ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #529 : (วิจารณ์นิยายแบบแมวๆ) Maou Gakuin No Futekigousha -นิยายแนวโรงเรียนแฟนตาซีเรื่องแรกที่ผมติดตาม

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.66K
      54
      30 เม.ย. 62

    Maou Gakuin No Futekigousha   เป็นเรื่องราวของจอมมารผู้หนึ่งที่มีพลังทำลายล้างมหาศาลมากชื่อ “อานอส”  เป็นจอมมารชนิดที่ว่ามนุษย์ชาติ, เหล่าภูต และเทพเจ้าต้องร่วมมือกันต่อต้าน แต่ก็กินกันไม่ลง จนวันหนึ่งจอมมารเกิดเสนอให้ผู้กล้าฆ่าตัวเอง เพื่อไปเกิดใหม่ในอีก 2000 ปีให้หลัง  เพื่อเป็นการจบสงคราม และต้องให้สี่เผ่าพันธุ์อยู่ร่วมอย่างมีความสุข ผู้กล้าเลยจัดการตามคำขอ จัดการฆ่าจอมมารเพื่อไปเกิดใหม่

                    2000 ปีต่อมา จอมมารอานอสไปเกิดคู่สามีภรรยาที่เป็นมนุษย์ธรรมดาคู่หนึ่ง  เพียงแค่ลืมตาดูโลกอานอสก็เสกตนเองกลายเป็นเด็ก จนพ่อแม่ตกใจ  ภายหลังมาพบว่าโลกนี้สงบสุขเกินไป ทำให้ลูกหลานมารของเขาอ่อนแอ และเวทมนต์ก็อ่อนแอล้าหลังลงมาก อีกทั้งชื่อของจอมมารอานอสในอดีตก็ไม่เป็นที่กล่าวถึงและถูกแทนที่ชื่อจอมมารที่เขาไม่รู้จัก

                    ต่อมาอานอสก็ได้รับจดหมายเชิญไปเรียนโรงเรียนจอมมาร (แถมอดีตโรงเรียนเคยเป็นปราสาทที่อยู่ของเขาอีก) ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อค้นหานักเรียนใหม่ที่เป็นจอมมารต้นกำเนิดกลับชาติมาเกิด (ซึ่งก็คืออานอสนั่นเอง)  จากนั้นอานอสก็เสกตัวเองกลายเป็นหนุ่มเพื่อไปเรียนโรงเรียนจอมมาร แม้ว่าเขาจะโชว์เทพ โชว์โกง แต่เขายังถูกประเมินฐานะต่ำต้อยเพราะเขามีสายเลือดของมนุษย์มากเกินไป ไม่บริสุทธิ์เหมือนผู้มีสายเลือดราชวงศ์ (ทั้งๆ ที่ราชวงศ์ที่ว่าคือเจ็ดบริวารที่เขาสร้างขึ้นจากเลือดตัวเอง เพื่อมาเป็นภาชนะให้เขาสามารถเกิดใหม่ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเลือดบริสุทธิ์ก็ได้)

                    อย่างไรก็ตาม อานอสก็ยังมีเพื่อนเป็นเด็กผู้หญิงเงียบๆ ชื่อมิซา อานอสรับเธอเป็นลูกน้องและสหายของเขา (แต่คนภายนอกมองว่าเป็นเมียเอ็ง)  และต่อมาเขาก็รู้จักสาวสวยอีกคนชื่อซาซ่า ซึ่งเป็นพี่สาวของมิซา และนั้นทำให้อานอสต้องไปช่วยสองสาวจากชะตากรรมที่เกี่ยวข้องกับเขา  และอานอสต้องสืบให้รู้ว่าใครกันที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์ที่ผิดเพี้ยนนี้ให้ได้

     


     

    Maou Gakuin No Futekigousha หรือชื่อเต็มๆ คือ Maou Gakuin no Futekigousha: Shijou Saikyou no Maou no Shiso, Tensei shite Shison-tachi no Gakkou e Kayou เริ่มต้นจากนิยายเน็ตโดย Shuu (ข้อมูลนี้ไม่แน่ใจ ว่าเป็นผลงานมืออาชีพหรือเปล่า แต่นี่เป็นผลงานแรกของคนแต่ง) และถูกตีพิมพ์นิยายปี 2018 และเป็นมังงะ ส่วนในไทยได้ลิขสิทธิ์โดย Phoenix  ใครว่าข้าไม่เหมาะเป็นจอมมาร

