ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    100 อันดับ โลกต้องจารึก

    ลำดับตอนที่ #61 : อวสาน “ซัดดัม” ปิดตำนานจอมอหังการโลกสะท้าน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.73K
      2
      2 ม.ค. 50


    อวสาน "ซัดดัม" ปิดตำนานจอมอหังการโลกสะท้าน


                   
    จากอดีตผู้นำจอมอหังการ
    "ซัดดัม ฮุสเซน" ในวันนี้ กลายเป็นตาแก่หนวดเครายุ่งเหยิง ไร้สง่า ถูกศัตรูจับกุมตัว ในซ่อนหลุมหลบภัยแคบๆ ถือเป็นการปิดฉากรูดม่านตำนานของอดีตผู้ยิ่งใหญ่ที่โลกสะท้าน ในวัย 66 ปี


    * * *

            กำเนิดชนแหลก

                   
                   "ซัดดัม ฮุสเซน" เกิดเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2480 ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งใกล้กับเมืองติกริต ทางตอนเหนือของกรุงแบกแดด ซัดดัม กำพร้าแต่กำเนิด ไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้พบหน้าบิดาของตนที่มีนามว่า "ฮุสเซน อัล มาญีด" จึงเป็นหน้าที่ของ "ซับฮะห์" มารดา และ "อิบรอฮิม ฮาซัน" พ่อเลี้ยง ซึ่งเกลียดขี้หน้าและทำร้ายซัดดัมน้อยอยู่เสมอ นอกจากนั้นยังไม่อนุญาตให้ซัดดัมได้เรียนหนังสือ

                    ...จากวัยเยาว์ที่ถูกพ่อเลี้ยงทารุณดุด่าเป็นประจำ ซัดดัมแปรแรงกดดันในครอบครัว มาเป็นพลังผลักดันชีวิตให้ทะเยอทะยาน ก้าวเข้าสู่ "พรรคบาธ" ของอิรัก กลายเป็น "มือสังหาร" ของพรรค บุคคลสำคัญผู้อยู่เบื้องหลัง คือ "คอยรุลเลาะฮ์ ติลฟะฮ์" ลุงซึ่งรับ ซัดดัมน้อย ในวัย 10 ขวบ ไปดูแล ที่กรุงแบกแดดและลุงคนนี้นี่เอง คือ ที่ปรึกษาทางการเมืองอย่างดีให้แก่ซัดดัมเมื่อเติบโตขึ้น


                   
    จาก
    "มือสังหาร" สู่ "จอมราชัน"

                   

                    ซัดดัม เริ่มต้นชีวิตการเป็นผู้นำมาจากการเป็นพลเรือน และเป็นผู้นำกลุ่มนักศึกษาทางการเมือง เริ่มต้นสร้างอิทธิพลใน "พรรคบาธ" ของอิรัก ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่มีแนวความคิดฝ่ายซ้าย หรือ "สังคมนิยม" เขาไม่เคยอาทรในการทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าจะวิถีทางใด ขอเพียงให้ได้เปรียบทางการเมืองเท่านั้นพอ จาก "มือสังหาร" ของพรรค ซัดดัมไต่เต้าขจัดทุกเสี้ยนหนามจนขึ้นสู่เบอร์หนึ่งของพรรค

                    ในช่วงเวลาที่ซัดดัม เริ่มเรืองอำนาจภายในประเทศ อิรักเวลานั้นยังปกครองโดยระบบมีพระราชา กระทั่ง ซัดดัม และพลพรรคบาธทำการยึดอำนาจ และเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐ มีประธานาธิบดีเป็นประมุขของประเทศ และ ซัดดัม ก้าวขึ้นมาจากผู้อำนวยการข่าวกรอง สร้างอิทธิพล ในขณะเดียวกัน คือ ขจัดศัตรู จนก้าวสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี หรือประมุขของอิรักนั่นเอง

