ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #436 : 5 Fan Theories เมื่อทฤษฏีคิดเล่นๆ เปลี่ยนความรู้สึกของเราต่อการ์ตูน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.23K
      18
      23 ก.ย. 61

     

    ปกติเราดูการ์ตูนเพื่อความบันเทิง แต่คำถามคือเราเคยตั้งคำถามเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องนั้นๆ หรือเปล่า

    มนุษย์เรานั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ขี้สงสัย ทุกอย่างเราสงสัยหมด ว่า ทำไม เพราะอะไร และอย่างไร เรามักตั้งคำถามทุกอย่างรอบตัว เป็นต้นว่า ทำไมนกถึงบินได้ ทำไมสัตว์ที่หอน ไปจนถึงทำไมโลกถึงกลม และเพราะความขี้สงสัยนั้นเองทำให้มนุษย์สร้างสิ่งต่างๆ มากมาย เป็นต้นว่า เครื่องบิน ไปจนถึงยานอวกาศรอบโลก

    อย่างไรก็ตาม บทความนี้เราไม่ได้พูดถึงเรื่องไกลตัวขนาดนั้น เพราะยังคงอยู่ในเรื่องการ์ตูน ว่า มันจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเราดูการ์ตูนแล้วเกิดการตั้งคำถามขึ้นมา?

    ก็อย่างที่บอกขั้นต้น ปกติคนเราดูการ์ตูนเพื่อความบันเทิง ดูเพื่อความสนุกสนานบางเรื่อง เนื้อหาตรงไปตรงมาดูแล้วจบๆ ไป ก็ไม่กลับมาคิดอีก ในขณะที่บางเรื่องสอดแทรกปรัชญาต่างๆ ให้เราคิด การกระทำตัวละครในเรื่องก็ให้เราตั้งคำถามว่าสิ่งที่ผมถูกหรือไม่ถูก ขณะที่บางเรื่องเหมือนจะตรงไปตรงมา แต่ความจริงแล้วมันสอดแทรกความลับต่างๆ มากมายไปหมด

    แต่มันจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อการตั้งคำถามของเรามันลึกยิ่งกว่านั้น และอธิบายในสิ่งที่หลายคนไม่ได้คิดถึงมากนัก........

     

     

     

    ทฤษฏีแฟนพันธุ์แท้ (Fan Theories) มีความหมายคล้ายๆ กับ ทฤษฎีสมคบคิด (Conspiracy Theory)  คือการที่สาวกของสื่อบันเทิงใดๆได้คิดลงลึกหาความหมายที่ซ่อนอยู่ในสื่อบันเทิงนั้นๆ เป็นเหมือนเครื่องพิสูจน์ว่าคุณเป็นแฟนตัวยงของสื่อบันเทิงที่คุณชอบจริงๆหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนต์ วิดิโอเกม หรือแม้แต่เนื้อเพลงก็ยังได้

    คำถามคือมันลึกขนาดไหน คือมันลึกถึงขั้นว่าคนอื่นเขาไม่คิดกัน ปกติเราก็ดูเอาสนุก ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ทฤษฏีนั้นเจาะลึกไปยิ่งกว่านั้น และแต่ละทฤษฏีก็เป็นสิ่งที่เราคาดไม่ถึง ออกไปทางดาร์กๆ (เรื่องร้ายๆ) และทำให้เราเปลี่ยนมุมมองของสื่อบันเทิงนั้นโดยสิ้นเชิง

    แน่นอนว่าทฤษฏีที่นำเสนอไม่ได้กล่าวขึ้นออกมาลอยๆ แต่มีการนำเสนอหลักญาน ข้อสังเกตต่างๆ เอาออกยืนยันทฤษฏีดังกล่าว ทำให้มันมีน้ำหนักมากขึ้น คนอ่านคล้อยตามมากขึ้นด้วย

    ที่ผ่านมา ผมเองก็นำเสนอทฤษฏีแฟนพันธุ์แท้ไปมากแล้ว เป็นต้นว่า สพันจ์บ็อบ (SpongeBob) ฟองน้ำกับเหล่าเพื่อนๆ เป็นการ์ตูนซีรีย์อเมริกัน แนวตลก การ์ตูนสำหรับเด็กได้รับความนิยมมากไปทั่วโลก  มีบางคนตั้งข้อสังเกตอีกว่าตัวละครเกือบทั้งหมดสพันจ์บ็อบนั้นเป็นผลจากระเบิดนิวเคลียร์ ซึ่งเชื่อว่าพวกสพันจ์บ็อบเกิดจากการกลายพันธุ์จากการสัมผัสรังสีของระเบิดปรมาณูในบริเวณรอบๆ เกาะบิกินี่ ซึ่งทฤษฏีนี้มาจากเมฆรูปเห็ด หรือดอกไม้หว่า) ที่ปรากฏบ่อยครั้งในฉากของการ์ตูน ไปจนถึงสัตว์และพืชกลายพันธุ์ต่างๆ ในเรื่อง

      ใช่....สพันจ์บ็อบเป็นการ์ตูนเด็ก หลายคนดูการ์ตูนแล้วไม่ได้เกิดอะไรมาก แต่บางคนก็ไม่ได้มองแบบนั้น เขาดูก็ตั้งคำถาม ความเป็นไปได้ (ทำไมตัวละครในเรื่องถึงรูปร่างแปลกๆ พูดคุยภาษาเดียว และมีพฤติกรรมคล้ายมนุษย์) จนได้บทสรุปขึ้นมา แล้วบทสรุปที่ว่าอาจทำให้บางคนเปลี่ยนความรู้สึกต่อการ์ตูนเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง

