ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #58 : Inumimi เมื่อสุนัขของผมกลายเป็นสาวน่ารัก!!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 14.43K
      9
      29 มี.ค. 64


    หายไปหลายวันเพราะกลับไปเขียนของดอง ค้าง แถมไม่เสร็จอีก ฮ่าๆ ไม่เป็นไร ค่ำมาต่อได้ ผมอยู่ทุกวันเป็นผีเฝ้าบทความอยู่แล้ว ขอรายงานการ์ตูนที่ผมดูช่วงนี้ละกัน

    Summer Wars กำลังดาวน์โหลดอยู่ และเสร็จเรียบร้อย แต่คงอีกนานที่จะดู เพราะการ์ตูนดองยังดูไม่หมดอ่ะ

    Ookami kakushi ก็พึ่งโหลดเสร็จ แต่มันมีแค่ 9 ตอนเอง ที่จริงมัน 12 ตอนยังไม่จบ ก็รอดูต่อไป

                    ช่วงนี้ผมไปดูเม้นต่างๆ (อย่างที่บอกผมอยู่ทุกวัน ทุกเวลา) สังเกตว่ามีคนขอดูการ์ตูนเรื่องโน้นเรื่องนี้ ซึ่งผมบอกว่าผมก็ดูทุกเรื่องที่คนขอมาแหละครับ แต่ถ้าจะเอาไปเขียนบทความก็ใช่ที ก็มันขึ้นอยู่กับอารมณ์ในการเขียนด้วยนะครับ ดังนั้นการ์ตูนที่ผมเอามาลงส่วนใหญ่จะเป็นการ์ตูนที่ผมทำให้เกิดอารมณ์เขียน แม้มันอาจไม่ใช้การ์ตูนที่สนุกมาก แต่จุดประสงค์ที่ผมเขียนไม่ได้แนะนำให้ทุกคนเข้าไปอ่านการ์ตูนเรื่องนั้นๆ นะครับ ไม่งั้นผมคงแนะนำการ์ตูนฮิตไปนานแล้ว แต่สิ่งที่เขียนคือความรู้จากการ์ตูนเรื่องนั้นโดยไม่จำเป็นต้องไปดูในการ์ตูนนั้นด้วย การ์ตูนที่เอามาอาจเป็นการ์ตูนที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ขอให้มันมีเนื้อหาตรงกับจุดประสงค์ที่ผมอยากเขียน ผมก็จะเขียนตามเรื่องตามราวแหละครับ เช่นวันนี้ผมอยากจะเขียนการเลี้ยงดูสุนัขของคนญี่ปุ่น ในสมองผมก็มานึกเรื่องที่ตรงกับหัวข้อที่จะเขียน ว่าเรื่องไหนผมประทับใจและสนุกที่สุด ผลก็คือมันจึงกลายเป็นการ์ตูนในตอนนี้แหละครับ

     

     

    Inumimi

    3 เล่มจบ (จำนวนตอน 1-19)

    แนวคอมมาดี้, ฮาเร็ม(Harem), ทะลึ่ง(Ecchi), โชเนน (Shonen)

    อ่านภาษาอังกฤษได้ที่ http://onemanga.foolrulez.org/Inumimi/1/00/

    ดาวน์โหลดภาษาไทยได้ที่ http://vertexr.exteen.com/20080912/th-inumimi-update-ch-6-21-10-08

    อ่านภาษาไทยได้ที่ http://nekopost.net/manga/Inumimi

     

    ก่อนจะเขียนถึงการ์ตูนเรื่องนี้ เรามาเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นวันละคำดีกว่า ความจริงผมก็ไม่ได้เก่งภาษาญี่ปุ่นหรอกนะครับ แต่พอดีการ์ตูนที่ดูในเว็บเฮ็นไตมันมีภาษาพวกนี้ด้วย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นผมเลยไปเปิดดูกูเกิลหาคำพวกนี้ดู เลยได้อย่างที่เห็น

    ฮาเร็ม(Harem) เป็นภาษาอาหรับ แปลว่าหมายถึงบริเวณสำหรับสตรีโดยเฉพาะสำหรับครอบครัว ซึ่งสมัยก่อน(และสมัยนี้) ชาวอาหรับที่มีฐานะ(พวกกษัตริย์, ขุนนาง) จะมีฮาเร็ม ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีแต่หญิงงาม ซึ่งอาจมาจากการบรรณาการของพันธมิตร หรือทาส หรือครอบครัวนำมาขาย ซึ่งผู้หญิงเหล่านั้นจะต้องถวายตัวรับใช้เจ้านายด้วยความจงรักภักดี  แต่หากนำศัพท์นี้มาใช้กับการ์ตูนจะหมายถึง ตัวละครหลักเป็นผู้หญิงหลายๆคน แต่ตัวละครหลักที่เป็นผู้ชายจะมีน้อยคน หรือมีเพียงคนเดียว ส่วนมากตัวละครผู้หญิงจะสวยหรือน่ารัก และอาจจะชอบผู้ชายคนเดียวกัน เนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับความรักหรือการต่อสู้ เช่นเรื่อง ซัสเฟิล(Shuffle!), รันม่า ( Ranma1/2), บ้านพักอลเวล( Love Hina), To Love Ru

