ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #490 : ดราม่า Nidome no Jinsei Wo Isekai de เรื่องใหญ่ของการเหยียดเชื้อชาติ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.48K
      21
      14 มิ.ย. 61

    เรื่องมีอยู่ว่า มีการประกาศอนิเมะใหม่เรื่อง Nidome no Jinsei Wo Isekai de  (เริ่มชีวิตใหม่ครั้งที่สองในต่างโลก) ที่ดัดแปลงจาก นิยายต่างโลก ออนไลน์ของ MINE ซึ่งตัวนิยายตีพิมพ์ไปแล้ว 18 เล่ม (ยังไม่จบ) และมีการสร้างเป็นมังงะ ที่ข่ายดีพอสมควร  (นิยายก็ติดอันดับขายดีเหมือนกัน) จึงไม่แปลกแต่อย่างใดที่จะมีโครงการจะทำเป็นอนิเมะฉายภายในปี 2018  กำกับโดย Keitaro Motonaga และ Seven Arcs Studio นักพากย์ก็มี Toshiki Masuda, Megumi Nakajima, Kiyono Yasuno และ Nanami Yamashita

     


    Nidome no Jinsei wo Isekai de  เนื้อหาโดยภาพรวมไปแตกต่างอะไรจากนิยายต่างโลกทั่วไปมากนัก โดยกล่าวถึงพระเอกที่ชื่อ “คุนุกิ เรนยะ” ที่เสียชีวิตในขณะที่อายุ 94 ปี หากแต่โลกแห่งความตายเขาได้พบกับเทพธิดา แล้วให้เขาเกิดใหม่ในต่างโลกแฟนตาซี โดยเขาเกิดใหม่ในร่างเด็กหนุ่มที่ไม่รู้ว่าชาติก่อนเขาเป็นใคร และเขาก็เกิดในป่า (สูตรสำเร็จ)

    แม้จะไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเขาเป็นใคร แต่หน้าเมนูบอกสถานะ (ของประจำต่างโลกเขาละ) อธิบายว่าตัวเอกของเราชาติก่อนมีทักษะการใช้ดาบเก่ง พระเจ้าเลยให้ดาบไม้ (ชิโนที่เป็นดาบที่ใช้เล่นเคนโด้) ตั้งแต่เริ่มต้น พระเอกยังไม่ทันเข้าใจอะไรดี ก็ได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เมื่อพระเอกเดินเข้าไปดูก็พบสองสาว (นักดาบนักดาบ) กำลังถูกพวกนักผจญภัยนิสัยเลวจำนวนมากล้อมอยู่ (มุกประจำต่างโลก) พระเอกเห็นแล้วทนไม่ได้ เลยต้องช่วยเหลือ (มุกประจำ)

    แม้พระเอกจะไม่รู้อะไรสักอย่าง แต่กับใช้วิชาดาบเล่นงานโจรจนหมด จนสองสาวเห็นพระเอกโชว์เทพ  เลยติดใจ แนะนำตัว ทำความเข้าใจโลกแฟนตาซี พระเอกเห็นสองสาวกำลังประสบปัญหาหาสมาชิกเข้าปาร์ตี้ไปล่ามอนสเตอร์  พระเอกเลยขอเข้าปาร์ตี้ด้วย สองสาวก็ตกลงทันที เพราะเห็นพระเอกเก่ง....

    จากนั้นก็ตามประสาสูตรต่างโลก พระเอกก็ผจญภัยกับสองสาว เป็นนักผจญภัย ทำเควส ปราบมอน ตีพวกปีศาจ ไปเจอนักผจญภัยเกรียนๆ โชว์วิชาดาบเทพๆ ได้ฮาเร็ม ฯลฯ

    (อย่าถามผมว่านิยายเรื่องนี้ดัง จนมียอดขายมากมาย ตรงไหน)

     

                    อย่างไรก็ตามประเด็นของบทความนี้ ไม่ได้มาพูดว่านิยายสนุกหรือไม่สนุก เนิ้อหาก็ไม่ได้มีอะไรต้องวิเคราะห์เท่าไหร่ หากแต่ไม่นานมานี้มันมีดราม่าเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ จากจุดเล็กๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร

