ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #410 : 7 ฉากที่ผมโครตประทับใจ ในอนิเมะที่ชอบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.13K
      8
      4 ก.ย. 59

    คุณเคยดูฉากหนึ่งซ้ำๆ จากการ์ตูนที่เราชอบที่สุดในชีวิตไหม  เชื่อเถอะครับ หลายคนในที่นี้ล้วนมีฉากที่ชอบ จากการ์ตูนที่เราชอบ แล้วก็ดูมันช้ำๆ ซากๆ เป็น 7 รอบไม่เบื่อ  ไม่มากก็ไม่น้อย  ซึ่งผมเองก็มีฉากประทับใจในอนิเมะ –มังงะไม่น้อย จึงขอเอามาเขียนในบทความนี้ 7 ตอนที่ชอบ (แน่นอนว่ามี นิมฟ์อีกแล้วครับท่าน)

     

    7. Utawarerumono (ตอนที่ 4 -เส้นทางที่ไม่หวนกลับ)

    ส่วนตัวแล้ว ผมไม่ค่อยประทับใจ Utawarerumono ภาค 2 มากนัก เพราะภาคแรกนั้นทำออกมาได้ดีจริงๆ (แม้ครึ่งหลังจะแปลกก็เถอะ ไม่ชอบไอเดียพระเอกลายเป็นไคจูสักเท่าไหร่) คือมันสนุกมากในการเล่าชีวิตของฮารุโอโระ (พระเอก) ที่เป็นผู้ใหญ่ จากชายลึกลับ เป็นชาวบ้าน เลี้ยงต้อย กลายเป็นผู้นำ และกลายเป็นผู้ปกครองประเทศ พร้อมกับปัญหาสงครามและเรื่องปวดใจเข้ามาตลอด นี้แหละคือภาค 1 ที่สนุกเกือบทุกตอน (ครึ่งหลังผมให้สอบตก) ไม่เหมือนภาค 2

    ความจริงแล้ว มีหลายตอนที่ผมชอบนะ ยิ่งช่วงพระเอกกลายเป็นผู้นำประเทศใหม่ มันเป็นอะไรที่ฟินมากๆ และตอนการปรากฏตัวของคารูร่าก็ทำได้ตื่นตาตื่นใจ แต่ถ้าถามผมว่าชอบตอนไหนมากที่สุด ผมก็คงเลือกตอน 4

    เรื่องของเรื่องคือ ซึสุคุรุยายของเอรูรู (นางเอก) และอารูรู (น้องสาวนางเอก) ถูกทหารพลันมือเอาดาบฟัน หลังมีปากเสียงกับเจ้าเมืองซาซันเต้ เรื่องซึสุคุรูเป็นผู้ช่วยเหลือโรโอโบระ (ตอนหลังกลายเป็นน้องบุญธรรมพระเอก) จนทนพิษบาดแผลไม่ไหวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

                    หลังจากยายของเอรูรูและอารูรูเสียชีวิต ฮารุโอโระจึงกลายเป็นผู้ปกครองของเอรูรูและอารูรูโดยบริยาย ส่วนชาวบ้านซึ่งกำลังโกรธแค้นกับการกระทำของชาวเมือง แต่ขอให้ฮารุโอโระเป็นหัวหน้าหมู่บ้านให้ตัดสินใจว่าต่อไปนี้จะทำอย่างไรต่อไป  ซึ่งฮารุโอโระตัดสินใจรวมพลของคนในหมู่บ้านบุกไปฆ่าซาซันเต้ที่บ้านพัก และช่วยโอโบระออกมา 

                    หลังจากเหตุการณ์นี้สงบ ฮารุโอโระก็รู้สึกตัวว่า สิ่งที่ตนนั้นมันผิด เขาอาจนำสงครามมาสู่เข้ามาสู่ในหมู่บ้านตน อาจทำให้เขาและชาวบ้านที่มีพระคุณอาจต้องตายหมด ฮารุโอโระรู้สึกเหน็ดเหนื่อย ก่อนที่จะซบตัวลงนอนตักเอรูรู และเอรูรูก็ปลอบใจเขาด้วยการร้องเพลงเพราะๆ เพลงหนึ่งที่ฟังแล้วจับใจ (ถ้าแปลออก)