     

     

     

    อย่างไรก็ตาม ทฤษฏีแฟนพันธุ์แท้บางเรื่องก็ก่อความดราม่าที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะเหล่าสาวกเรื่องนั้นๆ ที่ไม่ชอบข้อสันนิษฐานบางข้อนัก ยกตัวอย่างทฤษฏีแฟนพันธุ์แท้แฮรี่ พ็อตเตอร์ ที่เคยมีคนเอาทฤษฏีว่าบางทีโรงเรียนฮอกวอตส์ที่พวกแฮรี่ พอตเตอร์เรียนก็คือโรงพยาบาลบ้า ซึ่งหลายคนไม่ชอบทฤษฏีนี้จึงเกิดดราม่า ฐานมาว่าร้ายสิ่งที่พวกเขารัก

    คือต้องเข้าใจว่าทฤษฏีแฟนพันธุ์แท้นั้น ไม่ใช่ทฤษฏีที่ถูกหรือผิด คำถามต่อมาคือทำไมถูกหรือผิด คือบางเรื่องนั้นมันสามารถตีความได้หลากหลาย สามารถโต้เถียงได้ และพวกเราก็สามารถคิดทฤษฎีของเราเองได้เช่นกัน ตราบใดเจ้าของสื่อนั้นไม่ออกมาปฏิเสธหรือสนับสนุน  

    ใช่บางทฤษฏีเจ้าของสื่อเองก็เคยออกมาสนับสนุนเหมือนกัน อย่างคิตตี้เป็นมนุษย์ไม่ใช่แมว ที่ผู้ผลิตออกมายืนยันว่าคิตตี้ที่เราเห็นนั้นเป็นมนุษย์ ไม่ใช่แมวที่หลายคนคิดกัน ถือว่าเป็นความจริงที่ช็อกเหมือนกัน

    การปกป้องผลงานที่ตนรัก ด้วยความหยาบคาย  จับต้องไม่ได้ มันไม่ช่วยให้ดีขึ้น ทฤษฏีแฟนพันธุ์แท้เป็นเพียงแค่ทฤษฏีข้อคิดเห็นเท่านั้น มันไม่ได้เป็นจริงทั้งหมด มันเป็นการนำเสนอทฤษฏีที่หลากหลาย เพื่อแสดงให้เว่า เรื่องนั้นมีอะไรบางอย่างซุกซ่อน ทำให้ผลงานนั้นๆ ดูมีคุณค่ามากขึ้น มันเหมือนกับมันน่าค้นหา มันน่าตื่นเต้น มีแรงจูงใจให้ดูอีกครั้งว่าทฤษฏีเหล่านี้มีความเป็นไปได้เพียงใด อีกทั้งคนแต่งหรือคนเขียนบทเองก็ชอบด้วยซ้ำที่ผลงานของเขามีคนตีความได้หลากหลาย ไม่มีถูกหรือผิด แล้วแต่ความคิดของแต่ละคน ว่าจะตีความได้อย่างไร

    มันเป็นเรื่องปกติของคนเรา หากเราตอนเป็นเด็กเราดูการ์ตูนเพื่อความบันเทิง ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เมื่อเราเป็นผู้ใหญ่มีวุฒิภาวะ ก็เริ่มมีความคิด คิดมาก ทฤษฏีแฟนพันธุ์แท้จึงถือกำเนิดขึ้นมา

     

    ในบทความที่ผ่านมา ผมก็นำเสนอทฤษฏีแฟนพันธุ์แท้ไปหลายเรื่องแล้ว  ดังนั้นในบทความนี้จะขอนำเสนอทฤษฏี 5 เรื่อง ที่ยังไม่ได้เขียนบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ทฤษฏีแฟนพันธุ์แท้ที่เกี่ยวกับการ์ตูน ส่วนใหญ่จะเป็นการ์ตูนดัง การ์ตูนที่หลายคนรู้จักกันดี (เพราะถ้าการ์ตูนไม่ดังไม่ก็ไม่น่าสนใจพอให้คนอื่นสนใจ) ดังนั้นก็แล้วแต่คุณว่าจะยอมรับทฤษฏีนี้หรือไม่



    5. เคอเรจกลายเป็นบ้า

              

    หมาน้อยผู้กล้าหาญ เป็นเรื่องราวของสุนัขชื่อเคอเรจ (Courage) ซึ่งมีนิสัยขี้กลัว เป็นสุนัขที่ถูกทอดทิ้ง ต่อมาเมอเรียล แบกก์ (Muriel Bagge) ไปพบเข้า เธอจึงรับมันไปเลี้ยง เมอเรียลมีสามีชื่อยูสเทส แบกก์ (Eustace Bagge) มีนิสัยตระหนี่และชอบแกล้งเคอเรจตลอด พวกเขาทั้งสามอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆในเมืองสมมติที่ชื่อว่า โนแวร์ (Nowhere)

