ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #279 : รีวิวอนิเมะแมวๆ Spring Anime 2014 รับวันสงกรานต์นรกแตก

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.59K
      0
      17 มิ.ย. 57

     อนิเมะเรื่องอื่นๆ ผมเขียนไว้ในกระทู้

    http://www.dek-d.com/board/view/3184110/

     

    สวัสดีทุกท่าน ต่อไปนี้คือการรีวิวการ์ตูนอนิเมะประจำ Spring 2014  ที่ผมดูตลอดในช่วงวันสงกรานต์ เท่าที่จะดูได้ (แต่ก็ดูไม่หมดอยู่ดี) และอย่างที่หลายคนคิด ผมแทบไม่ได้สนุกอะไรกับวันสงกรานต์เลย ไม่ได้ออกจากบ้านไปไหน ส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่กับบ้านดูอนิเมะอย่างที่เห็น

    ผมไปอ่านเพจหนึ่งมา เขาเขียนว่าริวิวไทยเริ่มไม่ค่อยได้เรื่องทุกวัน ส่วนรีวิว สปอย เอาแต่โพสภาพกางเกงใน ไม่ก็นม เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีวิเคราะห์อนิเมะละเอียดเหมือนเมื่อก่อนเลย แหม....เขาน่าจะมาเจอบทความผมน่ะนั้น (เออ....ผมไม่ได้ตั้งเพจ นี้หว่า)

    สำหรับอนิเมะซีซั่นนี้ โดยภาพรวมค่อนข้างใช้ได้เลยแหละ ค่อนข้างมีหลากหลายไม่ได้เน้นทางใดทางหนึ่ง แน่นอนหลายคนก็เล็งอนิเมะที่ชอบไว้แล้ว ส่วนจะถูกใจหรือไม่นั้นก็แล้วแต่คน แต่อนิเมะที่น่าจะดังเปรี้ยง หรือม้ามืดนั้น ผมเห็นแล้วว่าไม่น่าจะมี ซึ่งผมก็มีความเห็นกับอนิเมะหลายเรื่องแตกต่างจากคนอื่นเหมือนกัน

    ส่วนข้างล่างเป็นอนิเมะที่ผมดูซีซั่นนี้ครับ ซีซั่นนี้มีหลายเรื่องที่ผมติดตาม (และเรียงลำดับความชอบด้วย) ซีซั่นนี้มีหลายเรื่องที่ผมติดตามครับ

     

    1.Gokukoku no Brynhildr


                    Gokukoku no Brynhildr หรือ "Extreme-Black Brynhildr " (Valkyrie Brynhildr) เป็นการ์ตูนฮาเร็ม ไฟไซ ดราม่า โลกแสนโหดร้าย ผลงานของันเบะ มาโมรุ ที่มีผลงานก่อนหน้าคือ Elfen Lied  หรือยังหูแมวโหด อนิเมะที่ผมขอบอกเลยว่า “ทุกคนต้องดู” หากใครที่อยากจะเข้าถึงอนิเมะญี่ปุ่น

    เนื้อเรื่องเป็นเรื่องจอง มุราคามิ ได้สูญเสียเพื่อนสมัยเด็กที่เขาชอบคือ คุโรเนโกะ จากอุบัติเหตุที่เขาทำให้เธอตาย และด้วยความเสียใจและตราบาป ทำให้เขาตั้งใจเรียนหนังสือเพื่อให้สักวันเขาจะได้ไปทำงานนาซ่า เพื่อพิสูจน์ว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริง อันเป็นสัญญาที่เขากับเธอทำไว้ตั้งแต่วัยเด็ก

    10 ปีต่อมา มุราคามิได้กลายเป็นเด็กชั้นมัธยมปลาย ในโรงเรียนชั้นนำ จนกระทั่งวันหนึ่ง ที่ห้องของเขา มีเด็กสาวย้ายโรงเรียนมาใหม่ชื่อ คุโรฮะ เนโกะ และเมื่อเขาพบกับเธอขณะแนะนำตัวในห้องเรียน เขาก็ต้องตกใจเมื่อเด็กสาวคนนี้หน้าตาเหมือนเพื่อนสมัยเด็กที่ตายแล้วไม่มีผิด หากแต่ปรากฏว่าเด็กสาวคนดังกล่าวปฏิเสธว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็กของเขา และบอกว่าพวกเราเพิ่งเจอกันครั้งแรกเท่านั้น และนั้นเองเป็นจุดเริ่มต้น เพราะ “เนโกะ” ไม่ใช่คนธรรมดา หากแต่เธอเป็น “ผู้ใช้เวทมนต์” นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้มุราคามิได้เข้าไปสู่เรื่องราววุ่นวายในเวลาต่อไป

