คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : วันรายงานตัวเข้าโรงเรียนใต้น้ำ
ตะวันทอดแสงออกมาจากน้ำทะเลเมื่อตอน 6 โมงเช้าทั้งคู่ได้มาถึงท่าเรือแกลนเมือง อาบาน่าเมืองแห่งการค้าขาย ทั้งคู่ได้จอดรถมอเตอร์ไซด์ไว้ที่ลานจอดรถหน้าท่าเรือแกรนเมืองนี้เป็นเมืองแห่งการค้าขายมีตึกมากมายกลางเมืองมีหอคอยสูงเอาไว้ดูวิวทิวททัศน์ของเกาะที่อยู่ใกล้ๆ
“โซเฟีย ท่าเรือจะเปิดตอนกี่โมงอะ ??” บากิถามรางหาวนอน
“6 .30น. หนะไปหาอะไรกินดีกว่า” โซเฟียพวกแปปนึงแล้วก็ต่อว่า “ฉันหิวแล้วหนะ ไปหาไรเถอะ บากิ”
“อืมไปกันฉันก็รู้สึกท้องร้องแล้วอะ”
แล้วทั้งคู่ก็เดินไปหยุดอยู่หน้าร้านขายอาหารทะเลร้านหนึ่ง กลิ่นหอมของอาหารโชยแตะจมูกของบากิยิ่งทำให้ท้องร้องมากกว่าเก่า
“ปะ ไปกินร้านนั้นกันดีกว่านะ” บากิบอกพรางชี้นิ้วไปที่ร้านขายอาหารทะเลนั้น
“ไม่หละ ฉันไม่ชอบอาหารทะเล”
“ทะ ทำไมง่า ฮือๆ”
“อย่าร้องไห้เป็นเด็กสามขวบน่าเราอายุสิบสองแล้วนะ”
“ฮือๆ ฉันหิวแล้วนะเฟ้ย”
“งั้นไปกินร้านนั้นกัน” โซเฟียบอกพรางชี้นิ้วไปที่ภัตตาคารริมทะเล
“อืม งั้นไปร้านนั้นกัน”
แล้วทั้งคู่ก็เดินไปที่ภัตตาคาร ริมทะเลที่แสนจะหรูหราไฟสีเหลืองภายในสลับกับสีขาวของร้านอย่างลงตัวดูแล้วรู้สึกผ่อนคลาย
“เชิญนั่งเลยครับคุณผู้หญิงคุณผู้ชาย” เสียงเสริฟเชิญให้ทั้งคู่นั่นริมที่ดูวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุด
“จะรับอะไรดีครับ??” พนักงานเสริฟถาม
“งั้นของผมเอา สเต๊กปลามาโก้ก็แล้วกันครับ”
“แล้วคุณผู้หญิงหละครับจะรับอะไรดีครับ” เสียงพนักงานเสริฟถามโซเฟีย
“อะเอาสปาเก๊ตตี้ เนื้อ ค่ะ” โซเฟียตอบพนักงานเสริฟไป
“แล้วจะรับน้ำอะไรดีครับ ??”
“ของผมเอาน้ำมะนาวก็แล้วกันครับ”
“ของฉันเอาน้ำมะนาวด้วยค่ะ”
“รอแปปนึงนะครับ” พนักงานเสริฟบอกพร้อมยิ้มเล็กๆแล้วก็เดินหายไปในห้องครัว
“บากิได้เอาใบเข้ารายงานตัวมาปะ??” โซเฟียถามบากิพรางมองไปที่ตะวันทะกำลังทอแสงลงมาสู่ผิวทะเลเป็นสีทองประกายดูแล้วรูสึกสดชื่นหลังจาขับรถมาสี่ชั่วโมงเต็มๆ
“เอามาอยู่แล้วหละถ้าไม่เอามาก็ซวยสิอุส่าสอบเข้าแทบตาย”
“แล้วเขาให้ไปรอที่จุดจอดเรือที่เท่าไหร่หละ”
“ไปรอจุดจอดเรือที่สี่หนะ”
“นี่โซเฟียมันร้อนหนะทำให้ลมมันพัดมาหนอยดิเอาค่อยๆพอนะ” บากิพูดหน้าของเขาเหงือแตกพลั้ก
“เห้อ เปลืองพลังปล่าวๆ น่า”
“นะ น้าโซเฟียนิดเดียวเอาหง่า” บากิพูดด้วยน้ำเสียงที่อ้อนทำตาเป็นประกายดูแล้วน่าสงสาร
“ก็ได้ๆ อย่าทำหน้าบ๊องแบ๊วใส่ฉันอย่างงั้นน่า” โซเฟียพูดพรางเอามือปัดไปปัดมาจากนั้นลมก็พัดมาทำให้บากิเย็นแล้วหายเหงื่อแตก
