The Empirer จอมแสบป่วนโรงเรียนเวทย์ - นิยาย The Empirer จอมแสบป่วนโรงเรียนเวทย์ : Dek-D.com - Writer
×

    The Empirer จอมแสบป่วนโรงเรียนเวทย์

    ชายหนุ่มเหินห่างสังคมผู้มีสองบุคลิก หนึ่งเบื่อหน่ายกับสังคมและมองโลกในแง่ร้าย อีกหนึ่งกระตือรือร้นกับทุกคนและใสซื่อ เมื่อเข้าไปเรียนยังโรงเรียนของเหล่าชนชั้นสูงทั้งหลาย ความฮายกกำลังสองจึงเกิดขึ้น

    ผู้เข้าชมรวม

    27,627

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    28

    ผู้เข้าชมรวม


    27.62K

    ความคิดเห็น


    387

    คนติดตาม


    177
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  5 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  30 ต.ค. 53 / 12:29 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                 เบาะแสเพียงอย่างเดียวของตัวเอง มีเพียงกุญแจสีเงินดอกเดียวเท่านั้น โชคบันดาลหรือฟ้ากลั่นแกล้งกันนะ ที่ทำให้ต้องมาระหกระเหินฝ่าฝูงเขี้ยวของพวกครูอาจารย์แล้วก็นักเรียนพวกนี้ เพื่อไล่ไขประตูไปทีละบานๆ ทั้งๆที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าประตูนั่นมันอยู่ที่ไหน แล้วต้องมาเจตอผู้คนอีกหรือ? ตายนล่ะ แบบนี้จะรอดไหมเนี่ย พวกนี้มันลูกหลานของชนชั้นสูงทั้งนั้นรเลยนะ

    "ก็ดีแล้วนี่"

    "ดีบ้านนายสิอานูบิส"

    "ทำไม? มันไม่ดีตรงไหน?"

    "ตรงที่มันยุ่งยากน่ะสิเฟ้ย"

    "ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ไขๆไปเดี๋ยวก็เจอเองแหละ"

    ท่าจะไม่มีทางเลือกสินะ... แต่มันโค-ตะ-ระ กว้างเลยนะเฟ้ยยยยยยยยยยยย


    ----------------------------------------------


    มีใครหลายคน มีบ้านที่อบอุ่น
    มีใครหลายคน มีพ่อแม่ที่รักใคร่
    มีใครหลายคน ที่มีคนที่รักและห่วงใย
    แต่ยังมีบางคน ที่ไม่มีแม้แต่บ้านให้กลับ
    แต่ยังมีบางคน ไม่มีพ่อแม่ให้เรียกชื่อซักครั้ง
    และยังมีใครบางคน ที่ไม่มีแม้แต่ใครซักคนให้มอบความไว้ใจ

    การมีชีวิตอยู่โดยปราศจากสีสันแห่งชีวิต จะกัดกร่อนเราได้ขนาดไหนกันนะ?


    สำหรับบางคน ความรักคือยารักษาหัวใจที่เศร้าหมอง
    สำหรับบางคน ความรักคือสิ่งที่หล่อเลี้ยงหัวใจให้ชุ่มชื่น
    สำหรับบางคน ความรักคือแสงสว่างนำทางชีวิต ไม่ให้หลงเข้าไปสู่ความมืดมิด
    สำหรับบางคน ความรักคือสิ่งที่ค้ำจุนแรงใจที่ไกล้พังทลาย

    ถ้าหากว่าเราไม่มีความรักนั้นล่ะ เราจะมีชีวิตโดยปราศจากความสุข ความสดชื่น แสงสว่าง และแรงใจได้อย่างไร?

    ช่างน่าเศร้า ที่เราไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของสิ่งเหล่านี้เลย

    เรามีชีวิตอยู่มาได้นานขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ?

    ------------------------------------------

                 "คอนชู สิ่งสำคัญสำหรับนายคืออะไร?" พี่น้องฝาแฝดของผมถามในเช้าที่สว่างสดใสวันหนึ่ง ผมเงยหน้ามองท้องฟ้าที่สดใสอย่างเหม่อลอย ยื่นมือออกไปข้างหน้าอย่างไม่มีความหมาย

    "ไม่รู้สิ คงจะเป็นอิสระล่ะมั้ง" ผมตอบ

    "ทำไมล่ะ?" พี่น้องของผมถามต่อ

    "แล้วเรามีอะไรอย่างอื่นอีกหรือไง?"

    ---------------------------------------------------------

             คำถามที่ไม่จำเป็นต้องตอบ คือคำถามที่กรีดลึกลงไปในใจมากที่สุด ผมรู้ดี แต่กลับหยุดไม่ได้ที่จะถามคำถามเหล่านั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะผมอยู่กับสิ่งเหล่านี้มานานมากเกินกว่าที่ผมจะนึกอย่างอื่นได้ออก

    #user-details { border: none; } .section .content { border: none; }

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    "อ่านถึงตอนที่สาม"

    (แจ้งลบ)

    ขอพูดถึงเวอร์ชั่นเก่าหน่อยนะคะ... เคยอ่านของเดิมเมื่อซักพักใหญ่ๆ แต่..ไม่จบ (ถึงตอนที่ลง ณ. ขณะนั้น) สำหรับเรา ของเก่าขึ้นเรื่องมาทีแรกน่าสนใจมาก ทั้งอดีตของคอนชู วิชาที่ได้มาจากเหล่าผีๆ ทำให้คอนชูดูมีฝีมือติดตัวบ้าง ไม่ใช่แย่จนน่าเบื่อ เราอ่านมาเรื่อยๆจนเริ่มเข้าเรียนนี่แหละ... เราหยุดอ่าน เพราะ เป้าหมายของคอนชูหายไป เรื่องเริ่มหาจุดห ... อ่านเพิ่มเติม