                     กล่าวกันว่า ในช่วง 20 ปี ที่ซัดดัม เรืองอำนาจ ชาวอิรักเสียชีวิตลงหลายแสนคน ทั้ง ถูกจับกุมตัว ลอบสังหาร ตายในคุก แม้กระทั่ง ฆ่าตายหมู่ อาทิ เหตุการณ์ทิ้งอาวุธเคมีชีวภาพหมู่บ้านของชาวเคิร์ด เด็กน้อย ผู้หญิง นอนตายเกลื่อนกลาด ทำให้ภาพของซัดดัม ต่อสายตาชาวโลก คือ ความโหดร้าย เลือดเย็น เป็นที่แหยงขยาดไปทั่วโลก

                     แล้ววันหนึ่ง ความ "อหังการ" ของตนเอง นำมาสู่วิบากกรรม เมื่อตำรวจโลก อย่างสหรัฐ เฝ้าคอยล้างแค้นตั้งแต่ครั้งอิรักส่งกำลังทหารบุกยึดคูเวต ผนวกกับเหตุการณ์ 11 กันยา สหรัฐเชื่อว่า นอกจาก "อุซามะห์ บินลาดิน" หัวหน้ากลุ่มอัลกออิดะห์ แล้ว ซัดดัม ฮุสเซน ก็มีส่วนรู้เห็นในเหตุการณ์นี้ด้วย ทัพมะกันตัดสินใจโดยไม่ฟังเสียงค้านจาก องค์การสหประชาชาติ บุกอิรักเป็นคิวต่อจากอัฟกานิสถาน


                    8 เดือนแห่งการไล่ล่า "จอมอหังการ"

                   

                    ในวันที่ 19 มี.ค. สงครามถล่มอิรักเริ่มต้น กองทัพสหรัฐฯเปิดฉากถล่มโจมตีฉับพลัน ห่ากระสุนจรวดลูกแล้วลูกเล่า ถล่มปูพรมเหนือน่านฟ้ากรุงแบกแดด หมายจุดประสงค์เด็ดหัวซัดดัมและสมาชิกคนอื่นๆ ในคณะผู้นำของอิรัก แต่อีกหลายชั่วโมงต่อมา ซัดดัมในชุดเครื่องแบบทหารออกปรากฏตัวทางทีวีอิรัก กล่าวประณามปฏิบัติการทางทหารซึ่งนำโดยสหรัฐฯคราวนี้ว่าเป็นอาชญากรรม อีกทั้งบอกว่าประชาชนชาวอิรักจะต้องได้ชัยชนะ

                    1 เม.ย. รัฐมนตรีข่าวสาร มูฮัมหมัด ซาอีด อัล ชาฮัฟ นำคำแถลงของซัดดัมมาอ่านออกอากาศทางทีวี และในวันที่ 4 ทีวีอิรักยังแพร่ภาพซัดดัมออกเยี่ยมเยียนกรุงแบกแดด เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังกองทัพสหรัฐฯประกาศว่ายึดท่าอากาศยานหลักของเมืองหลวงอิรักไว้ได้

                     หลังจากนั้น เพียง 3 วัน เจ้าหน้าที่อเมริกันเผยว่า ได้เข้าโจมตีอาคารหลังหนึ่งซึ่งซัดดัมกำลังหารือกับบุตรชาย 2 คนของเขา และเมื่อวันที่ 9 เม.ย. ทหารอเมริกัน และประชาชนชาวอิรักส่วนหนึ่งร่วมโค่นรูปปั้นขนาดยักษ์ของซัดดัมที่ตั้งอยู่กลางกรุง อันเป็นการประกาศต่อชาวโลกว่า กองทัพสหรัฐฯยึดกรุงแบกแดดสำเร็จแล้ว

                    18 เม.ย. โทรทัศน์อาบูดาบี ออกอากาศเทปวิดีโอบันทึกสิ่งที่ทีวีแห่งนี้บอกว่า เป็นเหตุการณ์ซัดดัมออกตรวจเยี่ยมย่านอะซามิยะห์ ในกรุงแบกแดด เมื่อวันที่ 9 เมษายน ซึ่งเป็นวันที่กรุงแบกแดดตกอยู่ในกำมือของกองทหารสหรัฐฯ ในเทปวิดีโอ ชายคนซึ่งว่ากันว่าคือซัดดัม ได้ปีนขึ้นไปบนรถยนต์คันหนึ่งและโบกไม้โบกมือให้กับฝูงชนผู้สนับสนุนกลุ่มใหญ่ " กุซอย" ลูกชายคนรองของซัดดัม ก็ปรากฏให้เห็นในเทปวิดีโอนี้ด้วย ภาพดังกล่าว เปรียบเสมือนคำประกาศของซัดดัมต่อหน้าชาวโลกว่า "ข้ายังไม่ตาย!!"