    เอจจิ(Ecchi) เป็นอีกหนึ่งในสาขา H(Hentai) ที่มีความหมายคล้ายครึ่งกันคือ ลามก, เซ็กซี่, บ้าตัณหากลับ แต่ไม่รุนแรงถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์หรือผิดศิลธรรม โดยการ์ตูนที่มีคำว่าเอจจินี้จะมีเพียงฉากทะลึ่งจำพวก ฉากเซอร์วิสอาหารตา, การแต่งตัว, ทรวงอก และตัวเอกจับหน้าอกของหญิงสาว เป็นต้นและจะเป็นการปกปิดของสงวนอย่างจงใจโดยอักษรศิลธรรมหรือไอน้ำหรือหมอก ซึ่งเอจจินี้ถือเป็นแค่ระดับอ่อนๆ ที่สุดแล้วในการ์ตูน H  ส่วนที่มาของคำนี่ไม่แน่ชัด แต่น่าจะมาจากการออกเสียง  H(Hentai) ตัวเดียว ซึ่งถ้าเป็นเสียงในภาษาญี่ปุ่นจะออกเสียงว่า Ecchi โดยการ์ตูนแนวเอจจิที่ดังๆ ก็เช่น รันม่า ( Ranma1/2), บ้านพักอลเวล( Love Hina), To Love Ru

    แน่นอนครับว่าทะลึ่งมันมีหลายแบบ แบบที่สื่อถึงเรื่องเพศ หรือแบบจกเปรตเล่นของสกปรก ดังนั้นมันจึงเป็นคำจำกัดด้วยครับ นั้นคือโชเน็น

    โชเน็น (Shounen) หรือ Shonen หลายๆ คนมักเข้าใจผิดว่ามันหมายถึงความรักชายกับชายถึงขั้นบนเตียง แต่ความจริงมันไม่ใช่เลย  มันมีที่มาจากภาษาคันจิที่เขียนว่า “ไม่กี่ปี” และในภาษาการ์ตูนโดยทั่วไปหมายถึงความรักใสๆ ไร้มลพิษ ของเด็กชายที่อยู่ในวัยประถมถึงมัธยมอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี(ตามกฎหมายญี่ปุ่นคนอายุถึง 20 ปีจะบรรลุนิติภาวะ) โดยเป็นความรักแบบกุ๊กกิ๊กไม่เกินเลยเรื่องเพศ ซึ่งการ์ตูนแนวโชเน็นนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในญี่ปุ่นที่เน้นเรื่องจิตใจ, ความเข้มแข็ง, การต่อสู้, มิตรภาพ และตลก ซึ่งความรักสัมพันธ์แบบโชเน็นมีทั้งความรัก(มิตรภาพ)ชายกับชาย หรือชายกับหญิง ซึ่งส่วนใหญ่มักเอาความสัมพันธ์ทั้งสองอย่างอาจรวมมาอยู่ในเรื่องเดียว   เช่นการ์ตูนดังๆ ก็มี เอวาเกเลี่ยน(Evangelion), นินจานารุโตะ(Naruto),  สแลมดังก์ (Slam Dunk), โรซาริโอ้ + แวมไพร์ (Rosario + Vampire) เป็นต้น

    ผมไปเจอการ์ตูนเรื่องนี้ที่เว็บโดจินโป๊นะครับ แต่ก็แปลกใจพอสมควรว่ามันไม่มีฉากเกินเลยอะไรเลย ในเว็บ http://nekopost.net ก็มี หากแต่ลงแค่ 3 ตอนอยู่ แถมมีเม้นบอกว่าการ์ตูนใหม่ๆ ความจริงมันไม่ใหม่เลยครับ เก่ามากแล้ว พิมพ์ออกมาปี 2005-2007

                   

    อินุมิมิ(Inumimi) เป็นการ์ตูนวาดโดยนาคาจิม่า เรย์ (Nakajima Rei) เป็นการ์ตูนในเครือ Hakusensha(ส่วนใหญ่ในเครือนี้จะเน้นการ์ตูนหวานแหววผู้หญิง) ลงในนิตยสาร  Young Animal Arashi ซึ่งการ์ตูนในนิตยสารนี้ก็มีนานะกับคาโอรุ(Nana to kaoru ) และ ไข่ของฉัน(My Balls) แต่เรื่องอินุมิมิไม่มีฉากสื่อถึงอารมณ์ทางเพศเหมือนสองเรื่องนี้