    ขอพูดถึงเวอร์ชั่นเก่าหน่อยนะคะ... เคยอ่านของเดิมเมื่อซักพักใหญ่ๆ แต่..ไม่จบ (ถึงตอนที่ลง ณ. ขณะนั้น) สำหรับเรา ของเก่าขึ้นเรื่องมาทีแรกน่าสนใจมาก ทั้งอดีตของคอนชู วิชาที่ได้มาจากเหล่าผีๆ ทำให้คอนชูดูมีฝีมือติดตัวบ้าง ไม่ใช่แย่จนน่าเบื่อ เราอ่านมาเรื่อยๆจนเริ่มเข้าเรียนนี่แหละ... เราหยุดอ่าน เพราะ เป้าหมายของคอนชูหายไป เรื่องเริ่มหาจุดหมายไม่ได้ เก่งเวอร์ และหญิงเยอะเกิน (ส่วนนี้คนแต่งคงรู้แล้ว) เรื่องสำนวณ.... ทั้งของเก่า และใหม่ เราว่าอยู่ในเกณฑ์ดีค่ะ ของเก่าสำนวณก็โอเคอยู่แล้ว ของใหม่คงไม่แย่ไปกว่าเดิมแน่ พูดถึงเวอร์ชั่นใหม่(นี้)... ขอวิจารณ์ในมุมคนที่เพิ่งอ่านถึงตอนที่สามนะคะ เราว่าขึ้นมารวบรัดเกินไป อยู่ๆก็เจอ 2 คน อยู่ๆก็สอบเข้าโรงเรียน แล้วก็ถ้าคนไม่เคยอ่านของเดิม และถ้าคนแต่งไม่ได้เล่าในมุมของคอนชู เรอัสออกจะเด่นกว่าด้วยซ้ำ ในความคิดของเรา ถ้าคงช่วงเริ่มต้นของเก่าไว้ (ในส่วนความเป็นมาของคอนชู) แล้วเริ่มมารีไรท์ตั้งแต่ตอนสอบเข้าจะดีกว่า แต่อย่างไรก็ตาม....ทั้งหมดทั้งมวลขึ้นอยู่กับผู้แต่ง แล้วเราจะลองอ่านตอนต่อไปดูนะคะ   อ่านน้อยลง

    A@CID | 22 เม.ย. 52

    • 31

    • 1

    "บทนิยามของเรื่อง The Empirer คือนมและกาแฟ"

    (แจ้งลบ)

    อ่านนิยายเรื่อง The Empirer ทั้งแบบ จอมแสบ ป่วนโรงเรียนเวทย์ กับ แบบ Evolution และคำวิจารณ์ของหลายๆ ท่านแล้วคันไม้คันมืออยากวิจารณ์บ้าง (อยากแสดงความคิดเห็นบ้างว่างั้นเหอะ) หลังจากที่หลบในเงามืดอ่านมานาน เพิ่งโผล่หัวออกมา (เป็นอีแอบรึไง) หลังจากอ่านทั้ง 2 แบบแล้วนั้นได้เห็นข้อเปรียบเทียบหลายอย่าง(มากมายมั๊ก) แบบจอมแสบ ป่วนโรงเรียนเวทย์ ให้ความรู้ ... อ่านเพิ่มเติม