                    เพลงนี้มีชื่อว่า Sadame – ชะตาลิขิต ทำนองคล้ายเพลงกล่อมเด็ก โดยหากแปลความหมายจะพบว่าหมายถึง ทุกชีวิตล้วนมีเกิดแก่เจ็บตาย ซึ่งทำนองเศร้าๆ คล้ายเพลงกล่อมเด็ก ซึ่งผมฟังหลายรอบมาก เพื่อเกิดอารมณ์ในการเขียนเรื่อง

    เรียกว่าตอนนี้ทุกอารมณ์โดยเฉพาะดราม่า และความเหน็ดตอนที่ 4 นั้นเป็นตอนที่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการตัดสินใจครั้งสำคัญของพระเอก

     

    6. Ore Twintails ni Narimasu (ตอนที่ 3 –ฉากเปิดตัวเทลบลู)

    แม้ว่าเป็นตอนที่หลายคนไม่ได้สนใจ แต่สำหรับผมแล้ว มันเป็นหนึ่งในตอนที่ผมรอคอยทั้งสัปดาห์ เพื่อมาดูการเปิดตัวของเพื่อนสมัยเด็กสุดเทพ ก่อนที่จะก้าวเป็นสุดยอดเพื่อนสมัยเด็กในดวงใจผมเป็นที่เรียบร้อย

    สำหรับตอนนี้ก็ไม่อะไรมาก เมื่อ โซจิกลายเป็นเทลเรคต่อสู้กับเหล่าศัตรู แต่ก็พลาดท่าเพราะศัตรูรอบนี้ คือ ฟ็อกซ์ กิลดี้ ที่มี พลังของริบบินที่สามารถมัดตัวเทลเรค และสร้างร่างเสมือนของเธอ ก่อนที่ ไอกะ เพื่อนสมัยเด็กของโซจิจะกลายเป็น “เทลบลู” โชว์เทพปราบศัตรูไม่กี่กระบวนท่า ที่เต็มไปด้วยความป่าเถื่อน และรุนแรง เป็นอันจบตอนที่ 3

                    จะว่าไป เดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยได้เห็นเพื่อนสมัยเด็กสายต่อสู้เทพๆ สักเท่าไหร่ แม้ว่าพวกแนว IS จะมีเพื่อนสมัยเด็กประเภทนี้ก็เถอะ แต่มันไม่เทพเสียเลย ออกแนวน่ารำคาญ หรือไม่ก็เป็นแค่นางรองไม่เก่งอยู่ดี แถมคาแร็คเตอร์น่าเบื่อมากๆ ชุดแต่งกาย (เอาง่ายๆ ครับ ใครอวยเพื่อนสมัยเด็ก IS หางม้าบ้างครับ)

                    ดังนั้นฉากการเปิดตัวของเทลบลูในทวินเทลกู้โลกนี้ได้ใจผมจริงๆ มันเป็นการรออย่างยาวนานเหลือเกิน กับการเห็นเพื่อนสมัยเด็กเทพแบบนี้  ยิ่งการออกแบบชุด ฉากแปลงร่างดูโฉบเฉียวมากๆ

                    รวมไปถึงความงดงามของเพื่อนสมัยเด็ก ไอกะ ที่เธอยอมรับว่าเธอแค่ต้อสู้เพื่อนตนเอง ไม่ได้สนใจเรื่องปกป้องโลก เธออยากเป็นกำลังให้โซจิ ซึ่งเธอก็เป็นเพื่อนสมัยเด็กที่ทำทุกอย่างเพื่อพระเอกจริงๆ