                    เริ่มเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2018 มีบทความหนึ่งในหนังสือพิมพ์จีนได้ตีพิมพ์ว่า “ นิยายเรื่องนี้กำลังตอกย้ำโศกนาฏกรรมของคนจีน”

    เรื่องเริ่มลุกลามขึ้นเมื่อสมาชิก Twitter นามว่า SonmiChina ได้อธิบายว่า พระเอกเรื่องนี้ก่อนมาเกิดใหม่ เขาเคยเป็นทหารที่เคยไปรบสงครามโลกครั้งที่สอง เขาคนกว่า 3,000 คนด้วยดาบญี่ปุ่น ระหว่างปี 1937-1945 ก่อนที่ เขาก็ได้เกิดใหม่เป็นเด็กหนุ่มวัย 18 ปีที่ต่างโลก

    (ในบทความหนังสือพิมพ์จีน โยงไปว่า สมมุติว่าเรื่องในนิยายเกิดปี 2014 (ปีเดียวที่นิยายออกมาตอนแรก) พระเอกอายุ 94 ปี  เอามาลบ พระเอกจะเกิดปี 1920 และบวกอีก 15 คืออายุทหารไปรบสงครามโลกครั้งที่สอง  ก็จะได้ปี 1935 ซึ่งเป็นปีที่กองทัพญี่ปุ่นเริ่มรุกรานประเทศจีนพอดี)

    ประเด็นคือคำกล่าวอ้างนี้มาจากไหน

    อย่างที่บอกคือ ตัวพระเอกไม่รู้หรอกว่าชาติที่แล้วเขาเคยเป็นอะไร เพราะเทพธิดาได้ลบความทรงจำชาติก่อนไปหมดแล้ว สิ่งที่พระเอกทำได้คือสัญชาติญาณตนเอง ซึ่งสไตล์การต่อสู้พระเอกเรื่องนี้คือใช้ดาบฟัง ถึงเลือดถึงเนื้อ มีความสุขในการต่อสู้ แถมมีนิสัยซาดิสต์หน่อยๆ ถ้าศัตรู (ที่ไม่ใช่ทคน) ทำเกรียนมใส่ พระเอกจะฟันตัดแขนตัดขา ให้ศัตรูลิ้มรสความหวาดกลัวสุดขีดก่อนที่จะฆ่าด้วย

    อย่างไรก็ตาม ประวัติชาติก่อนของพระเอกก็ถูกเอามาเฉลย ในตอนที่พระเอกทำเควสแห่งหนึ่ง และได้เจอปีศาจตัวแรก แม้ว่าปีศาจตัวนั้นจะเก่ง จนคนในปาร์ตี้สลบ (แต่ไม่ตาย) พระเอกก็เกือบเสียท่า แต่ในช่วงความเป็นความตายนั้นสัญชาตญาณของเขาก็ถูกปลุกขึ้น แล้วใช้เพลงดาบโบราณต่อสู้กับจอมมารได้สูสี

    การต่อสู้ของพระเอกนั้น ถูกจับตาดูโดยพวกธิดา ซึ่งเทพธิดาได้เฉลยว่าสาเหตุที่พระเอกเก่งการต่อสู้นั้น เพราะชาติที่แล้วเขาเคยเป็นทหารญี่ปุ่นต่อสู้ในสงครามโลกครั้งที่ 2

     

     

    คุนุกิ เรนยะ

    ทายาทลำดับที่ 14 ของสไตล์อิตโตริว (การต่อสู้ด้วยดาบญี่ปุ่น )ของโรงเรียนกูนูกิ

    ตอนอายุ 13 เขาเป็นนักดาบที่มีฝีมือสุดยอดในโรงเรียนในขณะนั้น

    ตอนอายุ 15 เขาไปจีนซึ่งเขาได้เรียนรู้เทคนิคการซ่อนเร้นและลอบสังหาร

    และเขาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มติดอาวุธและอันตรายที่สุดจนนรกเรียกพี่ ...

    เขาฆ่าคนจำนวนมาก ทุกคนที่ได้ยินชื่อของเขาต้องหวาดกลัวและร้องขอชีวิต. ...