    จะเห็นว่าการ์ตูนเรื่องนี้ตั้งชื่อได้ง่ายๆ เหลือเกินคือเอาคำ เคะโมะโนะมิมิ(Kemonomimi)มา แล้วตัดคำว่า เคะโมะโนะ(Kemono)ออกแล้วเติม อินุ(Inu)ลงไปก็ได้ชื่อ Inumimi จนได้

     

                     Inumimi เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มชื่อโยชิโร่ คิโนซากิ หลังจากเรียนต่างประเทศครึ่งปี เขาก็กลับบ้านและเขาก็ตกตะลึงเมื่อพบว่าพ่อของเขาซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์และนักประดิษฐ์ได้ทำให้สุนัขสุดที่รักที่เขาเลี้ยงไว้สามตัวกลายเป็นมนุษย์ แถมกลายเป็นผู้หญิงสวยสามสไตล์ซะด้วย ซึ่งสำหรับโยชิโร่แล้วมันช่างเป็นปัญหาใหญ่ซะไม่มี เพราะทุกๆ วันเขาต้องรับมือเลี้ยงดูพวกเธอ ที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องการใส่เสื้อเท่าไหร่(ก็สุนัขนี่น่า) อีกทั้งเขาจำเป็นต้องเตรียมอาหาร, การอาบน้ำ และเรื่องอื่นๆ ในชีวิตประจำวันของเขาและพวกเธอพาพวกเธอไปออกกำลังกาย, การฝากพวกเธอเฝ้าบ้าน แต่พวกเธอก็ยังไม่เลิกพฤติกรรมของสุนัขอยู่ดี เรื่องวุ่นๆ เลยตามมา แล้วแบบนี้โยชิโร่จะไปรอดฝังไหมนี้!!

                 

    โยชิโร่ คิโนซากิ(Yuichiro Kinosaki) พระเอกของเรื่อง เป็นคนธรรมดา ใจดี และอ่อนโยน หลังจากกลับมาบ้านจากการศึกษาในต่างประเทศ เขาก็พบสุนัขสุดที่รักของเขาสามตัวกลายเป็นผู้หญิงสวย ทุกๆ วัน เขาต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เพื่อเลี้ยงดูพวกเธอเสมือนครอบครัวโดยเอาใจใส่ ไม่ว่าจะเป็นการให้อาหาร, พาพวกเธอเดิน, พาไปอาบน้ำ รวมไปถึงการสอนเธอให้รู้จักวิถีชีวิตประจำของมนุษย์

     

    เอลก้า คิโนซากิ(Elga Kinosaki) สุนัขพันธ์ฮัสกี้ สุนัขตัวแรกและรักโยชิโร่มากที่สุด(เธออยู่กับเขาตั้งแต่มารดาของโยชิโร่เสียไป) เป็นคนอ่อนโยน, เชื่อฟัง และร่าเริง แต่กลัวหนู กลัวน้ำ  เธอมีความปรารถนาอยากเป็นมนุษย์เพื่อจะสามารถคุยกับโยชิโร่และพยายามทุกอย่างเพื่อให้โยชิโร่มีความสุข(แต่กลายเป็นว่าสร้างปัญหาให้กับโยชิโร่ซะงั้น) เรียกโยชิโร่ว่า เจ้านาย

    ในตอนก่อนผมเขียนเรื่อง เคะโมะโนะมิมิ(Kemonomimi) ที่สาวที่มีหูสัตว์จะมีนิสัยแตกต่างกันใช่เปล่าครับ สำหรับการ์ตูนเรื่องนี้สาวหูสุนัขไม่ใช้ว่าจะมีนิสัยเดียวกัน เพราะคราวนี้นิสัยของสาว 3 คนในเรื่องจะเอานิสัยเฉพาะตัวจากสุนัขพันธุ์ต่างประเทศเป็นตัวกำหนดนิสัยของตัวละครด้วย ในเว็บบอกว่า เอลก้าเป็นสุนัขพันธุ์ อาลาสกัน มาลามิวต์ (Alaskan Malamute) ในการ์ตูนจะเรียกฮัสกี้ (Sibirskiy Haski) คงเป็นพันธุ์คล้ายๆ กันแหละ เป็นสุนัขแห่งขั้วโลกเหนือ เป็นสุนัขขนาดกลาง ขนฟูแน่น จัดอยู่ในกลุ่มสุนัขใช้งาน  มีขนหนา 2 ชั้น ทำให้สามาถทนต่อภูมิอากาศที่หนาวเย็นและพายุหิมะของขั้วโลกได้อย่างดี  คล่องแคล่ว เต็มไปด้วยพลังและยืดหยุ่น ในฐานะสุนัขลากเลื่อน ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นสุนัขเลี้ยงตามบ้านในภายหลังอย่างรวดเร็ว มีนิสัยอ่อนโยน ชอบวิ่ง และซื่อสัตย์