“ขะ ขอบใจนะโซเฟีย” บากิทำหน้าบ๊องแบ๊วใส่
“อย่ามาทำหน้าแบบนันใส่ฉันอีกนะ”
“อาหารที่สั่งมาแล้วครับ สเต๊กปลามาโก้ของคุณผู้ชายและสปาเก๊ตตี้ของคุณผู้หญิงแล้วน้ำมะนาวสองแก้วสำหรับสองท่านมาแล้วครับ” แล้วพนักงานเสริฟก็เดินออกไป
ทั้งสองคนต่างก็ตั้งใจกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เวลาผ่านไป 30 นาที อย่างรวดเร็ว
“คิดเงินหน่อยครับ”
“ทั้งหมด 120 เฟรมครับ”
แล้วบากิก็เอาบัตรเครดิตของเขาให้กับพนักงานเสริฟแล้วพนักงานเสริฟก็นำมันไปที่เค้าเตอร์ แล้วก็รูดกับที่เก็บเงิน
“นี่ครับบัตรเครดิต” พนักงานกล่าวพร้อมกับยื่นบัตรเครดิตมาให้บากิ
“ปะโซเฟียเดี๋ยวไปรายงานตัวสาย”
“ปะไปกัน”
แล้วทั้งคู่ก็เดินออกจากร้าน แล้วพวกเขาก้ไปเอากระเป๋าแลบัตรรายงานที่รถแล้วก็เดินเข้าไปในท่าเรือแกรนแล้วพวกเขาก็ถามพนักงาน
“พี่ฮะ จุดจอดเรือที่สี่ไปทางไหนฮะ” บากิถามพนักงาน
“เดินตรงไปเรื่อยๆ แล้วจะเห็นทางแยกแปดทางข้างบนของแต่ละทางจะเขียนหมายเลขว่าจุดจอดเรือที่1,2,3 เรียงตามลำดับค่ะ” พนักงานพูดแล้วยิ้มให้บากิ
“ขอบคุณฮะพี่” บากิบอกขอบคุณ
“ไปกันเถอะโซเฟีย” บากิพูดพร้อมลากแขนโซเฟียไป
“จะ เจ็บนะฟ่ะ” แล้วโซเฟียก็รูปแขนตรงที่โดนบากิจับจนแดง “นายนี่จับแขนฉันค่อยๆ หน่อยไม่ได้หรือไง!!” โซฟียตะคอกใส่บากิบากิถึงกับน่าซีดไปเลย
“ขะ ขอโทษโซเฟีย” บากิทำหน้าบ๊องแบ๊วใส่โซเฟียอีกแล้ว
“ช่างเหอะ ไหน ท่าจอดเรือที่สี่อยู่ตรงไหน” โซเฟียมองไปที่ด้านบนของช่อง “นั่นไงทางนั้น”โซเฟียพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“งั้นก็ไปกันเลย” บากิพูด
แล้วทั้งคู่วิ่งไปไปที่จุดจอเรือเขาก็เห็นหุ่นเช็คบัตรทางเข้าเรือ
“กรุณานำบัตรของท่านมาสแกนก่อนเข้าเรือด้วย ตุ๊ดตู๊ด~~” เสียงของหุ่นตรวจบัตร
จากนั้นเด็กทั้งสองก็เอาบัตรที่เขาได้มานำไปหยอดที่ช่องสแกนที่ลำตัวของหุ่น
“สแกนเสร็จแล้วครับ ตุ๊ดตู๊ด~~” แล้วบัตรก็ค่อยๆเลื่อนออกมาจากที่สแกน “นำบัตรไปได้เลย ตุ๊ดตู๊ด~~” แล้วประตูก็ค่อยๆเปิดออก “เชิญเข้าไปที่จุดจอดเรือที่สี่ได้เลย ตุ๊ดตู๊ด~~”
“เข้าไปเลยมั้ยบากิ” ยังไม่ทันขาดคำบากิก็เดินล่วงหน้าเข้าไปก่อนแล้ว
“ถ้าไม่ทันประตูมันจะปิดก่อนนะ”
“ระ รอด้วยสิ” แล้วโซเฟียก็เดินตามบากิไป
พอพวกเขาไปจนสุดทางก็มีประตูบานใหญ่ที่มีที่รูดบัตรเพื่อทำการปลดร็อก ประตู แล้วพอบากิรูดบัตรประตูจึงเปิดออกแล้วทั้งสองก็เข้าไปในประตูพบที่ขนสำภาระขึ้นไปบนเรือกับคนที่คอยยกสำภาระอยู่ควบคุมที่นั่น
“น้องครับให้พี่ช่วยไหมครับน้องเดี๋ยวพี่ยกกระเป๋าเสือผ้าให้” คนขนสำภาระคนหนึ่งบอกทั้งสองทั้งสองแต่พยักหน้าแล้วผู้ชายคนนั้นบอกว่า “น้องมีอะไรให้พวกพี่ช่วยอีกไหม”
