คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : EYE 00
EYE 00
วิญญาณ.. ผมได้ยินว่าคนมักจะเรียกพวกเดียวกันกับผมว่าอย่างนั้นนะ
สิ่งที่ไม่มีชีวิต แต่พวกเรายังล่องลอยไปอย่างไร้จุดหมาย บางตนสิงสถิตอยู่กับสถานที่ในความทรงจำ บ้างก็ยังอยู่เพราะแค้น บ้างก็เพราะรัก บ้างก็ห่วงลูกหลาน
แล้วผมอยู่เพื่ออะไรกัน?
ได้แต่นั่งถอนหายใจอยู่บนกิ่งต้นจามจุรีนี้ทุกวันหลังเวลาสี่โมงเย็น สายตาทอดมองประตูโรงเรียนที่นักเรียนในชุดมัธยมเดินกันคลาคล่ำ มาคนเดียวก็มี มาเป็นคู่ก็มี แต่คนที่ผมมองอยู่เขามากับเพื่อนกลุ่มใหญ่เหมือนเช่นทุกวัน เปลือกตาหลุบลงเพื่อเพ่งสมาธิไปยังเด็กมัธยมต้นที่ผมคอยตามดูตั้งแต่ อืม.. ตั้งแต่เกิดรึเปล่านะ?
ว่าแต่ ประเทศไทยนี่มันร้อนจริงๆนะ ผียังรู้สึก
นิ้วชี้กับนิ้วโป้งถูกใช้งานให้คีบเสื้อกล้ามสีขาวที่มันติดตัวผมอยู่ขึ้นมาแล้วกระพือเบาๆ เป็นผียังรู้สึกได้อีก หรือเพราะพลังผมมันแก่กล้าวะ
คงสงสัยกันบ้างแล้วล่ะสิว่าความจริงผมคือใคร แล้วเด็กที่ผมจับตามองอยู่คือใคร
เริ่มจากอายุก่อนแล้วกัน ชีวิตของผมยุติลงตอนที่อายุได้ยี่สิบปี เร็วเกินไปนะ.. ยังใช้ชีวิตไม่ถึงครึ่งของคนอื่นๆเลย เรื่องชื่อ.. ครั้งล่าสุดที่มีคนเรียกมันก็นานมากแล้วล่ะ แต่ยังดีที่อย่างน้อยมันก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ติดตัวผมมา ‘ชิวเล้ง’ นั่นน่ะชื่อผม แปลว่ามังกรเชียวนา
ส่วนเด็กที่ผมมานั่งเฝ้าเขาทุกวันแบบนี้น่ะ ตอนนี้อายุสิบสี่เข้าไปแล้ว หื้ม นานเหมือนกันนะ หมอนี่โตไวมากเลยล่ะ ผมถึงต้องจับตาดูเขาทุกฝีก้าวแบบนี้ ส่วนเหตุผล..
‘เล้ง! ลืมตา! กูบอกให้ลืมตา! ชิวเล้ง!’
อือ.. ดูเหมือนความทรงจำก่อนตายถูกปลุกขึ้นมาด้วยหน้าของไอ้เด็กนั่นเลย
หน้าเหมือนกันเป๊ะ.. เด็กนั่นจะดีใจรึเปล่านะที่ตัวเองหน้าเหมือนคนในยุคที่ยังไม่มีโทรทัศน์จอสีดู
อืมม นึกไปตอนนี้ก็ไม่ได้อะไรล่ะนะ ผมวาดแขนขึ้นบิดขี้เกียจในอากาศก่อนกระโดดลงมาจากกิ่งจามจุรีอายุหลายสิบปี เดินไปยืนพิงเสาไฟฟ้าพักเดียวเป้าหมายก็เดินผ่านหน้า ดูเหมือนพยายามหมุนไอ้ลูกบอลนั่นบนนิ้วมืออยู่นะ ผมหมุนตัวเดินแทรกเข้าไปในกลุ่มเนียนๆ พยายามไม่โดนตัวใครเพราะอาจจะทำให้ขนลุกและรู้สึกถึงการมีอยู่ของผมก็เป็นได้
“ทำไมมันยากแบบนี้!”