                แน่นอนว่าทั้งสามน่าจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข หากแต่ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเกือบทุกวันทั้งสามมักประสบกับภัยต่างๆ มาหาพวกเขา ไม่ว่าจะเป็น มนุษย์กลายพันธุ์ คนโรคจิต สิ่งเหนือธรรมชาติแปลกๆ   มารบกวนหรือทำร้าย เป็นหน้าที่ของเคอเรจที่จะต้องช่วยเหลือเจ้านายทั้งสองของมันให้ปลอดภัย

                เนื้อหาของการ์ตูนจะเป็นตอนสั้นๆ จบในหนึ่งตอน ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากมายซับซ้อนนัก อย่างไรก็ตาม มีแฟนบางกลุ่มเกิดไปตั้งคำถามว่า “เป็นไปได้ไหมว่าเคอเรจนั้นเป็นบ้า” หรือถ้าจะให้ละเอียด เป็นไปได้ไหมว่าสิ่งที่เคอเรจเห็นนั้นไม่ได้มีอยู่จริง สัตว์ประหลาด มนุษย์กลายพันธุ์ต่างๆ นาๆ ที่เคอเรจเห็นเป็นเพียงแค่จินตนาการของหมาน้อยเท่านั้น

    อย่างไรก็ตาม มีข้อสันนิษฐานที่น่ากลัวกว่านั้นว่า “เป็นไปได้ไหมที่เคอเรจนั้นเป็นบ้า ที่มันจินตนาการว่าเจ้านายของเมอเรียล และยูสเทสนั้นแท้จริงตายไปนานแล้ว แต่เคอเรจกลับทำเหมือนให้ทั้งสองมีชีวิตอยู่ และเป็นแบบนี้เกือบทุกตอน”

    ข้อสันนิษฐานนี้ดูน่ากลัว แต่......มีข้ออย่าง กล่าวคือ ในตอน “The Great Fusilli” ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายของซีซั่น 1  โดยในตอนนี้นั้นมีวายร้ายที่เป็นมนุษย์จระเข้ชื่อ Great Fusilli “” มาหลอกแมอเรียล และยูสเทสให้ไปดาราแสดงละครเวที  จากนั้นเจ้าจระเข้ก็สาปให้ทั้งสองเป็นหุ่นกระบอกเชิดเพื่อนำมาแสดงบนเวที แม้ว่าตอนหลังเคอเรจจะปราบมันได้ แต่เมอเรียล และยูสเทสนั้นก็ยังคงเป็นหุ่นกระบอก และไม่กลับเป็นคนเหมือนเดิม

    ในตอนท้าย เคอเรจได้นำหุ่นกระบอกเจ้านายของตนกลับบ้าน เคอเรจได้เชิดหุ่นกระบอกที่ไร้ชีวิตของเมอเรียล และยูสเทล  และเคอเรจหลอกตัวเอง แล้วทำตัวเหมือนกับว่าเจ้านายของตนมีชีวิตอยู่ ทำให้มองได้ว่าเคอเรจเสียสติไปแล้ว และเนื้อเรื่องหลังตอนนี้ไป เป็นเพียงแค่จินตนาการของเจ้าหมาน้อยเท่านั้น


    4. ลุงคาร์ลตายแล้ว!?

    " UP ปู่ซ่าบ้าพลัง " หนึ่งในภาพยนตร์การ์ตูนที่มีชื่อเสียงของพิกซาร์ ที่กวาดรางวัลมากมาย โดยเป็นเรื่องราว คาร์ล เฟรดริกเซน ที่อยากผจญภัยแดนในฝันที่อเมริกาใต้ เพราะเมื่อครั้งวัยเด็ก เขาเคยสัญญากับ เอลลี่ คู่ชีวิตของเขาที่มีใฝ่ฝันมาตลอดว่าอยากออกเดินทางข้ามทวีปตามล่าหาฝันด้วย กัน แต่ ไม่มีโอกาสสักที แถมเอลลี่ ลาจากไปซะก่อน อีกทั้งคาร์ลก็แก่มากแล้วสังคมอยากให้เขาไปอยู่บ้านพักคนชรา  ทำ ให้คุณปู่มีความคิดอยากกลับไปผจญภัยอีกครั้ง เลยทำบ้านติดลูกโป่ง เพื่อให้ลอยบนฟ้าได้ การผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ของคุณปู่ก็เริ่มต้น หากแต่คุณปู่กลับพบปัญหาใหม่ที่ตามมาก็คือมีลูกเสือคนหนึ่งชื่อ รัสเซล วัย 9 ขวบ ติดมาด้วย ทำให้เขาต้องพาลูกเสือดังกล่าวผจญภัยด้วยกันในอเมริกาใต้ ที่เต็มไปด้วยอันตรายและเรื่องป่วนฮ่า

    ใช่ UP เป็นภาพยนตร์ที่ดูเผินๆ ดูเอาสนุกไม่ได้ซับซ้อน แต่อย่างไรก็ตามภาพยนตร์การ์ตูนของพิกซาร์มักมีปมอะไรมาเล่นตลอด รวมไปถึงทฤษฏีแฟนพันธุ์แท้ด้วย ซึ่งมีทฤษฏีแฟนพันธุ์แท้น่าเศร้าของลุงคาร์ล โดยเชื่อว่าลุงคาร์ลนั้น แท้ที่จริงได้เสียชีวิตไปนานแล้ว ซึ่งช่วงที่เสียชีวิตน่าจะเป็นช่วงหลังจากลุงยอมแพ้เรื่องบ้าน (เชื่อว่าคาร์ลเสียชีวิตจากการนอนหลับ หลังจากได้รับคำสั่งศาลสั่งให้เขาย้ายออกไป)