“มะ มีครับรถมอเตอร์ไซด์สองคันข้างนอกครับช่วยเอาขึ้นเรือให้หน่อยนะครับ” บากิบอก
“ได้สิครับแล้วมอเตอร์ไซด์น้องรุ่นอะไรสีอะไรหรอครับ”
“สีเงินกับสีแดงทะเบียนAF0598 กับ TX8435 ค่ะ” โซเฟียตอบแทนบากิ
“นี่ครับกุญแจรถ” บากิพูดแล้วล้วง เอากุญแจรถมอเตอร์ไซด์ของเขาและโซเฟียให้กับพนักงาน
“ครับเดี๋ยวพี่จะเอาขึ้นเรือให้ครับ” พี่พนักงานขนของบอกแล้วยิ้มให้อย่างทั้งคู
เวลาผ่านไปสิบห้านาทีพี่คนนั้นกับพนักงานคนอื่นก็นำรถของบากิกับโซเฟียขึ้นเรือโดยไม่มีรอยขีดข่วน
“ขอบคุณมากครับพี่ๆ” บากิกล่าวขอบคุณ
“ไม่เป็นไรหรอกมันเป็นงานของพี่” พี่พนักงานคนหนึ่งพูดขึ้น
“ปะ ไปกันเถอะบากินี่ก็ใกล้จะ แปดโมงแล้วนะเดี๋ยวไม่ทัน” โซเฟียพูดพร้อมกับคว้ามือบากิไว้แล้วลากเขาแล้วเดินไปที่ห้องด้านในพอโซเฟียเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับทั้งคู่มีประมาณห้ารอยคนอยู่ในห้อง
แล้วก็มีเด็กคนหนึ่งผมสีน้ำเงินเข้ม นัยน์ตาสีเขียวมรกตใส่ชุดสีน้ำเงินอ่อนแขนยาวกางเกงสีขาวขายาว เดินตรงมาทางเขา
“หวัดดีครับผมชื่อราฟาเอว รีฟ เรียกผมว่ารีฟ นะครับครับ แล้วคุณทั้งสองหละครับ” เด็กหนุ่มนามรีฟเอ่ยทักทายทั้งสอง
“หวัดดีครับรีฟ ผมชื่อบากิ เนวเลอร์ เรียกผมว่าบากิ นะครับ” บากิแนะนำตัว
“ส่วนฉันชื่อ โซเฟีย วอลเลอร์ เรียกฉันว่าโซเฟีย นะค่ะ” โซเฟียแนะนำตัว
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณบากิ และ คุณโซเฟีย”
“เช่นกันครับ”
แล้วทั้งสามคนก็ไปที่นั่งโดยมีรีฟเดินนำ พวกเขาเดินไปที่มุมของห้องมีที่นั่งว่าอยู่สี่ที่พวกเขาจึงไปนั่งอยู่ตรงนั้น
“รีฟ นายอยู่ที่เมืองไหนอะ??” บากิถามพร้อมยิ้มใส่รีฟ
“อ๋อ ลูตี้ หนะ” รีฟ ตอบแล้วยิ้มเล็กน้อย
“บ้านนายอยู่ไกลจังเลยนะ ที่นั่นหนาวปะ” โซเฟียทำตาโต
“อ๋อก็หนาว... หนาวทั้งปีหละ แล้วพวกนายหละมาจากไหน” รีฟยิ้มแหยๆ
“พวกเรามาจาก พลอนเทเรีย” โซเฟียตอบแล้วยิ้มเล็ก
บากิเหลือบดูนาฬิกาข้อมือของเขาตอนนี้เวลา 7.56 น. ใกล้ถึงเวลารายงานตัวแล้ว
“อีกแค่ 4 นาทีก็รายงานตัวแล้วหละ ตื่นเต้นจังจะได้ขึ้นเรือดำน้ำครั้งแรก” บากิพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ไม่เห็นหน้าตื่นเต้นตรงไหนเล้ย” โซเฟียพูดทำน่าเหนื่อยใจ
“ไม่หลอกครับผมยังตื่นเต้นเลย” รีฟพูดแล้วหันหน้าไปหาโซเฟียแล้วยิ้มกว้างให้
“เหอะๆ” โซเฟียทำหน้าเบื่อหน่าย