ผมลูบคางตัวเองแล้วครางฮืออย่างสนใจ พยายามกับไอ้เรื่องไร้ประโยชน์แบบนี้นี่ชอบทำกันนักนะ เป็นวัยที่น่าเป็นห่วงจริงๆ แต่เมื่อเอียงคอเข้าไปมองตาคมคู่นั้นกับคิ้วที่ขมวดอยู่ใกล้ๆแล้ว ผมก็ห้ามมือตัวเองไม่ให้เอื้อมออกไปสัมผัสลูกบอลนั่นเบาๆไม่ได้ ทำให้มันหมุนติ้วไปประมาณสามวินาที ตาคมเบิกโพลงอย่างตกใจพลางตะโกนโหวกเหวกใส่เพื่อน เฮ้ออ เด็กน้อเด็ก ผมยืดตัวขึ้นแล้วแคะหูอย่างไม่สนใจ
“หะ.. เห็นมั้ย! เมื่อกี๊อะ มันหมุนแล้วนะเว้ย!”
ผมก็ทำให้เค้ามีความสุขได้ไม่เกินกำลังตัวเองหรอกครับ
ผมมองลูกบอลที่หมุนติ้วอยู่บนนิ้วชี้ของตัวเองอย่างตกใจ ไม่รู้สิ ดีใจด้วยมั้ง หัวใจมันเต้นระรัวไปหมด
แต่ผมก็เชื่อว่าไม่ได้มาจากฝีมือผมเองนะ
ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้สึกตัวครั้งแรกตอนไหน อาจจะตอนป.2 ที่กำลังโดนหมาในซอยวิ่งไล่แล้วจู่ๆมันก็ค่อยๆนั่งลงอย่างสงบเสงี่ยมทั้งๆที่ผมกลัวจนฉี่เกือบราด หลังจากนั้นผมก็รับรู้ได้ตลอดว่ามีใครบางคนเหมือนเป็นคนคอยหนุนหลังผม ทั้งๆที่ผมทำไม่ได้แต่สุดท้ายก็เกิดทำได้ขึ้นมาซะงั้น ไม่มีเหตุผลเลย มันเป็นแบบ.. เอาเป็นว่า ถ้าไม่ใช่ผีสางคอยช่วย ผมก็เป็นคนดวงดีโคตรๆคนนึงของประเทศไทยล่ะครับ
สายลมวูบหวิวพัดผ่านผิวแก้มผมไป ทั้งๆที่อากาศร้อนจนเหนื่อยล้าไปทั้งตัว แต่ลมอ่อนๆเมื่อครู่ก็พัดมาเป็นปกติ สำหรับผม.. ผมสัมผัสได้ทุกวันนั่นแหละ มันทำให้ใจผมรู้สึกสงบแล้วก็ผ่อนคลาย รู้ว่าไม่ใช่ลมธรรมชาติแน่นอน เพราะความเย็นสบายของมันไม่สมควรพัดผ่านประเทศไทยในช่วงเดือนพฤษภาคม
ผมชื่อริวครับ อายุสิบสี่ นี่ ตอนแรกผมก็ไม่ชอบใจชื่อตัวเองเท่าไหร่หรอกนะว่าทำไมมันออกมาแปลกๆแถมยังทำให้โดนล้อเลียนได้ง่ายๆว่าผ้าขี้ริ้วบ้างล่ะ จิตสัมผัสบ้างล่ะ เออ.. อะไรมันจะช่างเหมาะเจาะขนาดนั้น ผมก็สัมผัสได้จริงๆนี่นะ แต่ชื่อผมคือริวที่หมายถึงมังกรต่างหากล่ะ ไม่ใช่จิตสัมผัสอะไรแบบนั้นสักหน่อย ก็เซ็งอยู่นะเวลาเพื่อนล้อ แต่จะบอกให้พวกมันเรียกชื่อเต็มๆว่าเซริวก็เขินๆยังไงพิกล
ใจผมมันเชื่อไปครึ่งนึงแล้วล่ะว่ามีบางสิ่งคอยตามติดผมอยู่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเทหมดใจเชื่อไปหรอกนะ อีกเสี้ยวใจมันก็ยังค้านอยู่ว่าผีไม่มีในโลก ก็นะ.. ใครจะอยากบอกตัวเองบ้างล่ะว่ามีผีตามอยู่ ถึงจะมาดีก็เถอะ แต่ถึงในจะเป็นแบบที่คิด ผมก็เชื่อว่าของฟรีไม่มีในโลก แล้วผมก็ไม่ได้อยากเสียอะไรที่มันเกินกำลังตัวเองไปในเร็วๆนี้ด้วย เกิดอยากเอาชีวิตผมไปล่ะ จะทำยังไง? น่ากลัวอยู่นะ...
