ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #378 : Yamishibai เรื่องเล่าผีญี่ปุ่น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.01K
      1
      10 ก.พ. 59

                  “ผมไม่เชื่อเรื่องผี แต่ก็ชอบเรื่องผี”

    ความจริงอยากเขียนถึง Yami Shibai  มานานแล้วละ แต่ไม่มีโอกาสจะได้เขียนสักที พอดีซีซั่นนี้ได้เข็น Yami Shibai ซีซั่น 3  มาให้ดูกันหลายตอนบ้างแล้ว จึงอยากจะหยิบมาเขียนหน่อย ในฐานะชอบการ์ตูนญี่ปุ่นแนวผี หลอนๆ ที่ช่วงหลังๆ แนวนี้ค่อนข้างหายากไปหน่อย

     

     

     

    Yamishibai: Japanese Ghost Stories  โรงละครแห่งความมืด เรื่องเล่าผีญี่ปุ่น เป็นการ์ตูนอนิเมะซีรีย์แนว เรื่องเล่า, สยองขวัญ, เหนือธรรมชาติ ตอนแรกกำกับโดย Tomoya Takashima และเขียนบทโดย Hiromu Kumamoto และผลิตโดย ILCA

    เนื้อเรื่องของ Yamishibai (ในซีซั่นที่ 1 และ 2) ได้กล่าวถึงชายหน้ากากสีเหลืองคนหนึ่งที่มักปรากฏในสนามเด็กเล่น ตอน 5 โมงของทุกสัปดาห์ โดยจะเล่านิทานภาพละครกระดาษ (Kamishibai) โดยเรื่องที่เล่าส่วนมากเป็นเรื่องผี (อย่างไรก็ตาม ในซีซั่นที่ 3 ชายหน้ากาเหลืองก็ไม่ได้เป็นเล่าเรื่อง เพราะเปลี่ยนเป็นเด็กชายคนหนึ่งที่สนามเด็กเล่นและร้องเพลง พร้อมกับวาดภาพสิ่งมีชีวิตรูปร่างประหลาดซึ่งปรากฏในตอนนั้นๆ แทน)

                    ตัวอนิเมะของ Yamishibai นั้นค่อนข้างแปลก กล่าวคือเป็นการ์ตูนจบในตอน ความยาว  4-5 นาทีกว่าๆ (รวมเพลงปิด) และการดำเนินเรื่องใช้รูปแบบกึ่งๆ เลียนแบบละครกระดาษ (Kamishibai) กล่าวคือไม่ว่าจะเป็นภาพ หรือตัวละคร วาดเหมือนละครกระดาษ การเคลื่อนไหวก็เหมือนการเคลื่อนไหวของหุ่นกระดาษสองมิติแบนๆ ขยับแขนขาเหมือนหุ่นชักใยกระดาษ

    ส่วนมากดแต่ละตอนของ ของ Yamishibai  จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานเมือง, ความเชื่อ, เรื่องผีๆ (ทั้งหมดถูกสร้างใหม่ หรือไม่ก็ดัดแปลงจากตำนานเมืองของท้องถิ่นนั้นบ้างบางเรื่อง)

     

     

     

                   เนื่องด้วย Yami Shibai  มีสามซีซั่น และแต่ละซีซั่นก็มีอะไรแตกต่างกันออกไป ดังนั้นผมขอพูดโดยแบ่งเป็นทีละซีซั่นนะครับ

    “เร่เข้ามา เข้ามาแวะกันเข้ามาดูกัน ได้เวลาของยามิชิไบกันแล้ว........”

