ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #457 : Re:Creators สงครามทะลุมิติถล่มโลกา (ครึ่งหลัง)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.94K
      4
      27 ก.ย. 60

    ในที่สุดซีรีย์ที่ผมติดตามประจำปี 2017 Re:Creators ก็จบลงในตอนที่ 22 (ยังไม่นับตอนพิเศษ) ก็แน่นอนว่ามันมีหลายคนรู้สึกทั้งดี และไม่ดี (แต่ส่วนมากถือว่าดี) ปะปนกันไป ดังนั้นในบทความนี้ ผมจึงเขียนต่อครึ่งหลังกัน

     


    สำหรับเนื้อเรื่องต่อ (ตอน14-22)  เริ่มต้นไม่กี่วันหลังจากศึกอัลแตร์ ฝ่ายพระเอก (ผู้สร้าง) ก็เพิ่มศักยภาพของฝ่ายตนเอง ด้วยการเขียนเรื่องราวให้ตัวละครที่เป็นผลงานของตนเองให้เก่งขึ้น พร้อมกับให้คนดูยอมรับด้วย และนอกจากนี้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องทำเนื้อเรื่องพิเศษให้ตัวละคร (สิ่งสร้างสรรค์) ให้มาร่วมมือ รวมกลุ่มกันเพื่อต่อสู้กับอัลแตร์ ในงานแสดงอนิเมะครั้งใหญ่ในชื่อ งาน Elimination Chamber Festival  โดยมีรัฐบาลและฝ่ายเกี่ยวข้องต่างๆ มาช่วยเหลือเมคอัฟให้ โดยจุดประสงค์ของงานคือเรตตื้งของคนดู เพื่อให้ฝ่ายพระเอกได้รับการยอมรับ และกักขังอัลแตร์ไม่ให้ออกไปไหน

    แม้จะมีการทะเลาะกันระหว่างผู้สร้างบ้าง แต่ก็ปรับความเข้าใจกันได้ ส่วนโซตะเองก็อยากมีส่วนร่วมโดยเขาได้เสนอไอเดียอย่างหนึ่ง ซึ่งน่าเป็นวิธีสยบอัลแตร์ได้......

    นอกจากนี้ฝ่ายพระเอกก็มีพันธมิตรเพิ่ม เป็นสาวน้อยโฮชิคาว่า ฮิคายุ ตัวละครจากเกมแนวจีบสาว (ไม่แน่ใจว่ามาจากแบบอีโรเกะ 18+ แต่ต้นฉบับก็คงจะเป็นอย่างนั้นแหละ) ส่วนฝ่ายอัลแตร์ก็มีพันธมิตรเพิ่มเป็น ฮาคุอา โช ตัวเอกในเกมเดียวกับยูยะ ซึ่งตามมาแก้แค้นเพราะยูยะฆ่าเพื่อนและน้องสาวเขา นอกจากนี้อัลแตร์รู้แผนที่พวกพระเอกจะทำดี และพวกเธอก็เตรียมพร้อมที่จะบุกในวันงานที่จะมาถึง

                    และแล้ววันงาน Elimination Chamber Festival    ก็เริ่มต้นขึ้น ประชาชนมากมายต่างเข้ามาเวทีจัดงานเต็มอัศจรรย์  เพราะมันเป็นงานรวมตัวละครสุดฮิตทิ่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และเมื่อแสดงโชว์ของนักพากย์ นักร้องจบลง ก็มีการฉายอนิเมะให้คนดูรับชม ซึ่งผู้ชมคิดว่ามันเป็นการ์ตูน โดยหาไม่รู้ว่าอนิเมะนั้น เป็นการถ่ายทอดสดของจริง

                    ช่วงจัดงาน Elimination Chamber Festival  พวกอัลแตร์ได้บุกเข้ามาติดกับตามแผน (แบบจงใจ) และสู้กันในอาณาเขตพิเศษที่จัดเตรียมเอาไว้ จากนั้นตัวละคร (สิ่งสร้างสรรค์) ก็เริ่มจับคู่ต่อสสู้กันอย่างสุดมัน โดยเซเลสเซียสู้กับอัลแตร์, ยูยะสู้กับโซ และรุยสู้กับอลิซเทเรีย

                    ทางด้านลุงบลิตซ์ได้มาแก้แค้นพระเจ้าของตน ก็คือนักวาดสึรุกะ ที่เธอรออยู่ในห้องคนเดียว ลุงบิตซ์ต้องการแก้แค้นเธอที่เขียนเรื่องราวให้ลูกสาวของเขาตาย แต่แทนที่จะได้ฆ่า นักวาดสึรุกะโชว์ความเก๋าเกม ด้วยการเขียนเรื่องราวใหม่ว่าลูกสาวของลุงบลิตซ์สามารถคืนชีพหลังเชื่อมโยงโลกของเมเทโอร่า และพาลูกสาวมาหาลุงบลิตซ์  จนลุงถึงกับพูดไม่ออก และเข้าร่วมฝ่ายพระเอกในที่สุด (เพราะหากให้อัลแตร์ทำลายโลก ก็จะทำให้ลูกสาวลุงตายด้วย)

                    ฝ่ายโซตะ ก็ได้พบกับมากาเนะอีกครั้ง มากาเนะได้พยายามพูดจายียวนกับโซตะ แต่ถึงอย่างนั้นโซตะได้แสดงความกล้าหาญ

                    ต่อมา โซร่วมมือกับพวกพระเอกหลังทราบความจริงว่ายูยะไม่ได้ฆ่าน้องสาวและเพื่อนของเขา ส่วนอลิซหลังสบโอกาสก็เข้า

                    แม้พวกพระเอกจะร่วมมือกัน แต่อัลแตร์ยังไม่สะทบสะเทือน เพราะเธอนั้นแกร่งมากเกินไป แถมเผยไพ่เด็ด เปิดตัว คารอน คู่หูเซเลสเซียออกมาต่อสู้ด้วย คารอนถูกอัลแตร์หลอกให้เชื่อว่าพลังของเธอจะช่วยโลกของเขาได้ ทำให้เซเลสเทียสับสนและป้องกันไม่ให้พวกเดียวกันโจมตีใส่เขา

    ทางด้านอลิซเทเรียก็พุ่งเข้าไปสู้กับอัลแตร์ เพื่อแก้แค้นที่อัลแตร์ฆ่ามามิกะ  แต่กลายเป็นว่าอลิซเทเรียถูกอัลแตร์ที่แกร่งกว่าฆ่าตาย