    5. Girls und Panzer  (ตอนที่ 12 ฉลองแชมป์)

    Girls und Panzer  เป็นหนึ่งในอนิเมะที่หลายคนชอบ แน่นอนว่าช่วงตอนที่ 11-12 มันมีอะไรเยอะมากที่จะต้องพูดถึง อันเนื่องจากความล่าช้าการผลิตก  ทำให้ Girls und Panzer ตอนที่ 11-12 ไม่ได้ฉายเวลาตามที่กำหนดเอาไว้ ทำให้ต้องถูกเลื่อนออกไปเป็นเดือนมีนาคม 2013 (ตอนที่ 10 ฉายเดือนธันวาคม รอหลายเดือนมากๆ แบบค้างเลยทีเดียว)

    ตอนที่ 11-12 เป็นอะไรที่มันมาก เพราะเป็นการแข่งขันกับทีมตัวเอกที่เป็นม้ามืด รถถังผสม (ที่รถถังอ่อนสลับกับรถถังแกร่ง) ที่สู้ด้วยกลยุทธ์ (บวกกับความประมาทของคู่ต่อสู้) มาถึงรอบชิงชนะเลิศที่สู้กับทีมป่าดำ (Kuromorimine Girls High School) ซึ่งเป็นทีมเก่าของมิโฮะ ที่พี่สาวของมิโฮะเป็นหัวหน้าและผู้บัญชาทีมอยู่ ซึ่งการนำทีมตัวเอกมาสู้กับทีมอดีตของพระเอกอยู่นั้นถือว่าเป็นสูตรสำเร็จการ์ตูนกีฬาที่นำมาใช้กี่ทีก็ตื่นเต้นลุ้นน่าติดตามไม่หาย เพราะส่วนใหญ่ในการ์ตูนกีฬาทีมตัวเอกมักแพ้!!

    แถมทีมตรงข้ามก็อุดมด้วยบุคลากรมีคุณภาพ และรถถังสุดโหด (ซีรีย์ไทเกอร์มาครบ) พร้อมด้วยชื่อเสียงแชมป์เก้าสมัย แบบนี้ทีมตัวเอกจะเอาไปสู้ หากแต่เมื่อถึงวันแข่งจริงกับต่อสู้สูสี เพราะทีมตัวเอกใช้กลยุทธ์ ใช้สมองเข้าสู่ หลอกศัตรูหัวปั่น พร้อมกับฉากดวลกันตัวต่อตัวของมิโฮะกับพี่สาว ทำได้อย่างสนุก

    Girls und Panzer  ช่างเป็นตอนจบที่สุดยอดมาก  ไม่ต้องดราม่าแบบเศร้าๆ จบแบบมีความสุขนั้นแหละดีที่สุดแล้ว ไม่ต้องทำยุ่งยาก แค่ทำให้ทีมของมิโฮะชนะ ให้สมกับความเหนื่อยยากที่ลำบากมานาน ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว

    ภาพของขบวนรถถังทีมมิโฮะแห่ถ้วยรางวัล (ธงชัยชนะ) กลับเมืองท่ามกลางความชื่นชมของชาวเมืองนั้นเป็นอะไรที่ประทับใจมากๆ ไม่เหมือนซาโตชิที่ไม่เคยแชมป์ลีกอะไรเลย แม้จะมีปัจจัยมากมายจะเอื้อมถึงแชมป์ก็ตาม (ซาโตชิแพ้ก็ไม่เป็นไร แต่ทีมมิโฮะแพ้ถึงขั้นโดนยุบโรงเรียนเลยสู้แบบถวายชีวิต จิตวิญญาณต่างกัน )

    ความจริง ผมก็อยากให้อนิเมะจบลงเพียงเท่านี้ แต่มีข่าวว่า Girls und Panzer  จะมีภาคใหม่มาแล้ว ก็ไม่รู้ผมจะดูหรือเปล่า คงดูสถานการณ์ไปก่อน


