คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Seme & Uke ; Before You Leave Me Today
SF : Before You Leave Me Today -Not Complete-
Pairing ; Yunho X Changmin , Changmin X Yunho
Genre ; Drama
Rate ; PG 15
Warning ; อยู่ในสถานะที่ยังไม่อาจบอกได้ว่า ใครรับใครรุก ฮี่ฮี่ X)
แนะนำให้อ่านช่วงเวลาให้ดีๆนะคะ !
*ฟิคเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รีไรท์มาจาก In The Silence , I Heard ที่เคยลงเอาไว้ก่อนหน้านี้ค่ะ : )*
Note ; เพราะโชคชะตามักเล่นตลกกับมนุษย์เสมอ
Inspiration Song ; Moment by One - Direction
Theme ; © Tenpoints!
-ฤดูหนาวปลายปลายปี 2011
ทุกอย่างยังเหมือนเดิม
“กลับมาแล้วครับ” เขายื่นมือไขกุญแจบ้านผลักบานประตูให้เปิดออกแล้วก้าวเท้าเข้ามาในบ้านพร้อมกับเอ่ยประโยคที่คุ้นชิน แม้สถานที่แห่งนี้จะไม่มีใครอยู่นอกจาก เขา
Shut the door , turn the light off
ขาคู่ยาวพาร่างสมส่วนเดินตรงไปที่ห้องนอน แทรกตัวผ่านช่องว่างของบานประตู เขาลอบถอนหายใจเบาๆ อย่างเหนื่อยหน่าย พิงแผ่นหลังกับไม้อัดแผ่นหนาแล้วดันมันเข้าไปจนได้ยินเสียงดัง ‘ปัง’ เขาเลื่อนมือไปปิดสวิตซ์ไฟที่เปิดทิ้งไว้ ภายในห้องจึงมืดสนิท..
I wanna be with you
I wanna feel your love
I wanna lay beside you
เขากวาดตามองไปรอบห้องแต่ก็เห็นเพียงความมืดที่เข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณ ชายหนุ่มค่อยๆล้มตัวลงนอน เอื้อมแขนไปคว้าเอากรอบรูปบนหัวเตียงขึ้นมา นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้หม่นแสงลงเมื่อภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นภาพของ.. เขากับใครอีกคนที่กำลังยืนกอดคอกันพร้อมกับฉีกยิ้มให้กล้องอย่างสดใส ริมฝีปากอิ่มแย้มรอยยิ้มบางๆ เมื่อหวนนึกไปถึงเหตุการณ์ในวันนั้น
ความทรงจำที่สวยงามในอดีต
เขาลดกรอบรูปในมือลง แล้วหันมามองพื้นที่ว่างข้างเตียงแทน ก่อนจะค่อยๆไล้ปลายนิ้วไปบนพื้นผิวเย็นชืดของเตียงกว้าง
ไร้ซึ่งไออุ่น
เปลือกตาสีอ่อนค่อยๆเลื่อนปิดลง ภายในห้วงความคิดเขาบรรจงวาดภาพขึ้นมา..ว่าในอดีต ณ ที่ตรงนี้เคยมีความทรงจำอะไรบ้างและคำตอบที่ได้ก็มีมากมายเหลือเกิน
‘
‘
‘
‘
‘
‘
ในครั้งหนึ่งที่ตรงนี้เคยมี..ใครบางคนนอนอ่านหนังสือเล่มโปรดอยู่อย่างสบายใจ
ครั้งหนึ่งที่ตรงนี้เคยมี...คนป่วยนอนซมเพราะยืนตากฝนจนไข้ขึ้น
ครั้งหนึ่งที่ตรงนี้เคยมี...ใครคนหนึ่งนั่งร้องไห้เพราะกลัวที่จู่ๆเขาก็หายไป
ครั้งหนึ่งที่ตรงนี้เคยมี...ใครคนนั้น นั่งอยู่ข้างๆเขา