    อ่านนิยายเรื่อง The Empirer ทั้งแบบ จอมแสบ ป่วนโรงเรียนเวทย์ กับ แบบ Evolution และคำวิจารณ์ของหลายๆ ท่านแล้วคันไม้คันมืออยากวิจารณ์บ้าง (อยากแสดงความคิดเห็นบ้างว่างั้นเหอะ) หลังจากที่หลบในเงามืดอ่านมานาน เพิ่งโผล่หัวออกมา (เป็นอีแอบรึไง) หลังจากอ่านทั้ง 2 แบบแล้วนั้นได้เห็นข้อเปรียบเทียบหลายอย่าง(มากมายมั๊ก) แบบจอมแสบ ป่วนโรงเรียนเวทย์ ให้ความรู้สึกเหมือนดื่มนมอุ่นๆ สักแก้วหนึ่ง บทนำ เกริ่นขึ้นมาเหมือนวิชาการมาก ไม่อยากบอกเลยว่าเยิ่นเย่อมากเกินไปไม่น่าติดตามเอาเสียเลย และ เนื้อเรื่อง บางตอนก็ไร้สาระ (แต่ฮา) ซึ่งไม่สำคัญต่อเนื้อเรื่องเท่าใด ทำให้เนื้อเรื่องมันเอื้อยๆ ดำเนินเรื่องได้ช้านิดหน่อย (แต่ก็สนุกนะ) ตัวละคร คอนชู พระเอกของ ‘เรา’ (หวังว่าคงใช้คำนี้ได้) ในภาคนี้เป็นคนที่ร่าเริงสดใส อารมณ์ดีเป็นนิจ โหดนิดๆ เจ้าเล่ห์หน่อยๆ (นิดๆ หน่อยๆ จริงเรอะ) และในบางครั้ง(ที่มากอยู่เกือบครึ่งเรื่อง) ก็เป็นชายหนุ่มขี้เหงาโดดเดี่ยว ขาดความอบอุ่น แสวงหาไออุ่นจากสาวๆ ในเรื่องทุกคน (ยกเว้น อ.และรุ่นพี่ นอกนั้นฟาดเรียบ) ตัวละครประกอบเป็นอะไรที่เยอะมาก (โดยเฉพาะสาวๆ ของคอนชู) โผล่ในเวลาเดียวกันและชื่อใกล้เคียงกัน (จำไม่ได้อ่ะ แถมสับสนอีกต่างหาก) และสุดท้าย ชีวิตของคอนชู ทำไมมันรันทด และน้ำเน่าอย่างงี้ ได้กอดสาวทีไรเป็นร้องไห้ทุกที (หรือว่ามันดีใจจนร้องไห้กันหว่า) แต่สุดท้ายก็หวานซะจนเลี่ยนเลยอ่ะ (โรคเบาหวานกำเริบเลย) Evolution ให้ความรู้สึกเหมือนดื่มกาแฟดำขมๆ (แบบเข้มข้น) บทนำ เริ่มต้นด้วยความน่าติดตาม ใช่มันน่าติดตาม แต่… แต่มันสั้นกระชับ (มั๊ก) จนไม่รู้ที่มาที่ไป ขึ้นมาแบบสั้นๆ ห้วนๆ อ่านแล้วงงอ่ะ(นี้ถ้าข้าน้อยไม่ได้อ่านภาคแรกนะคงยิ่งกว่าไก่ตาแตกอีก) ถ้าเพิ่มบรรยายอีกนิด (นิดเดียวนะ) เรื่องที่มาของคอนชูสักหน่อยจะดีมากเลย เนื้อเรื่อง มันมีกลิ่นอายของแฮร์รี่ ผสมกับ เดอะ ไวท์ โรด ยังไงก็ไม่รู้ และคงจะได้มามากด้วยแหละ(แม้จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม)ก็เล่นตั้งแต่นั่งเรือ มันก็ไม่กะไรนักหรอกนะ แต่นี้ดันมีผู้คุมวิญญาณมาโผล่ซะนี้ (แม้ในเรื่องจะใช้ชื่อว่า เมนุส ก็เถอะ) ใครได้อ่านหรือดูแฮร์รี่ก็รู้ว่ามันคือผู้คุมวิญญาณอย่างไม่ต้องสงสัย แถมมาเจอครูชายหนวดดกเฟิ้ม ร่างกายที่ใหญ่โต ภาพของแฮกริดก็โผล่ขึ้นมาในความคิดทันที เกิดเสียงอุทานในใจทันทีว่ามันคือแฮร์รี่ อย่างไม่ต้องสงสัย ที่เป็นแบบนั้นเพราะการนั่งเรือ(บรรยายให้ความรู้สึกเหมือนแฮร์รี่ แม้สำนวนจะต่างกันก็เถอะ) เป็นตัวสะกิด มาเจอเมนุสปุบก็ทำให้นึก และมาเจอครูหนวดเฟิ้ม ก็ฟันธง ผู้แต่งอาจจะไม่สังเกตหรือสังเกตอยู่ก็ไม่รู้ แต่การนำทั้งสามอย่างนี้มาไว้ในเวลาที่ใกล้เคียงกันมันทำให้คิดเป็นอย่างนั้น ซึ่งมันดูเหมือนยกเอาเรื่องแฮร์รี่มา แล้วดัดแปลงใหม่ยังก็ไม่รู้ ดีหน่อยที่โรงเรียนไม่เป็นปราสาท ไม่งั้นต้องรับเอาข้อกล่าวหาที่ว่า คุณเอาเรื่องแฮร์รี่มาทั้งดุ้นเลย เมื่อโรงเรียนมาแหกแนวเป็นแบบสมัยใหม่ปุบมันก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่ดี (อันนี้ข้าน้อยชอบนะ เพราะอ่านทีแรกไม่คิดว่าผู้แต่งแหวกแนวมาทางนี้) ซึ่งมันออกจะกึ่งไซไฟด้วย แต่ต้องระวังเรื่องการแต่งต่อไปด้วยเพราะเรื่องนี้อาจแหวกแนวไปไกลขึ้น จนถึงขั้นกลายพันธุ์ (นี้มันนิยายหรือขยายพันธุ์มะม่วงเนี่ย -_-;;) จากแฟนตาซี ไปเป็นไซไฟเต็มยศขึ้นละก็โดนข้อหาขโมย เรื่องเดอะไวท์โรด มาอีกเรื่องแน่ มันชวนให้คิดเป็นเช่นนั้นนะผู้แต่ง เพราะเริ่มเรื่องก็เห็นแฮร์รี่ลอยมาแต่ไกล ใจต่อมามันก็เลยจ้องจับผิดว่าจะขโมยของเรื่องไหนมาอีก (แม้จะไม่รู้ตัวก็เถอะ เมื่อคนเรามีอคติแล้ว มันก็จ้องจะจับผิดอยู่เรื่อยไป) ดังนั้นตอนต่อๆ ไปก็คงต้องระวัง ในการแต่งเป็นอย่างมาก วางกรอบของเรื่องให้แน่นอน อย่าให้ไหลตามอารมณ์ให้มาก หาเอกลักษณ์ของเรื่องเราให้เจอแล้วทำให้มันออกมาดี ดึงตัวนี้ออกมาให้มากที่สุด เพื่อกลบตรงจุดนี้ (ภาพบรรยายเหมือนเรื่องอื่นแบบไม่ตั้งใจขอผู้แต่ง) ตัวละคร