    นี่คือประโยคเปิดตอนแรกของ Yami Shibai   เมื่อลุงใส่หน้ากากเหลืองได้เรียกเด็กๆ ที่กำลังเล่นในสวนสาธารณะมานั่งดูละครกระดาษคามิชิไบของแก

    ตอนที่ 1 ของยามิชิไบคือ “ยันต์ของหญิงสาว” เป็นเรื่องของชายหนุ่มคนหนึ่งเพิ่มย้ายเข้ามาห้องเช้าชั้นสองของบ้านไม้ และเขาก็พบยันต์ใบหนึ่งแปะที่เพดาน เขาจึงดึงยันต์ออก และได้สังเกตเห็นหญิงสาวลึกลับจ้องเขม็งมองมาที่เขาจากอพาร์ตเม้นต์อีกฝั่งตรงกันข้ามถนน แต่เขาไม่ได้ใส่ใจนัก

    วันต่อมาหลังจากกลับจากที่ทำงาน ชายคนนั้นพบว่าประตูอพาร์ตเมนต์เปิดอยู่ไม่ได้ล็อค และที่แปลกคือที่ห้องมียันต์มากมายแปะอยู่ และเมื่อเขาพยายามทำยันต์ออกหญิงสาวลึกลับก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเขา หลังจากนั้นหญิงสาวคนนั้นก็ถูกจับในข้อหาบุกรุก (ทั้งๆ ที่คนดูนึกว่าหญิงสาวคนนั้นเป็นผีแล้วแท้ๆ)

    ในขณะที่ตำรวจพาเธอออกไป เธอดูเหมือนจะบอกอะไรบางอย่างกับเขา แต่เขาไม่ได้ยินสิ่งที่เธอบอก เมื่อชายคนนั้นกลับไปที่อพาร์ตเมนต์เขาก็ตกใจอีกเมื่อมียันต์อีกนับร้อยติดอยู่ใต้โต๊ะรับประทานอาหารของเขา และเมื่อแกะมันออกเขาก็พบความสยดสยองเมื่อห้องของเขาเต็มไปด้วยภูตผี พวกมันกำลังเข้าใกล้ชายคนนั้น

    “มันไม่จริง มันไม่จริง” ชายคนนั้นบ่นพึงพำก่อนที่เรื่องจะจบลงแค่นั้น......

    หลังจากตอนแรกออกฉาย ก็ได้รับคำชมมากพอสมควร ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นวิธีการนำเสนอ เมื่อใช้แบบการเคลื่อนไหวของคามิชิไบแบบไม่เหมือนใคร พร้อมกับทำบรรยากาศในเรื่องดูทึมๆ น่ากลัว แถมช่วงหลังๆ นี้ไม่ค่อยมีอนิเมะแนวผีหลอกวิญญาณหลอนเลยแม้แต่เรื่องเดียว ดังนั้นอนิเมะเรื่องนี้

     

     

     

    “ยันต์ของหญิงสาว” ถือว่าเป็นตอนแรกของการเปิดตัว Yami Shibai ที่หลังฉายแล้วก็ได้เสียงตอบรับในด้านบวก ไม่ว่าจะเป็นการทำอนิเมะแนวผี แบบหลอนๆ การนำเสนอแบบใหม่ ที่ดูแล้วน่าติดตามพอสมควร จะไม่น่าเชื่อว่าเป็นอนิเมะที่มีความยาวกว่า 4 นาที

    สำหรับซีซั่นแรก มีทั้งหมด 13 ตอน และแน่นอนว่ามันใช้เวลาไม่นานนักที่จะไล่ดูรวดเดียวจนจบ

    อย่างไรก็ตาม ถ้าถามผมว่ามันหลอนขนลุก นอนไม่หลับไหม ผมก็ตอบว่าไม่

    ปกติแล้วคนเรานั้นชอบดูหนังแนวสยองขวัญ มีหลักๆ ใหญ่ๆ ตรงการความตื่นเต้นจากแนวดังกล่าว ความจริงแล้วแม้จะเรียกว่าหนังผี หนังสยองขวัญ แต่ก็มีการดำเนินเรื่องต่างกัน และการสร้างความหวาดกลัวในแนวทางที่ต่างกันออกไป