จู่ๆ มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “ให้นักเรียนที่จะมารายงานตัวมาที่นี่ พร้อมกับบัตรที่เราแจกให้ด้วยค่ะ” มีเสียงสาวสวยดงขึ้นให้ทุกคนที่รายงานตัววันนี้ไปรวมกันที่ประตูที่มีเครื่องตรวจบัตรเป็นกุญแจผ่านไปทางเข้าเรือแล้วเธอก็พูดต่อว่า “นักเรียนรูดบัตรที่ช่องรูดบัตรเปิดประตูเพื่อเป็นการรายงานตัวด้วยค่ะ” แล้วนักเรียนก็เข้าแถวตามที่พี่พนักงานบอก
“นี่ รีฟ ทำไมนักเรียนน้อยจังเลยหละพี่เราบอกว่าระดับชั้นละตั้ง1200คนทำไมมีแค่ 500 กว่าคนเองหละ”
“อ๋อ วันนี้เขาให้นักเรียนที่มีคะแนนสอบเข้า 250 350 มารายงานตัววันนี้”
“อืมๆ นี่เราสอบได้ตั้ง 250 350 คะแนน เชียวหรอเนี่ย”
“อ่าว คนต่อไป” พนักงานเรียกให้คนต่อไปมารายงานตัวนั่นก็คือบากิแล้วก็รีฟคนสุดท้ายคือโซเฟีย
“คะ ครับ” จากนั้นบากิก็นำบัตรไปรูดบัตรเพื่อรายงานตัวจากนั้นก็มีเสียงของเครื่องที่รูดบัตรบอกว่า
“ยินดีต้องรับเข้าสู่โรงเรียนมัธยมโลก อควาเรียส นะครับ ตุ๊ดตู๊ด~~”
ทั้งสามคนรายงานตัวเสร็จในเวลา 9.00 น. ทั้งสามก็เดินขึ้นไปในเรือดำน้ำเพื่อไปเมืองแห่งมหาสมุทร ‘อาควาราเซีย’ ภายในเรือดำน้ำที่จะเดินทางไปนั้นมีที่นั่งประมาณ 600 แบ่งออกเป็น ซ้ายติดหน้าต่างสามที่กลางสามที่และขวาอีกสามที่ด้านหลังเรือดำน้ำจะมีห้องน้ำและห้องอาหารภายในเรือนั้นทางด้วยสีน้ำเงินเข้ากับสีภายนอกดูแล้วกลมกลืนกันข้างหน้าแต่ละโซนจะมีทีวีดูได้ประมาณสามคนและด้านหน้าจะมีจอฉายหนังขนาดยักษ์ด้านทั้งสองข้างของเรือจะมีกระจกยาวประมาณ 20x20 นิ้วไว้ชมธรรมชาติภายนอก
“ว้าว~~ สวยจังเลย” บากิพึมพำพร้อมทำตาโต
“จะมาดูอะไรตรงนี้รีบไปจองที่ตรงหน้าต่างกันเหอะ เร็วเดี๋ยวก็อดดูปลาหลอก” โซเฟียพึมพำพร้อมจับแขนบากิแล้วเดินไปที่นั่งมุมด้านซ้ายของเรือซึ่งมีที่ว่างพอดีสามที่ให้ทั้งสามคนนั่ง
“เห็นรึป่าวเกือบไม่ได้ที่ติดริมแล้วเหลือแค่ตรงนี้ที่เดียวนะ” โซเฟียพึมพำแต่บากิไม่ได้ฟังกลับไปดูแขนที่บวมแดงข้างขวาที่ถูกโซเฟียดึงมา
“อูย เจ็บนะดึงแรงจังผู้หญิงอะไรเนี่ย” แล้วบากิก็เอามืออีกข้างรูปตรงที่มันบวม
“งั้นก็ขอโทษก็แล้วกัน” โซเฟียทำหน้าเหมือนรู้สึกผิด
“ถ้าผิดก็ดีแล้วงั้นฉันขอองที่ตรงกลางก็แล้วกันฉันจะดูทีวี” บากิพึมพำ
“งั้นฉันขอในสุดก็แล้วกันแล้ว รีฟ นั่งนอกนะ” โซเฟียพึมพมแล้วหันหน้าไปทางรีฟ
“อืมที่ไหนก็ได้ฉันไม่เกี่ยงอยู่แล้ว” รีฟพูดพร้อมยิ้มเล็กให้โซเฟีย
“อืมงั้นเป็นอันตกลง” แล้วทั้งสามคนก็นั่งที่ของตัวเอง
ตอนนี้เป็นเวลา 10.00น. ได้เวลาเรือออกแล้วทันไดนั้นก็เหมือนว่าเรือดำลงแล้วและท้องฟ้าข้างนอกหน้าต่างก็ไม่เห็นแล้วเห็นแต่ตอนนี้มีน้ำทะเลและสัตว์ทะเลมากมายรวมถึงมอนสเตอร์ใต้น้ำทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังข้นหน้าจอฉายหนัง