    หลังจากนั้นเขาก็เข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 2

    ที่นั่นเขาฆ่าคนหลายร้อยคน

    จนซากศพกองรวมกันมากมาย

    เรียกว่าเขาฆ่าคนตลอดชีวิตของเขาก็ว่าได้

    เขาสามารถสู้ได้เพียงแค่มีดาบคาตานะ เขาแข็งแกร่งมากราวกับเป็นปีศาจ

    ทั้งพวกเดียวกันและศัตรูต่างเรียกเขาว่า “ปีศาจแห่งดาบ”  

                    ก่อนอื่นขออธิบายก่อนว่า การ์ตูนญี่ปุ่นมักนำเสนอเกี่ยวกับทหารในสงครามโลกครั้งที่ 2 หลายเรื่อง แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีดราม่า  เนื่องจากโฟกัสไปที่ทหารที่รบบนเกาะห่างไกล ไม่ก็ นักบินเครื่องบินซิโร่ และกองทัพเรือของญี่ปุ่นซึ่งได้รับการยกย่องมากกว่า  ไม่ได้นำเสนอในการรบที่ประเทศจีน หรือเรื่องของสร้างรถไฟสายมรณะที่ไทยสักเท่าไหร่

                    แม้ว่าในวีดีโอเกม การรบบนเกาะร้างของทหารญี่ปุ่นจะเป็นภารกิจเอามัน  ในภาพนยนตร์ก็มักนำเสนอทหารญี่ปุ่นตายอนาถแต่อีกด้านหนึ่งในสายตาคนทั่วโลกแล้วยกย่องทหารญี่ปุ่นบนเกาะร้างที่ต่อสู้กับกองทัพทหารอเมริกาอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช แม้ว่าสงครามของพวกเขาจะไม่มีโอกาสชนะก็ตาม  และในขณะเดียวกันก็นำเสนอความอดอยาก ความดิ้นรนเอาชีวิตรอดของทหารญี่ปุ่นด้วย

                    ในขณะที่ทหารญี่ปุ่นในแผ่นดินจีน กับเกาหลีนั้นไม่ได้ถูกยกย่องมากนัก เพราะส่วนหนึ่งทหารเหล่านั้นกระทำย่ำยีชาวบ้านในประเทศนั้นๆ อย่างโหดร้าย ไม่ว่าจะเป็นสังหารหมู่ที่นานกิง ไม่ก็โสเภณีเกาหลี  ปัจจุบันแม้ว่าญี่ปุ่นจะขอโทษ จ่ายค่าชดเชยสงครามไปหมดแล้ว แต่ความเครียดแค้นสามประเทศยังคงอยู่ ทำให้มักมีดราม่าบ่อยๆ ส่วนประเทศที่ไม่เกี่ยวก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องเหล่านั้น แถมบางคนเข้าใจผิดอีก

                    นอกจากนี้ น้อยมากที่การ์ตูน (และภาพยนตร์) จะนำเสนอทหารจักรวรรดิญี่ปุ่นที่ชื่นชอบการต่อสู้ และการฆ่าฟันหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนมากทหารเหล่านี้มีประสบการณ์ที่เลวร้าย ดิ้นรนเอาชีวิตรอด ไม่ได้ยินดีกับสงครามแม้แต่น้อย แต่ในนิยายเรื่องนี้นำเสนอว่าพระเอกปรารถนาในการต่อสู้ ชื่นชมการทรมานศัตรู มากกว่าจะฆ่าในดาบเดียวที่เป็นวิถีนักดาบ (การ์ตูน) เขาทำกัน เรียกว่าอารมณ์ซาดิสต์ไม่เบา

     

    หลังจากจบสงครามโลก พระเอกก็กลายเป็นอาจารย์ศิลปะการต่อสู้และดาบ แล้วประสบความสำเร็จ มีสาขามากมายหลายประเทศ ก่อนที่จะเสียชีวิตและไปต่างโลกอย่างที่เห็นกันในนิยายตอนที่ 1