                    แน่นอนว่าทฤษฏีนี้มันโหดร้ายแก่คนดูไปหน่อย แต่ก็มีเหตุผลที่มีคนตั้งทฤษฏีแฟนพันธุ์แท้นี้ อย่างเช่น จากภาพยนตร์ลุงคาร์ลซื้อลูกโป่งอย่างน้อย 100,000 ลูกเพื่อผูกติดตัวบ้าน เพื่อให้บ้านลอยนั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้พลเรือนสูงอายุที่มีรายได้คงที่สามารถหาซื้อลูกโป่งตำนวนที่ว่าได้ รวมไปถึงการหาก๊าซฮีเลียมจำนวนมาก (เชื่อว่าต้องใช้ถึง 1.5 ล้านลูกบาศก์ฟุตถึงจะเป็นไปได้ในภาพยนตร์) มาเติมลมให้ลูกโป่งเหล่านี้ลอยได้ ดังนั้นคำถามคือลุงคาร์ลเอาลูกโป่งและฮีเลียมเหล่านี้มากจากไหน

                    นอกจากนี้จะเห็นว่าลุงคาร์ลร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง แต่หลังจากได้รับคำสั่งศาล ก็ตัดสินใจใช้แผนลูกโป่ง โดยลุงคาร์ลมีเวลาเพียงแค่ 24 ชั่วโมง (ถ้าจะละเอียดกว่านั้นคือ 86,400 วินาที) เพื่อทำการซื้อลูกโป่ง และติดตั้งลูกโป่งกว่า 100,000 ลูกในตัวบ้าน มันเป็นไปไม่ได้ที่ชายที่อายุ 78 ปีที่เป็นโรคข้ออักเสบจะทำได้โดยตัวคนเดียว แถมเพื่อนบ้านก็ไม่มี แต่ลุงคาร์ลสามารถทำได้

                    นั้นหมายความว่าการดำเนินเรื่องหลังจากนั้นของภาพยนตร์ (หลังจากที่ลุงคาร์ลได้รับคำสั่งศาล) ทั้งหม เป็นการเดินทางของคาร์ลผ่านชีวิตหลังความตาย โดยรัสเซล เป็นเทวดาผู้พิทักษ์ของเขา โดยรัสเซลมีหน้าที่ในการช่วยให้คาร์ลลปรับตัวคุ้นเคยสภาพแวดล้อมใหม่ให้ได้ ซึ่งเป็นไปได้ไหมว่าเหรียญมากมายของรัสเชลได้รับนั้นเป็นเหรียญทดสอบสุดท้ายของรัสเซีย จากเทวดาฝึกหัดเป็นเทวดาที่แท้จริง  ("Assisting the Elderly") ความไร้เดียงสาของรัสเซลนั้นแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นเด็กที่มีความบริสุทธิ์อย่างแท้จริง และ สาเหตุที่รัสเซลเป็นเด็กตัวเล็กๆ ก็เนื่องจากปมในใจของคาร์ลที่เขากับเอลลี่ไม่สามารถมีลูกได้

                    สาเหตุที่บ้านยังอยู่ในโลกแห่งความตายของคาร์ล ก็เนื่องมาจากบ้านคือสิ่งที่คาร์ลยึดติดเอาไว้ นอกจากนี้ยังเป็นทฤษฏีว่าคาร์ลกำลังออกจากโลกแห่งกายภาพไปสู่โลแห่งวิญญาณ ในลักษณะเดียวกับคนใกล้ตายนั่นเอง


               3.โรงอาบน้ำของยูบายาแท้จริงแล้วเป็นซ่อง!!

              

                 Spirited Away หรือแปลเป็นไทยว่า เซ็นและชิฮิโระผู้ถูกผีลักไป  เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นแนวแฟนตาซี-ผจญภัย ฉายในญี่ปุ่นเมื่อปี  2001 ซึ่งเป็นการ์ตูนสร้างชื่อ ทำเงิน และได้รางวัลสุดขีดของฮา ยาโอะ มิยาซากิแห่งสตูดิโอจิบลิจนโด่งดังไปทั่วโลก

    Spirited Away มีเนื้อหาเกี่ยวกับตัวเอกซึ่งเป็นผู้หญิงชื่อ ชิฮิโระเด็กหญิงอายุ 10 ขวบ ที่กำลังย้ายบ้านไปยังเมืองใหม่พร้อมกับพ่อแม่ ระหว่างทางครอบครัวของเธอได้หลุดมายังเมืองร้างแห่งหนึ่งไร้ร้างคน  และพวกเขาเกิดหิวขึ้นมา และนั่นทำให้พ่อแม่ของเธอกินอาหารที่อยู่ในเมืองจนกลายเป็นหมู หากแต่มิฮิโระนั้นไม่ได้กินด้วย จึงรอดออกมาได้  และนั่นทำให้มิฮิโระต้องหาทางช่วยเหลือพ่อแม่ของเธอ พร้อมกับต้องออกไปยังโลกของเธอให้ได้ โดยเธอต้องเข้าไปยังดินแดนของเทพเจ้า ทำงานเป็นเด็กในโรงบ่อน้ำร้อน ภายใต้การการปกครองของแม่เฒ่ายูบายา เพื่อหาทางช่วยเหลือพ่อแม่ของเธอ