    4. Ano Hi Mita Hana no Namae o Bokutachi wa Mada Shiranai (ตอนที่ 11 ดอกไม้ซึ่งเบ่งบานในหน้าร้อนครานั้น)

    เป็นอีกตอนจบที่ประทับใจ (อนิเมะเรื่องไหนที่ไม่จบวิน ผมรับได้หมดแหละ)  จนเกือบหลั่งตาออกมา ทั้งๆ ที่ไม่ถนัดการ์ตูนแนวดราม่าเลยพับผ่า แต่กระนั้นเพราะการดำเนินเรื่องนั้นเองกลับทำได้ประทับใจและน่าติดตามเกินคาด ก่อนที่การ์ตูนจบลงอย่างประทับใจ เมื่อจินตันไม่สามารถมองเห็นเมมะได้อีกต่อไป ทุกคนจึงวิ่งพล่านไปรอบป่าเขาเพื่อช่วยกันหาเธอ เม็มมะใช้กำลังเฮือกสุดท้ายเขียนข้อความอำลาเพื่อน ๆ (จะไปเกิดใหม่แล้ว) จินตังและเพื่อนกู่ร้องหาเธอ และเธอร้องตอบ เป็นที่น่าอัศจรรย์ว่า บัดนี้ พวกเขาเหล่านั้นได้ยินและได้เห็นเธอด้วยกันทุกคน พวกเขาจึงกล่าวความในใจและร่ำลากันเป็นครั้งสุดท้าย เม็มมะได้ฟังแล้ว คลองน้ำตาก็ถั่งเท เมื่อคนทั้งหลายร้องว่า "เจอตัวแล้ว" (we found you) เธอก็อันตรธานลับไปหลังจากนั้นเจ้าพระเอกก็เดินตามเส้นทางของตนเอง แม้เส้นทางจะไม่ใช้เส้นทางในฝัน แต่กระนั้นเขาก็ยังมีสายสัมพันธ์ของเพื่อนที่กลับมาเหนียวแน่นเหมือนครั้งก่อนและคงจะอยู่ตลอดไป

    Ano Hi Mita Hana no Namae o Bokutachi wa Mada Shiranai เป็นการ์ตูนไม่กี่เรื่องที่หลายเว็บวิจารณ์ออกมาด้านบวก (หลายเรื่องติดลบจัดมาก แถมมีแต่เรื่องผมชอบทั้งนั้น) เป็นการ์ตูนที่สื่อได้ดีถึงการย้อนอดีตแบบภาพยนตร์เรื่องแฟนฉัน หากแต่การ์ตูนได้เสริมเรื่องปมการขัดแย้ง การเปลี่ยนแปลงของวัยรุ่น ความรักของหนุ่มสาว เข้าไป  อีกทั้งคุณภาพของภาพก็ทำได้กระตุ้นต่อมน้ำตาแตก(จนไม่เชื่อเลยว่านี้เป็นภาพของสตูดิโอที่ผลิตการ์ตูนเรื่อง Fractale)

    สุดท้ายสิ่งที่ทำให้ผมดูการ์ตูนดราม่ากระตุ้นต่อมน้ำตาแตกได้ก็คือสาวทวินเทลนารุโกะ อันโจ(อานารุ) ที่ซึนและน่ารักตั้งแต่ต้นจนจบ(สาวทวินเทน+เพื่อนสมัยเรียน+ซึน+โอตากุ นี้มันเทพประทานพร) ถ้าไม่มีเธอละก็จ้างให้ผมก็ไม่ดู เอาปืนจ่อหัว เอาสาวมาเต้นระบำก็ไม่ดู(จริงๆ น่ะ)


    Sora no Otoshimono อนิเมะตอนที่ 10  ("Where the Melodious Words Of an Angel Go")

    Sora no Otoshimono อนิเมะตอนที่ 10  "Where the Melodious Words Of an Angel Go"น่าจะเป็นไม่กี่ตอนที่ผมคิดว่าทำดีกว่าในมังงะ แม้เนื้อหาจะยัดสองฉากเด่น ก็คือฉากนิมพ์กินแอปเปิ้ลเชื่อมและร้องไห้ กับฉากงานโรงเรียน แต่กระนั้นเนื้อหาก็ได้ทำออกมาก็ทำให้ผมรู้สึกชอบเรื่องนี้ไปในที่สุด