“สวัสดีค่ะน้องๆ ทุกคนพี่ชื่อเอริน เนวเลอร์อยู่ม.4จะมาคุมน้องๆในการปฐมนิเทศครั้งนี้เกาะใต้ทะเลเมอร์ฟิน ที่สวยที่สุดในมหาสมุทรก็ว่าได้ และพี่สองคนนี้จะมาแนะนำว่ากิจกรรมมีอะไรบ้างที่พักเราพักที่ไหนทำอย่างไรกินอาหารกินที่ไหนพี่สองคนนี้จะบอกนะค่ะ” ผู้หญิงที่ชื่อ เอริน เนวเลอร์ เธอมีผมสีทอง นัยน์ตาสีเขียวเข้ม ผิวสีขาวอมชมพูน่ารัก เธอชี้ไปทางผู้ชายสองคนคนที่อยู่ด้านซ้ายมีผมสีดำ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน ผิดสีออกน้ำตาล อีกคนทางด้านขวามีผมสีสีน้ำตาย นัยน์ตาสีดำ ผิวสีแทน
“สวัสดีครับพี่ชื่อเคลเว่น เกลย์แมน ส่วนพี่ที่ยืนอยู่ข้างขวาของน้องๆทุกคน พี่คนนี้ชื่อ เฮเด้น มาเวล พี่สองคนจะมาแนะนำน้องเรื่องกิจกรรมและที่พักนะครับใช่มั้ยเฮเด่น”
“ใช่แล้วครับวันนี้เป็นวันที่อากาศดีแต่มองนอกหน้าต่างกลับไม่เห็นดวงอาทิตย์ซะงั้นแม้แปลกใจจริงๆ เลยใช่มั้ยเคลเว่น”
“ก็แหงหละนี่มันใต้ทะเลหนิเฮเด้น”
“โอ้ผมลืมไปเลยนะครับ เคลเว่น อืมเรานอกกันมาหลายกิโลแล้วเราจะมาเข้าเรือกันดีกว่านะครับทกคนจะมีแผ่นกระดาษใต้ที่นั่งนะครับนั่นจะมีรายละเอียดของการเข้าค่ายปฐมนิเทศครั้งนี้นะครับทุกคนหยิบขึ้นมาดูเลย ข้างในนั้นจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับที่พักและกิจกรมครับ”
แล้วนักเรียนที่มารายงานตัวก็หยิบกระดาษสีขาวที่วางอยู่ใต้เก้าอี้มาดูกิจกรรมทั้งหมดที่จะทำนั้นมีอยู่ 12 กิจกรรมแต่ละกิจกรรมจะแบ่งเป็นฐานและการปฐมนิเทศมีมี 3 วันวันที่หนึ่งจะชี้แจงการปฐมนิเทศว่าทำอย่างไร และจัดที่พัก วันที่สองคือพากเช้าเข้ากิจกรรม 3 อย่าง ภาคบ่ายอีก 3 อย่าง
“ถ้ามีใครสงสัยอะไรก็ถามได้นะ” เฮเด้นเอ่ยขึ้น
ทุกคนต่างเงียบและดูกระดาษในมือ
“งั้นให้พี่ เอรินเป็นคนชี้แจงเรื่องต่างๆ ต่อก็แล้วกันนะครับ” เฮเด้นเอ่ยแล้วชี้ไปทางหญิงผมทองที่อยู่ขางๆ
“งั้นเรามาเลือกตัวแทนนักเรียนในการปฐมนิเทศกันเลยดีกว่านะค่ะ ให้น้องๆ ทุกคนเลือกเพื่อนๆ ขึ้นมา 5 คนเมื่อมาลงคะแนนเสียว่าใครจะได้เป็นตัวแทนนักเรียนในการเข้าค่ายปฐมนิเทศครั้งนี้เชิญบอกรายชื่อได้เลย และคนที่ถูกเอ่ยชื่อให้ขึ้นมาได้เลยนะค่ะ” แล้วเอรินก็ยิ้มแบบมีความสุขให้ทุกคนในห้อง
แล้วก็มะเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น
“มาคัส เอวมายเยอร์ครับ” เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล นัยน์ตาสีฟ้าพูดชื่อคนที่นั่งข้างๆ แล้วเด็กหนุ่มผมสีดำ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนใส่แว่นหนาเตอะ ก็ลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินไปข้างหน้าจอฉายหนัง