    เป็นต้นว่า หนังผีบางเรื่องสร้างความเลือดสาดเอาผีมาไล่ฆ่าคน เพื่อให้คนดูลุ้นกับความตื่นเต้น ในขณะที่บางเรื่องโดยเฉพาะผีไทยๆ ก็เน้นให้คนดูหลอน เอาผีโผล่ตุ้งแช่ให้คนดูกริ๊ดเล่นๆ โดยไม่ปี่มีขลุ่ยว่าผีโผล่มา ในขณะที่บางเรื่องเน้นความลึกลับโดยที่ไม่มีผีโผล่มาสักตัวก็มี

    อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าหนังผีจะเป็นรูปแบบไหน แต่สิ่งที่เหมือนๆ กันคือวัตถุประสงค์ คือต้องการให้คนดูรู้สึก “กลัว”

    สาเหตุหลักๆ ที่คนเรากลัวผี ก็คือ มันเป็นสิ่งที่เหนือธรรมชาติ  เป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง และเมื่อเราไม่รู้เกี่ยวกับมัน ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับมัน ก็ทำให้เรากลัว ประกอบกับการปลูกฝังวัยเด็กที่พวกผู้ใหญ่ ที่มักเล่าเรื่องผี ไปจนถึงคำขู่หากเป็นเด็กไม่ดี ผีจะมาหักคอ และยังรวมถึงเรื่องเล่าประจำท้องถิ่น ตำนานเมือง แม้จะพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นเรื่องจริง แต่มันก็เพียงพอแล้วที่ทำให้เราไม่กล้าไม่ลอง (จนเกิดวลีอมตะบ้านเราว่า “ไม่เชื่ออย่าหลบหลู่เกิดขึ้น”)

    แน่นอนว่าผู้ผลิตสื่อบันเทิง ภาพยนตร์ เข้าใจเรื่องน่ากลัวตรงจุดนี้ดี จึงสร้างหนังผี โดยใช้หลัก “ไม่รู้” ของมนุษย์ สร้างผีเป็นสิ่งที่มนุษย์สู้กับมันไม่ได้ แต่ผีสามารถทำกับมนุษย์ได้ และสามารถฆ่ามนุษย์ได้ด้วย และจากนั้นก็ใส่เรื่องราว การสร้างตัวเอกเป็นมนุษย์เผชิญหน้ากับผีนั้นๆ ว่า ผีนี้น่ากลัวยังไง มันจะหลอนในรูปแบบไหน จุดไคแม็กซ์จะเป็นยังไง มนุษย์จะสามารถหนีผีได้หรือไม่ ลุ้นตั้งแต่ต้นจนจบ

    ญี่ปุ่นถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่สร้างหนังผีเก่งที่สุดในโลก ภาพยนตร์ผีดังๆ อย่าง ซาดาโกะ จูออน ล้วนโด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งพวกเขาใช้ตำนานเมือง เรื่องเล่าเอามาสร้างเป็นเรื่องราวขึ้นมาใหม่

    ผีญี่ปุ่นนั้นไม่ได้สยองขวัญลากไส้ แต่มันขายบรรยากาศมืดๆ ทึมๆ อย่าง บรรยากาศบ้านคนที่มีผีสิงจนดูไม่ไว้วางใจ และต้องพบกับผีที่มีความแค้นต่อมนุษย์ ที่พร้อมจะทำร้ายมนุษย์ หากมนุษย์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมัน  หรือบางครั้งมันก็มาหาเราแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยก็มี และมนุษย์ไม่สามารถหนีพ้นจากมันได้เลย ซึ่งไม่เหมือนหนังผีไทยที่เน้นเรื่องบาปบุญ หรือเรื่องไปลบหลู่ ไปเจอของต้องคำสาปอะไรมากกว่า

