ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    100 อันดับ โลกต้องจารึก

    ลำดับตอนที่ #183 : (เรื่องจริง โหด มัน ฮ่า) กองทัพญี่ปุ่นโหด ตอนที่ 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.4K
      1
      24 ส.ค. 50

    ยุทธภูมิโหด โอกินาว่า (Battle of Okinawa) มุมมองที่ไม่สมบูรณ์

     คราวนี้มาแปลก..........เออ ผมเป็นคนชอบหนังสงครามน่ะครับ ชอบดูมากมาก พอดีไปเจอหนังเรื่องแนวนี้ เลยสนใจสงครามโอกินาว่าดูในเว็บผลคือ..........ก็มีเว็บนี้เว็บเดียวที่มีข้อมูลนี้เสียด้วยสิ เลยลงสักหน่อยล่ะกัน
    การสร้าง ภาพยนตร์สงคราม ใน ประวัติศาสตร์ ปัญหาที่มักพบในด้านของการดำเนินเรื่องคือ หากดำเนินเรื่องเล่าไปตามประวัติศาสตร์เป๊ะๆ อาจไม่ได้ภาพยนตร์ที่ดูสนุก เนื่องจากไม่มีโครงเรื่องที่พลิกไปพลิกมาให้ลุ้น และโดยมากมักจะสร้างโดยประเทศใดประเทศหนึ่งที่เคยร่วมรบ ซึ่งก็จะได้มุมมองทางประวัติศาสตร์เพียงด้านเดียว ตัวอย่างภาพยนตร์ที่มีปัญหาทั้งสองด้านนี้ ได้แก่ภาพยนตร์สงครามเรื่อง ยุทธภูมิโหด โอกินาว่า (Battle of Okinawa) ที่สร้างโดยบริษัท Toho แห่งญี่ปุ่น ในปี 1971 (พ.ศ.2514)

    แผนที่เกาะ Okinawa ภาพจาก http://de.wikipedia.org/wiki/Schlacht_um_Okinawa

    ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการรบใน สงครามโลกครั้งที่สอง ด้านเอเชียแปซิฟิก ในตอนปลายสงคราม ที่ เกาะโอกินาวา อันเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดใน หมู่เกาะริวกิว ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญก่อนที่กองทัพสัมพันธมิตรจะขึ้นสู่เกาะใหญ่ของญี่ปุ่น

    ทหารญี่ปุ่นที่แตกพ่ายจากดินแดนอื่นมาร่วมสมทบที่เกาะ Okinawa

    เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อกองทหารญี่ปุ่นที่ถอนกำลังมาจากเกาะต่างๆ ในฟิลิปปินส์ที่เคยยึดได้ มาร่วมสมทบกันที่ เกาะโอกินาวา ต่อมาในราวเดือนกรกฎาคม 1944 (พ.ศ.2487) ทางการญี่ปุ่นได้ส่ง นายพลวาตานาเบ้ มาปลุกระดมประชาชนชาวเกาะโอกินาวาให้ร่วมใจกันต่อสู้ จากนั้นได้ส่งนายพล Mitsuru Ushijima (ในหนังซึ่งพากย์ไทยเรียกว่า มิสึชิม่า) มาเป็นผู้บัญชาการ กำลังสำคัญคือกองทัพที่ 32 กำลังพลประมาณแสนกว่านาย ในการเตรียมตั้งรับยังได้มีการเกณฑ์นักเรียนมัธยมชายมาเป็นทหารเพิ่มเติม และนักเรียนหญิงมาทำหน้าที่พยาบาลและทำอาหารด้วย

    ทหารญี่ปุ่นต่อสู้รถถังด้วยการวิ่งฝ่ากระสุนนำระเบิดไปวางไว้ใต้ท้องรถ

    ในภาพยนตร์ได้กล่าวถึงการโจมตีทางเรือและทางอากาศตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 1945 (พ.ศ.2488) แต่การรบบนเกาะได้เริ่มอย่างแท้จริงตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน เป็นต้นไป เมื่อสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตรได้ยกพลขึ้นบกทางเหนือของเกาะ ทำให้ญี่ปุ่นค่อยๆ ถอยร่นไปสู่ทางตอนใต้ของเกาะ ซึ่งเต็มไปด้วยภูเขา และอาศัยถ้ำต่างๆ เป็นที่ซ่อนตัวต่อสู้กับข้าศึก เรื่องราวตอนนี้ก็ยังมีแต่การเล่าเรื่องฝ่ายญี่ปุ่นที่ค่อยๆ สูญเสียถูกฆ่าไปเรื่อยๆ ทั้งทหารและพลเรือน รวมถึงการที่พลเรือนบางกลุ่มฆ่าตัวตายหมู่เพื่อไม่ให้เป็นภาระของทหาร มีเหตุที่เหมือนจะพลิกล็อคนิดหน่อย มีเพียงการใช้เรือลำเลียงพลไปลอบโจมตีข้าศึกบ้าง กับตอนที่มีเครื่องบินลำเลียงอาสาสมัครจากเกาะใหญ่มาช่วยโอกินาวาจำนวน 6 ลำ มีหนึ่งลำรอดพ้นการสกัดกั้นของสัมพันธมิตร และทหารรอดมาได้สามารถทำการรบได้ถึง 25 สร้างความเสียหายให้กับข้าศึกได้มาก แต่ในที่สุดก็ถูกฆ่าตายหมด สัมพันธมิตรยังคงรุกต่อไปเรื่อยๆ จนได้ชัยชนะ ตามประวัติศาสตร์ระบุว่าเป็นวันที่ 21 มิถุนายน 1945 (พ.ศ.2488)

