้าที่ พอดีกับมือ แล้วฟาดมันลงตรงไหล่ขวาของเขา แต่ผู้เป็นสามีไหวตัวทัน พลิกตัวหลบได้อย่างหวุดหวิด เขาใช้จังหวะพลาดท่า จับแขนของชายผมเทาดึงเข้ามาหาตัว และปล่อยหมัดขวาออกไปเต็มแรง โดนเข้าที่ท้อง ชายผมเทากระเด็นออกไปด้วยแรงของหมัดอันหนักหน่วง ล้มตัวลงเข่าชันกับพื้น เลือดออกปาก
ส่วนพวกที่เฝ้าหน้าสะพานที่ดูเหมือนจะเป็นสมุนของชายผมเทา ก็วิ่งเข้ามาทางด้านของภรรยา เธอวิ่งหนีมาทางสามีของเธอ กรีดร้องขอความช่วยเหลือ
ใบหน้าของผู้เป็นสามีเริ่มวิตก คิ้วขมวดเข้าหากัน อยู่ในความตึงเครียด
“เรียกเขาออกมารับลูกซะ เราคงไม่มีทางเลือกแล้ว คงต้านพวกมันไว้ได้อีกไม่นาน” เขากล่าว
ภรรยาของเขาหนีเข้ามาหลบข้างหลัง เธอควักนกหวีดลักษณะเป็นเเท่งไม้ยาวจากกระเป๋าอย่างลุกลี่ลุกลน แล้วเป่ามันอย่างสุดลมหายใจ เสียงนกหวีดดังก้อง
สมุนทั้ง 5 กรูกันเข้ามาหาฝ่ายสามีภรรยาอย่างเพรี้ยงพร้อม ท่าวิ่งของมันราวคล่องแคล่วราวกับหมาป่า ลิ้นที่ชุ่มด้วยคราบน้ำลายสะบัดไปมา แยกเขี้ยวขาวขู่ ฝ่ายสามีใช้ตนเองปกป้องภรรยาของตนจากอันตรายรอบทิศ
ตัวแรกที่เข้ามา มันใช้เล็บแหลมของมัน ยกขึ้นและข่วนเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่ผู้เป็นสามีหลบได้อย่างง่ายดาย เขาเอนตัวไปด้านซ้ายขณะที่หมัดของทิ่มเข้ามาที่ด้านไหล่ขวา เขาใช้มือขวายกขึ้นจ้วงเข้าที่คอของมัน และยกมันขึ้นเหนือหัว จ้องมองดวงตาสีแดงวาววับของมัน ก่อนที่ตาของเขาเองจะเปลี่ยนสี จากเขียวมรกตเป็นเขียวเข้มขึ้น ม่านตาดำหรี่เล็กลง สมุน 4 ตัวที่ทำท่าจะเข้าโจมตีกลับหยุดชะงัก และก้าวถอยกันคนละก้าวสองก้าว บางทีมันอาจจะรับรู้ได้ถึงพลัง
“อ...ย่...า อ...ย่...า อ...ย่...า...ทำ...ข้า” เสียงขอร้องอยากตะกุกตะกัก เสียงที่พยายามเปล่งออกมาอย่างสุดชีวิต เสียงที่เปี่ยมไปด้วยความกลัว
“มัวทำอะไรกันอยู่เล่า!” ชายผมเทาบันดาลโทสะ ขณะที่เห็นท่าทีของลูกสมุนตนเปลี่ยนไป
“อ...ย่...า... อ๊ากกกกกกก” นิ้วทั้งห้าของเขา ค่อยๆบีบเข้าหากันโดยมีคอของเจ้าอมนุษย์ตาแดงอยู่กึ่งกลาง เขาบีบมันราวกับว่าเป็นเพียงท่อนไม้พุๆ ที่ออกแรงเพียงเล็กน้อยก็แตกสลาย
หัวของเจ้าอมนุษย์หลุดจากบ่าดังแผละ หล่นลงพื้น เขาโยนส่วนตัวที่เหลือของมันออกไปด้านข้าง นัยน์ตาสีเขียวเข้มกวาดจ้องมองสมุนอีกสี่ตัว พวกมันได้เห็นถึงกับผงะ ถอยหลังกันคนละก้าวสองก้าว
“เจ้าพวกสวะ!” ชายผมเทาตะโกนด้วยความโกรธกริ้ว
“สู้มันซี่! ฆ่ามัน!”