    Phoenix   (Kadokawa Amarin Co., Ltd.)  พึ่งเป็นสำนักพิมพ์ที่ก่อตั้งใหม่ในบ้านเรา หลายคนที่เป็นคอนิยายแนวต่างโลกจะรู้จักสำนักพิมพ์นี้ในชื่อ “นกย่าง” (เป็นการประชด) ซึ่งสำนักพิมพ์เลือกการตลาดด้วยการลิขสิทธ์แนวต่างโลกที่บ้านเราสนใจ และจัดทำรูปเล่มที่ราคาแพง (หากเทียบหนังสือเล่มหนึ่ง) ด้วยราคาเฉลี่ยกว่า 300 บาท (เล่มใหญ่และหนา)  แต่ในขณะเดียวกันหลายคนไม่พอใจมากนัก เพราะปกตินิยายประเภทนี้จะราคาจับต้องได้ แต่สำนักพิมพ์เลือกการตลาดนี้ เน้นขายผู้มีกำลังซื้อมากกว่า ส่วนเรื่องการแปลก็มีดราม่าเรื่องหลานจอมเวทย์บ้าง สุดท้ายก็เงียบไป

    ดังนั้นผมจึงซื้อนิยายจากค่ายนี้น้อยมาก หากไม่สนใจจริงๆ และพอดีผมตัดสินใจซื้อ Maou Gakuin No Futekigousha เนื่องด้วยอ่านมังงะมาก่อน และอ่านนิยายจากเว็บแปลไทย  เมื่อมีลิขสิทธิ์ได้ตีพิมพ์จึงได้ซื้อมา แม้ราคาจะไม่น่าคบหากก็ตาม


    ถ้าถามว่าเนื้อหานิยายโดยภาพรวมเป็นยังไง ผมก็ตอบได้เต็มปากว่าเป็นแนวโรงเรียนแฟนตาซี

    ปกตินี้ผมไม่ค่อยดูแนวโรงเรียนแฟนตาซี หรือแฟนตาซีที่ฉากหลังพระเอก-ตัวเอกเป็นนักเรียนในโรงเรียนทำเควสโรงเรียนเท่าไหร่ ไม่รู้สิ รู้สึกมันสูตรเดิมๆ พล็อตเดิมๆ พระเอกเก่งเทพเกินไป จนไม่รู้จะมาเรียนทำอะไร เนื้อหาไม่มีอะไรแปลกใหม่ ยุคใหม่ก็มีการทำภารกิจกวาดล้างศัตรูมนุษย์ชาติ

    ครั้งหนึ่งนิยายเว็บเด็กดีเคยอุดมไปด้วยโรงเรียนแฟนตาซี (อิทธิพลของแฮรี่ พอตเตอร์) เกิดนิยายแนวรงเรียนแฟนตาซีอย่าง ไวท์โรด กับบารามอส ให้คนอวยกันจนถึงทุกวันนี้ อนิเมะเองมีอยู่ช่วงโรงเรียนแฟนตาซีออกมาถี่มาก และต้องฮาเร็ม แต่ออกมามาก ผมก็ไม่ได้ดูสักเรื่อง

    จนกระทั่งได้มาอ่านนิยายจอมมารเรื่องนี้แหละ ทำให้ผมเริ่มกลับมาดูโรงเรียนแฟนตาซีอีกครั้ง

    ถ้าถามนิยายเรื่องนี้มีอะไรแปลกใหม่ไหม ผมตอบว่าไม่มีเลย ก็เป็นแนวพระเอกเท่ๆ มีฮาเร็ม เก่งกว่าอาจารย์ ตบศัตรูง่ายๆ  หลักๆ ก็แบบนี้ มันเป็นสูตรที่พบเห็นแนวโรงเรียนแฟนตาซีนั้นแหละ