                   

    ลูน่า คิโนซากิ (Luna Kinosaki) สุนัขพันธุ์ เวลช์ คอร์กี้ เป็นหนึ่งในสามสุนัขตัวแรกที่ได้จูบโยชิโร่(เลียนแบบรายการทีวี) เป็นน้องสุดท้องของสุนัขสามตัว แต่แข็งแรงร่าเริงที่สุด ชอบเล่น ชอบดินโคลน ชอบเครื่องดูดฝุ่น และชอบขนมปังกรอบ อีกทั้งเธอไม่ชอบใส่เสื้อผ้าด้วย

              ลูน่าเป็นสุนัขพันธุ์ เวลช์ คอร์กี้ (Welsh Corgi) เป็นสุนัขพันธุ์เตี้ย ล่ำ บึกบึน หูกาง มีถิ่นกำเนิดในแคว้นเวลส์ (Wales) ประเทศอังกฤษอดีตเป็นสุนัขใช้ทำงานในฟาร์มเฝ้าโค เป็นสุนัขอีกสายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงกันอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ โดยเฉพาะอังกฤษ และญี่ปุ่น เนื่องจากมีนิสัยฉลาดน่ารัก ขี้อ้อน ช่างประจบ และรักเจ้าของมาก จนได้ชื่อว่า “สุนัขนายเดียว” นอกจากนี้ยังเป็นที่นิยมและรักใคร่ของราชวงศ์อังกฤษมาช้านานเห็นได้จากประวัติศาสตร์สมัยพระเจ้าจอร์จที่ 6 ได้พระราชทาน สุนัข  เวลช์ คอร์กี้ ให้แก่พระราชธิดาใน ค.ศ.1936  อีกทั้งยังเป็นที่โปรดปรานของสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 ด้วย จนเป้นเหตุทำให้สุนัขพันธุ์นี้เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก


             ริโน่ คิโนซากิ (
    Rino Kinosaki) สุนัขพันธุ์โดเบอร์แมนน์  เป็นสุนัขตัวที่สามและตัวสุดท้ายที่โยชิโร่เลี้ยง แม้ภายนอกเธอจะเหมือนสาวแกร่ง เหมือนผู้ใหญ่ที่เข้มแข็ง และไม่ชอบเล่นเหมือนพี่น้องสองคนก่อนหน้า แต่เธอก็เอ๋อเป็นบ้างครั้ง เธอมักเตือนลูน่าและเอลก้าไม่ให้ออกนอกทางเป็นส่วนใหญ่ และดูแลสองคนนี้เหมือนน้องสาว และเธอมีพฤติกรรมใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุด อดีตเคยเป็นสุนัขที่ถูกทิ้งเพราะเจ้าของเก่าไม่ใส่ใจ ก่อนที่จะถูกพ่อของโยชิโร่เก็บมาเลี้ยงดูทำให้เธอแอบหลงรักเขา

    ริโน่เป็นสุนัขพันธุ์โดเบอร์แมนน์(Dobermann) มีถิ่นกำเนิดในเยอรมันในศตวรรษที่ 19 นาย โดยชื่อนี้มาจากนายหลุยส์โดเบอร์แมนน์ ที่อาศัยอยู่ในเมืองอพอลโด(เยอรมันตะวันออก) ในอาณาจักรของเธอริงเจน เขารับราชการเป็นผู้เก็บภาษี ซึ่งเขาต้องการสุนัขมาเฝ้ายามและตามเขาไปเก็บภาษีเพื่อปกป้องเขาให้พ้นอันตรายต่างๆ นาๆ เขาเลยมีความคิดที่จะเพราะพันธุ์สุนัขให้ได้คุณสมบัติตามที่เขาต้องการ โดยเขาใช้เวลาถึง 60 ปีกว่าจะได้สุนัขเฝ้ายามตามที่เขาต้องการ โดยสุนัขโดเบอร์แมนน์มีลักษณะ เป็นสุนัขขนาดกลาง โครงสร้างสง่างาม กล้ามเนื้อแน่นเห็นชัดเจนและคล่องแคล่ว ขนสีดำหรือสีน้ำตาลอมเหลืองและเป็นสีเดียว  เป็นสุนัขที่มีนิสัยไว้ใจได้และเป็นเพื่อนที่ภักดีกับเจ้าของ นิสัยสุภาพ แต่แข็งแรงอึด ชอบมีส่วนร่วมกิจกรรมต่างๆของครอบครัว และมีความสามารถทำท่าทำทางปั้นหน้าปั้นปึ่งทำเหมือนไม่สนใจเราได้ ในประวัติศาสตร์โดเบอรืแมนน์มีส่วนอย่างมากในภารกิจในสงครามโลกครั้งที่ 2 หน่วยอเมริกันมารีนส์ รู้จักโดเบอร์แมนน์ กันในนาม "สุนัขปีศาจ" และใช้มันเป็นสัญลักษณ์ของหน่วยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในแปซิฟิค โดยถูกนำขึ้นฝั่งพร้อมกับทหารเรือเพื่อไล่ล่าศัตรู