พวกสมุนอีกสี่ตัวได้ยินดังนั้นจึงเกิดความฮึกเหิม โห่ร้องแยกเขี้ยวและวิ่งกรูกันเข้ามาหาผู้เป็นสามี
ทันใดนั้นเอง เสียงร้องแหล่มราวสัตว์ปีก ดังกึกก้องทั่วท้องฟ้า ทั้งสามีภรรยา ชายผมเทา หรือสมุนทั้งสี่ ต่างหยุดชะงักแหงนหน้ามองขึ้นไป นกขนาดใหญ่กำลังบินอยู่เหนือน่านฟ้า โฉบไปมาผ่านหมอกเมฆและแสงจันทร์
“เขามาแล้ว”
ผู้เป็นสามีหันไปบอกภรรยาของเขา เธอถอดสร้อยบางอย่างออกจากคอ สร้อยที่มีจี้เป็นเพชรเม็ดงามสีแดงคล้องคอทารกน้อยเอาไว้และยกตัวเด็กชูขึ้น เจ้าอินทรีตัวใหญ่บินถลาลมลงมาใช้เล็บของมันเกี่ยวเด็กทารกขึ้นมาอยู่ในอุ้งเล็บทั้งสี่ และพลิกตัวกลับบินขึ้นฟ้า
“จับเด็กทารกนั้นมา !” ชายผมเทาตะโกนด้วยใบหน้าโทสะ คิ้วขมวด
สมุนของเขาสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ เปลี่ยนเป้าหมายหันไปทางเจ้าอินทรี แต่เจ้านกใหญ่บินสูงขึ้นไปบนฟ้าเสียแล้ว พวกมันพยายามกระโดดคว้าด้วยความโง่เขลา
“พวกเจ้ามันไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ !” ชายผมเทาตะคอกเสียงดัง
“ข้าไม่ยอมให้ ทายาทคนสุดท้ายของตระกูลแวนดาเรล หลุดมือไม่หรอก!”
เขาปามีดที่อยู่ในมือออกไปทางเจ้าอินทรีอย่างสุดแรง ปลายมีดแหลมแหวกอากาศขึ้นฟ้าดังฟู่
ปลายมีดเฉียวเข้าที่แก้มของเจ้าอินทรี ดูเหมือนว่าจะโดนเข้าที่ตาเสียด้วย หยดเลือดสีแดงล่วงลงสู่พื้นเบื้องล่าง แม้มันจะถูกโจมตีจนเสียการทรงตัวเล็กน้อย แต่มันก็ยังบินต่อไปได้ดี มันกางปีกถลาลมไปตามทางและกระพืออย่างสุดแรงทะลุหมอกเมฆ
“ซักวันฉันจะตามล่าเจ้าทารกนั่น กินเลือดสดๆของมัน!”
ชายผมเทาตะโกนอย่างสุดเสียงด้วยความโกรธอย่างเดือดดาล ดังขนาดที่เจ้าอินทรีที่บินออกมาไกลแล้วยังได้ยินเสียงที่ดังก้องทั่วฟากฟ้าของเขา
ยิ่งบินมาไกลยิ่งมองไม่เห็นอะไร มีแต่เมฆครึ้มสีเทาที่ห้อมล้อมตัวเจ้าอินทรีเอาไว้ ไม่มีใครรู้ว่าสองสามีภรรยาคู่นั้นจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร นัยน์ตาของเจ้าอินทรีสั่นระริกดูเป็นกังวลอย่างบอกไม่ถูก เขาหอบเอาเจ้าทารกบินผ่านป่าที่เต็มไปด้วยหมอกหนาทึบ ผ่านแม่น้ำสีแดงอ่อนที่ไหลพาดผ่านขึ้นระหว่างป่าหมอกทึบกับหมู่บ้านร้าง ที่มีบ้านไม้เก่าผุโทรม ส่วนสิ่งก่อสร้างที่เห็นลางๆตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้า ก็คือคฤหาสน์ที่สร้างขึ้นจากโครงเหล็กสีเทาเข้มเงา มีปล่องไฟที่มีควันโขมง พุ่งโพยออกมาก โดมแหลมสูง หน้าต่างรูปทรงครึ่งวงรี ตัวคฤหาสน์สีขาว รอยเปรอะเปื้อนของตะไคร้น้ำหรือรอยไหม้ดำต่างๆมีอย่างประปราย เจ้าอินทรีกางปีกถลามาตรงบริเวณระเบียงที่ยื่นออกมาจากตัวอาคารใหญ่ของคฤหาสน์ และวางเด็กน้อยลงกับพื้น มันบินกระพือปีกตีกลับถอยหลังออกมา เพื่อเกาะกับคอบระเบียง