    เซเลสเซียไม่อยากให้คารอนทำร้ายใครอีก เธอจึงตัดสินใจจับล็อคคารอน และบอกให้รุนปล่อยพลังฆ่าเธอทั้งคู่ รุยจำเป็นต้องทำจึงปล่อยพลังจนเซเลสเซียและคารอนตายพร้อมกันในการโจมตีนั้น

     

    แม้ว่าคารอนจะตาย เหลือเพียงอัลแตร์คนเดียว แต่ถึงอย่างนั้นอัลแตร์ที่มีพลังโครตโกงก็ได้เปรียบอยู่ดี แม้ว่าตัวละคร (สิ่งสร้างสรรค์) จะรวมพลังกัน ก็ยังไม่สามารถทำอันตรายอัลแตร์ได้เลยแม้แต่ปล่ายก้อย

    เมื่อเห็นว่าอัลแตร์เก่งเกินไป พวกพระเอกก็ใช้ไพ่ตาย ก็คือทำการสร้าง อัลแตร์ร่างก็อปชื่อ ซีเรียส (ซิริอุส) เข้าต่อสู้กับอัลแตร์ ซึ่งเป็นดีไซน์ตัวละครสุดท้ายก่อนตายของผู้สร้างอัลแตร์ ด้วยพลังที่เหมือนกัน แต่มีกึ๋นมากกว่า ทำให้ซิริอุสเอาชนะอัลแตร์มาได้

    แม้อัลแตร์สลายไป เหลือแต่หมวก แต่เนื่องจากอัลแตร์ที่เป็นตัวละครสาธารณะชน ที่หลายคนชอบ ยิ่งในวันงานเสียงตอบรับของผู้ชมมากขึ้น ทำให้อัลแตร์คืนชีพแล้วเข้าแทนที่ตัวตนร่างของซิเรียสได้  จนทำให้กลายเป็นอัลแตร์ร่างสุดยอด ที่มีพลังไร้ขีดจำกัดของตนที่มีครบทุกด้าน (เรียกได้ว่าเป็นตัวละครที่โครตเก่งที่สุดในการ์ตูนญี่ปุ่น แม้แต่โกคู หรือถุงมือเกรียนของทานอสที่ว่าแน่ ก็เอาชนะไม่ได้)

    อัลแตร์โชว์พลังของตนเอง จนทำให้พวกพระเอกย่ำแย่ และในตอนนั้นโซตะตัดสินใจให้ใช้แผน (ไพ่ใบสุดท้ายของจริง) ของเขาซึ่งเสี่ยงต่อผลกระทบรุนแรง แต่ไม่มีทางเลือก เมเทโอร่าจึงรวมพลังเวทแต่ไม่พอ เพราะเรื่องของโซตะไม่ยอมรับจากคนดู หากแต่ก็ได้ปาฏิหาริย์จากมากานะ ที่มากาเนะเปลี่ยนการโกหกเรื่องโกหก ให้กลายเป็นความจริง ทำให้ได้พลังมาก ให้กำเนิดตัวละครของโซตะ นั่นก็คือ ชิมาซากิ เซ็ตสึนะ ผู้สร้างอัลแตร์ก่อนที่จะเสียชีวิต (ซึ่งสร้างจากความทรงจำของโซตะ) จนทำให้อัลแตร์อึ้งทำอะไรไม่ถูก

    อัลแตร์ได้พบกับ ชิมาซากิ เซ็ตสึนะ ซึ่งเป็นคาแรกเตอร์ที่ โซตะ สร้างขึ้นจากความทรงจำที่เกี่ยวกับเธอ รวมถึงสถานีรถไฟวันที่เซ็ตสึนะ อัลแตร์ไม่ยอมรับเพราะรู้ว่าไม่ใช่ตัวจริง แถมด่าโซตะด้วยว่าขี้โกง (ว่คนอื่นไม่ดูตนเอง)  แต่เซ็ตสึนะได้แสดงอัลแตร์ให้เห็นว่าเธอนั้นเหมือนตัวจริงทุกอย่าง ซึ่งผู้ชมประทับใจและยอมรับเธอมากขึ้น

    อัลแตร์ยังคงสับสน จนเซ็ทสึนะใช้ไม้ตาย ด้วยการพยายามฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดให้รถไฟชนอีกครั้ง แต่อัลแตร์เข้ามาหยุด และยอมรับเซ็ตสึนะว่าเธอคือตัวจริง เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผู้ชมเกิดความประทับใจ เรตติ้งพุ่งกระฉูด จนทำให้อัลแตร์มีความสามารถใหม่ที่เป็นดั่งพระเจ้า (โกงอยู่แล้วยิ่งโกงไปเข้าไปอีก)   ทำให้อัลแตร์ใช้ความสามารถที่พาแซ็ตสึนะไปยังโลกอื่นเพื่อไปใช้ชีวิตที่นั้น

    ก่อนลาจาก เซ็ตสึนะ ได้พูดขอบคุณโซตะผ่านจอมอนิเตอร์ โซตะอธิบายความรู้สึกที่อยากจะพูดกับเธอ  ว่าเขาชอบเธอ  และแล้ว อัลแตร์กับเซ็นสึนะก็จากโลก และทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ (ยกเว้นตัวละครที่ตายก็ไม่ฟื้นขึ้นมา)

    และแล้วงาน Elimination Chamber Festival ที่จัดยาวนานจนถึงตอนเช้า ได้จบลง

    หลังจากจบงาน พวกก็ได้ฉลองกับความสำเร็จ แม้ผู้สร้างบางคนจะเศร้าการจากไปของตัวละคร (สิ่งสร้างสรรค์) ที่รักไปบ้างก็ตาม ต่อมาเมเทโอร่าได้บอกว่าจะส่งตัวละคร (สิ่งสร้างสรรค์) ทุกคนไปยังโลกที่พวกเขาจากมา และขอให้พวกเขาใช้เวลา 2-3 วันนี้ทำในสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้ ซึ่งพวกโซไปเที่ยวทะเล ส่วนพวกรุยไปชอปปิ้ง ส่วนโซตะและเมเทโอร่าไปเคารพศพเซ็ตซึนะ