    อย่างที่บอกเอาไว้ว่า Spirited Away ประสบความสำเร็จมาก ได้รับรางวัลมากมาย รวมทั้งรางวัลออสการ์ นอกจากนี้ยังทำลายสถิติยอดรายได้สูงสุดของไททานิกในญี่ปุ่นลง (ไททานิกเป็นภาพยนตร์ที่ทำงานสูงสุดทั่วโลกในขณะนั้น) และได้อนิเมชั่นที่กวาดรายได้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์ที่ออกฉาย ในประเทศญี่ปุ่นนับตั้งแต่เคยมีมา

                    นอกจากนี้ตัวเนื้อหาเองก็ตีความได้หลากหลาย มีปรัชญาต่างๆ ซ่องอยู่ รวมไปถึงทฤษฏีแหนพันธุ์แท้ที่บางคนนำเสนอด้านหนึ่งว่าแท้จริงแล้วโรงอาบน้ำของยูบายาแท้จริงแล้วมันเป็นเพียงซ่อง!?

                    หากเราได้ดูแบบไม่คิดมาก เราก็คงคิดเหมือนๆ กันว่าสถานที่ชิฮิโระทำงานนั้นเป็นโรงอาบน้ำร้อน ที่พวกเทพเจ้าญี่ปุ่นมาใช้บริการ โดยมีพนักงานผู้หญิงมาช่วยบริการขัดเนื้อตามตัว (ถูกเรียกว่า “ยูนา” แปลว่า หญิงน้ำร้อน) ซึ่งก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เหมือนที่โรงอาบน้ำร้อนที่เราเคยเห็นในการ์ตูนญี่ปุ่น

                    แต่ทฤษฏีแฟนพันธุ์แท้ไม่ได้คิดแบบนั้น แต่ปัญหาคือรูบแบบบริการนั้นต่างหาก ที่เราเห็นผู้หญิงขัดตัวลูกค้า (เทพเจ้า) ซึ่งเป็นรูปแบบบริการมันคล้ายกับซ่อง กล่าวคือ ญี่ปุ่นมีประเภทของอุตสาหกรรมทางเพศที่เรียกว่าโซ้บแลนด์ (Soapland ) หรือ อาบอบนวด เหมือนบ้านเรานั้นเอง ซึ่งผู้หญิงจะล้างลูกค้าที่เป็นผู้ชายในสถานที่อาบน้ำแสาธารณะ  และอาจมีกิจกรรมทางเพศไม่แตกต่างอะไรกับโสเภณีสักเท่าไหร่ ทำให้สังคมมองผู้หญิงเหล่านั้นไม่มีเกียรติมากนัก แต่ปัจจุบันธุรกิจนี้ก็ยังคงอยู่และทำรายได้มากด้วย

                    นอกจากนี้ตัวของแม่มดยูบายา ที่ภาพลักษณ์ เป็นหญิงแก่  แต่งหน้าจัด ใส่เครื่องประดับ สูบยาสูบ   ทำให้เหมือนแม่เล้าตามซ่องไม่มีผิด


    2. เคียวน์เป็นพระเจ้า

    สึซึมิยะ ฮารุฮิ  Suzumiya Haruhi  เป็นหนึ่งในนิยาย และอนิเมะจากนิยายที่มีชื่อเสียง  โดยเป็นเรื่องราวของเคียวน์ (ชื่อเล่น) ที่ได้พบว่าเด็กสาวที่มีพฤติกรรมเพี้ยนๆ อย่าง สึซึมิยะ ฮารุฮิ  ที่มีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆรอบตัวจากจิตใต้สำนึกได้โดยที่เธอไม่รู้ตัว เธอได้ก่อตั้งชมรมเพื่อค้นหาเรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติจนเกิดเรื่องวุ่นวายตามมา

    อย่างที่หลายคนเข้าใจว่าสึซึมิยะ ฮารุฮิ นั้นเป็นพระเจ้า ที่มีความสามารถคร่าวๆ คือสามารถสร้างโลกให้เป็นไปตามที่ตนเองอยากจะเป็นหรือต้องการจะเห็น เช่น อยากเจอมนุษย์ต่างดาว คนมีพลังจิต หรือคนจากโลกอนาคต จึงมีนางาโตะยูกิ, อิทสึกิ และมิคูรุขึ้นมา  และสามารถรีเซ็ทโลกได้หากเธอเกิดอาการไม่พอใจขึ้นมา เพียงแต่ฮารุฮิไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองมีความสามารถนี้อยู่ มีเพียงแค่สิ่งที่เธอ สิ่งที่เธอตั้งใจให้เป็น มันก็จะเกิดขึ้น และมันก็กลายเป็นหาวุ่นวายตามมา จึงเป็นหน้าที่ของเคียวน์และพรรคพวกต้องมาแก้ปัญหา ตามเช็ดให้

    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ว่าทั้งหมด เป็นเพียงแค่สิ่งที่รู้จากตัวละครพูดคุยกันเท่านั้น แต่ไม่มีข้อยืนยันแน่ชัดว่าฮารุฮินั้นเป็นพระเจ้าจริงๆ ในขณะที่ทฤษฏีแฟนพันธุ์แท้ได้นำเสนอความคิดว่าที่ว่า แท้จริงแล้ว เคียวน์ (เบ๊) นั้นแหละ คือพระเจ้าตัวจริง ไม่ใช่ฮารุฮิ