คอนชูในภาคนี้เป็นคนเลือดเย็นที่ชื่นชอบการต่อสู้(แบบไม่เก็บอาการใต้หน้ากากของเด็กขี้โรคเลย) อำมหิต โหดเหี้ยม หยิ่ง เจ้าเล่ห์เพทุบาย ออกจะเฉยชาพอๆ กันกับเซฟิเรีย ทั้งที่อีกภาคอารมณ์และนิสัยของสองคนต่างกันมาก เหมือนหน้าร้อนกับหน้าหนาว แต่ตอนนี้กลายเป็นหน้าหนาวกับน้ำแข็งใสและไอติม แล้วยังตัวละครอื่นๆ อีก ที่ในภาคนี้ออกจะเครียดๆ ขี้หงุดหงิดและไม่ค่อยสดใส เหมือนรสชาติกาแฟขมๆ ที่ผู้แต่งแสดงตัวละครออกมาในด้านลบมาก (จนคนเค้าไม่ค่อยชอบกัน แต่อันนี้ข้าน้อยชอบ) สรุปทั้ง 2 ภาค ภาคแบบจอมแสบ เหมือนกับเราดื่มนมอุ่นๆ สักแก้ว เป็นรสชาติที่ละมุนละไม อบอุ่น สดใส ดื่มแล้วมีความสุข และก็ดื่มได้ทุกเพศทุกวัย (วิจารณ์นิยายหรือมาโฆษณานมกันแน่หว่า) ภาค Evolution เหมือนกับดื่มกาแฟดำสูตรเข้มข้น ดื่มแล้วทำให้เกิดความตื่นตัว ตื่นเต้น รสชาติสะใจ ให้รสชาติและกลิ่นอายที่แปลกๆ แต่เพราะว่ามันคือกาแฟดำ(แถมเป็นสูตรเข้มข้นด้วย) บางคนเค้าก็ไม่ชอบดื่มกัน เพราะมันขมจนเฝื่อนลิ้น ดื่มได้เฉพาะบางคนที่ชื่นชอบรสชาติแบบนี้ จึงมีคนส่วนน้อยที่ต้องการ แม้คนปรุงแต่งจะทำสุดฝีมือแค่ไหน ก็ไม่อาจทำให้คนหันมาดื่มกาแฟได้เยอะนักหรอก เพราะมันมีคนกินเฉพาะกลุ่มเท่านั้น แต่สำหรับข้าน้อยนะชอบทั้งนม และ กาแฟ นั้นแหละ แต่จะให้เลือกก็คงต้องเลือกดื่มนมมากกว่าแม้มันจะเลี่ยนหน่อยๆ ก็เถอะ แต่ข้าน้อยชอบรสชาติของนมผสมกับกาแฟมากกว่า รสชาติขมหน่อยๆ แต่ละมุนลิ้นด้วยรสนม รสชาติมันออกมาดีนะ ผู้แต่ง ไม่เลี่ยนนมแล้วก็ไม่ขมจนเฝื่อนลิ้นด้วยนะ อยากแนะนำให้ผู้แต่งลองไปทำดื่มดูนะ แล้วถ้าปรุงแต่งในอัตราส่วนที่เหมาะสม ผู้แต่งก็จะได้เครื่องดื่มที่ทุกคนยอมรับและดื่มมันได้ สุดท้าย ข้าน้อยผู้นี้ก็ขอขอบคุณ (_/l\_) ท่านผู้แต่งเป็นอย่างมากที่ที่เสียเวลามานั่งอ่านเรื่องที่ข้าน้อยพล่ามออกมา นั้นแสดงว่าท่านยังให้ความใส่ใจกับทุกความคิดเห็นเสมอ ดังที่ท่านเคย พูดไว้ ข้าน้อยจะติดตามผลงานของท่านต่อไป ไม่ว่าผลงานจะแต่งออกมาในแนวไหน จะดีจะแย่อย่างไร ก็จะขอตามติดอ่านให้จงได้ (ตามรังควานผู้แต่งซะงั้น) ปล. นี้เป็นการวิจารณ์นิยายเรื่องแรกของข้าน้อย ซึ่งท่านได้รับเกียรติ(หรือเปล่าหว่า)เป็นคนแรกในการวิจารณ์ของข้าน้อย หากข้าน้อยทำให้ท่านลำบากใจ หรือทำอะไรให้ท่านไม่ชอบใจ และได้ล่วงเกินท่านไปก็ขอให้ลืมๆ ไปซะเถอะถือว่าไม่เคยได้อ่านข้อความนี้มาก่อนก็แล้วกัน (กลัวท่านผู้แต่ง ไม่แต่งต่อ เราก็อดอ่านนะสิ) (สับเข้าซะเละยังอยากจะอ่านของเขาต่ออีกซะงั้น) (ก็มันหนุกนิ ถ้าไม่ได้อ่านข้าน้อยก็ลงแดงตายพอดี) (อ้ายนี้ ตบหัวแล้วลูบหลังนี้หว่า) ยังไงก็ขอให้ผู้แต่งสร้างสรรค์ผลงานต่อไป แม้ว่าจะมาอัพช้าแค่ไหนข้าน้อยก็จะรอคอย และเป็นกำลังใจให้เสมอ (แม้จะไม่เห็นข้าน้อยโผล่มาจากในเงามืดก็เถอะ) ปล. สุดท้าย (เมื่อไหร่มันจะจบสักทีเนี่ย) ทราบมาว่าท่านเรียน ม.ปลาย คงจะเรียนหนักขึ้นคงไม่มีเวลามาอัพบ่อยข้อนี้ข้าน้อยก็เข้าใจ เพราะการเรียนต้องมาก่อน (แต่อย่างน้อยให้ได้อาทิตย์ละ 1 ครั้ง (ยาวๆหน่อย)ก็ยังดี (เป็นพริกไทยซะงั้น)) แต่อย่าทิ้งคนอ่านนะ *o* ถึงไม่เห็นแก่ข้าน้อยที่น่ารัก(ไปฆ่าทิ้ง)ก็ให้นึกถึงแฟนๆ นิยายท่านอื่นที่ติดตามผลงานของท่านมาตลอดด้วย ข้าน้อยขอลาท่านเพียงเท่านี้ (_/l\_) แต่........ เดี๋ยวๆๆๆ หากท่านไม่รังเกียจข้อน้อยอยากขอเป็นเพื่อนท่าน(เป็นไม่เป็นยังไงก็ขอให้ตอบด้วย : นี้บังคับหรือเปล่าเนี่ย) แม้คำพูดวิจารณ์จะมากมาย ดีบ้างเลวร้ายบ้าง (อย่างของข้าน้อยที่ออกไปทางเลวซะส่วนมาก : รู้ตัวด้วยเหรอ) แต่ท่านไม่จำเป็นต้องคล้อยตามปรับเปลี่ยนให้เป็นไปตามผู้วิจารณ์จนซะหมด เพราะมันจะลดความเป็นตัวตนของท่านลง แต่ก็ขอให้ท่านสร้างสรรค์ผลงานให้ออกมาในแบบฉบับของท่านเป็นดีที่สุด เพื่อตัวท่านเองจะได้มีความสุขในการแต่งเช่นเดียวกัน (สุดท้ายที่พล่ามมาทั้งหมดก็ให้เป็นตัวขอตัวเอง แล้วจะพล่ามมาทำไมฟร่ะ : ก็แค่อยากให้ท่านได้อ่านและรับรู้ความรู้สึกของข้าน้อยที่มีต่อผลงานของท่าน และจะรู้สึกเป็นเกียรติมากถ้าท่านนำเก็บพิจารณา จะขอบพระคุณอย่างสูง)   อ่านน้อยลง