                    ในขณะที่ต้นเดือนพฤษภาคม ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐฯ ประกาศว่าสงครามระดับใหญ่ๆ ในอิรักสิ้นสุดลงแล้ว และสหรัฐฯกับพันธมิตรเป็นฝ่ายชนะ ทว่าซัดดัม อีกทั้ง บุตรชายทั้งสองของเขาคือ อุดี กับ กุซอย และผู้ช่วยของเขา อิซซัต อิบรอฮิม อัล ดูรี ยังคงลอยนวล

    กระทั่งวันที่ 22 ก.ค. "อุดี" กับ "กุซอย" บุตรชายทั้งสองของซัดดัม ซึ่งอยู่ในบัญชีดำคนอิรักที่อเมริกันต้องการตัวมากที่สุดด้วย ถูกสังหารเสียชีวิต ภายหลังกองทหารสหรัฐฯยกกำลังเข้าถล่มที่ซ่อนตัวของพวกเขาในเมืองโมซุล ทางภาคเหนืออิรัก นักวิชาการชาวสหรัฐหลายคนเชื่อว่า หลังจากนี้เวลาของซัดดัม คงจะเหลือไม่มากแล้ว

                    หลังจากการเสียชีวิตของบุตรชายทั้งสองเพียงไม่กี่วัน ซัดดัมเผยแพร่เทปบันทึกเสียง ประณามการโจมตีสังหารบุตรชายของเขา เขาประกาศว่า "ถ้าหากซัดดัม ฮุสเซน มีบุตรชายอีก 100 คน นอกเหนือจาก อุดี กับ กุซอย ซัดดัม ฮุสเซนก็จะให้พวกเขาเดินไปบนเส้นทางเดียวกันนี้ เป็นสิ่งคุ้มค่าแล้วที่ได้ทำตามหน้าที่และความถูกต้อง ... นั่นเป็นความหวังของนักรบเพื่อพระเป็นเจ้าทุกๆ คน ในฐานะเป็นกลุ่มของวิญญาณผู้เสียสละพลีชีพอันมีเกียรติอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งได้ขึ้นไปเฝ้าองค์พระผู้สร้างของพวกเขา"

                    ราว 2 ถึง 3 เดือนต่อจากนั้น เทปบันทึกเสียงอีกหลายชิ้นที่เชื่อกันว่าเป็นเสียงของซัดดัม ถูกนำออกเผยแพร่และออกอากาศโดยสื่ออาหรับ เทปบันทึกเสียงชิ้นสุดท้ายนำออกมาเผยแพร่ในวันที่ 16 พ.ย. โดยซีไอเอบอกว่า เทปม้วนดังกล่าวมีคุณภาพเลวเกินกว่าจะสามารถวิเคราะห์หาข้อสรุปได้ว่า เป็นเสียงของอดีตผู้นำอิรักผู้นี้จริงหรือไม่

                    กระทั่งรอยต่อวันที่ 13 ถึงเช้าตรู่ 14 ธ.ค. ที่ผ่านมา กองกำลังผสมจับกุมตัว "อดีตราชาแห่งอิรัก" ที่เมืองอัด ดาวร์ ใกล้ๆ กับเมืองติกริต ซึ่งสภาพ ณ วันนั้น ไม่ต่างอะไรจาก ตาแก่จนตรอกข้างถนน!!