แต่ในวันนี้ที่ตรงนี้กลับ ‘ ไม่มีใคร ’
I cannot hide this even through I try
ผิวแก้มเปรอะไปด้วยคราบน้ำตาจางๆก่อนเขาจะจมลงสู่ห้วงนิทรา
-ฤดูหนาวปลายปี 2010
26/12/2010
“ยุนโฮ.. ออกไปข้างนอกกัน” เสียงทุ้มๆดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ เขาวางหนังสือพิมพ์ในมือลงแล้วหันมาส่งยิ้มให้
ซึ่ง ‘ยุนโฮ’ ก็ทำเพียงยิ้มตอบ
“ฉันไปรอที่รถนะ..ข้างนอกอากาศเย็นใส่เสื้อหนาๆด้วย”
“อือ” ผมแค่พยักหน้าให้ แล้วรับคำเขาเบาๆ
ภายในรถเงียบสนิท ไม้มีแม้เสียงพูดคุยอย่างที่ควรจะเป็น ผมผินหน้าไปทางกระจกรถแสร้งทำเป็นดูทิวทัศน์ยามค่ำคืน แต่...สมองกลับไม่สามารถจดจำภาพความสวยงามนั้นได้เพียงสักนิด ผมหันไปมองหน้าเขา แล้วเหมือนเขาจะรู้ ขางมินหันหน้ากลับไปตามเดิม เลี่ยงที่จะสบสายตาผม
ผมเลยเลือกที่จะเงียบ
ไม่รู้เหมือนกันว่าเรากลายเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
อาจจะราวๆ 3 เดือนที่อะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนไป
ชางมินกลับบ้านดึกขึ้นจนบางวันก็ไม่กลับ ผมไม่ได้ถามเหตุผลเขาเพราะเราตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกก่อนจะ ‘คบ’ กันแล้วว่าจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของกันและกัน ในขณะที่ผมเองก็ยุ่งกับภาระงานชนิดที่แทบพูดกับเขานับคำได้ๆทั้งที่เมื่อก่อนมันไม่ได้เป็นแบบนี้ และเหตุการณ์เช่นนี้ก็ดำเนินไปเรื่อยๆโดยไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นรังแต่จะแย่ลง
จากที่เคยคุยกันน้อยลง เจอหน้ากันน้อยลง
กลับกลายเป็น
เราไม่ได้คุยกัน ไม่ได้เจอหน้ากัน
เวลาที่เราต่างเคยมีให้กันเริ่มหมดลงไป..
เราต่างก็มีหน้าที่และเหตุผลของตัวเอง
ผมมีงานที่ต้องทำ เขาก็มีภาระที่ต้องรับผิดชอบ
ผมรู้และพยายามยอมรับมันให้ได้ แต่มันไม่ง่ายเลย เมื่อมันทำให้ผมรู้สึกว่า..
รักของเราจืดจางลงเรื่อยๆ เราเหินห่างกันไปจนบางครั้ง..ผมก็คิดว่า ผมกับเขารักกันแน่เหรอ ?
เรารักกันใช่ไหม..?
“ถึงแล้ว” ผมสะดุ้งตื่นจากความคิดมากมายที่ตีกันในหัว นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้กวาดมองไปรอบตัวก่อนจะหลุดยิ้มบางๆอย่างไม่รู้ตัว
แม่น้ำฮัน...
ผมย่ำเท้าลงไปบนพื้นหิมะละเอียด..แล้วค่อยๆทรุดตัวลงนั่งข้างๆเขา
ไม่รู้ว่าตาฝาดเหรอเปล่า..แต่ผมเห็นว่าเขายิ้มกว้างแบบที่เป็นเอกลักษณ์ แบบที่ตาสองข้างหยิบหยีไม่เท่ากัน ยิ้มแบบที่ผมมองว่าน่ารักนักหนา ยิ้มแบบที่ผมรู้สึกว่าไม่ได้เห็นมันมานานเหลือเกิน...