    แล้วถ้าถามผมสนใจนิยายเรื่องนี้ตรงไหน มันก็อธิบายยากนะ แต่สิ่งที่ผมสนใจว่าๆ คือพระเอกอานอส

    ถ้านิยายโรงเรียนแฟนตาซีทั่วไป ตัวพระเอกอานอสเองก็เป็นพระเอกที่เราพบเห็นทั่วไป คือหมอนี้มันเก่ง มันเทพ ทำอะไรก็ง่ายไปหมด และนิสัยกวนๆ เก๊กหล่อ  ซึ่งเป็นประเภทพระเอกที่ผมกับหลายคนอาจหมั่นไส้ไม่มากไม่น้อย แต่กลายเป็นว่าอานอสสำหรับผมแล้ว มันกลายเป็นพระเอกที่ผมชอบซะงั้น

    ส่วนหนึ่งที่ผมชอบอานอส อาจเป็นเพราะมีการเล่าที่มาที่ไปว่าพระเอกคนนี้เก่งเทพยังไง มันไม่เหมือนแมรี่ซู ที่กำหนดพระเอกมีพรสวรรค์เก่งแบบไร้เหตุผล ตัวอานอสถูกระบุเลยว่าชาติก่อนเขาเคยเป็นจอมมารที่เก่งมาก เก่งขนาดเทพเจ้า เจ้าแห่งภูต และผู้กล้ารุมก็กินกันไม่ลง

    แม้จะถูกเรียกจอมมาร เก่งเพพ แต่ตัวอานอสเองก็ไม่ใช่ตัวละครที่มีเหตุผล อานอสเป็นจอมมารที่เข้าใจเรื่องของความสูญเสียสงครามเป็นอย่างดี สงครามที่ไร้เหตุผลทำให้แต่ละฝ่ายล้มตายจำนวนมาก ต่อให้อานอสเก่งเทพยังไงก็ไม่สามารถหยุดสงคราม ไม่ให้มีคนตายได้

    จนวันหนึ่งอานอสก็ตัดสินใจจบชีวิตตนเองเพื่อหยุดสงครามนี้ได้เสียที

    อานอสไม่ได้เป็นพระเอกที่มีความทะเยอทะยาน  เป็นจอมมารที่แค่อยากให้โลกสงบสุข ทุกฝ่ายเท่าเทียมกัน หากการเสียสละตนเองเพื่อหยุดความขัดแย้ง เขาก็ยินดีที่จะทำ นี่คืออานอสชาติที่เป็นจอมมาร

    อานอสจึงเป็นพระเอกที่ผมดูแล้วรู้สึกพิเศษกว่าพระเอกฮาเร็มเรื่องอื่นๆ  ที่มีความเก่งอยู่แล้ว  แม้ว่าการมองโลกจะมีปัญหาอยู่บ้าง ในแง่เอาแต่ใจ แต่ลึกๆ ก็ถูกตรงใจกับใครหลายคน

    เมื่ออานอสเกิดใหม่ เขาก็เกิดเป็นลูกของพ่อแม่ที่เป็นคนธรรมดา (ที่มีสายเลือดปีศาจน้อยมากๆ) ตัวนิยายไม่จำเป็นต้องเสียเวลาดูอานอสเจริญเติบโตแบบช้าๆ แต่อย่างใด เพราะอานอสใช้เวทย์เร่งโตเสียเลย จนสร้างความตกตะลึงของพ่อแม่ มีที่ไหนทารกเกิดแค่เดือนเดียวจะพูด และใช้เวทย์ได้แล้ว

    อานอสได้เรียนรู้โลก จนเริ่มเข้าสู่ปมปัญหาหนึ่งเรื่อง คือสองปีที่ผ่านมาเวทมนต์ถอยหลังเป็นอย่างมาก อานอสอยากทราบสาเหตุ จนวันหนึ่งก็มีจดหมายเชิญให้เป็นนักเรียนโรงเรียนจอมมาร

    ก็ตามสูตร พระเอกแนวแฟนตาซีส่วนมากมักมีเป้าหมายก่อนเข้าเรียนไ มว่าจะเป็นต้องการให้เก่งขึ้น ต้องการหาคนสำคัญ ต้องการเจอเพื่อนสมัยเด็ก ฯลฯ 