     

    เอมิน่า คุซุโนกิ(Emina Kusunoki)  เป็นเพื่อนร่วมห้องและเพื่อนวัยเด็กของโยชิโร่ เธอเป็นเด็กสาวตัวเล็กที่แข็งแรง ตอนแรกเธอมึนงงเล็กน้อยในเรื่องสุนัขของโยชิโร่กลายเป็นมนุษย์ หากแต่เธอก็รับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและเลี้ยงดูพวกเธอเหมือนน้องสาว เธอมักสอนเอลก้าเป็นพิเศษ นอกจากนั้นเธอยังแอบชอบโยชิโร่

     

             ถามว่าทำไมถึงเอาการ์ตูนนี้มาเขียน ทำไมไม่เอาเรื่องที่เขาเรียกร้องกัน การ์ตูนนี้มันสนุกตรงไหน??.. เออ........ก็ไม่รู้สินะมันอาจไม่ใช้การ์ตูนที่ดีที่สุดหรือสนุกที่สุดสำหรับคนอื่นแน่นอน แต่สำหรับผมแล้วการ์ตูนเรื่องนี้มันสร้างประทับใจผมนะ และถือได้ว่าเป็นการ์ตูนสามัญประจำคอมผมเลยก็ว่าได้ ที่จะต้องมีเอาไว้เพื่อเปิดดูเวลาว่างโดยเฉพาะ แม้คอมจะเจ๊ง ข้อมูลหายก็ตาม ผมจะต้องดาวน์โหลดเรื่องนี้เก็บเอาไว้อ่านเวลาว่างทุกครั้ง

              อีกทั้งการ์ตูนเรื่องนี้ผมเคยเอามาแปลครับ ครั้งแรกในชีวิตด้วย  ซึ่งแปลได้แค่หน้าเดียวเองง่ะ สาเหตุเพราะภาษาที่ใช้การ์ตูนเรื่องนี้ยากมากๆ อีกทั้งอักษรไม่ชัดเจนอีก แต่กระนั้นนั้นถือได้ว่าเป็นการ์ตูนเรื่องแรกและเรื่องสุดท้ายที่ทำให้ผมมีความรู้สึกอยากแปลเพื่ออยากรู้ว่าตัวละครในเรื่องพูดอะไรกัน

               แม้การ์ตูนเรื่องนี้ผมอ่านไม่ออก เพราะเป็นภาษาอังกฤษ แปลก็ล้มเหลวทุกครั้ง  แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องแปลเองอีกแล้วครับ เพราะมีคนชอบการ์ตูนเรื่องนี้แปลมาให้ผมได้อ่านแเล้วเพื่อเข้าใจเนื้อเรื่องแล้ว แม้สำนวนน่าจะปรับปรุงหน่อยก็เถอะ ตัวอย่างเช่น เอลก้า เรียกโยชิโร่ ว่า “นายท่าน” ความจริงแล้วน่าจะแปลว่า “เจ้านาย” มากกว่า จะช่วยเพิ่มความโมเอะมากขึ้นเอ้ย!!......ไม่ใช่......ทั้งนี้เพราะมันจะดูเหมือนเอลก้าเป็นสาวใช้มากกว่าจะเป็นสุนัขนะครับ แต่ก็เข้าใจอ่ะนะเพราะภาษามันโครตซับซ้อนซ่อนเงื่อนแถมประโยคพูดยาวอีก จึงไม่แปลกหรอกที่การเรียงประโยคจะผิดพลาดได้

               เวลาผมดูภาพการ์ตูนเรื่องนี้ที่ไรก็เกิดความรู้สึกรักสุนัขที่ตัวเองเลี้ยงทุกครั้ง จริงอยู่การ์ตูนที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสุนัขนั้นออกมาเยอะ(แต่พวกแมวเยอะกว่า) แต่ไม่มีเรื่องไหนที่ผมอ่านแล้วหันมาชอบมารักสุนัขที่ตัวเองเลี้ยงได้เลย(ก็แน่ละสิสุนัขการ์ตูนเรื่องนี้เป็นผู้หญิงน่ารักนี่น่า) และเป็นอีกเรื่องที่ผมดูแล้วเกิดอินครับ ว่าจะมีสักวันไหมหนอที่สุนัขเราเลี้ยงจะเป็นสาวๆ เหมือนในการ์ตูนเรื่องนี้(อ้าว......สุนัขตรูมันเพศผู้นี้น่า)