“มอแรนด้า เซอบีรัส ค่ะ” เด็กผู้หญิงผมสีแดง นัยน์ตาสีทอง พูดชื่อเพื่อของเธอที่นั่งข้างๆ แล้วเด็กสาวผมสีทองหงิกเป็นลอน นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลก็ลุกขึ้นจากที่นั่งริมขวาแถวที่สามก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างหน้าเช่นกัน
“วิเวียน รอเร้น ค่ะ” เด็กหญิงคนหนึ่งเอ่ยจากด้านหลัง แล้วเพื่อนของเธอที่นั่งข้างๆ ที่มีนัยน์ตาสีเขียวมรกต ผมสีน้ำตายแดงก็เดินออกจากที่นั่งไปยังหน้าจอฉายหนัง
“เบ็น โมแกน ครับ” เด็กหนุ่มผมสีเงิน นัยน์ตาสีดำคนหนึ่งเอ่ยชื่อเพื่อนที่นั่งข้างๆ นัยน์ตาสีดำ ผมสีดำ ก็ลุกจากที่นั่งแล้วเดินไปที่หน้าจอฉายหนัง
“อีกแค่คนเดียวเทานั้นค่ะ” เอรินพูดขึ้นแต่ทั้งห้องกลับเงียบไม่รู้ว่าจะให้ใครออกไปเป็นคนสุดท้าย แต่ก็เสียหนึ่งดังขึ้น
“โซ...” บากิเอ่ยชื่อคนที่นั่งติดกับเขาข้างหน้าต่างขึ้นแต่ก็ต้องขาดเมือมีเสียงแทรกจาคนข้างๆติดริมหน้าต่างเอ่ยขึ้น
“บากิ เนลเลอร์ ค่ะ”เด็กสายชิงพูดตัดหน้า
“เห้ย!! เป็นบ้าอะไรให้ฉันออกไปเนี่ย” บากิว่าโซเฟียที่นั่งข้างๆ
“ฉันคิดดีแล้ว นายแหละสมควรที่จะออกไปเพราะนายฉลาดกว่าฉัน”
“เธอนี่มัน!!”
“มันอะไร”
“เอาก็เอาวะ!!” เมื่อเด็กหนุ่มพูดจบเขาก็ลุกจากที่นั่งแล้วเดินไปที่หน้าจอฉายหนัง
“ถ้าอย่างงั้นเราก็มาแนะนัวทั้งห้าคนกันเลยเริ่มจากคนที่หนึ่ง”
“ผมชื่อมาคัส เอวมาเยอร์ ครับ เรียกผมว่ามาคัส ก็แล้วกันนะครับ” หนุ่มน้อยแว่นหนาเตอะแนะนำตัว
“ส่วนฉันชื่อมอแรนด้า เซอบิรัส เรียกฉันว่า มอแรนก็แล้วกันค่ะ” เด็กหญิง ผมสีแดงแนะนำตัว
“ฉันชื่อ วิเวียน รอเร้น เรียกฉันว่าวิเวียนก็แล้วกันนะค่ะ” เด็กหญิงผมสีน้ำตายแดงพูดแนะนำตัว
“ผมชื่อ เบ็น โมแกนครับ เรียกผมว่าเบ็น นะครับ” เด็กหนุ่มผมสีเงิน ท่าทางมั่นใจในตัวเองมากที่สุดของทั้งห้าคน
“อะ... เอ่อ ผมชื่อ บากิ เนวเลอร์ คะ... ครับ เรียกผมว่าบากินะครับ” เมื่อเด็กหนุ่มผมทองท่าทางตื่นเต้นพูดแนะนำตัวก็มีเสียง กรี๊ด ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจากสาวๆ ครึ่งค่อนของทั้งเรือเพราะเด็กหนุ่มหน้าตาดีที่สุดในทั้งหมดของเรือได้ไปยืนต่อหน้าทุกคน เขาไม่เคยขึ้นเวทีและมีคนจ้องมองเขาเยอะขนาดนี้มาก่อนจนเหงื่อแตกแต่ก็ยิ้มอย่างหวั่นๆ ให้ทุกคนในห้อง
“เราก็รู้จักทั้งห้าคนแล้วใช่มั้ยค่ะน้องๆ แล้วคราวนี้เราก็จะมาเลือกให้ใครเป็นตัวแทนนักเรียนในการเข้าค่ายปฐมนิเทศครั้งนี้เลยดีกว่า” เอรินหยุดแล้วยิ้มให้ทุกคนในห้องแล้วก็ต่อ “ให้ทุกคนดูที่จอทีวีข้างหน้าของทุกคนนะแล้วกดปุ่มสีฟ้าจะ มีชื่อ และรูปของผู้ลงสมัครเป็นตัวแทนนักเรียนในการเข้าค่ายปฐมนอเทศครั้งนี้ ให้นักเรียนเอานิ้วจิ้มไปที่ชื่อผู้ลงสมัครที่พวกเธอต้องการโหวต ให้เขาเป็นตัวแทนนักเรียนแล้วผลที่โหวตแสดงที่หน้าจาฉายหนังด้านหน้านี้นะค่ะเริ่มโหวตกันได้เลยค่ะ”