มันส่งเสียงร้องดังราวกับส่งสัญญาณบางอย่าง ใครบางคนเปิดประตูที่ใช้เข้าออกทางระเบียบอย่างช้าๆ ปรากฏเป็นร่างของชายสูงอายุผู้หนึ่ง ร่างผอมสูง ผมดำเสยเรียบอย่างผู้ดี แว่นกลมที่มีสายห้อยด้านข้าง หนวดโค้งเว้าได้รูป สวมชุดคล้ายสูทรองเท้า และโบสีแดงบริเวณคอ
“ สวัสดี กริมม์“ เขากล่าวทักทาย แม้ตัวจะเล็กแต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมา หนักแน่นดุดัน
เจ้าอินทรีเงยหน้าสบตา ได้แต่พยักหน้าทักทายกลับ ไม่ได้ปริปากใดๆ ชายสูงอายุก้มลงมองเด็กทารกที่ถูกวางเอาไว้ อาการเขาถึงกลับเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาเบิกกว้างด้วยความกลัว ตื่นเต้น หรืออย่างไรก็แล้วแต่ เขาก้มลงช้อนทารกน้อยขึ้นมามองดู เปลือกตาเด็กน้อยเปิดออกดวงตาเล็กๆที่มีนัยน์ตาสีเขียวมรกตหรี่มองเขา
“พวกของข้าไปช่วยไม่ทันหรอนี่” เขาเงยหน้าขึ้นถามเจ้าอินทรี ปากอ้า ดวงตาเบิกกว้าง
“ข้าบินออกมาก่อน และครั้งสุดท้ายที่ข้าเห็น” เจ้าอินทรีตอบและเงียบไปพักหนึ่ง ปล่อยให้เสียงของสายลมพัดเข้ามา
“คือพวกเขากำลังต่อสู้กับฟอกซ์และสมุนของมัน”
เลือดจากแผลที่ตาซ้ายไหลลงมาที่แก้ม มันเอียงคอเช็ดและใช้ไหล่ของมันเช็ดเลือด
“พวกท่านไม่ผิดหรอก ที่ช่วยพวกเขาไว้ไม่ทัน”
เจ้าอินทรีกางปีกกว้างอย่างสง่า ค่อยๆกระพือจนตัวมันลอยขึ้น
“สิ่งที่ท่านจะทำได้ต่อจากนี้ คือดูแลลูกของดาเรนกับนาตาลีให้ดีที่สุดนะ ข้าฝากด้วย”
มันกล่าวทิ้งท้าย
“อ้อ ข้าลืมบอกท่าน เด็กน้อยคนนี้มีนามว่า แดเนียล”
และพลิกตัวกลับบินขึ้นไปบนท้องฟ้า หายลับไปกับกลีบเมฆ
“แดเนียล แวนดาเรล” เขากล่าวพลางเอานิ้วชี้เกลี่ยบริเวณของแก้มของทารกน้อยอย่างเอ็นดู
ทารกน้อยแลจะชอบใจในการกระทำของเขา เจ้าเด็กน้อยใช้มือเล็กๆน่ารักกุมนิ้วของเขาไว้ ลูบมันราวกับของแปลกตาและค่อยๆลากมาที่ปาก ใช้แก้มถูที่ข้างนิ้ว ดูเหมือนว่าทารกน้อยจะมีความสุขมากทีเดียว
“โอ๊ย!” เขาตะโกนลั่น
เมื่อกลับมาดูที่นิ้วของตนอีกที ก็พบว่าเด็กน้อยกำลังกัดและดูดนิ้วชี้ของเขา หน้าตาเคลิบเคลิ้ม
“หิวก็ไม่บอกกันดีๆ โฮะๆ”
เขาหัวเราะชอบใจ
และปล่อยให้ทารกน้อยดูดดื่มไปกับเลือดของเขาจากปลายนิ้ว
_________________________________________________________________________________
ความคิดเห็น