ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่6
แสงแดดอ่อนๆจากภายนอกลอดผ่านเข้ามาทางผ้าม่านที่โบกสะบัดเพราแรงลมน้อยๆ ทำให้เห็นร่างของชายหนุ่มซึ่งนั่งอยู่บนเตียงของเขาและจ้องไปที่ผนังห้องสีขาวอย่างเหม่อลอย และย้อนนึกไปถึงภาพเหตุการณ์ที่เขาบังเอิญไปเห็นเข้าเมื่อตอนเช้า ภาพที่ทำให้เขาเจ็บปวดอย่างไม่เคยเป็น แต่เขาก็ต้องหลุดจากอาการเหม่อลอยอย่างช่วยไม่ได้เพราะเสียงๆหนึ่งที่กำลังเรียกชื่อของเขาอยู่
‘คาร์ล คาร์ล’เสียงเรียกของใครบางคนทำให้เจ้าชายหนุ่มถึงกับสะดุ้งและเริ่มระวังตัวทันทีเนื่องจากตอนนี้เขาก็ไม่ได้หลับอยู่แถมยังอยู่ในห้องนอนคนเดียวอีกด้วย เพราะฉะนั้นไม่ว่าอะไร หรือใครที่เรียกเขาอยู่ล้วนแล้วแต่ไม่น่าไว้ใจ
“ออกมาสิ อย่ามัวแต่หลบ”คาร์ลตะโกนก้องเพื่ออย่างไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด
“ฮ่าๆๆๆๆ แหมไอ้ลูกชายเจ้านี่มันช่างกล้านัก กล้าท้าทาย ท่านเจ้าปีศาจแห่งเดมอสอย่างข้าเชียวรึ”คำพูดที่ทิ้งไว้ก่อนที่ร่างของเอวิเดสจะมาปรากฏตัวอยู่ข้างหน้า ของชายหนุ่มซึ่งตอนนี้ได้แต่เหงื่อตกเพราะนี่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับเจ้าปีศาจเชียวนะ ถึงแม้ว่าคนตรงหน้าจะไม่ได้มีท่าทีจะมาหาเรื่องแต่อย่างใดก็ตาม เอวิเดสเสกเก้าอี้มาหนึ่งตัวและนั่งลงพร้อมกับถ้วยน้ำชาที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รุ้มาจิบอย่างสบายใจก่อนที่จะผายมือไปทางเก้าอี้ที่ลอยมาจากโต๊เขียนหนังสือและลอยลงมาวางอยุ่กับพื้นห้องตรงหน้าคาร์ลดั่งเป็นคำเชื้อเชิญ คาร์ลมองเก้าอี้นั้นอย่างชั่งใจแต่ก็ถูกเสียงทรงอำนาจของเอวิเดสดึงออกมาจากห้วงแห่งความคิด
“นั่งสิท่านเจ้าชาย ข้าไม่ทำอะไรหรอก”ได้ยินดังนั้นคาร์ลก็ทำใจดีสู้เสือยอมนั่งตามที่เอวิเดสบอก
เวลาผ่านไปหลายนาทีเอวิเดสก็พูดขึ้นหลังจากจิบน้ำชาเสร็จ คำพูดสั้นๆที่แทงใจดำของคาร์ลเป็นยิ่งนัก
“ข้าได้ข่าวมาว่าเจ้ามีความรู้สึกดีๆให้กับเฟลิโอน่าลูกสาวของข้าใช่หรือไม่”คำถามที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่น้ำเสียงที่ถูกส่งมากลับบีบคั้นคนโดนถามเป็นยิ่งนัก
‘เขารู้ได้ยังไงนะ ทั้งที่ไม่นาจะมีใครรู้นินอกจากโรเวนกับคาโลที่คงจะดูออกว่าเขาชอบเฟริน’ดูเหมือนเอวิเดสจะล่วงรู้ว่าคาร์ลคิดอะไรอยู่จึงพูดขึ้นมาอย่างไม่สนใจอะไร