    เริ่มจากโรงเรียนมัธยมของโทโมกิได้จัดงานโรงเรียนร่วมกับโรงเรียนมัธยมเอกชนไฮโซฝั่งตรงข้าม และโทโมกิได้ท้าสองพี่น้องไฮโซด้วยการด้วยวงดนตรี ทั้งๆ ที่พวกโทโมกิไม่ได้เกี่ยวเรื่องดนตรีเลย หากแต่เมื่อถึงวันแข่ง แม้ทีมโรงเรียนไฮโซจะใช้เพลงคลาสสิกชั้นสูงมาสู้ แต่โทโมกิก็ได้ให้ฮิคารอสสร้องเพลงที่แสนไพเราะจนเป็นที่ประทับใจแก่ผู้ชนะ ผลคือทีมโทโมกิชนะ และในตอนท้ายของงานโรงเรียน ก็เริ่มมีการจับคู่เต้นรอบกองไฟ (เป็นอีเวนส์ความรักที่พบเห็นบ่อยในเกมจีบสาว) ทั้งนิมพ์และโซฮาระได้ยกให้ฮิคารอสคู่กับโทโมกิเต้นรอบกองไฟ

    สำหรับตอนนี้ชอบ ประทับใจอยู่ สามอย่าง อย่างแรกคือฉากที่โทโมกิให้แอปเปิ้ลเชื่อมน้ำตาลกับนิมพ์ และนิมพ์ร้องไห้ (เพราะคิดอดีตดำมืดของตน) จนฮิคารอสเข้ามาปลอบ ฉากนี้น่ารักจริงๆ

    แล้วมีความสุข ความสุขนี้ไม่ใช่เพราะความอร่อยของแอ๊ปเปิ้ลเชื่อม แต่เป็นความสุขนี้มาจากการที่สามารถทำประโยชน์แก่โทโมกิ และนี้คือของขวัญที่โทโมกิให้แก่เธอ

    ประทับใจที่สอง คือ ฉากเห็นนิมพ์ในชุดว่ายน้ำโรงเรียนสีขาว ซึ่งในมังงะไม่ปรากฏฉากนี้เลย   มีแต่อนิเมะที่ปรากฏ แถมตอนนิมพ์เชิดใส่นี้มันได้ใจจริงๆ

    และประทับใจที่สาม คือฉากฮิคารอสร้องเพลง Fallen Down ในมังงะไม่รู้หรอกว่ามันไพเราะยังไง หากแต่เมื่อดูอนิเมะก็พบว่ามันเป็นเพลงที่ไพเราะ ฟังแล้วชื่นใจมาก จนมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมฟังเพลงนี้ซ้ำไปซ้ำมาระหว่างเขียนงานเลยทีเดียว


    2. Overman King Gaine (ตอน 26 END)

    อันดับ 2 เป็นอันดับที่ผมดูซ้ำซากที่สุด ดูซ้ำมากกว่า 10 รอบเห็นจะได้ ปกติผมไม่ค่อยชอบแนวขับหุ่นยนต์ แต่ผมกลับชอบอนิเมะเก่าอย่าง Overman King Gaine ตอนจบอย่างน่าประหลาด เพราะเป็นอนิเมะแนวขับหุ่นยนต์ไม่กี่เรื่อง ที่ทำศึกต่อสู้กับบอสใหญ่ได้สนุก มีชีวิตชีวา และจบอย่างน่าประทับใจ