“เห้ยริว รีบๆข้ามมาเร็ว!”
อ้าว ตั้งแต่เมื่อไหร่วะนี่
ผมยืนมองกลุ่มเพื่อนที่ยืนโบกไม้โบกมืออยู่ฝั่งตรงกันข้ามของถนน แหงนหน้าขึ้นมองบันไดสะพานลอยที่กำลังจะก้าวเท้าขึ้นไปแล้วสลับกับมองเพื่อนที่อยู่อีกฝั่งเรียบร้อย พวกมันส่งเสียงตะโกนดังข้ามฟากถนนยุให้ผมข้ามถนนแทนสะพานลอย
ผมไม่กล้าข้ามถนน ไม่ได้มีความหลังฝังใจหรือเคยมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับตัวผม แต่ผมไม่กล้าข้าม
ถอยหลังกลับมายืนอยู่ริมถนน มองเงาสะพานลอยที่ทาบทาลงบนพื้นถนนราวกับเป็นเส้นทางให้ผมเดินไปสู่อีกฝั่ง เสียงตะโกนเร่งเร้าของเพื่อนปลุกใจให้ผมอยากลองฝ่ารถราที่วิ่งอยู่บนถนนนี่ไปให้ได้ เหลือบมองไฟแดงที่อยู่ไกลๆก็เห็นว่าเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดงพอดี
เอาล่ะวะ
เริ่มจากขาขวาก่อนที่เริ่มก้าวออกไปแต่ก่อนที่ขาซ้ายจะตามรอยไปก็ต้องดึงร่างตัวเองกลับมาที่จุดเริ่มต้นอีกครั้งจนเกือบล้มก้นจ้ำเบ้าเพราะมอเตอร์ไซค์ของเด็กมัธยมเช่นเดียวกับผมวิ่งตัดหน้าไปอย่างไม่สนใจ เสียงโห่จากอีกฝั่งทำให้ผมยิ่งฮึกเหิม เอาใหม่.. อีกรอบ
ก่อนจะถอดใจเปลี่ยนไปขึ้นสะพานลอยแทนผมก็ใช้จังหวะที่รถกำลังติดไฟแดงวิ่งลัดเลาะตัดหน้ารถหลายคันไปจนถึงเกาะกลางถนน ใจเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้นกับข้ามถนนครั้งแรก
“เร็วๆดิวะ!”
เสียงตะโกนอย่างสนุกสนานผลักให้ผมวิ่งออกไปโดยไม่ได้ระวังตัว..
เสียงบีบแตรและเสียงล้อรถที่เบียดพื้นถนนเสียดเข้ามาในประสาทการรับเสียง คล้ายกับทุกอย่างจะหยุดนิ่งแต่มันเกิดขึ้นเร็วมาก ภาพสีหน้าของเพื่อนที่ทั้งตกใจและหวาดกลัวซึมลึกเข้ามาในสมองผมเหมือนกับมันเป็นเพียงภาพเคลื่อนไหวช้าๆ วินาทีที่รถครอบครัวคันใหญ่พุ่งปะทะกับร่างของผมนั้น มันไม่มีแม้แต่ความเจ็บปวด..
ร่างทั้งร่างล้มลงกับพื้นถนนและลูกบอลได้หลุดมือกลิ้งไปอย่างไร้ทิศทาง...
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Talk with mp143
อยากให้ลองอ่านเรื่องนี้กันหน่อยค่ะ เชิญติชมกันได้ตามอัธยาศัยเน้อ น้อมรับ
◊ SQWEEZ
ความคิดเห็น