    เด็กบ้านไกล | 12 พ.ค. 52

    • 25

    • 0

    ดูทั้งหมด

    คำนิยมล่าสุด

    "ความจริงที่ไม่มีใครอยากรู้(แต่ตูอยากบอก)"

    (แจ้งลบ)

    ก็...วิจารมั่งล่ะเนาะ เท่าที่อ่านนะทั้งภาคเก่าภาคใหม่นั้นนะเราเห็นบางอย่างที่ไม่สมควรมากๆอยู่หลายจุดเลยนะ จุดแรกก็คือจุดที่พระเอกนั้นเป็นสองบุคลิก ถ้าจะแต่งสองบุคลิกจริงล่ะก็ขอให้วางโครงให้มันชัดเจนด้วยเถอะ และไอ้ที่ฉากที่ว่ามีคนไปถามว่า "คอนชุอ๊ะป่าว"แล้วอานูบิสก็ตอบว่า"ป๋มชื่ออานูบิสกั๊ฟ" อะไรประมาณนี้น่ะมันปัญญาอ่อนว่ะเพื่อน แล้วก็ให้เขียนให ... อ่านเพิ่มเติม

    ก็...วิจารมั่งล่ะเนาะ เท่าที่อ่านนะทั้งภาคเก่าภาคใหม่นั้นนะเราเห็นบางอย่างที่ไม่สมควรมากๆอยู่หลายจุดเลยนะ จุดแรกก็คือจุดที่พระเอกนั้นเป็นสองบุคลิก ถ้าจะแต่งสองบุคลิกจริงล่ะก็ขอให้วางโครงให้มันชัดเจนด้วยเถอะ และไอ้ที่ฉากที่ว่ามีคนไปถามว่า "คอนชุอ๊ะป่าว"แล้วอานูบิสก็ตอบว่า"ป๋มชื่ออานูบิสกั๊ฟ" อะไรประมาณนี้น่ะมันปัญญาอ่อนว่ะเพื่อน แล้วก็ให้เขียนให้มันชัดเจนด้วยนะว่าใครเป็นใครประมาณว่าเริ่มมาปุ๊บก็อธิบายเลยน่ะ อย่าทิ้งปริศนาไว้เยอะนักเดี๋ยวก็โดนเกลียดหรอก ขนาดเราอ่านยังว่าน่าเบื่อเลย พูดตรงๆเลยนะ เราไม่เคยเห็นใครเขียนตัวละครสองบุคลิกได้งี่เง่าขนาดนี้เลยว่ะ จุดสองก็คือตอนเราอ่านภาคแรกจบปุ๊บก็ถามตัวเองเลยว่า "ไอ้หอกนี่มันเขียนตามใจตัวเองจนเวอร์เลยว้อยเฮ้ย..."ทันทีประมาณว่าแกไม่สนใจคนอ่านเลยรึไงวะหา...ว่าเขาจะรู้สึกยังไง จริงอยู่เนื้อเรื่องมันสนุกแต่ว่ามันอ่านแล้วน่าเบื่อว่ะไม่มีจุดไหนที่เร้าอารมณ์เลยสักนิดแล้วไอ้ที่เดินเรื่องว่ามีกุญแจที่ติดตัวมาตั่งแต่เกิดน่ะมันหายหัวไปไหนถามตรงๆเริ่มหลุดแล้วนะเฟ้ย อีกอย่างปริศนาที่ทิ้งไว้ก็รีบๆไขซะคนอ่านอย่างเราก็หงุดหงิดเป็นเข้าใจไหม จุดสามก็คืออย่าทำเป็นว่าให้ตัวละครน่ะมันต้องโง่ทุกคนฉลาดแต่พระเอกอยู่คนเดียวดิมันเหมือนเป็นการไม่ให้เกียรติตัวละครที่เราสร้างขึ้นนะเพื่อนอีกอย่างก็คือฉากที่ว่าแกล้งคนนู้ทีคนนี้ทีน่ะรู้ว่ามีคนชอบคนชมแต่อย่าเหลิง!ถ้านายโดนแบบนั้นบ้างนายจะชอบใหมเราถามตรงๆเห็นแล้วยังหงุดหงิดเลยที่แกทำแบบนี้มันก็ไม่ต่างจากที่แกเคยโดนพวกเพื่อนๆทำตอนอยู่ที่โรงเรียนเก่าหรอกโว้ยอยากให้ตัวละครตัวเองมีปมแบบที่แกมีใหมล่ะเพื่อนเป็นไงล่ะความรู้สึกที่ได้ทำให้คนอื่นชอกช้ำใจน่ะมันมีความสุขนักรึไง... สุดท้ายนี้ก็ไม่ได้หวังอะไรมากขอแค่เอาไปคิดดูอีกอย่างถ้าหากสมติแกเป็นคอนชูจริงๆแล้วมาอยู่ในโลกแห่งความจริงนะแกไม่มีวันมีเพื่อนได้หรอกเหมือนกับที่ฉันเป็นนี่ล่ะ เอาไปคิดดูล่ะกัน   อ่านน้อยลง