จากนั้นทุกคนก็ทำตามที่เอรินบอกอีก 5 นาทีผ่านไปคะแนนที่ปรากฏบนจอฉายหนัง
ชื่อ |
คะแนนที่ได้จากการโหวต |
มาคัส เอวมายเยอร์ |
93 |
มอแรนด้า เซอบีรัส |
96 |
วิเวียน รอเร้น |
97 |
เบ็น โมแกน |
99 |
บากิ เนลเลอร์ |
115 |
ต่างคนต่างมองคะแนนที่ปรากฏตรงจอฉายหนังขนาดยักแล้วก็ประหลาดใจที่ว่าเด็กหนุ่มผมสีทองหน้าตาใช้ได้ทำไมถึงที่หนึ่งแต่คนที่ประหลาดใจที่สุดก็คือ โซเฟียที่เรียกชื่อเขาไปเล่นๆ โดยนึกว่าหมอนี่ไม่ทางที่จะได้ที่หนึ่งหลอก
“ว้า~~ ไอ้หมอนั่นมันทำได้แฮะ” โซเฟียพึมพำคนเดียว
“เราได้ตัวแทนนักเรียนเข้าค่ายปฐมนิเทศกันแล้วนะค่ะ เชิญกล่าวอะไรสักหน่อยนะค่ะ” เอรินยิ้มให้บากิ
“อะ เอ่อ ผมก็ไม่รู้ว่าจะบอกยังไงหละครับอยู่ดีๆ ก็เป็นตัวแทนนักเรียนเนี่ย เอ่อ ผมจะพยายามทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุดครับ” แล้วเด็กหนุ่มก็ยิ้มอย่างมีเสน่ห์บาดใจสาวๆ เกือบทั้งเรือแล้วเขาก็เดินกลับมายังที่นั่ง
“ยินดีด้วยนะครับคุณบากิ” รีฟพึมพำแล้วยิ้มให้บากิเล็กน้อยแล้ต่อว่า “ผมก็เลือกคุณนะครับ”
“ขอบใจมากนะ” แล้วยิ้มขิบคุณให้รีฟ
“ชิ ก็แค่ตัวแทนนักเรียน โด่ ถ้าฉันออกไปก็ได้เหมือนกันหนแหละ” โซเฟียบ่นพึมพำอย่างเบาๆ แต่ก็ไม่เบาสำหรับคนที่นั่งข้างๆ บากิหันมา
“ว่าไงนะ” เขาจ้องเขม็ง ไปที่โซเฟียจนเธอเหงื่อแตกพลั่ก
“มะ ไม่มีไร” เธอตอบแล้วยิ้มแหยๆ ให้เขา
“งั้นก็แล้วไป” แล้วเขาก็นั่งลงแล้วก็เปิดโทรทัศน์ดูรายการที่เขาชอบ
เกือบตายแล้วมั้ยหละ...โซเฟียพูดกับตัวเองในใจ
ตอนนี้เป็นเวลา 12 . 10 น. เป็นเวลารับประทานอาหารกลางวัน อาหารกลางวันนั้นก็คืออาหารทะเลหรือของที่หาได้ในแถบนี้ซึ่งเป็นอาหารที่โซเฟียเกลียดที่สุด
“น่ากินจังเลยข้าวผัดทะเลเนี่ย เธอก็ลองกินบ้างสิโซเฟีย” บากิทั้งที่ปลาหมึกยังเต็มปาก
“มะ ไม่เอาหละพวกนายก็กินส่วนของฉันด้วยก็แล้วกันฉันยังไม่หิว” ทั้งที่ทองยังร้องอยู่
“อร่อยออกนะครับคุณโซเฟีย” รีฟพูดแล้วยื่นกุ้งตัวใหญ่ไปให้เธอ
“บอกแล้วไงว่าฉันไม่เอา!!” จากเสยงปกติกลายเป็นตะคอก
“งั้นเหรอน่าเสียดายออก งั้นฉันเอาเองก็ได้นะ” บากิพึมพำ แล้วดึงกุ้งที่อยู่ในมือรีฟมากินทันที
“ตะกระ ไปหน่อยมั้งบากินายเดี๋ยวก็อ้วนหรอก”
“คนอย่างฉันมันไม่เคยอ้วนอยู่แล้วหละ ฮ่าฮ่า” บากิหัวเราะเบาๆ
“ช่างนายเหอะ”
“คุณโซเฟียไม่กินจริงๆ หรอครับเดี๋ยวก็ไม่มีแรงหรอก”