    กองทัพรถถังสหรัฐฯ กำลังบุกเข้าหาฝ่ายญี่ปุ่น

    นับเป็น ภาพยนตร์สงคราม ที่เรียกว่าดูแล้วน่าอึดอัด (จะบอกว่าน่าเบื่อก็เกินไป) เพราะเดินเรื่องตามเหตุการณ์ไปเรื่อยๆ โดยไม่สามารถที่จะหาวิธีเล่าให้เร้าใจได้ บทบรรยายค่อนข้างจะขาดๆ เกินๆ บทสนทนาของทหารไม่ว่าในตอนวางแผนหรือในสนามรบบ่อยครั้งที่มีแต่การเถียงกันดุกับแบบไม่เป็นเรื่อง

    และปัญหาที่สำคัญคือการมองจากมุมมองของญี่ปุ่นฝ่ายเดียว และมองแต่การรบบนภาคพื้นดินเป็นส่วนใหญ่ด้วย

    รายละเอียดที่ถูกทอนลงไปมากคือเรื่องการรบทางอากาศและการรบทางเรือ ในการรบที่ เกาะโอกินาวา นี้ เป็นสมรภูมิที่ญี่ปุ่นใช้ ฝูงบินคามิคาเซ่ (Kamikaze) สร้างความเสียหายให้กับกองทัพเรืออเมริกันเป็นอย่างมาก ในเรื่องก็แทบไม่ได้กล่าวถึง ด้านการรบทางเรือ ยุทธการครั้งนี้เป็นเหตุให้เรือรบที่ใหญ่ที่สุดในโลกของญี่ปุ่น คือ ยามาโต (Yamato) จมลงด้วย ในภาพยนตร์แม้จะกล่าวถึงกองเรือที่ถูกฝูงบินสหรัฐฯ จมลง แต่ผมแน่ใจว่าตลอดทั้งเรื่อง ไม่ได้ยินชื่อเรือยามาโตแม้แต่ครั้งเดียว

    กองเรือรบที่ไปช่วยเกาะ Okinawa แต่ถูกสัมพันธมิตรจมลงทั้งหมด

    การรบทางบกนั้น แม้ทางสัมพันธมิตรจะมีกำลังมากกว่าหลายเท่า แต่ด้วยความดื้อดึงของทหารญี่ปุ่นที่รบจนตัวตาย นั้นก็สร้างความลำบากในการรบไม่ใช่น้อย ยิ่งในระยะหลังที่รบกันทางตอนใต้ของเกาะนั้น ญี่ปุ่นสามารถใช้ถ้ำต่างๆ ในการซุ่มโจมตีทหารข้าศึกได้เป็นอย่างดี และในประวัติศาสตร์ยังจารึกไว้ด้วยว่า นายพลโท Simon Bolivar Buckner, Jr. ผู้บัญชาการกองทัพที่ 10 ของสหรัฐได้เสียชีวิตจากกระสุนปืนใหญ่ของญี่ปุ่นขณะตรวจแนวหน้า ในเวลาไม่กี่วันก่อนที่ยุทธการครั้งนี้จะสิ้นสุดลง

    ทหารและพลเรือนใช้ถ้ำทางตอนใต้ของเกาะเป็นที่หลบซ่อน

    แต่ภาพที่ออกมาในหนังมันเหมือนกับว่าญี่ปุ่นถูกมหาอำนาจรังแกอยู่ฝ่ายเดียวตลอด ซึ่งไม่ค่อยยุติธรรมกับฝ่ายตรงข้ามสักเท่าไหร่ นี่ยังไม่รวมถึงว่าในตอนต้นของสงครามญี่ปุ่นทำกับชาติอื่นไว้อย่างไรบ้าง

    เชื่อกันว่า ความสูญเสียอย่างหนักของสัมพันธมิตรใน การรบที่โอกินาวา นี้ เป็นเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ ประธานาธิบดีทรูแมน (Harry S.Truman) ต้องตัดสินใจใช้ระเบิดปรมาณูกับญี่ปุ่น แทนการส่งนายพลแมคอาเธอร์ขึ้นไปรบบนแผ่นดินญี่ปุ่นตามแผน Operation Downfall

    ภาพยนตร์เรื่องนี้จะดูเพื่อความสนุกก็ไม่ได้ จะดูเอาข้อมูลทางประวัติศาสตร์ก็ไม่ค่อยจะสมบูรณ์ แต่กับคนที่สนใจประวัติศาสตร์ด้านนี้จริงๆ แล้ว จะไม่ดูเลยก็ไม่ได้ ก็คงต้องดูเพื่อไปต่อจิ๊กซอว์ความรู้กับเรื่องอื่นๆ ก็แล้วกันครับ

    ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ : Battle of Okinawa

    ชื่อภาษาไทย :  ยุทธภูมิโหด โอกินาว่า

    ผู้สร้าง : บริษัท Toho

    ผู้กำกำกับ : Kihachi Okamoto

    ผู้เขียนบท :  Ryozo Kasahara, Kaneto Shindo

    ผู้แสดง :

    Keiju Kobayashi as Ushijima, General
    Tetsuro Tamba
    as
    Long, Chief of Staff
    Katsuhiko Sasaki
    as
    Miyake, Communication Staff
    Ryo Ikebe
    as
    Ota, Rear Admiral
    Ichiro Nakaya
    as
    Ueno, Chief of Staff
    Ren Yamamoto
    as Omori, Sergeant

    http://www.iseehistory.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=430101&Ntype=2+

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×