    เรืองอรุณ | 19 ก.ค. 52

    • 11

    • 0

    "บทนิยามของเรื่อง The Empirer คือนมและกาแฟ"

    (แจ้งลบ)

    อ่านนิยายเรื่อง The Empirer ทั้งแบบ จอมแสบ ป่วนโรงเรียนเวทย์ กับ แบบ Evolution และคำวิจารณ์ของหลายๆ ท่านแล้วคันไม้คันมืออยากวิจารณ์บ้าง (อยากแสดงความคิดเห็นบ้างว่างั้นเหอะ) หลังจากที่หลบในเงามืดอ่านมานาน เพิ่งโผล่หัวออกมา (เป็นอีแอบรึไง) หลังจากอ่านทั้ง 2 แบบแล้วนั้นได้เห็นข้อเปรียบเทียบหลายอย่าง(มากมายมั๊ก) แบบจอมแสบ ป่วนโรงเรียนเวทย์ ให้ความรู้ ... อ่านเพิ่มเติม

    อ่านนิยายเรื่อง The Empirer ทั้งแบบ จอมแสบ ป่วนโรงเรียนเวทย์ กับ แบบ Evolution และคำวิจารณ์ของหลายๆ ท่านแล้วคันไม้คันมืออยากวิจารณ์บ้าง (อยากแสดงความคิดเห็นบ้างว่างั้นเหอะ) หลังจากที่หลบในเงามืดอ่านมานาน เพิ่งโผล่หัวออกมา (เป็นอีแอบรึไง) หลังจากอ่านทั้ง 2 แบบแล้วนั้นได้เห็นข้อเปรียบเทียบหลายอย่าง(มากมายมั๊ก) แบบจอมแสบ ป่วนโรงเรียนเวทย์ ให้ความรู้สึกเหมือนดื่มนมอุ่นๆ สักแก้วหนึ่ง บทนำ เกริ่นขึ้นมาเหมือนวิชาการมาก ไม่อยากบอกเลยว่าเยิ่นเย่อมากเกินไปไม่น่าติดตามเอาเสียเลย และ เนื้อเรื่อง บางตอนก็ไร้สาระ (แต่ฮา) ซึ่งไม่สำคัญต่อเนื้อเรื่องเท่าใด ทำให้เนื้อเรื่องมันเอื้อยๆ ดำเนินเรื่องได้ช้านิดหน่อย (แต่ก็สนุกนะ) ตัวละคร คอนชู พระเอกของ ‘เรา’ (หวังว่าคงใช้คำนี้ได้) ในภาคนี้เป็นคนที่ร่าเริงสดใส อารมณ์ดีเป็นนิจ โหดนิดๆ เจ้าเล่ห์หน่อยๆ (นิดๆ หน่อยๆ จริงเรอะ) และในบางครั้ง(ที่มากอยู่เกือบครึ่งเรื่อง) ก็เป็นชายหนุ่มขี้เหงาโดดเดี่ยว ขาดความอบอุ่น แสวงหาไออุ่นจากสาวๆ ในเรื่องทุกคน (ยกเว้น อ.และรุ่นพี่ นอกนั้นฟาดเรียบ) ตัวละครประกอบเป็นอะไรที่เยอะมาก (โดยเฉพาะสาวๆ ของคอนชู) โผล่ในเวลาเดียวกันและชื่อใกล้เคียงกัน (จำไม่ได้อ่ะ แถมสับสนอีกต่างหาก) และสุดท้าย ชีวิตของคอนชู ทำไมมันรันทด และน้ำเน่าอย่างงี้ ได้กอดสาวทีไรเป็นร้องไห้ทุกที (หรือว่ามันดีใจจนร้องไห้กันหว่า) แต่สุดท้ายก็หวานซะจนเลี่ยนเลยอ่ะ (โรคเบาหวานกำเริบเลย) Evolution ให้ความรู้สึกเหมือนดื่มกาแฟดำขมๆ (แบบเข้มข้น) บทนำ เริ่มต้นด้วยความน่าติดตาม ใช่มันน่าติดตาม แต่… แต่มันสั้นกระชับ (มั๊ก) จนไม่รู้ที่มาที่ไป ขึ้นมาแบบสั้นๆ ห้วนๆ อ่านแล้วงงอ่ะ(นี้ถ้าข้าน้อยไม่ได้อ่านภาคแรกนะคงยิ่งกว่าไก่ตาแตกอีก) ถ้าเพิ่มบรรยายอีกนิด (นิดเดียวนะ) เรื่องที่มาของคอนชูสักหน่อยจะดีมากเลย เนื้อเรื่อง มันมีกลิ่นอายของแฮร์รี่ ผสมกับ เดอะ ไวท์ โรด ยังไงก็ไม่รู้ และคงจะได้มามากด้วยแหละ(แม้จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม)ก็เล่นตั้งแต่นั่งเรือ มันก็ไม่กะไรนักหรอกนะ แต่นี้ดันมีผู้คุมวิญญาณมาโผล่ซะนี้ (แม้ในเรื่องจะใช้ชื่อว่า เมนุส ก็เถอะ) ใครได้อ่านหรือดูแฮร์รี่ก็รู้ว่ามันคือผู้คุมวิญญาณอย่างไม่ต้องสงสัย แถมมาเจอครูชายหนวดดกเฟิ้ม ร่างกายที่ใหญ่โต