    ด้านเมเทโอระเปิดประตูมิติส่งทีละคนกลับไปในอีกโลก มีการบอกลาผู้สร้างกัน จนเหลือเมเทโอร่าเป็นคนสุดท้าย แต่เมเทโอร่าไม่สามารถกลับโลกของเธอได้ เพราะพลังเวทย์มนต์ของเธอหมดแล้ว เธอจึง ต้องอยู่โลกนี้และสร้างโลกของเธอขึ้นมาใหม่ โดยการเป็นนักเขียน

                    จากนั้นโซตะและผู้สร้างก็แยกทางไปตามเส้นทางของตนเอง โซตะกลับมาเป็นนักเรียนธรรมดา และเกลับมาวาดภาพอีกครั้ง ในตอนจบเขาได้พูดคุยกับเมเทโอร่า ที่เมเทโอร่ากำลังจะมีผลงานใหม่ ซึ่งในอนาคตมีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะร่วมงานกัน

                    อวสาน

     


    ก็จบลงเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ 22 ตอนของซีรีย์ Re:Creators หนึ่งในอนิเมะเที่หลายคนตาม เพราะต้องการอยากรู้ว่าเรื่องมันจะดำเนินยังไง และจบลงยังไง ซึ่งหลังจากดูจบ หลายคนก็มีความรู้สึกที่หลากหลาย มีทั้งดีบ้าง ไม่ดีบ้าง และตัวอนิเมะเองก็ใช่ว่าจะดีหมด เพราะมีจุดที่ติบ้าง

    ก่อนอื่นก็ขอพูดภาพรวมอนิเมะครึ่งหลังก่อน จากครึ่งแรกที่ดำเนินเรื่องที่เน้นความเป็นมาของตัวละคร  เปิดตัวละครใหม่ออกมา มาถึงครึ่งหลัง เมื่อองค์ประกอบครับ เตรียมตัวพร้อมกันทั้งสองฝ่าย ก็จัดฉากต่อสู้แบบเต็มอิ่มกว่า 5 ตอน แบบไม่ตรงเกริ่นอะไรมากมาย  ใครที่ชอบบ่นว่าเมื่อไหร่จะมีฉากต่อสู้ มาคราวนี้คงไม่มีบ่นละ เพราะจัดเต็มจริงๆ ทั้งระเบิดตูมตาม ระเบิดภูเขา เผากระท่อม เลือดสาด ปล่อยพลังอย่างเมามัน

    รวมไปถึงหลายคนที่บ่นว่าอัลแตร์บทน้อยจัง มาครึ่งหลังอัลแตร์โชว์เด่นกว่าใครเพื่อนเลย ด้วยพลังโครตโกง และโครตเกรียน

    แม้ว่าช่วงครึ่งหลังจะเน้นฉากต่อสู้ แต่การดำเนินเนื้อเรื่องก็มีอะไรทำให้คนดูรู้สึกโอ้โห น่าติดตามอยู่หลายครั้ง   ยิ่งตอนเฉลยว่าแต่ละฝ่ายมีไพ่เด็ดอะไร พอไพ่หงายออกมานี้ทำเอาคนดูปากค้าง (แบบว่า “เล่นแบบนี้เลยเรอะ)

    รวมไปถึงกาสอดแทรกอะไรหลายอย่าเกี่ยวกับวงการการ์ตูนทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นลงไปในสงครามครั้งนี้ด้วย

     

    มิซูชิโนะ โซตะ

    “ผมอาจจะเป็นเหมือนคุณ หรืออาจจะไม่เหมือนกันเลยก็ว่าได้ แต่ค่อนข้างมั่นใจว่าพวกเราอยู่ในที่ใกล้เคียงกัน....”

    “ผมจะรับหน้าที่เป็นผู้บรรยายจนถึงที่สุด.....”

    นี่คือคำพูดของโซตะในตอนเปิดเรื่องของตอนที่ 1 มันแสดงให้เห็นว่าโซตะนั้นเป็นตัวละครที่แสนธรรมดาที่พบเห็นโดยทั่วไป และเป็นตัวละครที่ใครสามารถเป็นแบบเขาได้ หรือเอาง่ายๆ คือโซตะก็คือตัวแทนของคนดู

    แม้ว่าโซตะจะรับบทเป็นตัวเอก แบบผู้ดู แต่เนื้อเรื่องก็แสดงอะไรหลายอย่างว่า โซตะมีความสำคัญไม่มากไม่น้อย และเป็นตัวแปรสำคัญของเรื่องที่จะจบดีหรือไม่ดี ก็ขึ้นอยู่กับโซตะ

    ตอนแรกๆ ผมหวังในตัวโซตะมาก แม้จะบอกว่าทำหน้าที่เป็นตัวเล่าเรื่อง แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังเชื่อว่าโวตะน่าจะเป็นจุดศูนย์กลางของเรื่อง ในเมื่อเป็นตัวต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดด้วย โซตะก็น่าจะทำอะไรบางอย่างเพื่อแก้ไขในสิ่งที่เกิดขึ้น

    ในตอนสุดท้ายของตอน 12 โซตะเปิดเผยด้านมืด หลังจากทำตัวมีปัญหามาตลอด โดยบอกว่าเขาเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้ผู้สร้างอัลแตร์ฆ่าตัวตาย จนอัลแตร์เกลียดชังโลกจนอยากทำลายโลก

     แม้ว่าโซตะจะเป็นตัวละครที่หลายคนออกมาด่าว่า แต่เราก็คงไม่ลืมว่า โซตะก็คือตัวแทนของคนดู มันเป็นการตั้งคำถามว่า “หากเราเป็นโซตะ ในสถานการณ์แบบนี้คุณจะทำยังไง” โซตะก็มีด้านมืด มีด้านอิจฉาริษยา ความเกลียดมาบดบัง แต่ด้านมืดนั้นก็ทำให้คนดูคิดเหมือนกันว่าเราก็เป็นไปได้ สมมุติว่าเราวาดรูปแทบตาย แต่วาดยังไงก็ไม่ดังสักที จนวันหนึ่งเพื่อนของคุณมีพรสวรรค์ในการวาดรูป วาดไม่นานก็ดังเป็นพลุแตก ใครบ้างไม่อิจฉา เวลาเพื่อนคนนั้นเกิดดราม่า ล้มแล้ว มีหรือเราจะไม่เหยียบย้ำ