              นอกเหนือจากการ์ตูนนี้จะมีเนื้อหาชวนให้เราหันมารักสุนัขที่เราเลี้ยงแล้ว ยังทำให้เราเข้าใจสุนัขของเรามากยิ่งขึ้นว่าสุนัขนั้นก็มีจิตใจเหมือนกับเราเช่นกัน มีทั้งรัก, มีทั้งเกลียด มีสิ่งที่ชอบไม่ชอบ ซึ่งเราจะจัดการอย่างไรให้เรากับสุนัขที่เราเลี้ยงสามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้

              นอกจากนั้นการ์ตูนเรื่องนี้ทำให้ผมสังเกตการเลี้ยงสุนัขของคนญี่ปุ่นครับ ว่าทัศนคติต่อสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสุนัข ของคนญี่ปุ่นนั้นไม่เหมือนชาติใดในโลกจริงๆ 

               

               สังเกตว่าในช่วงแนะนำตัวละคร ชื่อของสุนัขทุกตัวนั้นมีลงท้ายนามสกุลพระเอกด้วย ไม่ใช่ว่าพระเอกมีญาติหรือสืบเชื้อสายเป็นสุนัขนะครับ ทั้งนี้เพราะคนญี่ปุ่นไม่ได้เลี้ยงพวกมันไว้เป็นเพื่อนแก้เหงาหรือใช่งานอย่างเดียว แต่เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว ดังนั้นจึงต้องมีนามสกุลของบ้านนั้นๆ ด้วย สุนัขตัวนั้นจะได้รับการปฏิบัติดูแลอย่างดี(มากถึงมากที่สุด)

               หลักการเลี้ยงสุนัขของญี่ปุ่นนั้นไม่เหมือนไทยนะครับ ของไทยนี่แบบว่าเจอลูกสุนัขว่ะ น่ารักดี เก็บมาเลี้ยงซะเลย อาหารก็เอาปลายข้าวต้มผสมกับของเหลือให้มันกิน แล้วก็ปล่อยทิ้งไว้ จะไปเที่ยวไหนก็ได้โดยไม่มีโซ่หรือปลอกคอ เลี้ยงแบบตามมีตามเกิด ทำผิดลงโทษด้วยการเอาไม้ทุบตี  ตายไปก็จบ (ตามหลักการเลี้ยงสุนัขแถบชนบทฉบับประเทศไทย) แต่ของญี่ปุ่นนี้เวลาจะเลี้ยงสุนัขแต่ละทีไม่ใช้ว่าน่ารักดีเลยเก็บหรือซื้อ มานะครับ แต่จะต้องทำใจด้วยว่าสุนัขตัวนี้จะต้องเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัวและต้องเตรียมพร้อมหลายๆ อย่าง ทั้งนี้เพราะการเลี้ยงสุนัขญี่ปุ่นมันไม่สะดวกเหมือนประเทศไทย คนญี่ปุ่นนั้นไม่พร้อมเรื่องสถานที่,เวลา และเงิน

               สถานที่ซึ่งจะใช้เลี้ยงสุนัขของญี่ปุ่นนั้นเราก็ได้เห็นตามการ์ตูนบ่อยๆ ใช่เปล่าครับ อย่างเรื่องชินจังจอมแก่น การเลี้ยงสุนัขนั้นจะต้องเป็นบ้านที่มีสวนมีอาณาเขตรั้วรอบขอบชิด หากคนที่อาศัยในอพาร์ตเมนต์หรือห้องเช่าธรรมดายิ่งหมดสิทธิเลี้ยงสุนัขหรือสัตว์เลี้ยงแน่นอน(อพาร์ตเมนต์บางทีก็อนุญาตเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้หากแต่ราคาแพงมากๆ) และจำเป็นต้องมีบ้านสุนัขให้อยู่ด้วย ไม่เหมือนไทยเราแบบชนบทที่จะปล่อยสุนัขนอนตรงไหนก็ได้ ทั้งนี้เพราะบ้านเราอาณาเขตกว้างใหญ่จึงไม่มีปัญหาในเรื่องความสะอาด แต่ของญี่ปุ่นนี้มีปัญหาแน่นอนเพราะอาณาเขตพื้นที่เลี้ยงสุนัขมีน้อย  หากปล่อยสุนัขนอนที่ไหนก็ได้ในบริเวณบ้านละก็ต้องทำความสะอาดใหญ่โตแน่ ดังนั้นบ้านสุนัขจึงจำเป็นต่อสุนัขโตเพื่อฝึกมันให้รักษาความสะอาดเป็นที่เป็นทาง นอกจากนี้ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่หนาวเย็นมาก การปล่อยสุนัขทิ้งไว้ข้างนอกบ้านไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน ดังนั้นบ้านสุนัขจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อสุนัขญี่ปุ่นมาก