    และแน่นอน Yami Shibai (ซีซั่นหนึ่ง) เป็นอนิเมะที่นำเสนอมุกผีๆ ที่เราเห็นในภาพยนตร์หรือเรื่องสั้นของญี่ปุ่นเอาไว้ในแต่ละตอน ซึ่งแต่ละตอนจะมีผีปรากฏออกมาหลอกคนในลักษณะแตกต่างกัน ไม่ซ้ำกันเอาไว้

     

     


    อย่างตอนแรกตอน 1 “ยันต์ของหญิงสาว” ของซีซั่นแรก ก็เป็นมุกที่เราพบเห็นในแนวสยองขวัญ ประมาณว่าเราไปเช่าห้องพัก แล้วไม่รู้ว่าเป็นห้องพักผีสิง คนดูก็รู้ทันทีอีกไม่นานผีปรากฏออกมาหลอกแน่นอน เพียงแต่มันจะมารูปแบบไหนเท่านั้น (แม้จะหักมุมเล็กน้อยแต่มันก็ไม่ได้ให้แปลกใจมากนัก เพราะยังไงผีก็มาหลอกอยู่ดี)

    นอกเหนือจากตอนที่ 1 ก็มีหลายตอน อย่างตอนที่7 “ความขัดแย้ง”, ตอนที่ 8 “เทพธิดาร่ม”,  ตอนที่ 10 “ดวงจันทร์”, ตอนที่ 11 “วีดิโอ”, ตอนที่ 12 “โทโทนาริคุง” และ ตอนที่ 13 "Tormentor" ก็ล้วนเป็นมุกผีๆ ที่เราเห็นในการ์ตูนญี่ปุ่นไม่น้อยครับ ส่วนใหญ่ก็เน้นการต้องไปพักชนบท  ไปเจอภูตผี หรือไปจนถึงตำนานเมืองต่างๆ ที่เราคุ้นอยู่บ้าง (ก็มุกสูตรสำเร็จนี้นะ)

    ไม่แปลกครับ ที่บางคนบอกว่าไม่หลอน เพราะคุณเลเวลดูหนังผีมาเยอะ ก็ย่อมเข้าใจมุกว่าผีจะมาหลอกตอนไหน หรือมีภูมิแบบนี้แล้ว (ส่วนตัวที่อนิเมะนี้ไม่ทำให้ผมกลัว ก็คงเป็นการใช้หุ่นกระดาษเล่าเรื่องแหละครับ คิดหรือว่าผมจะกลัวผีในรูปแบบหุ่นกระดาษในเรื่อง มันออกไปทางตลกมากกว่าน่ากลัวครับ ถ้ามาในรูปของภาพยนตร์คนแสดง, หรือแบบ 3D บางทีผมอาจจะกลัวก็ได้เพราะมันสมจริงกว่า)

    อย่างไรก็ตาม สำหรับซีซั่นแรกมีตอนที่น่าสนใจ อยู่ 2 ตอน เรื่องแรกคือตอนที่ 6 The Overhead Rack เป็นเรื่องของชายคนหนึ่งที่เจอสิ่งมีชีวิตประหลาดของรถไฟ ที่มันน่าสนใจคือเป็นตอนแรกที่มีการสร้างอสูรกายขึ้นมา แทนที่จะเอาเรื่องผีรูปร่างคน  แต่อย่างไรก็ตาม ในแง่มันไม่ได้แปลกใหม่แต่อย่างใด โอเคในแง่การนำเสนอ อย่างน้อยก็น่าติดตาม ให้อารมณ์ว่า “มันต้องเชี่ยอะไร”, “มันจะทำอะไรเราเนี้ย” ซึ่งถือว่าเป็นหลักชั้นดีในการสร้างแนวสยองขวัญ ที่เราไม่จำเป็นต้องปูประวัติของผี ว่ามันคือตัวอะไร มันมาเพื่ออะไร แม้แต่ตอนจบเราก็ไม่รู้เลยว่าสิ่งนั้นคืออะไรกันแน่ ดังนั้น สิ่งที่สนุกคือการติดตามว่า เจ้าสิ่งนั้นมันจะทำอะไรต่อไปมากกว่า