    แม้ว่าไม่มีการระบุว่าพระเอกไปรบส่วนใดของประเทศจีน เพราะทหารญี่ปุ่นยึดหลายเมืองมาก เพียงแต่การสังหารหมู่ที่นานกิงเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่ทหารญี่ปุ่นทำกับคนจีน ดังนั้นการโยงให้พระเอกไปที่นานกิงก็เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดดราม่าง่ายที่สุด (ในเมื่อรบที่จีน มันต้องรบหลายเมือง และนานกิงก็น่าจะเป็นหนึ่งในนั้นด้วย)

    การสังหารหมู่นานกิง (Nanking Massacre หรือ Nanjing Massacre) หรือรู้จักกันในนามการข่มขืนนานกิง (Rape of Nanking) เป็นการสังหารหมู่และการข่มขืนยามสงคราม (war rape) ซึ่งเกิดขึ้นเป็นเวลาหกสัปดาห์หลังญี่ปุ่นยึดนครนานกิง อดีตเมืองหลวงของสาธารณรัฐจีน เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 1937 ระหว่างสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง ในช่วงนี้ พลเรือนและทหารจีนที่ถูกปลดอาวุธหลายแสนคนถูกทหารกองทัพบกจักรวรรดิญี่ปุ่นฆ่า  ทั้งยังเกิดการข่มขืนและฉกชิงทรัพย์อย่างกว้างขวาง นักประวัติศาสตร์และพยานประเมินว่ามีผู้ถูกฆ่าระหว่าง 250,000 ถึง 300,000 คน

    แน่นอนว่ามันเลวร้ายมาก แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่จักรวรรดิญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 พวกคนใหญ่คนโตที่มีส่วนเกี่ยวข้อง (ส่วนมากเป็นพวกกองทัพบก) กับเหตุการณ์นี้ถูกตัดสินลงโทษและถูกประหารชีวิต  ยกเว้น เจ้าชายยะซุฮิโกะ อะซะกะ พระอนุวงศ์ญี่ปุ่น อันเป็นผู้ก่อการสำคัญคนหนึ่ง ทรงรอดจากการฟ้องคดีอาญา เพราะฝ่ายสัมพันธมิตรได้ให้ความคุ้มครองไว้ก่อน

    ปัจจุบันการสังหารหมู่นานกิง ยังเป็นที่ถกเถียงของหลายฝ่าย อย่างญี่ปุ่นมาบอกว่ามันโอเวอร์เกินไป ชาวบ้านเสียชีวิตน้อยเกินกว่าที่ระบุเอาไว้ (จะมากไปน้อย ก็เลวร้ายอยู่ดี)

    แม้ว่าปัจจุบันไม่ว่ารัฐมนตรี จักรพรรดิญี่ปุ่นจะจ่ายค่าชดเชยสงคราม รวมไปถึงขอโทษชาวจีนจากเหตุการณ์นี้แล้ว แต่ชาวจีนไม่ยกโทษให้อยู่ดี และมักนำประวัติศาสตร์เหล่านี้มาโจมตีญี่ปุ่นจนถึงปัจจุบัน

    นอกจากนี้ยังมีการชี้ เกี่ยวกับคนแต่งที่สร้างตัวเอกอย่างมีนัยยะสำคัญ คือความรู้สึกชื่นชอบการต่อสู้ สไตล์ต่อสู้โหดร้ายป่าเถื่อน แม้ศัตรูที่พระเอกต่อสู้จะเป็นพวกสัตว์ประหลาด ไม่ใช่มนุษย์ แต่ก็ไม่ช่วยให้ภาพลักษณ์ของพระเอกดีขึ้น สำหรับคนอ่านหลายคน ในฐานะอดีตทหารจากสงครามโลกครั้งที่ 2

    อย่างที่บอกเอาไว้ ส่วนมากสื่อบันเทิง พวกทหารที่กลับมาสงคราม ต่อให้ชีวิตหลังจากนั้นจะดีหรือไม่ดีก็ตาม พวกเขาก็ไม่ได้ชื่นชอบการทำสงคราม พวกเขาต่างมีประสบการณ์เลวร้าย มีรู้สึกแย่ๆ จากสงคราม ไม่มีอดีตทหารคนใดเลยที่มีความสุขในสนามรบเลย