               นอกจากนั้นเวลาเป็นสิ่งสำคัญในการเลี้ยงสุนัขสักตัวหนึ่ง ที่น้อยต้องมีเวลาประมาณ 30 นาที-1 ชั่วโมงในการเลี้ยงสุนัข ทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น พาสุนัขไปเดินเล่น พาไปขับถ่าย(ต้องมีคีมและถึงสำหรับเก็บสิ่งที่ขับถ่ายของสุนัขด้วย) และ  หากวันไหนฝนตก หิมะตก หรือแดดออก คนญี่ปุ่นจะต้องออกไปจูงสุนัขไม่เว้น เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ในการทำให้สมาชิกครอบครัวมีความสุข

               ที่สำคัญในเรื่องการเลี้ยงสุนัขคือ “เงิน” เริ่มจากลูกสุนัขที่เราจะมาเลี้ยงแต่ละตัว มีราคาแพงมาก (ก็สุนัขพันธุ์นี้หว่า) อย่างธรรมดาๆ ก็ประมาณ 100,000 เยน ยิ่งที่กำลังได้รับนิยมจำพวกสุนัขที่มีขนาดเล็กยิ่งแพงมากกว่า ราคาเริ่มต้น 500, 000 เยน!! เรียกได้ว่าซื้อมาแล้วต้องเลี้ยงดูยิ่งกว่าลูกแท้ๆ เสียอีก ทั้งนี้ยังไม่รวมอาหารสำเร็จรูป และเนื้อสำหรับสุนัขที่ราคาพอๆ กับอาหารคนอีก

                เมื่อคิดว่าพร้อมทั้ง 3 ประการแล้วถึงจะมีสมาชิกใหม่ได้แต่ไม่ใช่ว่าจะจบง่ายๆ แค่นี้เพราะว่าที่สำคัญที่สุด คือ ความรัก (สัตว์) การต้อนรับสมาชิกใหม่เริ่มต้นด้วยการพาสุนัขไปตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีน พามันไปตกแต่งขน อาบน้ำ ที่ญี่ปุ่นนี้ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงกำลังบูมเลยนะครับ ไม่ว่าเป็นอาหารสุนัข, โรงแรมสำหรับสุนัข, โรงเรียนสำหรับสุนัข เสื้อผ้าสำหรับสุนัข รับเลี้ยงสุนัขด้วย มีแม้กระทั้งที่สินค้าเกี่ยวกับสุนัขแปลกๆ อย่างเครื่องแปลภาษาสุนัข (จากเสียงเห่า)  แต่ละธุรกิจนั้นสร้างรายได้มหาศาล เพราะว่าคนเลี้ยงสุนัขพวกนี้มีฐานะมีอันจะกินทั้งนั้น

             

               แต่ใช่จะพูดว่า สุนัขที่เกิดในญี่ปุ่นเป็นสุนัขที่โชคดีที่สุดในโลกทุกตัวนะครับ เพราะนั้นเป็นสุนัขพันธุ์แท้ ส่วนสุนัขพันธุ์ทางหรือสุนัขไม่ต้องการนี้ซะตากรรมนี้ไม่ผิดจากสุนัขไทยหรอกครับ เจ้าของไม่สนใจเอาไปปล่อยทิ้ง ทำให้ต้องเร่ร่อนหาคุยขยะแถวข้างถนน และมีนิสัยดุร้ายมาก จนเปิดเหตุทำร้ายคนผ่านไปผ่านมาที่ท้องถนนทุกครั้งไป ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเทศบาลต้องไปจับมันมา และขังในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หากไม่มีใครมารับเลี้ยง ก็จำเป็นต้องฆ่ามันครับ ดังนั้นเราจะไม่เห็นสุนัขเร่ร่อนในประเทศญี่ปุ่นสักเท่าไหร่ หรือมีน้อยมากๆ และกลับกันหากคนญี่ปุ่นมาเที่ยวบ้านเรา ก็ต้องตกใจอย่างมากหากเขาพบว่ามีสุนัขมากกมายเต็มท้องถนนและก็แปลกใจอย่างมากที่สุนัขบางตัวไม่สวมปลอกคอสุนัขทั้งๆ ที่เป็นสุนัขเลี้ยง