“ไม่ต้องสงสัยไปหรอกว่าข้ารุ้ได้ยังไง ถ้าความรู้สึกของเจ้าที่มีต่อเฟลิโอน่านั้นเป็นเพียงความรู้สึกฉันรุ่นพี่รุ่นน้อง หรือแค่เพื่อนข้าก็คงจะพูดเรื่องที่จะมาพูดง่ายขึ้น แต่ถ้าความรู้สึกนั้นเป็นความรักแบบชายหญิง ท่านก็ควรหยุดซะก่อนจะสาย”คาร์ลกัดฟันแน่น เขารู้ดีว่าคงไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเฟรินมาก เพราะเฟรินมีคู่หมั้นแล้ว แต่เขาก็ไม่อยากจะยอมรับมันสักเท่าไหร่ คาร์ลกำเนื้อผ้าที่กางเกงบนหน้าตักแน่นเหมือนพยายามจะระงับอารมณ์ ที่จะไม่เสียมารยาท ต่อคนตรงหน้า
เอวิเดสซึ่งมองอาการกังวลของคาร์ลออกทะลุปรุโปร่งได้แต่ถอนหายใจ และเขาก็กลับมาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังกว่าเดิมเพื่อเรียกสติจากเด็กหนุ่มตรงหน้าให้กลับมาสู่โลกแห่งความจริงและความโหดร้ายที่จะมีผลกระทบต่อจิตใจของเขาโดยตรงถ้าคาร์ลคิดกับเฟรินแบบข้อหลังที่เขาสันนิษฐานไป
“เอาหละข้าจะอธิบายเรื่องสำคัญที่ข้าจะมาบอกให้เจ้ารู้ไว้ก่อนที่เรื่องทั้งหมดมันจะเลยเถิดและไม่ทันการ
”
นอกโรงเรียน ณ เวลาเดียวกัน
“นี่ๆคาโลดูนั่นสิ น่ารักจังเลย”เฟรินจูงมือคาโลวิ่งไปทางร้าแผงลอยข้างทางที่ขายพวกเครื่องประดับน่ารักๆและสวยงามมากมาย ทั้งสองมาหยุดอยู่ในร้านและก็เป็นเฟรินที่เริ่มหยิบโน่นหยิบนี่ขึ้นมาดู คงเป็นสัญชาตญาณผู้หญิงสินะที่ทำให้เฟรินเริ่มชอบของแบบนี้มากขึ้น
แสงวิบวับของอะไรบางอย่างสะท้อนเข้าตาเฟรินทำให้เฟรินต้องหันไปสนใจ และมองอย่างสนใจเมื่อเห็นว่าของสิ่งนั้นเป็นอะไร กำไลข้อมือสีทองซึ่งมีลายสลักงดงามรอบวง เฟรินหยิบมันขึ้นมาพิจารณารอบๆก็พบว่ามีส่วนนึงทีเรียบเป็นมันเหมือนเป็นที่ว่างเว้นไว้สำหรับทำอะไรสักอย่าง เจ้าของร้านเห็นเฟรินสนใจจึงพูดขึ้นมาอย่างโฆษณาสรรพคุณ
“อ้อคุณหนูนี่ตาถึงไม่เบานะครับ นั่นเป็นกำไรที่ถูกทำขึ้นเป็นพิเศษ และถูกลงอาคมเพื่ออวยพรให้คนที่ซื้อไปให้กับคนรักได้รักกันนานๆนะครับ ถ้าคุณหนูสนใจผมยินดีสลักชื่อคุณหนูกับแฟนให้บนนั้นฟรีๆเลยนะครับสนใจไหม แถมราคาก็ถูกมากอีกด้วยนะครับ”เฟรินหันไปมองคาโลซึ่งกำลังมองมานิ่งๆอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรเฟรินก็ถอนหายใจออกมาน้อยๆ และหันมาปฏเสธคนขายอย่างสุภาพ
“อ่อเอาไว้วันหลังละกันนะค่ะคุณลุงพอดีวันนี้หนูเอาเงินมาไม่พอค่ะ”พูดจบเฟรินก็ยิ้มน้อยๆเป็นการขอโทษให้กับคนขายก่อนจะเดินออกมาจากร้าน ทำให้คาโลที่มองเฟรินซึ่งกำลังเดินออกไปอย่างจ๋อยๆ ถึงกับยิ้มออกมาและหันไปคุยกับลุงคนขายอยู่สักพักและเดินตามเฟรินออกไปทันที