    แม้ว่าตัวนิยายจะมีการเพิ่มเติมไปว่าคนที่พระเอกฆ่าตอนมาจีนครั้งแรกนั้นจะเป็นคนชั่ว มาเฟียชาวจีน อย่างไรก็ตามหลังจากเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่สอง ไม่ได้บอกว่าพระเอกฆ่าใครบ้าง คนดี หรือไม่ดี   หรือมีอะไรกำหนดว่าคนนั้นดีหรือชั่ว สุดท้ายก็ฆ่าคนอยู่ดี

     


                    อย่างไรก็ตาม การอธิบายแบบนี้ก็ไม่ทำให้เหล่า Haters (Haters  gonna hate = ก็คนมันเกลียด) เข้าใจเลย เพราะถ้าเครื่องติดแล้ว มันไม่หยุดง่ายๆ หลายคนบอกว่าอนิเมะเรื่องนี้ไม่เหมาะสม  ตัวเอกแสดงปฏิกิริยาไม่เหมาะสม ตัวเลขที่เกินจริง  มันไม่เกี่ยวประวัติศาสตร์จริงๆ หรอก มันเป็นเรื่องแต่งเอาเวอร์ๆ เท่านั้น อย่าลืทมว่านิยายเน็ตอารมณ์เต่งก็ประมาณนี้แหละ

    แม้ว่ามันเป็นเรื่องแต่งก็จริง คนแต่งเองก็สามารถปฏิเสธ หรืออธิบายได้ แต่อย่างไรก็ตาม ต่อมา มีการขุด  Twitter  ของ MINE  คนแต่งนิยาย ก็พบข้อความที่แสดงถึงเกลียดชังต่อประเทศจีน โดยเขาได้กล่าวว่าประเทศจีนเป็นประเทศแห่งความบกพร่องและ  “ประเทศแมลงโดยใช้คันจิว่า 厨国 และ 虫国 ซึ่งทั้งสองคำต่างออกเสียงได้ว่า chuukoku ที่หมายถึง ประเทศจีนได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีการขุดว่า MINE ยังแสดงถึงความเกลียดชังประเทศเกาหลีใต้อีกด้วย

    คราวนี้แหละ ดราม่าก็เข้มข้นขึ้น มีประเด็นไปต่อ แถมประเทศจีนปัจจุบันเป็นนายทุนใหญ่ของอนิเมะญี่ปุ่นหลายเรื่อง (ไม่รู้ว่าอนิเมะเรื่องนี้ได้รับทุนจีนหรือไม่) ทำให้เสียงของจีนใหญ่พอดูในวงการอนิเมะญี่ปุ่น

                    เจอดอกนี้เข้าไป คนแต่งไม่มีสิทธิที่จะแก้ตัว จนต้องออกมาขอโทษ ด้นผ่าน Twitter เมื่อวันอังคารที่ 5 มิถุนายน 2018 ที่ผ่านมา โดยเขาได้กล่าวว่าสำหรับข้อความในทวีตเก่า ๆ ของฉัน ทำให้คนมากมายรู้สึกอึดอัด ฉันขอโทษจากใจจริงต่อการเขียนอะไรที่ไม่เหมาะสมลงไป” c]t กล่าวเพิ่มว่าเขาไม่คิดว่าจะได้รับการให้อภัยจากคนที่กำลังโมโห แต่เขาต้องการที่จะขอโทษจากใจจริง จากนั้นเขาจะทำการลบทวีตทั้งหมด

                    จากนั้นคนแต่งก็ยอมรับว่านิยายของเขามีเนื้อหาไม่เหมาะสมจึงยุติการลงผลงานในเว็บไซต์ Shousetsuka ni Narou  พร้อมกันนั้นยังยุติตีพิมพ์นิยายชั่วคราว  เพื่อแก้ไข ให้นิยายมีเนื้อหาที่เหมาะสมยิ่งขึ้น