                   
    เผยนาทีบุกรวบ
    "ซัดดัม"

                   

                      สถานที่หลบซ่อนตัวของอดีตผู้นำอิรัก ก่อนจะถูกจับ ตามรายงานระบุว่า เป็นบ้านพักเล็กๆ ในโรงนาแห่งหนึ่งในเมืองอัดดาวร์ ห่างจากเมืองติกริต บ้านเกิดของเขา มาประมาณ 10 ไมล์เท่านั้น โดยบริเวณบ้านยังพบ รถแท็กซี่สีส้มเหลือง เชื่อว่า เป็นพาหนะ ของซัดดัม ในการหลบหนี จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา

                    จากข้อมูลที่ชุดปฏิบัติการลับจู่โจมจับกุมอดีตผู้นำอิรัก เปิดเผยระบุว่า ซัดดัม รีบหนีออกจากตัวบ้าน และเข้าหลบซ่อนตัวในหลุมหลบภัย ซึ่งอยู่ใกล้ๆ ตัวบ้าน ด้านบนปิดไว้ด้วยแผ่นไม้ เวลาจะเข้าต้องสอดตัวลงไป ลึกลงไปจากพื้นดิน 6 ฟุต (2 เมตร) ด้านล่างเป็นหลุมแมงมุม (spider hole) ลักษณะเป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้าง- ยาว 1.8 x 2.5 เมตร ภายในมีระบบระบายอากาศพร้อม สิ่งที่พบภายในห้อง คือ ปืนเอชเค 2 กระบอก เงินจำนวน 750,000 ดอลล่าร์ ซึ่งเป็นธนบัตรใบละ 100 ดอลล่าร์ทั้งหมด

                    พันเอกเจมส์ ฮิคกี้ ผู้บังคับการกองพันทหารราบที่ 1 เหล่าทหารราบที่ 4 หนึ่งในชุดปฏิบัติการลับจู่โจมจับกุมอดีตผู้นำอิรัก ที่ได้รับคำสั่งจับเป็นหรือจับตายก็ได้ เปิดเผยถึงนาทีระทึกเข้าจับกุมอดีตประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน ว่า เมื่อพวกเขาบุกเข้าไปในบ้านหลังต้องสงสัยนอกเมืองติกริต และหวังจะพบกับการต่อสู้อย่างดุเดือด แต่กลับพบร่างของอดีตผู้นำอิรักมุดหลบคุดคู้อยู่ในหลุมหลบภัย และชูมือ 2 ข้าง ซึ่งชัดเจนว่าเป็นสัญญาณยอมแพ้ ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจ เพราะคาดว่าจะเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่ซับซ้อนกว่านี้

                    ระหว่างการแถลงข่าวของนายพอล เบรเมอร์ หัวหน้าคณะบริหารกิจการพลเรือนสหรัฐในอิรักแถลงข่าวที่กรุงแบกแดด ได้นำวิดีโอภาพซัดดัมภายหลังถูกจับกุม โดยมีสภาพหนวดเครารุงรัง และภาพขณะที่แพทย์ตรวจร่างกาย ซึ่งรวมถึงการเก็บตัวอย่างน้ำลายไปตรวจสอบดีเอ็นเอ พร้อมระบุผลการตรวจสอบดีเอ็นเอยืนยันว่า ผู้ที่กองกำลังผสมจับได้คืออดีตผู้นำอิรักตัวจริง !!


                   
    เกลือเป็นหนอน ต้นตอจุดจบ
    "ซัดดัม"

                    
                   
    วิถีทางของบุคคลที่สร้างตัวเองมาด้วยการ "แทงข้างหลัง" บัดนี้ ดาบนั้น ได้ตามมาสนอง "ซามีเราะห์ ชาห์บันดาร์" ภรรยาคนที่สองของซัดดัม ซึ่งกันกล่าวว่าเป็นคนโปรดที่สุดของอดีตผู้นำอิรักในบรรดาภรรยาทั้ง 4 คน ซึ่งมีข่าวว่า ลี้ภัยอยู่ในเลบานอนกับลูกชายคนเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ของซัดดัม คือ "อาลี ฮุสเซน" ยอมรับว่า ซัดดัมถึงกับเอยปากกับเธอว่า.... " ตนเองถูกคนสนิททรยศ"

                     เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยสอบสวนข้อมูล เปิดเผยว่า ญาติคนหนึ่งของซัดดัมที่ถูกจับกุมก่อนหน้านั้นไม่นาน ยอมเปิดปากถึงแหล่งกบดานของอดีตผู้นำอิรัก ทำให้มีการระดมพลบุกตรวจค้นที่ซ่อนดังกล่าวทันที จนกระทั่งจับกุมซัดดัมได้