ภาพของแฮกริดก็โผล่ขึ้นมาในความคิดทันที เกิดเสียงอุทานในใจทันทีว่ามันคือแฮร์รี่ อย่างไม่ต้องสงสัย ที่เป็นแบบนั้นเพราะการนั่งเรือ(บรรยายให้ความรู้สึกเหมือนแฮร์รี่ แม้สำนวนจะต่างกันก็เถอะ) เป็นตัวสะกิด มาเจอเมนุสปุบก็ทำให้นึก และมาเจอครูหนวดเฟิ้ม ก็ฟันธง ผู้แต่งอาจจะไม่สังเกตหรือสังเกตอยู่ก็ไม่รู้ แต่การนำทั้งสามอย่างนี้มาไว้ในเวลาที่ใกล้เคียงกันมันทำให้คิดเป็นอย่างนั้น ซึ่งมันดูเหมือนยกเอาเรื่องแฮร์รี่มา แล้วดัดแปลงใหม่ยังก็ไม่รู้ ดีหน่อยที่โรงเรียนไม่เป็นปราสาท ไม่งั้นต้องรับเอาข้อกล่าวหาที่ว่า คุณเอาเรื่องแฮร์รี่มาทั้งดุ้นเลย เมื่อโรงเรียนมาแหกแนวเป็นแบบสมัยใหม่ปุบมันก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่ดี (อันนี้ข้าน้อยชอบนะ เพราะอ่านทีแรกไม่คิดว่าผู้แต่งแหวกแนวมาทางนี้) ซึ่งมันออกจะกึ่งไซไฟด้วย แต่ต้องระวังเรื่องการแต่งต่อไปด้วยเพราะเรื่องนี้อาจแหวกแนวไปไกลขึ้น จนถึงขั้นกลายพันธุ์ (นี้มันนิยายหรือขยายพันธุ์มะม่วงเนี่ย -_-;;) จากแฟนตาซี ไปเป็นไซไฟเต็มยศขึ้นละก็โดนข้อหาขโมย เรื่องเดอะไวท์โรด มาอีกเรื่องแน่ มันชวนให้คิดเป็นเช่นนั้นนะผู้แต่ง เพราะเริ่มเรื่องก็เห็นแฮร์รี่ลอยมาแต่ไกล ใจต่อมามันก็เลยจ้องจับผิดว่าจะขโมยของเรื่องไหนมาอีก (แม้จะไม่รู้ตัวก็เถอะ เมื่อคนเรามีอคติแล้ว มันก็จ้องจะจับผิดอยู่เรื่อยไป) ดังนั้นตอนต่อๆ ไปก็คงต้องระวัง ในการแต่งเป็นอย่างมาก วางกรอบของเรื่องให้แน่นอน อย่าให้ไหลตามอารมณ์ให้มาก หาเอกลักษณ์ของเรื่องเราให้เจอแล้วทำให้มันออกมาดี ดึงตัวนี้ออกมาให้มากที่สุด เพื่อกลบตรงจุดนี้ (ภาพบรรยายเหมือนเรื่องอื่นแบบไม่ตั้งใจขอผู้แต่ง) ตัวละคร คอนชูในภาคนี้เป็นคนเลือดเย็นที่ชื่นชอบการต่อสู้(แบบไม่เก็บอาการใต้หน้ากากของเด็กขี้โรคเลย) อำมหิต โหดเหี้ยม หยิ่ง เจ้าเล่ห์เพทุบาย ออกจะเฉยชาพอๆ กันกับเซฟิเรีย ทั้งที่อีกภาคอารมณ์และนิสัยของสองคนต่างกันมาก เหมือนหน้าร้อนกับหน้าหนาว แต่ตอนนี้กลายเป็นหน้าหนาวกับน้ำแข็งใสและไอติม แล้วยังตัวละครอื่นๆ อีก ที่ในภาคนี้ออกจะเครียดๆ ขี้หงุดหงิดและไม่ค่อยสดใส เหมือนรสชาติกาแฟขมๆ ที่ผู้แต่งแสดงตัวละครออกมาในด้านลบมาก (จนคนเค้าไม่ค่อยชอบกัน แต่อันนี้ข้าน้อยชอบ) สรุปทั้ง 2 ภาค ภาคแบบจอมแสบ เหมือนกับเราดื่มนมอุ่นๆ สักแก้ว เป็นรสชาติที่ละมุนละไม อบอุ่น สดใส ดื่มแล้วมีความสุข และก็ดื่มได้ทุกเพศทุกวัย (วิจารณ์นิยายหรือมาโฆษณานมกันแน่หว่า) ภาค Evolution เหมือนกับดื่มกาแฟดำสูตรเข้มข้น ดื่มแล้วทำให้เกิดความตื่นตัว ตื่นเต้น รสชาติสะใจ ให้รสชาติและกลิ่นอายที่แปลกๆ แต่เพราะว่ามันคือกาแฟดำ(แถมเป็นสูตรเข้มข้นด้วย) บางคนเค้าก็ไม่ชอบดื่มกัน เพราะมันขมจนเฝื่อนลิ้น ดื่มได้เฉพาะบางคนที่ชื่นชอบรสชาติแบบนี้ จึงมีคนส่วนน้อยที่ต้องการ แม้คนปรุงแต่งจะทำสุดฝีมือแค่ไหน ก็ไม่อาจทำให้คนหันมาดื่มกาแฟได้เยอะนักหรอก เพราะมันมีคนกินเฉพาะกลุ่มเท่านั้น