ผมเหม่อมองไปยังภาพเบื้องหน้า เห็นเงารางๆของคลื่นเป็นระลอกน้อยๆ ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว เหลือเพียงพระจันทร์ดวงโตที่ทอแสงเรืองรองบนท้องฟ้ามืดสนิท
“อากาศเย็นขนาดนี้..ทำไมถึงได้พามาที่นี้”
“นั่นสินะ” เขาพูดเบาๆ ราวจะพึมพำกับตัวเองเสียมากกว่า
“อาจเป็นเพราะแม่น้ำฮันเป็นที่ที่นายชอบ” เขาส่งยิ้มจางๆให้แล้วเอนศีรษะลงพิงกับไหล่ผม... ‘เหมือนอย่างที่เคยทำ’
“ขอโทษนะ...ฉันน่าจะมีเวลาให้นายมากกว่านี้”
“อือ” ผมพยักหน้าเบาๆก่อนจะเอนศีรษะลงพิงกับเขาอีกที
“โกรธเหรอเปล่า ?”
“แล้วนายล่ะ..โกรธฉันมั้ย?”
“ถ้านายไม่โกรธฉันฉันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปโกรธนายนี่ เราต่างก็ผิดด้วยกันทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ? ทั้งนายและฉัน” เขาระเบิดหัวเราะทันทีที่ผมพูดจบ และเพราะเสียงหัวเราะอย่างสดใสของเขาก็ทำให้ผมอดจะยิ้มตามไม่ได้
บรรยากาศรอบตัวก็กลับมาเงียบสนิทอีกครั้ง.. เขายกศีรษะขึ้นจากไหล่ผมโดยไม่กล่าวอะไร มุมปากเขายกขึ้นเล็กๆคล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม... ผมหลุบสายตาลงต่ำก้มมองหิมะสีขาวบริสุทธิ์เงียบๆเพียงลำพัง ตั้งความหวังเล็กๆว่าเขาอาจจำกำลังคิดอะไรอยู่และ..อีกไม่นานเขาคงจะพูดมันออกมา..
แต่ก็ไม่
เงียบจนน่าอึดอัดเหลือเกิน
ห่าเมฆสีดำทะมึนลอยเคว้งอยู่เต็มท้องฟ้าเป็นสัญญาณว่าอีกไม่นานฝนคงจะตก.. ผมกระชับเสื้อโค้ตที่สวมอยู่แน่นขึ้น.. ในขณะที่คนข้างกายยังเหม่อลอย
ฝมเริ่มลงเม็ดแล้ว
หยาดน้ำสีใสโปรยตกจากผืนฟ้าสีดำสนิท ดวงจันทร์ที่เคยเปล่งแสงส่องสว่างหายลัยไปในกลีบเมฆ ผมเงยหน้าขึ้นมองฟ้าเบื้องบนเม็ดฝนตกลงกระทบกับผิวหน้าจนเปียกชื้นแต่ดวงตากลับร้อนผ่าว ผมปิดเปลือกตาลงช้าๆ รู้สึกถึงความกลัวเล็กๆที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ มันไม่ปรากฏชัดเจนแต่ก็ยังกลัว.. ผมเอ่ยเรียกชื่อเขาเบาๆ
“ชางมิน”
ผมเบนสายตากลับมาทางที่เขานั่งอยู่.. ริมฝีปากสั่นระริกเพราะความหนาวเหน็บ ทอดมองภาพเขาที่นั่งอยู่ท่ามกลางฝนโปรยแล้วยิ้มฝืดๆให้กับตัวเอง
“ทั้งๆที่เขานั่งอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือแต่..ภาพเสี้ยวหน้าด้านหนึ่งของเขาที่ผมมองเห็นกลับดูพร่าเลือนราวจะจางหายสลายไปได้ในพริบตาเดียว เหมือนกับว่าเขากำลังจะหนีหายไปจากผม..”
น้ำตาผมไหล..