    แต่กระแสดราม่าก็ยังรุนแรง จนโดย Twitter ทางการของนักพากย์ที่เคยประกาศชื่อว่าจะมีบทพากย์ในอนิเมะที่ดัดแปลงจากนิยายเรื่องนี้  vpjk’ Masuda Toshiki, Nakajima Megumi และ Yasuno Kiyono ได้ประกาศถอนตัวจากบทบาทที่พากย์ในอนิเมะเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันพุธที่ 6 มิถุนายน 2018 ก็ประกาศถอนตัวเรียบ  เพราะกลัวโดนหางเลขของความเกลียดชัง

    เรียกได้ว่าโทษใครไม่ได้ ต้องโทษคนแต่งที่โฟสอะไรไม่รู้จักคิดดีๆ ก่อนเฟสว่ามันจะส่งผลเสียในอนาคต  เรียกว่าแค่ไม่กี่ประโยคพังทั้งชีวิตตนเอง และคนรอบข้าง (แถมมีข่าวว่าคนวาดภาพประกอบนิยายเรื่องนี้ตอนแรกๆ มีงานเข้ามามาก พอมีดราม่า งานหดหายทันใด)

    แน่นอนว่าเป็นอีกครั้งของชัยชนะของเหล่า Haters (ซึ่งน้อยมากที่จะชนะ)  และเมื่อชนะสังเวียนนี้แล้ว เหล่า Haters ก็ยังไม่พอใจ กำลังดื่มดำกับชัยชนะ เหล่า เหล่า Haters ของเกาหลีใต้ก็เอาบ้าง เริ่มโจมตีสื่อบันเทิงญี่ปุ่นสองเรื่อง เรื่องแรกคือ Kiseki Himura (Getsuyoubi no Tawawa) ด้วยเหตุผลคล้ายๆ กัน ส่วนเรื่องที่สอง เป็นเกมมือถือชื่อดังของญี่ปุ่น อย่าง Fate/Grand Order ได้ประกาศอีเวนส์ย้อนอดีตใหม่ ในอีเวนส์ญี่ปุ่น 1945  (ซึ่งเป็นช่วงญี่ปุ่นยอมแพ้สงครามพอดี) ซึ่งหลังจาก live จบไป คนเกาหลีเกิดความไม่พอใจ เรียกร้องให้ทางทีมงานของเกมออกมาขอโทษ จากเหตุที่นำเอาเรื่องราวในปี 1945   มาสร้าง  แล้ว  ส่งเสริมความเกลียดชัง และอาจซ้ำเติมผู้เคราะห์ร้าย เช่นการเรียกญี่ปุ่นว่า "จักรวรรดิญี่ปุ่น" (  เป็นต้น  

    อย่างไรก็ตาม อย่างที่บอกไว้ ส่วนมากเหล่า Haters ไม่จะแพ้สงครามมากกว่า เรื่องแรกการ์ดยังแข็งอยู่ สองเรื่องสองมีคนออกมาฮ่ามากกว่า เพราะมันไม่ได้เหยียดชนชาติอะไรเลย เพราะปี 1945 เป็นปีญี่ปุ่นยอมแพ้ ดีไม่ดีญี่ปุ่นต่างหากที่ต้องซ้ำใจ ซ้ำเติม  แถมยังดราม่าโดยที่ไม่รู้เนื้อเรื่องด้วยซ้ำ ว่ามันมีอะไรให้เหยียดหรือเปล่า (ซึ่งตอนนี้หลายคนก็รู้เนื้อเรื่องเป็นที่เรียบร้อยว่า มันเกี่ยวกับอะไร) 

    และอย่าลืมว่าที่ผ่านมา การ์ตูนหลายเรื่องล้วนถ่ายทอดช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ... จนได้รับรางวัลจากนานาประเทศมาแล้ว

     

    สำหรับบทความนี้ก็ยังไม่จบ ยังมีต่อ บทความหน้า ในหัวข้อใหม่ “การเหยียดเชื้อชาติ” ซึ่งหากพูดถึงการเหยียดเชื้อชาติแล้ว การ์ตูนญี่ปุ่นหลายเรื่องแอบใส่ประเด็นเหล่านี้ในการ์ตูนอย่างมีนัยยะสำคัญอาไว้ที่หลายคนไม่คิดถึง



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×