                    จอมมารอานอสก็ไม่แตกต่างกัน เพราะรวมมุกโรงเรียนแฟนตาซีมาหมด คือมีการทดสอบพลังเวทย์ด้วยการประลอง พระเอกเจอพวกอวดเบ่ง ขี้เหยียดและจัดการด้วยพลังที่เหนือกว่า

                    อ่านมาถึงตอนนี้ ใช่  นิยายเรื่องนี้มันสูตรโรงเรียนแฟนตาซี สูตรเดิมๆ พอเดาเหตุการณ์ต่อจากนี้ได้ แต่น่าแปลกที่ผมดูเรื่องนี้สนุกซะอย่างงั้น

                    ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการดำเนินเนื้อเรื่อง ที่เน้นเนื้อๆ ไม่มีน้ำ ไม่มีฉากน่าเบื่ออย่างฝึกวิชา  พระเอกเก่งมาเลย แต่ก็เก่งแบบมีเหตุผลเพราะเป็นจอมมารเกิดชาติมาเกิด ตัวพระเอกเองก็มีความคิดความอ่านที่ดูเป็นมิตร ไม่น่ารำคาญ  ใช่พระเอกไม่น่ารำคาญเลย แม้จะขี้เก๊ก ขี้อวด แต่ส่วนหนึ่งเหตุการณ์ที่พระเอกอวดส่วนใหญ่เป็นการสั่งสอนเกรียน ที่ในเรื่องมักมีพวกเกรียนคิดว่าตนแน่ คิดว่าตนมีเชื้อสายราชวงศ์สูงส่ง หารู้ไม่ว่าเล่นผิดคนแล้ว

                    อีกหนึ่งคิดที่ชอบคือประเด็นนิยายที่จะสื่อ ซึ่งหากจะดูแต่พระเอกโชว์เทพอย่างเดียวันก็น่าเบื่อไป มีก็ต้องมีประเด็นและปมบ้าง ประเด็นนิยายก็คือการเล่นกับชนชั้นในสังคม ที่แม้แต่โรงเรียนยังมีการแบ่งวรรณะชัดเจน โดยไม่สนความสามารถ แม้ตัวพระเอกจะพยายามพิสูจน์ยังไง ฝ่ายตรงข้ามกับมองว่าเป็นตัวสร้างปัญหาไปซะอย่างนั้น


     


                    จากนั้นครึ่งหลังของนิยาย (เล่ม 1) ก็เริ่มมาถึงรูทของสองสาว มิซากับชาช่า ที่อานอสจำเป็นต้องเกี่ยวข้องในฐานะเพื่อน+ลูกน้อง (แต่สาว กับคนรอบข้างไม่ได้มองแบบนั้น)  มิซาก็สไตล์สาวคูลเดเระ ส่วนมิซาก็ซึนเดเระพูดจาแบบร้ายๆ ก็ตามสูตร แต่สิ่งหนึ่งที่ชมคือ นิยายย่อยง่ายๆ เล่าเรื่องราวของสองสาวได้เข้าใจง่าย ถ้าเป็นแนวแฟนตาซีเรื่องอื่นๆ นี้ ชอบเล่าประวัติตัวละครโครตซับซ้อน ตระกูลนั้น ตระกูลนี้  แต่เรื่องนี้มาถึงแค่เล่าคราวๆ ว่าเป็นทายาทสายตรงของต้นตระกูล และมีชะตากรรมที่ต้องเป็นภาชนะจอมมารต้นกำเนิด (โดยไม่รู้เลยว่า ต้นตระกูลยืนหัวโด่อยู่เนี้ย)

                    ก็ตามสูตรอานอสก็ไปแก้ชะตากรรมของสาว แถมต่อสู้กับพวกเทพได้อย่างสนุก  ตรงจุดนี้ได้เห็นอานอส แม้จะเป็นพระเอกขี้เก๊ก ทำอะไรง่ายไปหมด แต่สิ่งหนึ่งที่น่าชื่นชมอานอสคือเขาจะเป็นมิตรกับคนที่เป็นเพื่อนกับเขา และช่วยเหลือสุดความสามารถเวลาเพื่อน (กิ๊ก) มีเรื่องเดือดร้อน แม้สิ่งนั้นจะยากลำบากก็ตาม