    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการสร้างอสูรกายขึ้นมาใหม่ แต่มันก็ไม่ได้หักมุมอะไร เมื่อมาถึงตอนท้าย ส่วนตัวผมแล้ว เอ่อ จบแค่นี้เรอะ ไม่ก็ “เชย” อะ แค่ผีปรากฏออกมาหลอก หรือเดาทางได้ (ส่วนใหญ่)

    ดังนั้นใครจะหวังให้ มันพิศวงแหวกเหมือนจุนจิ อิโต้ หรือมีความเลือดสาดเหมือนเสียงกระซิบของคนตาย (ผีเพื่อนสมัยเด็ก) ก็อย่าหวังครับ แม้ว่าจะมีอยู่ตอนหนึ่งที่อนิเมะสร้างอสูรกาย ให้ความรู้สึกว่า “มันตายเชี่ย” และไม่ได้ออริจินอลสร้างอสูรกายขึ้นมาใหม่ เพียงแต่ Yami Shibai  ซีซั่นหนึ่งนั้นเป็นการสร้างเรื่องสยองขวัญที่เราพบเห็นบ่อยๆ มากกว่า

    ดังนั้น ที่ผมดู Yami Shibai ไม่ได้เพราะความน่ากลัวหรือความหลอน  และลึกๆ ผมอยากเห็นอะไรแปลกใหม่ในแนวสยองขวัญมาก (นอกเหนือเรื่องกราฟฟิก) อยากเห็นเนื้อเรื่องจะมีอะไรที่หักมุมอะไรบ้าง


     

     

    Yamishibai ซีซั่นแรกมีทั้งหมด 13 ตอน และเกือบทุกตอนเน้นเรื่องการหลอกของผีแตกต่างกันออกไป  

                    ตอนที่ 1 “เครื่องรางของหญิงสาว” –ชายคนหนึ่งเช่าอาร์ตเมนต์และในห้องเต็มไปด้วยยันต์และเมื่อเขาแกะออกก็พบกับเรื่องขนหัวลุก (เล่นมุกสไตล์ผีหลอกญี่ปุ่นแท้ๆ)

                    ตอนที่ 2 "Zanbai" –ชายหนึ่งตื่นขึ้นมาโรงพยาบาล และเชาก็พบคนในรโรงพยาบาลมีพฤติกรรมประหลาด

                    ตอนที่ 3 “กฎของครอบครัว” –เด็กคนหนึ่งย้ายบ้านเพราะไปชนบทเนื่องด้วยการหน้าที่การงานของพ่อ และที่นั้นเขาพบกับพิธีกรรมแสนประหลาด ที่พวกผู้ใหญ่ต่างหัวเราะ (เป็นอีกตอนที่หลอนใช้ได้)

                    ตอนที่ 4 “ผม” –ครูของโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง ได้พบว่าเครื่องถ่ายเอกสารโรงเรียนเต็มไปด้วยเส้นผมของมนุษย์ (เป็นอีกตอนที่หลอนใช้ได้)

                    ตอนที่ 5 ”ชั้นถัดไป” – เป็นอีกเรื่องของครอบครัวหนึ่งที่มาชมห้างสรรำสินค้า และหลังจากใช้บริการลิฟท์พวกเขาก็พบเรื่องสยองในนั้น

                    ตอนที่ 6 "The Overhead Rack" – ชายคนหนึ่งพึ่งกลับจากที่ทำงาน และขึ้นรถไฟกลับบ้าน ทันใดนั้นเขาก็พบสิ่งมีชีวิตประหลาดที่น่าสยดสยองที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่เห็น (เป็นตอนแรกของอนิเมะ ที่สร้างอสูรกายขึ้นมาเอง)