    โซตะก็คือตัวแทนของมนุษย์ ที่มีหลายด้าน แม้จะต่างวัฒนธรรม ต่างความคิด ต่างสังคม แต่เชื่อว่ามีคนแบบโซตะทุกสังคม มันอยู่ที่เราจะก้าวผ่านพ้นด้านมืดของตนเอง ไปสู่ด้านสว่างได้

    โซตะเลือกที่จะทิ้งอดีตเลวร้าย และพยายามทำสิ่งที่ถูกต้อง ด้วยการทำอะไรบางอย่างเพื่ออัลแตร์ ซึ่งตรงจุดนี้เชื่อว่าทำให้คนดูติดตามว่าแผนของโซตะคืออะไร (แม้บางคนจะเดาๆ ได้กด็เถอะ)

                    ส่วนตัวผมคิดว่า โซตะน่าจะมีบทบาทมากกว่าครึ่งแรก...แต่ปรากฏว่า

    ปรากฏว่าบทของโซตะสำคัญน้อยกว่าครึ่งแรกเสียอีก

    ก็ไม่เชิงว่าผิดหวังมาก แต่ผมอยากให้โซตะมีความสำคัญมากกว่านี้ โอเค โซตะถูกวางบทว่าเป็นผู้ดู แต่ปัญหาคือผู้ดูที่ว่าจะมีบทสำคัญในตอนท้าย ซึ่งกว่าจะถูกตอนนั้น มันจำเป็นต้องมีการปูพื้นเสียก่อน เพิ่มความสำคัญให้ผู้ดู กลายเป็นจุดศูนย์กลาง กลายเป็นตัวละครสำคัญ  ทำให้ดูมีพลังมากกว่านี้ แต่ปัญหาคือมันมีพลังไม่พอ ยิ่งตอนเฉลยแผนของโซตะ ความสำคัญของโซตะมันไม่มีพลังเสียเลย

    ความจริงเรื่องสามารถให้ความสำคัญโซตะได้หลายทาง เป็นต้นว่าโซตะถูกฝั่งอัลแตร์จับเป็นตัวประกัน ไปจนถึงฉากที่ผมเชื่อว่าหลายคนอยากจะดูมากที่สุดก็คือฉากโซตะเผชิญหน้ากับอัลแตร์ ย้ำว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ซึ่งน่าเสียดายที่เราไม่ได้เห็นฉากเหล่านี้เลยตั้งแต่ต้นจนจบ

    การไม่มีฉากการพูดคุยโซตะกับอัลแตร์นั้น ถือว่าเป็นจุดผิดพลาดอย่างแรงของอนิเมะ เพราะหากไม่มี มันไม่สามารถตอบคำถามต่างๆ มากมายที่สงสัยได้ (กลับไปอ่านการวิเคราะห์ผมที่บทความก่อนได้) ตอนที่อัลแตร์ตกใจเมื่อเห็นโซตะในตอนแรกนั้นผมก็นึกว่ามันมีอะไรมากกว่านี้ แต่กลายเป็นว่าครึ่งหลังโซตะไม่ได้เผชิญหน้ากับอัลแตร์โดยตรงเลยแม้แต่ฉากเดียว

    การเผชิญหน้ากับอัลแตร์ตรงๆ ของโซตะมันเปรียบเสมือนกับการเผชิญหน้ากับบาปที่โซตะทำเอาไว้   แต่ฉากเหล่านี้ก็ไม่ได้เห็นเมื่อโซตะใช้เซทสึนะแทนตนเองในการเผชิญหน้ากับอัลแตร์ มันไปทางตรงไปหน่อย ไม่หักมุมเลย  (หลายคนเดาแล้วว่า วิธีของโซตะคงเป็นวิธีนี้)

    เสียดายที่บทบาทของโซตะออกไปทางเส้นตรง ไม่ไปทางเลี้ยว แม้ว่าทางเลี้ยวจะช้าบ้าง เสี่ยงบ้าง แต่ผมเชื่อว่าทางเลี้ยวจะช่วยให้คนดูเพลิดเพลินกับสิ่งใหม่ๆ ที่อยู่ระหว่างทาง และเชื่อว่าสิ่งใหม่ๆ นั้นก็ทำให้เราน่าจดจำไม่มากก็ไม่น้อย เสียดายที่อนิเมะเรื่องนี้ไปทางตรงทำให้ไม่ค่อยจดจำมากนัก

    สรุปว่าสิ่งที่ผมวิเคราะห์เอาไว้ในบทความก่อนๆ ก็ไม่ผิด และไม่มีถูก เพราะอนิเมไม่เฉลยเลย ว่าตกลงแล้วอัลแตร์มีความรู้สึกลึกๆ กับโซตะยังไง

    อย่างไรก็ตาม โซตะก็ยังมีสิ่งดีๆ บ้าง เกี่ยวกับการเผชิญกับกับมากาเนะอีกครั้ง รวมไปถึงตอนสุดท้ายที่โซตะกับเมเทโอร่า และการปิดสวยๆ ของโซตะก็ทำให้ผมพอใจไม่มากก็ไม่น้อย

     

    อัลแตร์

    โดยส่วนตัวแล้ว ครึ่งแรกแม้ว่าบทของอัลแตร์จะน้อย แต่มันก็แสดงให้เห็นว่าเป็นอัลแตร์เป็นตัวละครที่ซับซ้อนพอสมควร ก่อนที่เนื้อเรื่องจะเริ่มเผยปม เผยที่มาของอัลแตร์ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน เธอต้องการอะไร แต่ถึงแม้จะเผย แต่อัลแตร์ก็เหมือนมีความลับอีกมากมายที่รอครึ่งหลังว่าเธอมีอะไร ซึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่หลายคนติดตามว่า สุดท้ายบทสรุปของอัลแตร์จะเป็นเช่นไร

    หากแต่ครึ่งหลัง อัลแตร์ทำออกมากลายเป็น “เด็กเกรียน” ซะงั้น

    ใช่ อัลแตร์เป็นเด็กเกรียนของแท้เลย และมันก็เป็นตั้งแต่แรกด้วย ตรงที่ขี้โมโหง่าย แค่มามิกะพูดแค่เซทสึนะคำเดียว อัลแตร์ก็ฆ่ามามิกะทันที แสดงให้เห็นว่าอัลแตร์ควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ได้เลย และเมื่อมีพลังมาก เธอก็จะใช้พลังนี้ทำลายโลกอย่างเดียว โดยไม่สนว่าสิ่งที่ทำมันถูกต้องหรือไม่ และทำแล้วมันจะหายแค้นไหม

    ผมประทับใจตรง ลุงนักสืบพูดกับอัลแตร์ว่า เธอเป็นพวกแข็งนอกแต่อ่อนใน จิตใจของอัลแตร์เปราะบางเหมือนแก้ว ที่พร้อมจะแตกได้ทุกเมื่อหากมีอะไรบางอย่างมาสะกิด ทำให้มีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในตัวอัลแตร์

    และนั้นก็เป็นอีกหนึ่งที่คนดู ติดตามว่าเมื่อไหร่อัลแตร์ซึนจะแตก ใครจะทำลาย ใครจะทำให้อัลแตร์เลิกเป็นเด็กเกรียนได้

    น่าเสียดายที่ไม่ใช่โซตะที่ทำลายกำแพงของอัลแตร์......