    และชมคือฉากต่อสู้ของอานอสมันไม่ยาวมาก  แต่ก็เรียบง่าย  มันไม่ฉากต่อสู้ที่อานอสโชว์เทพอย่างเดียว  อานอสมีการสั่งสอนศัตรูไปด้วย (แม้พวกศัตรูจะไม่เลิกเกรียนก็ตาม)

    และในตอนท้ายเล่ม ก็มีฉากโรแมนติกนิดหน่อย เกี่ยวกับอานอสกัลสองสาว (บ่บอกว่านิยายเรื่องนี้ไม่มีนางเอกตัวยืนคนเดียว) และเป็นอันจบเล่ม 1  โดยทิ้งปริศนามากมายเอาไว้ ให้ติดตามต่อเล่ม 2  

                    สิ่งที่ผมพยายามจะสื่อคือ แม้ว่านิยายจอมมารอานอสจะเป็นแนวสูตรสำเร็จ  แต่มี นิยายนำเสนอสิ่งที่ผมอยากจะอ่าน ไม่ว่าจะเป็นการตบเกรียน การให้ความสำคัญกับตัวละครผู้หญิง   

                    บางครั้งนิยายไม่จำเป็นต้องทำเนื้อเรื่องให้ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน ไม่จำเป็นต้องเล่าเรื่องเป็นมหากาพย์ ไม่จำเป็นต้องมีตัวละครมากเหมือนสามก๊ก  (ในเรื่อง เล่มแรกมีตัวละครแค่ไม่คน  ทั้งๆ ที่เป็นแนวโรงเรียนแฟนตาซี และก็น่าจดจำด้วยซ้ำ) ไม่จำเป็นต้องนำเสนอพระเอกที่มุมานะฝึกวิชา ไม่จำเป็นต้องดราม่าปวดตับ ไม่จำเป็นต้องมีพล็อตที่ยิ่งใหญ่  แค่นำเสนอสิ่งที่ใกล้ตัว คนดูเข้าใจง่าย  สนุกไปกับมัน และน่าติดตามต่อ แม้จะเป็นสูตรสำเร็จ แต่มันก็เป็นสูตรสำเร็จที่ว่ามันทำได้อร่อย   


     

                    จากนั้นครึ่งหลังของนิยาย (เล่ม 1) ก็เริ่มมาถึงรูทของสองสาว มิซากับชาช่า ที่อานอสจำเป็นต้องเกี่ยวข้องในฐานะเพื่อน+ลูกน้อง (แต่สาว กับคนรอบข้างไม่ได้มองแบบนั้น)  มิซาก็สไตล์สาวคูลเดเระ ส่วนมิซาก็ซึนเดเระพูดจาแบบร้ายๆ ก็ตามสูตร แต่สิ่งหนึ่งที่ชมคือ นิยายย่อยง่ายๆ เล่าเรื่องราวของสองสาวได้เข้าใจง่าย ถ้าเป็นแนวแฟนตาซีเรื่องอื่นๆ นี้ ชอบเล่าประวัติตัวละครโครตซับซ้อน ตระกูลนั้น ตระกูลนี้  แต่เรื่องนี้มาถึงแค่เล่าคราวๆ ว่าเป็นทายาทสายตรงของต้นตระกูล และมีชะตากรรมที่ต้องเป็นภาชนะจอมมารต้นกำเนิด (โดยไม่รู้เลยว่า ต้นตระกูลยืนหัวโด่อยู่เนี้ย)

                    ก็ตามสูตรอานอสก็ไปแก้ชะตากรรมของสาว แถมต่อสู้กับพวกเทพได้อย่างสนุก  ตรงจุดนี้ได้เห็นอานอส แม้จะเป็นพระเอกขี้เก๊ก ทำอะไรง่ายไปหมด แต่สิ่งหนึ่งที่น่าชื่นชมอานอสคือเขาจะเป็นมิตรกับคนที่เป็นเพื่อนกับเขา และช่วยเหลือสุดความสามารถเวลาเพื่อน (กิ๊ก) มีเรื่องเดือดร้อน แม้สิ่งนั้นจะยากลำบากก็ตาม