เฟรินที่กำลังเดินอย่างเหม่อลอยก็ต้องหยุดเดินเมื่อเท้าของเธอเริ่มสัมผัสกับพื้นผิวที่ไม่ใช่พื้นดินเหมือนเดิมแต่กลับเป็นพื้นหญ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ก็ต้องสะดุ้งนิดๆเมื่อรู้สึกถึงมือหนาและความอบอุ่นที่คุ้นเคยมาจับเข้าที่มือของเธอ
“เดินไม่รอเลย”คาโลส่งสายตาอ่อนโยนแกมเป็นห่วงมาให้สาวน้อยเบื้องหน้า ทำเอาเฟรินถึงกับหน้าแดงนิดๆแต่ก็สวนกลับไปแบบเก้ๆกังๆ
“ก็
ก็นายอยากเดินช้าเองนิแล้วไหนหละสถานที่ดีๆของนายนะ” คาโลคว้ามือหญิงสาวและพาเดินไปตามทางลาดทีททอดยาวเลยสวนดอกไม้ไปอีก ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีร่างสูงก็พาเฟรินมาถึงที่ที่ทำเอาเฟรินต้องเบิกตากว้างมองด้วยอาการตะลึงเนื่องจากสถานนี้มันสวยจริงๆนั่นแหละ ทำไมนะเธอไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีสถานที่นี้อยู่ด้วย ภาพเบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยหิ่งห้อยทอแสงบินไปมาอย้างไม่หลบซ้อนตัวเพิ่มความสว่างให้กับพื้นที่ที่น่าจะมืดมิดไปแล้ว แต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นมากกว่าสว่างจ้า ธารน้ำใส ที่มีหิ่งห้อยตัวน้อยคอยล้ออยุ่บนผืนน้ำ ที่นิ่งสงบ ทำให้เฟรินถึงยิ้มออกมาและก็ต้องหลุดจากภวังค์เมื่อร่างสูงเดินจูงมือเธออกเดินไปยังริมน้ำที่มีเรือไม้ลำเล็กจอดอยู่เหมือนตั้งใจและเชื้อเชิญให้ทั้งสองขึ้นไปนั่ง คาโลผายมือไปยังเรือเล็ก
เฟรินเห็นดังนั้นจึงพยักหน้าน้อยๆก่อนที่จะจับมือคาโลและค่อยๆก้าวลงไปนั่งบนเรือลำน้อย เมื่อคาโลหันไปปลดเชือกที่เสาเสร็จก็ลงมานั่งฝั่งตรงข้ามกับเฟริน
เฟรินเห็นดังนั้นจึงพยักหน้าน้อยๆก่อนที่จะจับมือคาโลและค่อยๆก้าวลงไปนั่งบนเรือลำน้อย เมื่อคาโลหันไปปลดเชือกที่เสาเสร็จก็ลงมานั่งฝั่งตรงข้ามกับเฟริน
หลังจากนั้นคาโลก็เริ่มพายเรือ!! พายเรือไปเรื่อยโดยไม่พูดอะไรออกมาสักแอะ จนเวลาผ่านไปนานถึงยี่สิบนาทีทำเอาเฟรินถึงกับเริ่มหงุดหงิดกับความปากหนักของคนตรงหน้า
‘ถ้ามันไม่พูดออกมาภายในห้านาทีฉันจะเฉาะหัวมันซะเลย’แต่ความคิดก็ต้องหยุดลงเมื่อคาโลภายมาถึงปลายน้ำ