แต่สำหรับข้าน้อยนะชอบทั้งนม และ กาแฟ นั้นแหละ แต่จะให้เลือกก็คงต้องเลือกดื่มนมมากกว่าแม้มันจะเลี่ยนหน่อยๆ ก็เถอะ แต่ข้าน้อยชอบรสชาติของนมผสมกับกาแฟมากกว่า รสชาติขมหน่อยๆ แต่ละมุนลิ้นด้วยรสนม รสชาติมันออกมาดีนะ ผู้แต่ง ไม่เลี่ยนนมแล้วก็ไม่ขมจนเฝื่อนลิ้นด้วยนะ อยากแนะนำให้ผู้แต่งลองไปทำดื่มดูนะ แล้วถ้าปรุงแต่งในอัตราส่วนที่เหมาะสม ผู้แต่งก็จะได้เครื่องดื่มที่ทุกคนยอมรับและดื่มมันได้ สุดท้าย ข้าน้อยผู้นี้ก็ขอขอบคุณ (_/l\_) ท่านผู้แต่งเป็นอย่างมากที่ที่เสียเวลามานั่งอ่านเรื่องที่ข้าน้อยพล่ามออกมา นั้นแสดงว่าท่านยังให้ความใส่ใจกับทุกความคิดเห็นเสมอ ดังที่ท่านเคย พูดไว้ ข้าน้อยจะติดตามผลงานของท่านต่อไป ไม่ว่าผลงานจะแต่งออกมาในแนวไหน จะดีจะแย่อย่างไร ก็จะขอตามติดอ่านให้จงได้ (ตามรังควานผู้แต่งซะงั้น) ปล. นี้เป็นการวิจารณ์นิยายเรื่องแรกของข้าน้อย ซึ่งท่านได้รับเกียรติ(หรือเปล่าหว่า)เป็นคนแรกในการวิจารณ์ของข้าน้อย หากข้าน้อยทำให้ท่านลำบากใจ หรือทำอะไรให้ท่านไม่ชอบใจ และได้ล่วงเกินท่านไปก็ขอให้ลืมๆ ไปซะเถอะถือว่าไม่เคยได้อ่านข้อความนี้มาก่อนก็แล้วกัน (กลัวท่านผู้แต่ง ไม่แต่งต่อ เราก็อดอ่านนะสิ) (สับเข้าซะเละยังอยากจะอ่านของเขาต่ออีกซะงั้น) (ก็มันหนุกนิ ถ้าไม่ได้อ่านข้าน้อยก็ลงแดงตายพอดี) (อ้ายนี้ ตบหัวแล้วลูบหลังนี้หว่า) ยังไงก็ขอให้ผู้แต่งสร้างสรรค์ผลงานต่อไป แม้ว่าจะมาอัพช้าแค่ไหนข้าน้อยก็จะรอคอย และเป็นกำลังใจให้เสมอ (แม้จะไม่เห็นข้าน้อยโผล่มาจากในเงามืดก็เถอะ) ปล. สุดท้าย (เมื่อไหร่มันจะจบสักทีเนี่ย) ทราบมาว่าท่านเรียน ม.ปลาย คงจะเรียนหนักขึ้นคงไม่มีเวลามาอัพบ่อยข้อนี้ข้าน้อยก็เข้าใจ เพราะการเรียนต้องมาก่อน (แต่อย่างน้อยให้ได้อาทิตย์ละ 1 ครั้ง (ยาวๆหน่อย)ก็ยังดี (เป็นพริกไทยซะงั้น)) แต่อย่าทิ้งคนอ่านนะ *o* ถึงไม่เห็นแก่ข้าน้อยที่น่ารัก(ไปฆ่าทิ้ง)ก็ให้นึกถึงแฟนๆ นิยายท่านอื่นที่ติดตามผลงานของท่านมาตลอดด้วย ข้าน้อยขอลาท่านเพียงเท่านี้ (_/l\_) แต่........ เดี๋ยวๆๆๆ หากท่านไม่รังเกียจข้อน้อยอยากขอเป็นเพื่อนท่าน(เป็นไม่เป็นยังไงก็ขอให้ตอบด้วย : นี้บังคับหรือเปล่าเนี่ย) แม้คำพูดวิจารณ์จะมากมาย ดีบ้างเลวร้ายบ้าง (อย่างของข้าน้อยที่ออกไปทางเลวซะส่วนมาก : รู้ตัวด้วยเหรอ) แต่ท่านไม่จำเป็นต้องคล้อยตามปรับเปลี่ยนให้เป็นไปตามผู้วิจารณ์จนซะหมด เพราะมันจะลดความเป็นตัวตนของท่านลง แต่ก็ขอให้ท่านสร้างสรรค์ผลงานให้ออกมาในแบบฉบับของท่านเป็นดีที่สุด เพื่อตัวท่านเองจะได้มีความสุขในการแต่งเช่นเดียวกัน (สุดท้ายที่พล่ามมาทั้งหมดก็ให้เป็นตัวขอตัวเอง แล้วจะพล่ามมาทำไมฟร่ะ : ก็แค่อยากให้ท่านได้อ่านและรับรู้ความรู้สึกของข้าน้อยที่มีต่อผลงานของท่าน และจะรู้สึกเป็นเกียรติมากถ้าท่านนำเก็บพิจารณา จะขอบพระคุณอย่างสูง)   อ่านน้อยลง

    เด็กบ้านไกล | 12 พ.ค. 52

    • 25

    • 0

    ดูทั้งหมด

    ความคิดเห็น