    ในครึ่งหลังนั้นจัดหนักบทอัลแตร์มาก ในฐานตัวละครที่โครตโกง โกงชนิดว่าไม่มีใครเอาชนะได้ ต่อให้ยกโกคูมาสิบคน, ไซตามะมาสิบคน, กุเร็นรากันก็อตสิบเครื่อง ก็ไม่มีทางชนะอัลแตร์

    แต่ในขณะเดียวกันมันก็สื่อถึงอัลแตร์เป็นตัวละครเด็กน้อย ที่โครตเกรียนไปด้วย

    ก็น่าเสียดายเหมือนกัน ที่อัลแตร์น่าจะเป็นตัวละครที่มีความหลากหลายในการตีความ แต่ตัวอนิเมะกลับจำกัดความว่าอัลแตร์เป็นตัวละครเกรียนแทน

      อัลแตร์ทำอย่างกับตัวเอกกับผู้สร้างของตนก็เป็นเหยื่อ  ทำยังกับว่าเซทสึนะเป็นคนเดียวที่ได้รับผลกระทบจากการเป็นนักวาดการ์ตูนชื่อดัง โดยที่ไม่มองว่านอกเหนือเซทสึนะ ก็ยังมีนักวาดและนักเขียนการ์ตูนทุกคนต่างได้รับผลกระทบกับความคิดเห็นของคนภายนอก และกว่าจะก้าวผ่านไปได้ก็ยากลำบาก และเกือบคิดจะฆ่าตัวตายเหมือนเซทสึนะหลายครั้ง

    คนวาดการ์ตูนไม่ว่าจะดังหรือไม่ต่าง ต่างมีปัญหาแตกต่างกัน แต่ทุกปัญหาก็ย่อมหนักเหมือนกัน นักวาดที่ไม่ดังก็ต้องวาดการ์ตูนให้ดัง วาดยังไงให้คนอ่านยอมรับ วาดยังไงให้ทันเส้นตาย วาดยังไงให้ ต่อให้มีพรสวรรค์วาดสวย ได้ชื่อเสียงก็ต้องเผชิญหน้ากับความคาดหวังของเหล่าแฟนๆ  การรับมือกับเกรียนคีย์บอร์ด คิดหรือว่าเซทสึนะเป็นคนเดียวที่ต้องเผชิญกับสิ่งเลวร้ายพวกนี้เหรอ

    นักวาดและนักเขียนสามารถผ่านเรื่องเลวร้ายนี้ได้ และสามารถกลายเป็นนักวาดที่มีชื่อเสียง ในขณะที่เซทสึนะเลือกที่จะฆ่าตัวตายเพราะเป็นโรคซึมเศร้าขาดคนให้กำลังใจ

                    อัลแตร์ได้มองแต่ด้านเดียว คิดว่าผู้สร้างของเธอเป็นเหยื่อคนเดียว และสิ่งที่เธอทำคือทำลายโลกใบนี้ให้เรียบ โดยไม่สนว่ามันจะมีด้านดีหรือไม่ก็ตาม

                    สุดท้ายอัลแตร์ก็ได้พบกับเซทสึนะอีกครั้ง ในฉากนี้อัลแตร์ทำลายกำแพงหัวใจออกมา กลายเป็นเด็กน้อยขี้แย ด่าว่าโซตะขี้โกง (โดยไม่ดูตนอง) และยอมรับเซทสึนะว่าเป็นผู้สร้างเจ้านายตนเอง หากสังเกตดีๆ อัลแตร์ไม่แสดงความสำนึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปเลย เธอไม่ขอโทษทุกคน ว่าทำอะไรลงไปบ้าง  ราวกับว่าสิ่งที่ฉันทำมันถูกต้องตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันต่างหากคือเหยื่อ  และเมื่อได้สิ่งที่สิ่งที่ต้องการมันก็เหมือนกับว่ามันค่าเสียหายที่ฉันควรได้รับ ฉันไม่ขอโทษ หรือไม่ขอบคุณใครหรอก จากนั้นก็จากไปราวกับพายุที่สงบลง ทิ้งความเสียหายจากเบื้องหลัง

                    มันจึงออกจะแปลกๆ ที่อัลแตร์ไม่สำนึกผิดเลย อย่าลืมว่าเธอฆ่าเพื่อนของเธอสองคน และทำร้าย คนอื่นๆ อีกเพียบ บางคนดูเชื่อว่าอัลแตร์น่าจะพบจุดจบด้วยซ้ำ แต่อนิเมะเลือกที่จะให้อัลแตร์สมหวังและไปจากโลกให้พ้นๆ เท่านั้น

                    เรื่องของอัลแตร์ก็คงเป็นความคิดเห็นล้วนๆ ผมก็ไม่รู้ว่าจะตรงใจคนดูหรือเปล่า แต่ถึงอย่างนั้น การให้เซทสึนะมาหยุดอัลแตร์ก็ถือว่าดี แต่มันก็ไม่ถูกใจผมสักเท่าไหร่ เพราะโดยส่วนตัวผมอยากให้โซตะมาหยุดอัลแตร์ตรงๆ มากกว่า หรือไม่ก็ทำอะไรสักอย่างให้โซตะกลายเป็นผู้สร้างอัลแตร์แทนเซทสึนะ

                    (ปล. ความจริงเซทสึนะหยุดอัลแตร์ก็ไม่ได้เป็นมุกที่แปลกใหม่นัก ดีไม่ดี มันก็แอบสปอยเอาไว้ ในฉากเพลงปิดของอนิเมะช่วงครึ่งหลังอยู่แล้ว ที่เป็นภาพอัลแตร์มองดูภาพของโซตะที่เป็นภาพของเซทสึนะ มันก็เป็นบอกใบ้อยู่แล้ว ผมเลยผิดหวังนิดๆ ที่มันตรงสปอย และไม่มีหักมุมตรงจุดนี้)