น้ำตก น้ำตกที่ไหลลงด้วยความเร็วสูงถึงจะมีพื้นที่ไม่สูงนักแต่เรือลำแค่นี้คงไม่รอดแหงๆ แต่ก่อนที่เฟรินจะโวยวายอะไรออกไป คาโลก็หันหัวเรือเลี้ยวไปข้างๆซึ่งมีต้นไทรขนาดใหญ่โต ริวน้ำตกมีใบและเถาวัลย์ห้อยลงมาปกคุลมซีกนึงของน้ำตกไปเต็มๆและน้ำตรงนั้นก็ไม่แรง แถมออกจะนิ่งๆซะด้วยซ้ำ คาโลภายเข้าไปในซุ้มเถาวัลย์นั้นและหยุดเรือตรงริมโขดหินและเมื่อตัวเขาผูกเชือกให้กับเรือเสร็จก็หันมาอุ้มเฟริน และกระโดดขึ้นไปรวดเดียวถึงโขดหินเล็กๆที่มาหน้าผายื่นออกมาเหมือนแง่งหินให้คนนั่งได้
“นี่นายจะบ้าเหรอไงฮะ? พายเรือมาตรงน้ำตกได้ เกิดนายไม่ระวังเรือถูกพัดออกไปจะทำยังไงเล่า
”เฟรินถึงกับโวยวานออกมาเมื่อคาโลวางตัวของเธอลงบนแง่งผา แต่ก็ต้องเงียบไปเมื่ออยู่ดีๆคาโลก็เข้ามาสวมกอดเธออย่างกระทัน ทำให้หน้าของเธอต้องหันมาตรงๆ และต้องตะลึงกับวิวทิวทัศน์เบื้องหน้าตน เพราะเยื้องหน้านั้น ปลายเถาวัลย์ของต้นไทรนั้น ได้โดนแหวออกเหมือนตั้งใจทำให้เธอเห็นวิวที่สวยงาม แสงระยิบระยับจากหมู่บ้านและโรงเรียนของพวกเธอข้างล่างน้ำตก พร้อมกับหิ่งห้อยที่บินไปมาอย่างเป็นธรรมชาติ เธอไม่เคยเห็นวิวแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต คงต้องขอบคุณคนคนนี้สินะ เฟรินก้มลงมองคาโลที่ยังสวมกอดเธออยู่ แต่ก็ต้องยิ่งอึ้งเข้าไปอีกเมื่ออยู่ดีๆ คนที่กอดเธอก็เริ่มตัวสั่น แต่ไม่ได้สั่นเพราะหนาว แต่กลับสั่นเพราะร้องไห้
.
แรงสะอื้นน้อยๆของเจ้าชายน้ำแข็งทำให้เธอถึงกับทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เอ่ยปากถามและมือบางก็ขยับไปลูบที่หัวของอีกฝ่ายอย่างถือสิทธิ์ทำให้ร่างที่กอดเธอเริ่มผ่อนคลาย
“เป็นอะไรเจ้าชายร้องไห้ได้เหรอไง”น้ำเสียงอันอ่อนโยนของเฟรินทำให้คาโลต้องปาดน้ำตาแห่งลูกผู้ชายทิ้งไปแต่ก็ยังคงกอดเฟรินยังงั้นเหมือนต้องการที่พักพิง เฟรินไม่ได้ว่าอะไรเพราะปกติเป็นไหล่และอกกว้างนี้ต่างหากที่คอยรับทุกสิ่งทุกอย่างเวลาเธอเศร้า วันนี้มันคงมีอะไรเศร้าใจ ฉันก็อยากจะแบกรับมันไปได้บ้างไม่มากก็น้อย
“ฉันกลัว..กลัวว่าเธอจะจากฉันไป”คำพูดของเจ้าชายน้ำแข็ง ทำเอาเฟรินถึงกับอึ้ง เฟรินค่อยๆดันตัวของคาโลออกและเฟรินก็สบตากับคาโลที่ตอนนี้ตาค่อนข้างๆแดงเพราะผ่านการร้องไห้มา คาโลมองการกระทำนั้นอย่างงงๆ