    คือ...มีการวิเคราะห์นานแล้ว ว่าแท้จริงแล้วฮารุฮิไม่ใช่พระเจ้า แต่เคียวน์ต่างหากเป็นพระเจ้า หรือต่อให้ฮารุฮิเป็นพระเจ้า แต่เคียวน์จะต้องมีอำนาจเหนือกว่า

    มีความเชื่อว่าความจริงแล้วตอนแรกเคียวน์มีพลังเหมือนพระเจ้า หากแต่เมื่อเขาพบฮารุฮิ เขาก็มอบความสามารถให้ฮารุฮิ คำถามที่ตามมา ทำไมเคียวน์ถึงมอบพลังให้ฮารุฮิ มีอยู่ตอนหนึ่งที่เพื่อนของเคียวน์ระบุว่าเจ้าเคียวน์นั้นเป็นพวกชอบสาวประหลาด และนั้นไม่แปลกแต่อย่างใดที่เคียวน์น่าจะชอบฮารุฮิตั้งแต่เจอกันครั้งแรก นอกจากนี้เคียวน์ค่อนข้างเป็นคนที่มีนิสัยมีเหตุมีผลมากไป ในขณะที่จักรวาลจำเป็นต้องมีเรื่องอะไรคาดไม่ถึงบ้าง การให้ฮารุฮิเป็นพระเจ้าดูจะเหมาะสมกว่า (แน่นอนว่าเคียวน์นั้นไม่รู้ตัวหรอกว่าเขาเป็นพระเจ้า)

     (ความจริงก็มีหลายทฤษฏี เช่น เคียวน์เป็นพระเจ้าอีกมิติหนึ่ง  หรือทั้งเคียวน์และฮารุฮิเป็นพระเจ้าเหมือนกันแต่ไม่รู้สึกตัว เป็นต้น)

    มีหลายข้อสันนิษฐานมากมายที่จะพูดถึงเคียวน์ ว่ามีความเป็นไปได้ว่าเขาเป็นพระเจ้า เป็นต้นว่า เคียวน์นั้นเป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องโดยแท้จริง เรื่องราวทั้งหมดเกิดจากการที่เคียวน์พบฮารุฮิครั้งแรก (ในช่วงย้อนเวลาช่วยฮารุฮิวาดรูปหน้าโรงเรียน) ทุกคน (ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ต่างดาว คนจากโลกอนาคต คนพลังจิต) ต่างพากันจับตาดูเขามากกว่าฮารุฮิเสียอีก

    แม้ว่าอิทสึกิจะบอกว่าคียวน์ว่า เคียวน์เป็นเพียงคนธรรมดา แต่เชื่อว่าอิทสึกินั้นโกหกเคียวน์มากกว่า เนื่องจากอิทสีกิเป็นคนขี้ระแวงดังนั้นจึงเลือกห้เคียวน์ยอมรับว่าเป็นคนธรรมดามากกว่ายอมรับเป็นพระเจ้ามากกว่า  และแน่นอนว่าเคียวน์นั้นสำคัญมากสำหรับฮารุฮิ (สนิทสนมกับฮารุฮิ) ไม่สามารถมีใครแทนที่เคียวน์ได้

    หากนั้นไม่พอ ก็มีหลายเหตุการณ์ทีบ่บอกว่าเคียวน์นั้นไม่ใช่ธรรมดา เช่น เคียวน์สามารถหลบใบมีดของเรียวโกะได้อย่างรวดเร็ว (หากผมแปลในเว็บไม่ผิด มันระบุว่าเรียวโกะตวัดใบมีดเร็วกว่าเสียง!!) นั้นหมายความว่าหากเคียวน์หลบใบมีดของเรียวโกะได้ เขาจะต้องเร็วยิ่งกว่าเหนือเสียงอีก

    ในช่วงฤดูร้อนวนลูป มีความเป็นไปได้ว่าเคียวน์นั้นแหละเป็นตัวการ ไม่ใช่ฮารุฮิ เพราะเคียวน์ตั้งใจที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์หน้าร้อนให้เต็มที่ พร้อมที่จะไปโรงเรียน และเขายังพูดประโยคที่ว่า “ช่วงฤดูร้อนของฉันยังไม่จบจนกว่าฉันจะจบ!” (และดูเหมือนเคียวน์จะสามารถรับผลกระทบการวนลูปได้ดีกว่าคนรอบข้างอีกด้วย)

    นอกจากนี่เคียวน์ไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยจากเหตุการณ์ “การหายตัวไปของฮารุฮิ” ทั้งๆ ที่คนรอบตัวของเคียวน์ หรือแม้แต่ฮารุฮิเองก็ไม่สามารถจดจำโลกเดิมได้เลย มีแต่เคียวน์เท่านั้นที่จดจำมันได้ และเหตุผลที่เคียวน์ไม่ได้รับผลกระทบเพราะเขาไม่ใช่ผู้ถูกเลือก แต่เขาเป็นพระเจ้านั่นเอง