ไหลเปรอะไปทั่วแก้มผสมปนเปไปกับหยาดฝนที่พรำตกลงมาไม่ขาดสาย
ผมเอื้อมแขนไปข้างหน้าราวจะคว้าตัวเขาไว้..แต่ก็ได้เพียงอากาศธาตุผมหยุดแขนตัวเองไว้ก่อนจะเปิดปากเอ่ยคำถามคำถามหนึ่งออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน..
คำถามที่ดูงี่เง่าและโง่งม
“เรา..จะอยู่ด้วยกันตลอดไปใช่ไหม?”
เขาหันหน้ามาหาผม ส่งยิ้มให้อย่างเคย..แต่คราวนี้กลับเป็นยิ้มแสนเศร้า.. เศร้าซะจนน่าใจหาย ผมอยากจะบอกเขาว่า.. ผมไม่ได้ต้องการยิ้มแบบนี้.. ไม่..ไม่เลยสักนิด
“มันไม่มีคำว่าตลอดไปหรอก...”เขาทิ้งช่วงจังหวะผินหน้ากลับไปมองผืนน้ำเวิ้งว้าง.. ดวงตาแลดูว่างเปล่าในแบบที่ผมไม่เคยเห็นและไม่ปรารถนาที่จะได้เห็น
“แต่..ฉันอยากให้นายรู้ว่าหัวใจของฉันเต้นอยู่ได้ก็ ‘เพราะนาย’ ถ้าหากไม่มีนายก็คงไม่มีฉัน ”
‘
‘
‘
‘
‘
“ฉันรักนาย..ยุนโฮ”
Heart beats harder.
Time escapes me
Trembling hand touch skin
It makes this harder
And the tears stream down my face
ผมรู้สึกได้ว่าหัวใจเต้นแรงผิดปกติ
เพียงคำสั้นๆว่ารัก มีความหมายมากเหลือเกินเมื่อมันออกมาจากปากคนๆนี้.. คนที่ชื่อ “ชิมชางมิน”
ผมเลื่อนมืออันสั่นเทาไปกุมฝ่ามือเขาหลวมๆแล้วยิ้มทั้งน้ำตา สัมผัสคราแรกนั้นเย็นเยียบจากอากาศรอบกาย แต่ผ่านไม่ไปนานนักมันกลับรู้สึก อุ่น ‘ที่หัวใจ’
หากพระเจ้าประทานพรวิเศษให้ผมข้อหนึ่ง.. ผมจะขอให้พระองค์โปรดเมตตาบันดาลให้เวลาหยุดอยู่ที่ ณ ตรงนี้ตราบนิรันดร์
และหากผมสามารถจะล่วงรู้ถึงอนาคต ผมจะพูดคำสั้นๆว่า “รัก” ให้เขาฟังนับพันครั้งล้านครั้งตราบเท่าที่เขาต้องการ เพราะผม..รักเขามากเหลือเกิน
แต่ทว่า..ผมไม่ทีทั้งพรวิเศษและไม่สามารถจะหยั่งรู้อนาคต
เทพธิดาแห่งโชคชะตาถึงได้ใจร้ายกับมนุษย์ธรรมดาๆที่แสนโง่งมอย่างผม
If we could only have this life for one more day
IF we could only turn back time
To Be Con...
ซุบซิบนินทา
เฮลโหลลลล!!! มาวางระเบิดอีกละ 5555555555555 อย่างที่บอกฟิคเรื่องนี้รีไรท์มาจาก
In the silence นะคะ :D มีเค้าความดราม่าลอยมาแล้ว กร๊าซซซซ - -;; ขอโทษที่มาลงช้ามาก
ยอมรับผิดทุกข้อกล่าวหา(?) แล้วจะพยายามมาลงต่อให้จบเร็วที่สุดค่ะ อย่าเพิ่งลืมกันน้า
ฝันดีล่วงหน้าค่ะทุกคน ( :
ความคิดเห็น