                     เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยว่า ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สหรัฐฯได้เริ่มรวบรวมรายชื่อบุคคลทั้งหมดที่เชื่อว่าให้ที่หลบซ่อนแก่ซัดดัม ซึ่งประกอบด้วยอดีตผู้คุ้มกัน พนักงานประจำทำเนียบประธานาธิบดี ผู้นำชนเผ่าที่จงรักภักดี ตลอดจนบุคคลอีกจำนวนมากที่ไม่เคยถูกหมายหัวในบัญชีดำของวอชิงตันมาก่อน

                     ผลจากการตามล่าตัวคนเหล่านี้ทำให้ได้ข้อมูลซึ่งชี้เบาะแสครอบครัวที่ใกล้ชิดกับซัดดัม โดยในช่วงระยะเวลา 10 วันที่ผ่านมา กองทัพสหรัฐฯ สามารถจับกุมบรรดาญาติๆ ของอดีตผู้นำอิรักได้ประมาณ 5-10 คน ซึ่งให้ข้อมูลสำคัญที่นำทหารอเมริกันเข้าใกล้ตัวซัดดัมมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

                    ในที่สุด กองทัพสหรัฐฯ ก็สามารถจับกุมชาวอิรักคนหนึ่งได้ ขณะบุกตรวจค้นที่พักในกรุงแบกแดด เมื่อวันศุกร์ (12 ธ.ค.) และหลังจากถูกนำตัวไปสอบสวนอยู่หลายชั่วโมง บุคคลผู้นี้ก็ยอมเปิดปากเผยแหล่งกบดานล่าสุดของอดีตผู้นำอิรัก เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยเพียงว่า บุคคลดังกล่าวเป็นญาติคนหนึ่งของซัดดัม แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดมากกว่านั้น


                   
    ชีวิตรอพิพากษา

                   

                    อย่างไรก็ตาม หลังการจับกุมซัดดัม สหรัฐไม่ได้เปิดเผยว่า อดีตผู้นำอิรักถูกจับตัวอยู่ที่ไหน และจะนำตัวไปตัดสิน ณ ศาลใด โดยรายงานล่าสุดของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นเผยว่า ซัดดัม ฮุสเซนถูกย้ายตัวจากในอิรักไปยังกองบัญชาการสหรัฐฯในประเทศกาตาร์ ซึ่งเป็นกองบัญชาการใหญ่ของกองทัพสหรัฐฯ

                     ทั้งนี้ หาก ตัดสินให้ ซัดดัม ถูกนำตัวขึ้น "ศาลอาชญากรสงคราม" ซึ่งเป็นศาลที่จัดตั้งขึ้นเพื่อพิพากษาผู้กระทำร้ายแรง บทลงโทษของศาลนี้ ไม่มี ประหารชีวิต มีเพียง จำคุก เท่านั้น

                     แต่หาก ซัดดัม ถูกส่งตัวขึ้น "ศาลพิเศษ" ที่มีการจัดตั้งขึ้นสำหรับกรณีอิรักโดยเฉพาะ เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ที่ผ่านมา โทษที่เขาจะได้รับย่อมหลีกไม่พ้นการประหารชีวิต จากข้อหาอาชญากรสงคราม


                   
    แขวนคอ

                     

                    ซัดดัม ฮุสเซนอดีตผู้นำเผด็จการของอิรัก ได้ถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอแล้วเมื่อเวลา10.00 ที่ผ่านมา(ตามเวลาประเทศไทย) แม้ว่าทนายความของเขายื่นอุทธรณ์ในช่วงวินาทีสุดท้าย แต่ผู้พิพากษาของสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะสั่งการให้กองทัพสหรัฐฯ ชะลอการลงโทษประหารชีวิตซัดดัมด้วยการแขวนคอออกไป

                วันนี้(30 ธ.ค.) ซัดดัม ฮุสเซน อดีตผู้นำเผด็จการของอิรัก ที่ถูกสหรัฐฯ โค่นล้มอำนาจ ได้ถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ผู้พิพากษาของสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะสั่งการให้กองทัพสหรัฐฯ ชะลอการลงโทษประหารชีวิตซัด ัม ฮุสเซน ด้วยการแขวนคอออกไป หลังจากทนายความของเขายื่นอุทธรณ์ในช่วงวินาทีสุดท้าย