    1. มุฟาซาพิโรธ

    อย่างที่หลายคนรู้กัน ว่า  The Lion King  เป็นเรื่องราวของซิมบ้าที่กำลังจะได้รับตำแหน่งเจ้าแห่งสัตว์ป่าต่อจากมุฟาซาผู้เป็นพ่อ    หากแต่สการ์ที่อาหรือน้องชายของพ่อเกิดความริษยา   จึงร่วมมือกับพวกหมาไนวางแผนกำจัดมุฟาซาและซิมบ้า   สการ์ได้หลอกซิมบ้ามายังพื้นที่อันตราย เพื่อให้ฝูงควายป่าเหยียบ ผลคือมุฟาซาเสียชีวิต แต่ซิมบ้ารอด แต่เขาก็เป็นต้นเหตุให้พ่อตาย จึงออกจากดินแดนของพ่อไม่กลับมาอีก

    ระหว่างที่ซิมบ้าเร่ร่อนจนเติบใหญ่  ดินแดนของพ่อก็แห้งแล้งไปแล้ว ต่อมาไม่นาน เขาก็ได้เจอราฟิกิ-ลิงแมนดริลที่พยายามโน้มน้าวให้ซิมบ้ากลับไปบัลลังก์ของพ่อ โดบให้ซิมบ้าดูบนฟ้า ซึ่งเขาก็ได้พบวิญญาณของมุฟาซาผู้ที่เป็นพ่ออยู่ในก้อนเมฆ ก่อนที่จะตัดสินใจที่จะกู้บัลลังก์คืนจากสการ์

    แน่นอนว่า The Lion King   ก็มีทฤษฏีแฟนพันธุ์ นอกเหนือจากการดูแบบไม่คิดอะไรมาก โดยทฤษฏีนี้ว่าหลังจากที่มุฟาซาถูกสังหารโดยสการ์ เขาก็กลายเป็นเทพ,พระเจ้า (?) อยู่สวงสวรรค์

    อย่างไรก็ตามดูเหมือนมุฟาซาไม่ได้เป็นเทพที่ดีนัก บางทีอาจเป็นปีศาจด้วยซ้ำ เชื่อว่ามุฟาซาสามารถควบคุมเมฆ และสามารถควบคุมฟ้า-ฝนได้ เห็นได้จากที่ซิมบ้าแหงนมองฟ้าก็ได้เห็นร่างของเธอในกลุ่มเมฆ หากซิมบ้าไม่ได้บ้า มโนไปเอง ก็แสดงให้เห็นว่าพ่อนั้นกลายเป็นเทพไปแล้ว

    เป็นไปได้ไหมว่าด้วยพลังอำนาจของมุฟาซาได้ทำให้เกิดความแห้งแล้งในดินแดน เพื่อแก้แค้นสการ์ และเพิ่มความตึงเครียดให้สการ์ กับหมาใน รวมไปถึงสิงโตตัวเมียตัวอื่นๆ อีกทั้งความแห้งแล้งก็บังคับให้นาลา (เพื่อนสมัยเด็กของซิมบ้า) ต้องหาอาหารนอกพื้นที่จนได้พบซิมบ้า

    ใช่ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน หลังจากที่สการ์ขึ้นปกครองในดินแดน จู่ๆ ก็แห้งแล้งขึ้นมาเฉย และฝนก็ดันเฉยตอนที่ซิมบ้าเอาชนะสการ์ได้ มันแสดงให้เห็นชัดเลยว่ามุฟาซานั้นควบคุมสภาพอากาศได้ และก็ช่วยลูกชายอยู่เบื้องหลัง

     

    0.ตำนานเมือง-เรื่องตายๆ

    จากทฤษฏีแฟนพันธุ์แท้ ก็มาถึงสิ่งที่คล้ายๆ กัน คือตำนานเมือง และทฤษฏีสมคบคิดเกี่ยวกับการ์ตูน แม้จะมีความหมายคล้ายๆ กัน แต่ก็แตกต่างคือทฤษฏีแฟนพันธ์แท้ยังมีการนำเสนอข้อสังเกตอะไรบ้าง มีความน่าเชื่อถือบ้าง แต่ตำนานเมือง และทฤษฏีสมคบคิดเป็นเรื่องเล่า ข่าวลือ ที่ดูแล้วไม่มีมูลความจริง หรือทฤษฏีบางอย่างก็ไม่มีหลักฐานอะไรมากนัก

    ส่วนใหญ่ตำนานเมือง ทฤษฏีสมคบคิด จะเน้นเรื่องตายๆ เรื่องร้ายๆ มากกว่า เป็นต้นว่า อนิเมะโปเกมอน ที่หลายคนออกมาตั้งคำถามว่าทำไมซาโตชิ (คนฝรั่งจะเรียก แอช เคทชัม: Ash Ketchum) และตัวละครคนอื่นๆ ในเรื่องไม่เห็นโตเป็นผู้ใหญ่สักที (คล้ายๆ โคนันดำเนินเรื่องมาหลายปี ก็ไม่เห็นโตสักที)

    จากนั้นก็มีตำนานเมือง ออกมาบอกว่าแท้จริงแล้ว เนื้อหาอนิเมะตั้งแต่ต้นจนล่าสุดทั้งหมดนั้น แท้จริงแล้วมันคือความฝันของชาโตชิ!!” โดยเชื่อว่าในตอนที่ 1 หลังซาโตชิโดนไฟฟ้าปิกาจูช็อตหลายพันโวลต์ ชาโตชิน่าจะสลบ บาดเจ็บสาหัสจนอาการโคม่า ต้องเข้าโรงพยาบาล เพราะไม่มีมนุษย์คนไหนที่จะสามารถทนกับความรุนแรงของไฟฟ้าช็อตตาย