“ไม่เห็นต้องกลัวเลยยังไงฉันก็รักนายมากที่สุด”เพียงๆประโยคเดียวจากคนตรงหน้า ก็ทำให้น้ำแข็งแห่งความกลัวที่เกาะกุมหัวใจของเจ้าชายน้ำแข็งมาหลายวันต้องทลายไป และรอยยิ้มบางที่ทั้งป้อมไม่ได้เห็นมาหลายวันก็พลันปรากฏขึ้นใบหน้าคมนั้น เฟรินเห็นดังนั้นก็ยิ้มตอบกลับและโน้มตัวเข้าไปจูบที่ปากของคาโล อย่างอ่อนโยนเหมือนจะปลอบโยนให้คนตรงหน้าเธออย่าคิดมาก คาโลคว้าตัวร่างบางเข้ามาในวงแขนและจูบตอบกลับเฟรินเหมือนโหยหามานาน
.เมื่อทั้งคู่ถอนริมฝีปากออกจากกัน เฟรินก็ก้มลงไปมองบนข้อมือของเธอที่มือหนาของคนตรงหน้ากำลังสวมใส่ของบางสิ่งที่เมื่อตอนเย็นเธอ แวะไปดูที่ร้านข้างทาง แสงสีทองวิวับสะท้อนเข้าตาของเธอ ทำให้เธอจำได้ทันทีว่าของสิ่งนั้นคือกำไร คาโลพลิกดันที่มีชื่อสลักของทั้งสองฝ่ายอยู่บนนั้นให้หงายขึ้น
เป็นข้อความว่า
“Carlo & Fern Love forever.”เฟรินถึงกับยิ้มกว้างเมื่อเห็นกำไรและข้อความนั้นที่เหมือนเป็นดั่งคำมั่นสัญญาของเขาอีกชิ้นนึงนั่นเอง
แปะ แปะ แปะๆๆๆๆ เม็ดฝนที่โปรยปรายลงมาทำให้อารมณ์โรแมนติกของทั้งคู่ต้องหยุดชะงักลง คาโลจับมือเฟรินและวิ่งเข้าไปในแง่งหน้าผานั้นก็พบกับโพรงของต้นไทร ขนาดที่สามารถให้คนสองคนเข้าไปหลบฝนได้พอดิบพอดี ทั้งสองเข้ามานั่งเบียดกันอยุ่ในโพรงและมองฝนที่ไม่มีทีท่าว่าหยุดตกเลยแม้แต่น้อย
“สงสัยพายุเข้า”เฟรินกันมามองค้อนคนพูดดีก่อนจะเริ่มโวยวายอีกครั้ง
“ไม่ต้องมาพูดดีเลยแล้วตอนนี้จะกลับป้อมยังไงหละ”มือหนาคว้าไหล่ของเธอให้หัวเอนมาพิงกับไหล่ของเขา ก่อนจะตอบออกไปสั้นๆแต่ก็ทำเอาอีกฝ่ายถึงหน้าแดงเหมือนกัน
“ก็กลับพรุ่งนี้”หมายความว่าเธอกับมันต้องอยุ่ด้วยกันในนี้ทั้งคืนนะสิ คิดไปหน้าก็พลันจะแดงขึ้นมาเฉยๆแต่จะคิดฟุ้งซ่านไปทำไมในเมื่อเธอมันและก็คิลนอนห้องเดียวกันมาตลอดหกปีไม่เห็นจะเกิดอะไรขึ้นเลยแม้แต่น้อย คิดได้ดังนั้นเจ้าตัวยุ่งก็เอาหัวทุยเอนลงมาเต็มที่และเริ่มหามุมและท่าที่สบายที่สุด และหลับไปโดยไม่รอให้คนที่กำลังใช้เป็นหมอนพูดอะไรสักคำ คาโลเห็นดังนั้นได้แต่ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู และร่ายเวทย์ให้ตัวของอีกฝ่ายแห้งจะได้นอนสบายขึ้น คาโลก้มลงไปจูบที่หน้าผากมน
“ราตรีสวัสดิ์นะตัวยุ่ง(ที่ทำให้หัวใจของเขาต้องปั่นป่วน) ”คาโลเอนตัวพิงกับผนังโพรงต้นไม้และเริ่มตาหวนคิดถึงทุกเหตุการณ์ที่ผ่านๆมา ถึงแม้พวกเขาจะต้องมานอนเบียดกันในนี้ แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขที่สุดที่ได้
‘พาเฟรินมาเที่ยวตามสัญญา’
‘และได้รู้ว้าเฟรินยังคงรักเขาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง..’