              บางครั้งเจ้าของสุนัขญี่ปุ่นก็ใช่ว่าจะใจดีทุกคนนะครับ บางคนก็มีเหตุเลี้ยงไม่ไหว จำเป็นต้องสุนัขเอาไปทิ้ง แม้ว่าจะมีองค์กรช่วยรับเลี้ยงสุนัขก็ตาม หากจะต้องช่วยค่าเลี้ยงดูค่อนข้างสูง ทำให้หลายคนเลือกที่จะทิ้งพวกมันดีกว่า เหมือนที่เราดูในการ์ตูนแหละครับ มันมันใส่กล่องแล้วไปไว้ในที่คนเดินผ่านรอคนมารับเลี้ยง ไม่มีคนรับเลี้ยงมันก็อดตาย หรือหากตัวโตหน่อยก็เอาไปทิ้งที่ไกลๆ เพื่อที่จะกลับบ้านไม่ถูกแล้วก็สวมปลอกคอเอาไว้ เพื่อไม่ให้เทศบาลจับ แบบว่าไปหากินเอาเองตายเอาดาบหน้าซะ แต่มันเป็นสุนัขเลี้ยงนี้น่ามันหากินเองได้ซะที่ไหน ปกติต้องให้เจ้านายป้อนเอาเอง แถมเมื่อโตขึ้นเรื่อยๆ ปลอกคอสุนัขก็จะแคบลง ทำให้รัดคอ นานๆ เข้ากระดูกคอของสุนัขจะผิดรูปจนสุนัขตัวนั้นทรมานมากและตายในที่สุด

    ใช่ว่าสุนัขพันธุ์ราคาแพงจะมีความสุขทุกตัวนะครับ หากสุนัขที่เลี้ยงขายไม่ออก และอายุมากพอสมควร เจ้าของร้านจะนำไปขายสถาบันวิจัยในราคาเพียง 300-400 บาทเท่านั้น เพื่อนำไปเป็นสุนัขทดลอง!!!  นั้นแหละคือนรกบนดินจริงๆ สำหรับสุนัขเลยแหละครับ เพราะการทดลองแต่ละอย่างนั้นเราเป็นคนยังรับไม่ได้ ในประเทศญี่ปุ่นนี้อินมากๆ สำหรับเรื่องนี้ ตัวอย่างเช่นเรื่องชิโร่ สุนัขที่ถูกทอดทิ้งจนถูกนำไปทดลองที่โหดร้ายมากๆ จนคนญี่ปุ่นทนไม่ไหว ต่างล่าลายเซ็นเพื่อให้ชิโร่กลับคืนมา จนทำให้มีหนังสือเพื่อให้ทั่วโลกได้เห็นการทดลองสุนัขในชื่อ  Jikken Ken Shiro No Negai

    อีกทั้งหากเจ้าของเลว สุนัขก็เลวไปด้วย อย่างคดีในเมืองนอกนั้นมีบ่อยๆ เลย จำพวกฝึกสุนัขเพื่อฆ่าคน หรือพวกวิปริตเพศร่วมเพศกับสุนัขก็มีให้เห็น เรียกได้ว่าโลกเรานี้ชักจะเพี้ยนๆ ขึ้นทุกวันนะเนี้ยนะ

                    ดังนั้นมันจึงกลายเป็นปัญหาโลกแตกครับว่าสุนัขไทยหรือญี่ปุ่นตัวไหนมีความสุขกว่า แต่สำหรับตัวสุนัขสิ่งที่ทำให้มันมีความสุข ไม่ใช้เงิน, การเลี้ยงดู หรอกครับ สิ่งที่มันต้องการคือตัวเจ้าของ สุนัขทุกตัวมีความคิดอยากเจอเจ้าของดีๆ ให้ความรักกับมัน แค่นี้มันก็ขึ้นชื่อว่าสุนัขที่มีความสุขมากที่สุดในโลกแล้ว

    สรุปละกัน ดูการ์ตูนมังงะเรื่อง Inumimi แล้วลองไปนึกถึงสิ่งที่ผมได้เขียนไปข้างต้นแหละครับ ว่าคนญี่ปุ่นนั้นรักสุนัขพวกเขาแค่ไหน จากนั้นเราก็ย้อนมองตัวเราด้วยว่าสุนัขที่เราเลี้ยงนั้นทุกวันนี้มันมีความสุขกับเราไหม เราเป็นเจ้านายที่ดีของมันหรือไม่ หากไม่ก็จงให้ความรักแก่มันจนบัดนี้เป็นต้นไปนะครับ(แต่ผมคงไม่ใช้เจ้านายที่ดีของมันซะเท่าไหร่ เพราะผมเอาแต่เล่นคอมพิมพ์บทความและเล่มเกมส์แบบนี้แหละ ฮ่าๆ)

     

    วันนี้คุณพร้อมจะรับผิดชอบชีวิตพวกเค้าหรือยัง??+ +

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×