     

                    เหล่าผู้สร้าง (พระเจ้า)

                   

                    แม้ว่าอนิเมะจะเต็มไปด้วยฉากต่อสู้ (ครึ่งหลัง) และมีฉากของตัวละคร (สิ่งสร้างสรรค์) ค่อนข้างเยอะ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีสิ่งที่สอดแทรกให้เราได้สังเกตเห็นเหมือนกัน ถึงอาชีพ นักวาดการ์ตูน (นักเขียนนิยาย, คนสร้างอนิเมะ และอาชีพต่างๆ เกี่ยวกับตัวละคร)

                    ทำไมญี่ปุ่นถึงกลายเป็นประเทศเดียวที่อุตสาหกรรมการ์ตูนยิ่งใหญ่  ก็เพราะคนที่มีอาชีพวาดการ์ตูนมีความเป็นมืออาชีพ มีความคิดสร้างสรรค์ การเข้าใจคนอ่าน การสร้างเรื่องราว  รวมไปถึงยังคงเป็นอาชีพที่เป็นทางเลือกของญี่ปุ่นที่มีล่ำเป็นสัน

                    ในขณะเดียวกันซีรีย์นี้ก็ทำให้เราเห็นว่าการเป็นผู้สร้างการ์ตูนมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

    ไม่ว่าจะเป็นนักวาดการ์ตูนสมัครเล่น (โซตะ), นักวาดการ์ตูนดาวรุ่ง (เซทสึนะ) และนักวาดการ์ตูน (และผู้เกี่ยวข้องกับการ์ตูน) มืออาชีพ

    เรามักได้ยินเรื่องของมืออาชีพในวงการการ์ตูนอยู่หลายข่าว  บางข่าวก็ว่าเป็นอาชีพเงินดี (หากประสบความสำเร็จ) บางข่าวก็เล่าเรื่องความทุกข์ยากในการวาดการ์ตูน และอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการ์ตูน (เส้นตาย, งานหนัก, โรคภัย)  และการรับมือกับเล่าแฟนๆ ว่าจะทำยังไงให้ให้ผลงานของตนเองให้มีแฟนๆ ผลงานยอมรับมากที่สุด ในขณะเดียวกันก็เป็นผลงานที่ตนพอใจ มีความสุขในการทำงานด้วย

    หนึ่งในตอนที่แสดงให้เห็นความเป็นมืออาชีพของนักวาดการ์ตูน คือตอนที่ลุงบลิตซ์ได้มาแก้แค้นพระเจ้าของตน ก็คือนักวาดสึรุกะ ที่เขียนเรื่องราวให้ลูกสาวของลุงตาย

    เมื่อลุงบลิตซ์ถามว่าทำไมต้องเขียนจุดจบเลวร้ายของลูกสาวเขาด้วย สึรุกะตอบสั้นๆ เพียงว่า

    “เพราะ มันทำให้สนุกยังไงละ”

    ลุงบลิตซ์ถึงกับของขึ้น เลยยิงอัดสึรุกะไปดอกหนึ่ง พร้อมตำหนิสึรุกะว่า “ไม่มีเมตตาเลยเหรอ” (ที่ฆ่าโลลิได้ลงคอ)

    สึรุกะได้โต้ตอบว่า “คิดว่าฉันเขียนโลกนายเพื่ออะไร เพื่อให้สงบสุข ให้ตัวละครนั่งจิบชาพูดคุยกันเรอะ  ไม่ใช่เว้ย เจ้าโง่ ให้คนมาอ่านต่างหาก.......”

    สึรุกะยังพูดต่อ “คิดว่าฉันประสบความสำเร็จตั้งแต่แรกเรอะ คิดว่าฉันผ่านคืนเลวร้ายมากี่คืนกัน กว่าที่จะเค้นเขียนเรื่องของนายออกมาได้ พยายามอดทนทุกอย่างจนถึงวันนี้ได้”

    ถ้าการฆ่าตัวละครหลักที่ตนรัก ทำให้เรื่องราวดีขึ้น สนุกขึ้น ให้คนมาอ่าน ก็จะทำ นี่แหละคือนักวาดการ์ตูน   

    ทั้งหมดนี้คือตัวตนของนักวาดการ์ตูน ที่ทุ่มเทกับสิ่งที่พวกเขาสร้าง การสร้างเรื่องราว การสร้างดราม่า ก็เพื่อให้ผลงานของตนเป็นที่น่าจดจำของคนดู อย่างจอมมารเก็น (เก็น อุโรโบจิ) ที่มักเขียนบท เขียนเรื่องราว โดดเด่นในแง่เล่นกับอารมณ์ของตัวละครหลัก ให้อยู่ในสภาวะกดดันบีบคั้น หักมุม และฆ่าตัวละครสำคัญหรือทำให้สิ้นหวัง ตกสู่ด้านมืด ซึ่งตัวจอมมารเก็นมีความเชื่อว่าโลกนี้ไม่มีดำหรือขาวหมด ทุกอย่างเป็นสีเทา ความดีกับความเลวมีความเท่าเทียมกัน

    อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่า คนแต่ง  จะไม่รักตัวละครที่ตนเองวาด กลับกันต่างหากพวกเขาต่างรักตัวละครเหล่านี้ เพราะมันเสมือนลูกเหมือนหลาน ผูกพันกันมานาน (แม้นักวาดบางคนจะไม่ได้ให้ความรู้สึกนี้ก็เถอะ)   การใส่เรื่องราวดราม่า หรือเลวร้าย ก็เพื่อให้ตัวละครที่เขารักมีเลือด มีเนื้อ มีมิติ มีความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่เป็นเพียงน้ำหมึกบนกระดาษ พวกเขาต้องการให้ตัวละครของตนมีชีวิต อยู่ในความทรงจำของตนและทุกคน  อย่างสึรุกะแม้ว่าจะตัดสินใจใส่บทให้ลูกสาวลุงบลิตซ์ตายอย่างโหดร้าย แต่เมื่อสึรุกะได้รับรู้ว่าลุงบลิตซ์นั้นมีตัวตนขึ้นมา มีชีวิตจิตใจ มีความเศร้า มีความเคียดแค้น สึรุกะจึงเสี่ยงที่จะแต่งให้ลูกสาวลุงบลิตซ์ ฟื้นคืนชีพให้ ซึ่งอย่างที่หลายคนรู้ว่าหากนักเขียนคนใดเล่นมุกคืนชีพทั้งๆ ที่ในโลกของแต่งไม่มีเรื่องแบบนี้ อาจโดนคนดูต่อว่าออกทะเล โดนตำหนิได้ แต่สึรุกะนั้นมีความสามารถทำให้คนดูยอมรับการเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้ได้ ทำให้การ์ตูนของเธอยังคงมีชื่อเสียง