    และชมคือฉากต่อสู้ของอานอสมันไม่ยาวมาก  แต่ก็เรียบง่าย  มันไม่ฉากต่อสู้ที่อานอสโชว์เทพอย่างเดียว  อานอสมีการสั่งสอนศัตรูไปด้วย (แม้พวกศัตรูจะไม่เลิกเกรียนก็ตาม)

    และในตอนท้ายเล่ม ก็มีฉากโรแมนติกนิดหน่อย เกี่ยวกับอานอสกัลสองสาว (บ่บอกว่านิยายเรื่องนี้ไม่มีนางเอกตัวยืนคนเดียว) และเป็นอันจบเล่ม 1  โดยทิ้งปริศนามากมายเอาไว้ ให้ติดตามต่อเล่ม 2  

                    สิ่งที่ผมพยายามจะสื่อคือ แม้ว่านิยายจอมมารอานอสจะเป็นแนวสูตรสำเร็จ  แต่มี นิยายนำเสนอสิ่งที่ผมอยากจะอ่าน ไม่ว่าจะเป็นการตบเกรียน การให้ความสำคัญกับตัวละครผู้หญิง   

                    บางครั้งนิยายไม่จำเป็นต้องทำเนื้อเรื่องให้ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน ไม่จำเป็นต้องเล่าเรื่องเป็นมหากาพย์ ไม่จำเป็นต้องมีตัวละครมากเหมือนสามก๊ก  (ในเรื่อง เล่มแรกมีตัวละครแค่ไม่คน  ทั้งๆ ที่เป็นแนวโรงเรียนแฟนตาซี และก็น่าจดจำด้วยซ้ำ) ไม่จำเป็นต้องนำเสนอพระเอกที่มุมานะฝึกวิชา ไม่จำเป็นต้องดราม่าปวดตับ ไม่จำเป็นต้องมีพล็อตที่ยิ่งใหญ่  แค่นำเสนอสิ่งที่ใกล้ตัว คนดูเข้าใจง่าย  สนุกไปกับมัน และน่าติดตามต่อ แม้จะเป็นสูตรสำเร็จ แต่มันก็เป็นสูตรสำเร็จที่ว่ามันทำได้อร่อย  

     

                ถ้าให้เทียบจอมมารอานอสก็พล็อตเหมือนปราชญ์เทพเกิดใหม่เป็นตราไร้ค่า แต่ปราชญ์เทพจะเน้นฉากต่อสู้ ฉากพลังโกงมากกว่า   จนทำให้เนื้อเรื่องไม่มีอะไรให้น่าติดตาม จนถึงขั้นแบน ไม่ค่อยมีเนื้อ แต่อานอสไม่ได้มีฉากแอ็คชั่นอย่างเดียว ยังเล่าเรื่องราว สิ่งรอบข้าง  บทสาวๆ ในเรื่องดูมีคุณค่า  ฉากต่อสู้แม้จะโชว์เทพ แต่ก็เป็นแบบที่ดูแล้วไม่น่าเบื่อ (สำหรับผม) เพราะการโชว์เทพของอานอสแต่ละครั้งมันไม่ซ้ำแบบกันเลย

     

    สรุปคือจอมมารอานอสเป็นการ์ตูนแนวโรงเรียนแฟนตาซีที่เป็นสูตรสำเร็จ แต่ในขณะเดียวกันมันเป็นนิยายที่เหมาะมากสำหรับคนเริ่มต้นที่จะอ่านแนวนี้ เพราะพล็อตเรื่องไม่ซับซ้อน ไม่มีตัวละครมากมาย (หรืออาจมากในตอนหลังก็ได้)  และมีความสนุก จนทำให้เป็นนิยายที่หลายคนติดตามอยู่

     

                    ส่วนฮาเร็มของอานอสมีกี่คน ตอบ เท่าที่เห็นน่าจะมี 3 คน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×