“ช่างเขาเหอะรีฟถ้าทนไม่ไหวก็กินเองหละถ้าเขาไม่กินฉันกินเองก็ได้ หุหุ”
อีก 15 นาทีต่อมา โซเฟียยังไม่แตะข้าวในจานของตนเองส่วนคนอื่นทยอยกันกินจนเกือบหมดทุก คนแล้วบางคนก็ขอข้าวมาเพิ่มอีกจานส่วนคนที่นั่งข้างโซเฟียจานที่สามแล้ว
“อร่อยมากเลยนะไม่กินหรอลองดูสักคำปะแล้วจะติดใจ” บากิตักข้าวในจานของเขาไปล่อโซเฟียเธอได้แต่กลืนน้ำลายแต่ก็ทำเป็นไม่สนใจอาหารที่อยู่ตรงหน้าเหมือนเดิมจนกระทั่งบากิจะหยิบจานของเธอไปกินแล้วเธอก็ตบมือของคนที่จะมาฉกอาหารของเธอไปอย่างแรง
“โอ้ย!!” บากิร้องด้วยความเจ็บแสบ
“อย่ามายุ่งกับอาหารของฉันฉันกินเอง” แล้วโซเฟียก็พยายามมองอาหารตรงหน้าแล้วกลืนน้ำลายเฮือกหนึ่งแล้วเธอก็กินข้าวผัดในจานจนหมด
“อิ่มจังเลย”
“กินเร็วเป็นบ้าเลยเธออะ” บากิมองไปทางโซเฟียด้วยความประหลาดใจ
“ยังไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ”
“ก็แหม มันหิวหนิ”
“ช่างเหอะเดี๋ยวก็จะบ่ายสองแล้วหนังกำลังจะฉายแล้วหละ”
“งั้นเหรอเอ่อใช่บากินายกำลังจะเอาจานไปเก็บใช่ปะฝากของฉันด้วยหละ” แล้วโซเฟียยื่นจานที่ไม่มีแม้แต่เสดอาหารให้บากิ
“ครับๆ ท่านแม่เดี๋ยวกระผมจะเอาไปเก็บเองครับ” บากิล้อโซเฟีย
“อืม”
ภายนอกหน้าต่างเรือมีปลาและมอนสเตอร์มากมาย ทั้งดุร้ายและสวยงามปะปนกันแต่สาวน้อยตาสีทองก็เบิกกว้างเมื่อได้เห็นสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์หลบอยู่ในถ้ำมันมีแขนสองข้างกรงเล็บขนาดยักษ์หน้ามันคลายปลาสีแดงลำตัวของมันมีสีแดงปนเขียวขาสองข้างของมันมีสีเขียวตาของมันเป็นสีเหลืองเหมือนตายมทูติแล้วมีตัวอักษรโบราณแถวลำตัวของมันมันคือเมกาโลดอนมอนสเตอร์ระดับบอสมันเหมือนจ้องมาทางโซเฟีย
“เฮ้ บากิมาดูอะไรนี่” แล้วโซเฟียก็ดึงคอบากิมาดูที่กระจก
“มอนสเตอร์หายากเชียวนะนึกว่ามันมีแต่ในตำนานซะอีก”
“อืม มันตัวใหญ่กว่าเรือดำน้ำลำนี้ซะอีกแฮะ”
“ใช่ สุดยอดเลยใช่ปะ เฮ้ ดูนั่น” แล้วเธอก็ชี้ไปทางโขดหินขนาดยักษ์
“ดูตัวนั้นดิมอนสเตอร์ผู้พิทักษ์เมือง อควอโรฟิชมอนสเตอร์ระดับ 10 ที่ปกป้องเมืองนี้ไว้ให้ปลอดภัยจากมอนสเตอร์ต่างๆ ยังไงหละ” อควอโรฟิชเป็นปลาไหลลำตัวสีฟ้าท้องสีครีมมีเกล็ดเหมือนมังกรขนาดยักษ์เขี้ยวของมันใหญ่เท่ากับรถยนต์หนึ่งคันตาสีฟ้าน้ำทะเลกำลังจ้องมองเรือดำน้ำที่พวกเขานั่งอยู่
“โซเฟียทำไมเธอรู้ดีจงเลยเรื่องของมอนสเตอร์พวกนี้เนี่ย”
“อ้อ ฉันเคยอ่อนอควาราเซียไกด์บุ๊คอะ”
“อืม วันหลังฉันต้องไปซื้อมาอ่านดูซะแล้ว”
“บากิ หนังมาแล้ว”
“มาพอดีเลย”
จากนั้นเรือก็ค่อยๆ แล่นผ่านป้ายที่เขียนว่า ‘ยินดีต้อนรับสู่เมืองใต้น้ำ อควาราเซีย’ ไปอย่างช้า
ความคิดเห็น