    นี่แหละคือสิ่งที่เรียกว่านักเขียนการ์ตูน ที่ยอมทำทุกอย่างให้แฟนๆ ผลงานยอมรับ แม้จะทำเรื่องโหดร้ายไปบ้างก็ตาม

    เอาตรงๆ ว่าฉากลุงบลิตซ์ฉากนี้ มันโครตมีพลัง ความประทับใจ กว่าของอัลแตร์เจอเซทสึนะเสียอีก

    พูดถึงความรักตัวละคร ก็คงจะไม่พูดถึงทาราคาดะ ไก ผู้วาดอลิซเทเรียก็ไม่ได้ คือน่าจะเป็นตัวละครที่ทุกข์ระทมมากกว่าใครเขาเพื่อน จากตอนแรกเป็นคนขี้ขลาด โดนอลิซเทเรียที่เป็นตัวละครที่ตนเองสร้างโกรธที่ชอบเขียนเนื้อเรื่องของตนให้ปวดตับ กว่าที่จะทำความเข้าใจได้ในครึ่งหลัง

    ความจริงทาราคาดะไม่ได้เกลียดอลิซเทเรีย การที่เขาสร้างเนื้อเรื่องนี้เพื่อให้เธอเข้มแข็ง เป็นตัวอย่างให้แก่ผู้ดู ถึงความมุมานะ ก้าวเดินต่อไปแม้จะเต็มไปด้วยสิ้นหวัง ทาราคาราคาดะเข้าใจจิตใจของอลิซเทเรีย เชื่อมั่นในตัวของเธอ แต่ต้องพบกับความสิ้นหวัง เมื่ออลิซเทเรียถูกฆ่าต่อหน้าต่อตา จนเศร้า แม้ว่าสงครามจะจบแล้วเขาก็ยังคงซึมเศร้าไม่จางหาย

    นักวาดการ์ตูนรักตัวละครของพวกเขา แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาจำเป็นต้องเอาใจคนอ่าน ทำยังไงจะสื่อเรื่องราวที่พวกเขาบรรจงสร้างได้ แม้ว่าพวกเขาต้องรับมือกับเหล่าแฟนๆ ที่ต้องการอย่างโน้น อย่างนี้ ต้องการให้ตัวละครXกับตัวละครนี้ จับคู่นั้นโน้น แต่คนวาดไม่สามารถทำได้ทุกอย่าง สิ่งที่พวกเขาทำได้มีเพียงการทำเรื่องราวให้คนส่วนมากยอมรับ มากที่สุด เป็นไปได้มากที่สุด  (แม้บางเรื่อง คนแต่งจะเอาใจคนกลุ่มน้อยก็เถอะ)

     

    ตอนสุดท้ายกับฝันของโชแปง

    ส่วนตัวแล้ว ผมชอบตอนสุดท้าย ของตอน 22 แม้ว่ามันอาจจะไม่ดีมาก มันอาจจบแบบหวานอมขมกลืนก็ตาม (สุดท้ายตัวละครที่ตายไม่ชุบ)

    ผมเคยดูอ่านพล็อตเรื่องหนึ่ง “ฝันของโชแปง” ("Trusty Bell ~Chopin no Yume~") ซึ่งเป็นเกมของเอ็กซ์บ็อก และเป็นมังงะมาก่อน ซึ่งมันให้อารมณ์คล้ายกันๆ   โดยเนื้อหาเป็นเรื่องนักดนตรีชื่อก้องโลกอย่าง "โชแปง" กำลังนอนป่วยหนัก เขาก็ได้เห็นความฝันบางอย่างในวาระสุดท้าย  แล้วโชแปงก็มีตัวตนในความฝันนั้น โดยฝันนั้นเป็นโลกแฟนตาซี เทพนิยาย มีผู้คนใช้ชีวิตกันอยู่ไม่ต่างจากความเป็นจริง

                    โลกนี้โชแปงสร้างขึ้นมา โชแปงได้ผจญภัยกับตัวละครในโลกนั้น พวกเขาฟันผ่าอันตราย ก่อนที่จะจบอย่างมีความสุข แต่สุดท้ายโชแปงต้องลาจากพวกเขา ซึ่งในโลกแห่งความจริงโชแปงจะต้องเสียชีวิตลง อย่างไรก็ตามโชแปงไม่ได้เสียดายชีวิต เขาได้พอใจกับชีวิตของเขาแล้ว  แม้เขาจะตาย แต่โลกแฟนตาซีของเขาก็ยังอยู่ และพวกเขาก็ยังมีชีวิตสงบสุขอยู่ที่นั้น

                    แม้ตัวเราจะตาย แต่ผลงานของเราก็ยังคงอยู่   แม้โชแปงจะเสียชีวิตไปนานแล้วก็ตาม แต่เพลงของโชแปงก็ยังคงอยู่ และยังคงเป็นอมตะ หากมีคนจดจำมัน

                    Re:Creators  ไม่มีอีเวนส์ตัวละครชุป ชีวิต(ซึ่งมันก็น่าเสียดายยังไงไม่รู้ อุตสาห์หวังจะได้เห็นมารินะร่างดาร์กคืนชีพ) นำความโศกเศร้าแก่เจ้าของผู้สร้าง มัตสึบาระเสียใจที่เขียนเรื่องราวทำให้เซเลสเซียต้องสละชีพ แต่เมเทโอร่าปลอบใจว่า ขอเพียงคุณมีชีวิตอยู่ โลกของเซเลสเซียก็ยังคงอยู่ เซเลสเซียก็ยังคงมีชีวิตอยู่ในโลกนั้น แม้ตัวเธอจะตายในโลกของผู้สร้างก็ตาม (แอบมีทฤษฏีโลกคู่ขนานเข้ามาเกี่ยวข้อง)