    หลังจากนั้นซาโตชิก็ฝัน (ที่เต็มไปด้วยจินตนาการ) เขาฝันว่าแม้เขาโดนปิกาจูช็อตก็ไม่บาดเจ็บถึงชีวิต ซ้ำยังออกเดินทางพบกับเพื่อนๆ มากมาย นั้นจึงเป็นคำอธิบายว่า ทำไมตัวละครอื่นๆ ในเรื่องถึงไม่โต  

    แน่นอนว่าไม่เพียงแค่ซาโตชิโคม่าเท่านั่น การ์ตูนเรื่องไหนที่ดังๆ ดำเนินเรื่องหลายตอน หลายปี ไม่จบ มักถูกตั้งทฤษฏีตัวละครโคม่าเกือบหมด ไม่ว่าจะเป็น โคนัน หรือแม้แต่โดเรมอนก็มีช่าวลือทำนองนี้อยู่บ้าง

    แม้แต่ชินจังเองก็มีทฤษฏีแบบนี้เหมือนกัน แต่โหดกว่า โดยบอกว่าความจริงแล้วตั้งแต่ต้นจนจบ ชินจังไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง แต่เป็นจินตนาการของแม่ชินจัง (มิซาเอะ) ที่จินตนาการว่าลูกชายของตนยังอยู่ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วชินจังตายไปนานแล้ว!!

    ทฤษฏีนี้เป็นตำนานเมือง เกี่ยวกับตอนสุดท้ายของชินจัง มีข่าวลือตามเว็บบอร์ดฝรั่งว่า ในตอนจบของชินจังนั้นจะมีการเปิดเผยความจริงว่าตั้งแต่ต้นจนจบนั้นชินจังไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง เพราะชินจังตัวจริงตายไปนานแล้ว ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ จาเหตุช่วยเหลือน้องสาวจากการถูกรถชน (ตนเองเลยตายแทนน้องสาว) จนแม่ของชินจังเสียใจมาก และเริ่มมโนสร้างภาพว่าชินจังยังมีชีวิคอยู่ และดำเนินเรื่องราวโดยใช้ภาพสีเทียนของน้องสาวชินจังเป็นต้นแบบ และนี่คือสาเหตุที่ชินจังใส่ชุดเดียวทุกตอน, ไม่เคยโต, มีเรื่องเหนือธรรมชาติ, ไปจนถึงหัวมันฝรั่งผิดมนุษย์มนา


    ส่วนหนึ่งที่ทฤษฏีแฟนพันธุ์แท้เกิดขึ้นมา ก็เพราะการเอาเหตุผลไปใส่ความเป็นการ์ตูน

    มันหมายความว่ายังไง? ก็อย่างที่บอกว่าการ์ตูนเป็นสื่อที่เราดูบันเทิง ดูเอาสนุก ไม่คิดอะไรมาก แม้ว่าการกระทำของตัวละครอาจไม่มีที่มาที่ไป แต่ก็ไม่มีใครสนใจ หรืออยากได้คำตอบนัก เช่น จู่ๆ ยัยนี้โผล่มาจากไหนว่ะ จู่ๆ ก็ปรากฏตัวราวกับวาร์ปมา (พวกมุกดีสนีย์ ทำเป็นไปจำ) หรือทำไมทอม (ทอมกับเจอรี่) โดนทุบโดนสับยังไงก็ไม่มีวันตาย ไปจนถึงทำไมตัวละครเรื่องนี้ไม่แก่สักทีทั้งๆ ที่ดำเนินเนื้อเรื่องหลายตอน ผ่านวันคริสมาสต์มาเป็นสิบรอบแล้ว (โคนัน) เมื่อไม่มีคำตอบ คนที่ดูการ์ตูนที่อายุมากก็ต้องหาเหตุผลมาอธิบายความสงสัยเหล่านี้จนเป็นทฤษฏีแฟนพันธุ์แท้ขึ้นมา

    อีกส่วนหนึ่งก็มาจากไข่อีสเตอร์ (Easter Eggs)  ความลับที่ซ่อนอนยู่ในการ์ตูน ที่คนทำมักเอามาใส่โดยไม่บอกคนอื่น แม้ว่าส่วนใหญ่ Easter Eggs จะพบในภาพยนตร์ หรือว่าวีดีโอเกมเสียมากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าการ์ตูนจะไม่มี เพียงแต่มันจะต้องอาศัยการาสังเกตอะไรบ้าง ก็อย่างจิบบิเองก็แอบใส่ไข่อีสเตอร์ลงไปเหมือนกัน โดยเฉพาะการแอบใส่จุดเชื่อมโยงเอาตัวละครจากเรื่องเก่า มาเป็นตัวแจมในเรื่องใหม่บ้าง  จนทำให้ดูเหมือนว่าเรื่องทั้งหมดของจิบบินั้นเป็นโลกใบเดียวกัน เป็นต้น

     

    สุดท้ายทฤษฏีแฟนพันธุ์แท้ ก็เป็นข้อสันนิษฐานหนึ่ง ให้ดูการ์ตูนให้สนุก และดูให้เชิงลึกมากขึ้น แม้จะถูกหรือผิดก็ตาม ซึ่งก็แล้วแต่คุณว่าคุณดูการ์ตูนแบบไหน และจะเลือกเก็บทฤษฏีแฟนพันธุ์แท้ไปคิดหรือไม่

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×