                    ตอนที่ 7 “ความขัดแย้ง” -หญิงสาวคุณหนึ่งได้ตื่นขึ้นมาตอนกลางคืน เพราะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อเธอรับสายก็พบว่าเพื่อนสาวของเธอชื่อมายูมิโทรมา โดยเสียงของเธอนั้นเหมือนหวาดกลัวอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะเล่าเรื่องสยองขวัญที่เธอกับแฟนไปพบมาที่บ้านร้าง

                    ตอนที่ 8 “เทพธิดาร่ม” – เด็กชายคนหนึ่งไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่ชนบท ทันใดนั้นเขาก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งถือร่มทั้งที่อากาศแจ่มใส

                    ตอนที่ 9 “คำสาป”–เด็กสาวมัธยมคนหนึ่งปล่อยเพราะคำสาป แม่จึงพาไปให้คนในศาลเจ้าช่วยถอนคำสาป หากแต่คำสาปที่ว่ามันรุนแรงมาก แต่นักบวชก็ยินดีที่จะช่วยเหลือ (เป็นตอนที่ผมค่อนข้างชอบ และเศร้ามาก)

                    ตอนที่ 10 “ดวงจันทร์” – เป็นเรื่องของคนชมรมเบสบอลเก็บตัวฝึกซ้อม และเช่าโรงเรียนเก่าแก่แห่งหนึ่ง โดยหนึ่งในกลุ่มชื่อไดสุเกะได้ถูกเพื่อนร่วมทีมแซวว่าเขาเคยตกส้วมหลุมของโรงเรียนนี้มาก่อน โดยที่ไดสุเกะจำไม่ได้ และเมื่อเขาเข้าไปในห้องส้วมหลุม เขาก็จำเรื่องในอดีตได้ ว่าในส้วมหลุมมีอะไรบางอย่างซ่อนตัวอยู่

                    ตอนที่ 11 “วีดีโอ” -เป็นเรื่องของสามเด็กประถมที่กำลังเบื่อๆ และตัดสินใจเปิดเทปวีดีโอ ว่าเชื่อกันว่ามันถ่ายติดวิญญาณเอาไว้ (คล้ายซาดาโกะ แต่แตกต่างตรงที่การหลอกในตอนจบ)

                    ตอนที่ 12 “โทมินาริคุง” –เด็กสาวมัธยมคนหนึ่งกำลังกลับจากโรงเรียน ระหว่างทางเธอเห็นกลุ่มเด็กประถม กลุ่มหนึ่งกำลังล้อมมองรอยดำรูปร่างคนบนพื้น เมื่อเธอถามว่ากำลังทำอะไร เด็กกลุ่มนั้นก็ตอบว่ากำลังเล่นกับ “โทมินาริคุง” แล้วเหล่าเด็กก็ชวนให้เด็กสาวเล่นด้วยกัน แต่เด็กสาวปฏิเสธแล้วบอกว่าจะเล่นที่หลัง โดยหารู้ไม่ว่าการตอบส่งๆ ของเด็กสาวนั้นมันทำให้จบไม่สวย

                    ตอนที่ 13 "Tormentor"- เรื่องราวของเด็กสามคนในชนบท กำลังแอบดูบ้านหลังหนึ่งความไม่ชอบมาพากล  (เป็นอีกตอนที่หลอนใช้ได้)


     

     


    ในขณะที่บางเรื่องแอบเอามุกผีที่คลานจากทีวีมาใช้ (ซาดาโกะ) อย่างตอนหนึ่งที่เด็กประถมสามคนกำลังรู้สึกเบื่อๆ และนึกอะไรไม่ทราบ พวกเขาได้นำวีดีโอเทปที่ว่ากันว่ามันถ่ายติดวิญญาณมาเปิดดู ระหว่างที่ทั้งสามคนกำลังดูภาพวีดีโอซึ่งเป็นสถานที่เหมือนสุสานอยู่นั้น เด็กคนหนึ่งได้เห็นเงารูปร่างคนกำลังเดินใกล้เข้ามาหน้าจอเรื่อยๆ ตรงจุดนี้หักมุมนิดหน่อยตรงที่ คิดว่าผีในวีดีโอจะโผล่มาหลอก แต่ความจริงมาหักมุมเล็กน้อยในตอนจบ