                    สถานีโทรทัศน์ของอาหรับ รายงานว่า ซัดดัมถูกแขวนคอหลังเวลา 10.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย หรือเวลา 06.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น

                    ผู้ร่วมเป็นสักขีพยานการประหารอดีตผู้นำอิรักเผยว่า "ซัดดัม ฮุสเซน" มีอาการขัดขืนเล็กน้อยและไม่ยอมสวมถุงคลุมศีรษะก่อนประหาร โดยได้ตะโกนสรรเสริญพระเป็นเจ้า พร้อมลั่นอิรักจะได้รับชัยชนะซ้ำไปซ้ำมาจนดวงวิญญาณออกจากร่าง

                    นายซามี อัล อัสการี ที่ปรึกษาด้านการเมืองของนายนูรี อัล มาลีกี นายกรัฐมนตรีอิรัก ซึ่งทำหน้าที่เป็นสักขีพยานการประหารชีวิตซัดดัม ฮุสเซน เปิดเผยว่า นายซัดดัม มีอาการขัดขืนเล็กน้อยขณะถูกนำตัวออกจากที่คุมขังในเรือนจำของกองทัพสหรัฐไปยังลานประหาร ชุดที่อดีตผู้นำอิรักสวมใส่นั้นเป็นกางเกงขายาว เสื้อแจ๊คเก็ตทั้งหมดเป็นสีดำ สวมรองเท้าหนังและสวมหมวกอย่างดี มิได้อยู่ในเครื่องแบบนักโทษแต่อย่างใด


               
    อวสาน "ซัดดัม" ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย

                   

                     อย่างไรก็ตาม แม้ว่า จะสิ้นสุดการรอคอยกว่า 8 เดือนในการไล่ล่า "ซัดดัม ฮุนเซน" แต่นักวิชาการทั้งหลาย แสดงความเห็นไปในแนวทางเดียวว่า การจับกุมผู้นำอิรัก ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของการแก้ปัญหา "ก่อการร้าย" และยุติความรุนแรงในอิรัก

                     อิมรอน มะลูลีม ส.ว.กรุงเทพฯ กล่าวว่า กลุ่มที่ต่อต้านอเมริกันในอิรักขณะนี้ ไม่ใช่กลุ่มที่สนับสนุนซัดดัม เช่น มูจาฮิดีน กลุ่มที่เรียกว่าสาวกของท่านมูฮัมหมัด กลุ่มอัลกออิดะห์ ยืนตรงข้ามกับซัดดัมมาตลอด ยกเว้น พรรคบาธ เท่านั้นที่สนับสนุนซัดดัมอยู่ ฉะนั้น หากคิดว่าจับซัดดัม ทุกอย่างก็จบ ไม่มีทางเป็นไปได้

                    ทั้งนี้ ในช่วงกว่า 8 เดือนที่ซัดดัมเร่ร่อนหลบหนี กลุ่มต่อต้านในอิรักต่างรวบรวมกำลังขึ้นมาเอง ส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้นำกลุ่มเหล่าต่างๆ และนักการเงินท้องถิ่น แม้มีการกล่าวโทษเรื่อยมาว่า การโจมตีกองกำลังอเมริกันมีซัดดัมอยู่เบื้องหลัง แต่จากการเก็บข้อมูลของหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ตามจุดต่างๆ ที่มีกระแสต่อต้านอเมริกันรุนแรง กลับพบว่าแรงจูงใจในการก่อเหตุมีมากกว่าเรื่องของความจงรักภักดีต่ออดีตผู้นำหนวดเหล็ก หลายคนบอกว่า เป็นการต่อสู้เพื่อประเทศชาติ ศักดิ์ศรี และเพื่อศาสนาอิสลามมากว่า

                     ดังนั้น การต่อต้านจึงเกิดจากความเป็น "ชาตินิยม ศรัทรา และไม่ยอมก้มหัวให้ชาติตะวันตก" หาใช่ความภักดีต่ออดีตผู้นำของเขา !! หรือว่านี่จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสงครามที่แท้จริง


    http://202.57.155.216/Home/ViewNews.aspx?NewsID=4646352059244

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×