                      Overman King Gaine อาจไม่ใช่อนิเมะแนวขับหุ่นยนต์ที่หลายคนรู้จัก และอาจไม่ได้ดีที่สุด แต่ก็เป็น Overman King Gainer  เป็นอนิเมชั่นกำกับโดย โยชิยูกิ โทมิโนะ (Yoshiyuki Tomino) ซึ่งเขาเป็นผู้กำเนิดกัมดั้มภาคแรก ที่ชอบสร้างพระเอกที่มีนิสัยไม่สนสังคม  มีนิสัยลูกงอแง เอาแต่ใจ ไม่ชอบทำเพื่อส่วนรวม หากแต่เมื่อถึงเวลาตัวเอกจะต้องออกเดินทาง ออกสู่โลกกว้าง ก็เริ่มเปลี่ยนไป เริ่มเป็นคนที่คิดถึงคนอื่น ช่วยเหลือคนอื่น และกลายเป็นคนขับหุ่นยนต์ที่เก่งที่สุด (แม้หุ่นจะเทพอยู่ก่อนหน้านั้นแล้วก็เถอะ) และเนื้อหาของการ์ตูนก็ไม่ได้ดราม่า ไม่ตับแตก ยังพอรับได้ (แม้จะมีตัวละครตาย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าเศร้าแต่อย่างใด เพราะส่วนใหญ่เป็นฝั่งศัตรู) ให้อารมณ์อนิเมะขับหุ่นยนต์ให้เยาวชนดูมากกว่า

    จนกระทั่งมาถึง ตอนที่ 26 ซึ่งเป็นตอนจบ แทนที่เนื้อหาจะเน้นตัวกันเนอร์ (พระเอก )กลับไปเน้นพรรคพวกของพระเอก อันเนื่องจากพระเอกกำลังเข้าสู่ด้านมืด  และขับหุ่นโอเวอร์ เดวิด (หุ่นตัวโกงบอสใหญ่) ทำลายเมือง ทำให้พรรคพวกพระเอกทำทุกวิถีทางเพื่อแรกสติพระเอกกลับคืนมา  โดยฉากที่ชอบคืออยาก กันเนอร์แปลงร่างเป็นโอเวอร์แมน (หุ่นยักษ์) แล้วหายตัวเหลือแต่แว่น ฮ่าจริงๆ  เมื่อถึงนาทีสุดท้ายพระเอกได้สติกลับคืนมา และพากิ๊กทั้งสองออกจากตัวโอเวอร์ เดวิดและใช้โอเวอร์แมนทำลายมันพินาศในที่สุด และฉากจบเกนเนอร์ กิ๊กสองคน และพรรคพวกก็พากันผจญภัยสู่โลกที่กว้างใหญ่อีกครั้ง

    สำหรับฉากที่ชอบ คือฉากท่าไม้ตายสุดยอดของกันเนอร์ถล่มบอสใหญ่ตายอนาถ กับฉากกันเนอร์กับกิ๊กสองคน


    1.Another (ตอนที่ 12 ทวินเทลยังคงอยู่ในความทรงจำของเรา)

    Another ตอนที่ 12 มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากๆ คงจะเป็นอนิเมะไม่กี่เรื่อง ที่ผมตื่นมาตี 5 เพื่อมาดูอนิเมะตอนจบว่าสุดท้ายบทสรุปของ และทวินเทล (อาคาซาวะ อิซูมิ) และเมย์ (มาซากิ เมย์ ( ) นิ่งทุกงาน จะเป็นยังไง (อนิเมะตอนสุดท้ายฉาย 27 มีนาคม 2012 แต่ไม่รู้ที่ญี่ปุ่นฉายเวลาไหน อาจเป็นตอนกลางคืนก็ได้เพราะมีฉากเลือดสาด และกว่าแฟนซับจะมาด้วย) เพราะทั้งคู่เป็นตัวละครหญิงที่ผมชอบมากๆ (ขนาดดูมังงะยังไม่เท่าไหร่ นิยายไม่ได้อ่าน แต่อนิเมะทำได้น่าอวยชิบหายวายวอด เมย์ยิ้มโลกสดใส ทวินเทล)