                    ในตอนใกล้จบผู้สร้างกับตัวละครของพวกเขาทำกิจกรรมร่วมกัน แม้ว่าพวกเขาจะแยกจากกัน แต่พวกเขาก็ยังคงอยู่ใกล้ในรูปของผลงานให้สร้างสรรค์ต่อไป

                    แม้ว่าโซตะกับพรรคพวกจะแยกไปตามเส้นทางของตนเอง แต่ก็เชื่อว่าพวกเขาก็จะรวมตัวอีกครั้ง มันก็ขึ้นอยู่ว่าโซตะจะพัฒนาฝีมือขึ้นไปถึงจุดที่ใฝ่ฝันหรือเปล่า โดยตอนท้ายโซตะได้เริ่มต้นวาดภาพพร้อมกับคำพูดที่ว่า

    'ผมไม่สามารถหยุดยั้งตัวเองได้ แม้ว่าฉผมจะล้มเหลว ... ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครยอมรับ ... ถึงกระนั้นก็ตาม ... แต่ฉันรู้ว่ามีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น บางครั้งพวกเขาสัมผัสหัวใจของผู้คน และบางครั้งก็เปลี่ยนชีวิตของผู้คน ใช่  ในทางเส้นเล็ก ๆ นั้น มันได้เปลี่ยนชีวิตของพวกเขาให้เป็นสิ่งที่สวยงาม...

    โลกยังคงต้องการเรื่องราวของคุณ คนรอบตัวต้องการเรื่องราวของคุณ เราทุกคนต้องการเรื่องราวของคุณ ขอให้คุณสร้างมัน บางทีผลงานของคุณอาจเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนอื่น เหมือนกับที่เมเทโอร่าและเซเลสเซียช่วยโซตะในหลายๆ สิ่งจนสามารถก้าวผ่านความผิดหวังไปได้

                    Re:Creators  

                    ปิดท้ายคือภาพวาดของโซตะ แม้จะเป็นภาพที่ไม่ได้สวยเลิศเลอ แต่มันก็สื่อถึงความประทับใจ มิตรภาพ เพื่อน ครอบครัว ที่ร่วมชะตากรรม แต่มันก็แอบสะกิดใจเล็กน้อย เมื่อภาพของโซตะไม่มีอัลแตร์อยู่เลย....................


    ก็ยังมีสิ่งที่ผมยังคงค้างคาใจเกี่ยวกับอนิเมะเรื่องนี้อยู่สองเรื่อง ที่ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีกล่าวถึงอะไรเลยแม้แต่น้อย เรื่องแรกก็คือตัวละคร (สิ่งสร้างสรรค์) ตายในโลกแห่งความจริง มันไม่มีผลกระทบอะไรเลยเหรอ ซึ่งก็น่าเสียดายถ้าใส่ผลกระทบตัวละครตายเข้าไป (เช่น หากตัวละครนั้นตาย ตัวตนที่อยู่ในการ์ตูนก็จะหายไป ผู้วาดเหล่าแฟนๆ จำตัวละครไม่ได้)  บางทีถ้าใส่เรื่องผลกระทบเจ้าไปตัวอนิเมะจะยิ่งน่าสนใจก็เป็นได้ (ทวีความปวดตับมากขึ้นด้วย)

    สิ่งที่สองสรุปแล้วสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ตัวละครในการ์ตูนมาสู่โลกแห่งความจริงมันเกิดอะไรจากแน่ อย่างแรกที่รู้คืออัลแตร์สามารถไปยังโลกการ์ตูนได้ (แต่คงมีเงื่อนไขจำกัดอยู่) อย่างที่สองคือเป็นความตั้งใจของตัวละครที่สามารถออกมาได้เอง

    และอย่างที่สามอันนี้ผมไม่ทราบคำตอบ คือ จู่ๆ ตัวละครสู่โลกแห่งความจริง อย่าง งง  โดยไม่ได้เป็นความตั้งใจของตัวละคร และพวกเขาก็ไม่รู้ว่าหลงเข้ามาโลกแห่งความจริงยังไง แถมในตอนที่ 1 โซตะยังเข้าไปในโลกการ์ตูนผ่านทางท็อปเลต (แถมยังมีข้อความประมาณว่า “อย่าหนีความจริง) จนมาพบกับอัลแตร์ ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้เป็นฝีมือของอัลแตร์ และไม่ทราบว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง มีใครเป็นคนทำหรือเปล่า ตั้งแต่ต้นจนจบ สิ่งที่เอา ก็ได้เพียงว่ามันเป็นฝีมือของพระเจ้าที่อยากเล่นสนุก หรืออาจเป็นฝีมือของเซทสึนะที่ตายไปแล้วต้องการให้โซตะหยุดอัลแตร์ แต่น่าเสียดายที่อนิเมะไม่ตอบคำถามนี้แต่อย่างใด

     

    สรุปแล้ว อาจไม่ใช่อนิเมะที่ดีมากจนถึงขั้นตำนาน มีดีบ้าง ไม่ดีบ้างสรุปไป มันดีช่วงแรก แต่ดันมาตกม้าตายในสุดท้าย (คือมันง่ายไปหน่อย) ทำให้คนดูแอบผิดหวังไปบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นอนิเมะที่ผมติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ และทำครึ่งหลังออกมาดี ซึ่งที่ผ่านมาอนิเมพวก 22-23 ตอนจบ ครึ่งหลังทำออกมาแย่น่าผิดหวังมาก ตั้งแต่ Guilty Crown (จนบัดนี้ก็ยังมีคนมาว่าผมอยู่), Aldnoah.Zero, Kakumeiki Valvrave    ส่วนตัวผมก็จอบคุณอนิเมะเรื่องนี้ทำให้อนิเมะซีซั่นมีอะไรให้ผมติดตาม และรู้สึกสนุกได้ลุ้นอยู้บาง

                    ถ้าให้คะแนน ผมก็จะให้ 8/10 และน่าเสียดายที่หลายฉากที่อยากเห็น มันไม่มี

     

    สุดท้าย อนิเมะเรื่องนี้ยังไม่จบร้อยเปอร์เว็นต์ เพราะยังมีตอนพิเศษออกมาอีก 3 ตอน ซึ่งก็ไม่รู้จะฉายตอนไหน และมันจะมีฉากที่เราอยากเห็น หรือเป็นเพียงแค่เน้นเรื่อยเปื่อย อันนี้ก็ลุ้นต่อไป

     






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×