ฝั่งป้อมอัศวิน สายตานับสิบคู่ของลิงทะโมนแห่งป้อมอัศวินมองออกไปด้านนอก ที่ตอนนี้ฝนตกหนักที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดและไม่เห็นร่างสองร่างของเพื่อนของพวกเขามีทีท่าว่าจะกลับมา ก็แต่ได้แต่ยิ้มกริ่ม
"ยิ้มอะไรของพวกนายกันย่ะแทนที่จะเป็นห่วงเพื่อน"มาทิลด้าเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิดเมื่อไม่เห็นว่าพวกนี้จะกระตือรือร้นออกไปหาหรือไปรับเพื่อนสองคนที่ยังไม่กลับมาเลยจนป่านนี้ ทำให้คิลและทุกคนๆต้องกันมามองทางสามสาวที่ยืนอยู่ข้างหลังและยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ทำให้หญิงสาวทั้งสามถึงกับหลอนขึ้นมานิดๆ
"ก็แหมเธอไม่รู้อะไรเลยนะมาทิลด้า ดีแล้วที่สองคนนั้นยังไม่กลับและฉันก็เชื่อด้วยวว่าพวกมันคงไม่เป็นไรแถม.."คิลพูดข้างไว้ให้ลูกคู่ที่เข้าขากันได้เป็นอย่างดีอย่างครี๊ดพูดเสริม
"แถมป่านนี้สองคนนั้นคงไปหาที่หลบฝนกันอยุ่สองคนและก็คง.."ครี๊ดพูดทิ้ง้ทายไว้เท่านั้นทำให้เพื่อนๆของเขาคิดกันไปต่างๆนาๆและได้แต่ยิ้มหึหึ แต่หารู้ไม่ว่าคนที่พวกเขากำลังพูดถึงนั้นตอนนี้นอนกอดกันกลม อยุ่ในโพรงต้นไม้อย่างเหนื่อยอ่อน แถมไม่ได้ทำอะไรบัดศรีอย่างที่เจ้าเพื่อนแสบของเขาคิดจะมีก็แต่การกอดเท่านั้นที่ดูจะตรงใจหลายๆคน...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ฮาโหลเย่โย่จ้าทุกคน ขอโทษทีนะค่าที่มาอัพช้าจ้าทุกคน คงไม่มีข้อแก้ตัวอะไรก็มันเป็นเรื่องเดิมคือไม่มีเวลาแหละจ้า ข้าน้อยยอมรับผิดทุกประการขอโทษนะค่า ยังไงก็ขอให้อ่านให้สนุกน้า
ฝั่งป้อมอัศวิน สายตานับสิบคู่ของลิงทะโมนแห่งป้อมอัศวินมองออกไปด้านนอก ที่ตอนนี้ฝนตกหนักที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดและไม่เห็นร่างสองร่างของเพื่อนของพวกเขามีทีท่าว่าจะกลับมา ก็แต่ได้แต่ยิ้มกริ่ม
"ยิ้มอะไรของพวกนายกันย่ะแทนที่จะเป็นห่วงเพื่อน"มาทิลด้าเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิดเมื่อไม่เห็นว่าพวกนี้จะกระตือรือร้นออกไปหาหรือไปรับเพื่อนสองคนที่ยังไม่กลับมาเลยจนป่านนี้ ทำให้คิลและทุกคนๆต้องกันมามองทางสามสาวที่ยืนอยู่ข้างหลังและยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ทำให้หญิงสาวทั้งสามถึงกับหลอนขึ้นมานิดๆ
"ก็แหมเธอไม่รู้อะไรเลยนะมาทิลด้า ดีแล้วที่สองคนนั้นยังไม่กลับและฉันก็เชื่อด้วยวว่าพวกมันคงไม่เป็นไรแถม.."คิลพูดข้างไว้ให้ลูกคู่ที่เข้าขากันได้เป็นอย่างดีอย่างครี๊ดพูดเสริม
"แถมป่านนี้สองคนนั้นคงไปหาที่หลบฝนกันอยุ่สองคนและก็คง.."ครี๊ดพูดทิ้ง้ทายไว้เท่านั้นทำให้เพื่อนๆของเขาคิดกันไปต่างๆนาๆและได้แต่ยิ้มหึหึ แต่หารู้ไม่ว่าคนที่พวกเขากำลังพูดถึงนั้นตอนนี้นอนกอดกันกลม อยุ่ในโพรงต้นไม้อย่างเหนื่อยอ่อน แถมไม่ได้ทำอะไรบัดศรีอย่างที่เจ้าเพื่อนแสบของเขาคิดจะมีก็แต่การกอดเท่านั้นที่ดูจะตรงใจหลายๆคน...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ฮาโหลเย่โย่จ้าทุกคน ขอโทษทีนะค่าที่มาอัพช้าจ้าทุกคน คงไม่มีข้อแก้ตัวอะไรก็มันเป็นเรื่องเดิมคือไม่มีเวลาแหละจ้า ข้าน้อยยอมรับผิดทุกประการขอโทษนะค่า ยังไงก็ขอให้อ่านให้สนุกน้า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น