    ในฉากสุดท้าย 12 อิซูมิได้คิดว่าเมย์เป็นคนตาย จึงพยายามฆ่าเมย์ด้วยการใช้ด้ามเหล็กเพื่อยุติความหายนะและปกป้องทุกคนในห้อง 3-3 หากแต่ซากากิบาระ โคอิจิ  (พระเอก) ได้มาขัดขวางและขอร้องให้เธอหยุดเพราะเมย์ไม่ใช่คนตาย หากแต่อาคาซาวะไม่ฟังเลยพยายามฆ่าทั้งคู่ แต่ในขณะนั้นได้เกิดฟ้าผ่า และฟ้าผ่าได้ทำกระจกแตก  และเศษแก้วก็ปักตามร่างกายของอาคาซาวะไปทั่วจนเธอล้มไปกับพื้นเลือดอาบทั่วตัว (ก่อนที่ความทรงจำปีครึ่งกลับมาอีกครั้ง) เธอได้ตายอ้อมแขนพระเอก ก่อนที่เธอจะตายเธอได้ถามพระเอกว่าครึ่งปีมานี้เราเคยพบกันจำได้หรือเปล่า หากแต่โคอิจิ ส่ายศีรษะจำไม่ได้ สุดท้ายอิซูมิจึงเอ่ยประโยคหวานแห่งปีว่า ใจร้ายจัง นายควรโกหกว่าจำได้สิ ก่อนที่จะสิ้นลม หลังจากนั้นเพดานคฤหาสน์ก็หล่นลงมาทับร่างกายของเธอฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพัง

    อย่างไรก็ตาม มันยังไม่จบ เมย์ได้หายไป พระเอกได้ตามหาเมย์ จนกระทั่งเขาพบเมย์ข้างนอก และเมย์ได้ชี้ไปที่อาจารย์ประจำห้อง หรือน้าของเขา ที่ถูกต้นไม้ทับ และบอกกับพระเอกว่า น้าของพระเอกก็คือ คนตาย

    ตอนแรกพระเอกไม่เชื่อ หากแต่เมย์ได้พยายามอธิบายเหตุผล หลักฐานต่างๆ นาๆ สุดท้ายแล้วพระเอกได้ตัดสินใจฆ่าคุณน้า ผลก็คือคุณน้าคือคนตายตัวจริง เมื่อคุณน้ากลับคืนสู่ความตายอีกครั้ง ทำให้อาถรรพ์ห้อง 3-3 ปี 1998 สิ้นสุดลง ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบ

    ในฉากสุดท้ายผมรู้สึกชอบ พระเอกได้เดินเคียงข้างกับเมย์ และทั้งสองก็พูดกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น และพูดถึงเรื่องน้าของพระเอกอีกครั้ง แม้ว่าคุณน้าจะเป็นคนตาย แต่กระนั้นพระเอกก็มีความรู้สึกผูกพัน และยังคงเศร้าใจที่ฆ่าคุณน้าตาย และที่เศร้าใจยิ่งกว่าคืออีกไม่นานเขาอาจจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา ซึ่งเขาไม่อยากลืมเรื่องของคุณน้าของเขาเลย

    สุดท้ายนี้ผมก็บอกว่า เป็นคนหนึ่งที่ชอบทวินเทลไม่แพ้ตัวละครอื่น (รักพระเอก, นางเอก และทวินเทล) ไม่อยากให้ทวินเทลตาย เพราะทวินเทลน่ารักมีซึน ชุดว่ายน้ำก็โมเอะ (เมย์ก็โมเอะ)  และอยากให้ฮาเร็มกับพระเอก  แม้บทบาทของเธอในเรื่องไม่ได้สวิทพระเอกมากนัก แต่ด้วยความซึน ความสวย ความโดดเด่น มีอารมณ์หลากหลาย (โดยเฉพาะตอนทวินเทลร้องไห้ อยากเข้าไปปลอบเป็นบ้า) แน่นอนผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่รู้สึกเสียใจการตายทวินเทลไม่แพ้คนอื่นๆ แน่นอน อย่างไรก็ตามการตายของทวินเทลนั้นสวยงาม ไม่โหดร้าย ฉากที่ทวินเทลมองพระเอกและนางเอกดุจนางพญานั้นยังคงติดตามติดใจผมไม่รู้ลืม บทบาทของทวินเทลทำออกมาดีและคุ้มค่าตัวแล้วครับ (ในนิยายและมังงะบทยังน้อยเลย)

                    ไว้อาลัยแก่สาวทวินเทลสักครู่......




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×