    แม้ว่าหลายคนจะดู Yami Shibai ไม่รู้สึกอะไร แต่อย่างน้อยมันก็เป็นอนิเมะที่ใช้เวลาเพียงแค่ 4 นาทีได้อย่างคุ้มค่า ในการสร้างเรื่องราวหนึ่ง ซึ่งผมก็ยอมรับว่าบางตอนน่าสนใจ ในขณะที่บางตอนก็ไม่ค่อยเข้าท่า แต่กระนั้นน้ำหนักก็ยังคงเป็นอนิเมะที่ “น่ากลัว” อยู่ ในแง่การสร้าง “ความไม่รู้” ของมนุษย์ การสร้างความหวาดระแวงว่าผีจะมาตอนไหน รวมไปใส่ตำนานเรื่องเล่าขึ้นมาใหม่ ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อ โชคลาง การลบหล่า ให้ดูเป็นสากล เข้าใจง่าย ไม่จำเป็นต้องอธิบายมากความ คนทุกชาติสามารถหลอนเช่นเดียวกับคนญี่ปุ่นได้ไม่มากก็ไม่น้อย

    ที่ชอบคือตอนเพลงปิดเรื่อง ที่ลุงหน้ากากเหลืองออกมาพูดวา “จบแล้วจ้า” ตามด้วยเสียงเพลงที่ผมเชื่อว่าฟังที่เหมือนเพลงเด็กร้องเล่น

    ที่น่าสนใจคือซีซั่นแรกหลายตอนมีคำสอนอะไรบางอย่างเหมือนกันคือ “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” ซึ่งถือว่าเป็นคำที่คนไทยบางคนที่ไม่เชื่อเรื่องผีเกลียดยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด แต่ในอนิเมะกับใช้ประโยคนี้มาเล่นเพื่อให้เชื่อเรื่องผี ที่หากใครคิดลองดีก็จะพบกับสิ่งเลวร้ายตามมา ชนิดว่าหนีไม่พ้น แต่ตัวละครหลายเรื่องก็ชอบลองดี เช่นไปท้าทีในสถานที่ผีดุ ไปแกะผ้ายันต์ทั้งๆ ที่ดูแล้วไม่ไว้วางใจ ไปยุ่งกับสิ่งลึกลับ หรือบางคนอยากรู้อยากเห็น ก่อนที่จะได้รับบทเรียนราคาแพงยิ่งกว่าตาย

    สรุปคือ Yami Shibai ภาคแรกถือว่าสอบผ่าน ในฐานะอนิเมะเล่าเรื่องผี แม้มันจะไม่ได้โหดเลือดสาด แต่อย่างน้อยก็ทำได้น่ากลัว บางตอนก็น่าติดตาม (ในขณะที่บางตอนสูตรสำเร็จมากเกินไป) รวมไปถึงเทคนิคภาพ การออกแบบตัวละครแม้จะดูเรียบๆ ไม่โมเอะแต่มันก็เข้ากับบรรยายผีๆ แบบนี้ (แม้จะดูโบราณไปหน่อยก็เถอะ ยิ่งพวกผีออกแบบเชยมาก) รวมไปถึงการเคลื่อนไหว แสง สี เสียง เพลงประกอบ ก็ทำออกมาได้ดีเหมือนสยองขวัญสยองขวัญแท้ๆ

    ไม่แปลกเลยที่จะมีภาคสอง และสามตามมา

     

     

     

    ติดตามตอนต่อไป ภาค 2

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×