    Gokukoku no Brynhildr ยังคงเป็นอนิเมะที่เนื้อหาคล้ายๆ Elfen Lied   กล่าวคือพระเอกเป็นคนที่จิตใจดีงาม (เรื่องนี้ท่านจะได้เห็นพระเอกร่ำไห้แบบไม่อายใครหลายฉากแน่นอน)  ที่ได้พบมนุษย์พันธุ์ใหม่ “สาวใช้เวทมนต์”  การทดลองมนุษย์ที่แสนโหดร้าย การต่อสู้ระหว่างมนุษย์พลังพิเศษด้วยกันเอง ทำให้เนื้อหาน่าติดตาม และตื่นเต้นมากขึ้น

    แม้ว่าพลังความโหดร้ายในช่วงแรกของ  Gokukoku no Brynhildr จะดูน้อยกว่ายัยหูแมวโหดก็ตาม (ตัดฉากพระเอกร่ำไห้กับร่างโชกเลือดเพื่อนสมัยเด็กออก)  แต่สิ่งหนึ่งที่มาทดแทนคือการดำเนินเรื่องที่น่าติดตาม โดยเฉพาะประเด็นจิตใจของพระเอก ความรู้สึกผิดบาป การตัดสินใจที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อให้ฮาเร็มสาวกลายพันธุ์ (น่าจะเป็นร่างทดลองอะไรมากกว่า) เพื่อชีวิตประจำวันปกติ และสิ่งไม่ลืมคือลายเซ็นของคนแต่ง ที่ชอบ “ใจร้าย” กับตัวละครในเรื่องตลอด แบบว่าเรื่องเหมือนมีความหวัง แสงสว่างส่องเข้ามา แต่กลายเป็นว่าจะต้องมีอะไรบางอย่าง ทำลายแสงที่ว่านั้นอย่างโหดร้ายสิ้นดี

    Gokukoku no Brynhildr เป็นอนิเมะที่ผมไม่แนะนำให้คนไม่ชอบดราม่าโครตๆ ได้ดู ใครไม่ชอบการตายของตัวละครนี้ห้ามเลย  แต่กระนั้นก็เป็นอนิเมะที่ผมอยากแนะนำในซีซั่นนี้ด้วยซ้ำ

    หลังจากที่ได้ดูอนิเมะตอนแรก ผมเดาได้ว่าเนื้อหาอนิเมะน่าจะมีการดัดแปลงพอสมควรเพื่อให้เหมาะกับข้อจำกัดของอนิเมะ และไม่น่าไปถึงตอนล่าสุดของมังงะ (ซึ่งใกล้จะอยู่ช่วงใกล้จบแล้วล่ะ) เห็นได้จากการตัดฉากเปิดเรื่องของมังงะออก ซึ่งก็ดีเหมือนกันเพราะไม่งั้นหลายคนได้ตับแตกแน่นอน ขนาดผมยังเศร้าไม่หายเลย

    อนิเมะเปิดตัวอย่างน่าสนใจ ผมชอบน่ะ  แม้ว่าจะตัดฉากบางส่วน การนำดัดแปลงฉากบางฉาก แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำลายต้นฉบับมังงะมากเกินไป อีกทั้งภาพสวย เพลงเปิดก็ทำออกมาน่าดึงดูด ที่ชอบคือเพลงปิดเรื่องมันให้อารมณ์ของฮาเร็มเหมือนเกินจะกล่าว (เรื่องนี้ฮาเร็มครับ เพียงแต่ความรักทีพระเอกมีต่อสาวๆ ในเรื่อง คือการปกป้องพวกเธอ เพื่อรอดพ้นภัยอะไรมากกว่า)  และยังมีสอดแทรกมุกตลกนิดๆ หน่อยๆ โทนก็ยังคงเป็นแบบ Elfen Lied เพียงแต่คราวนี้ตัวตนของ “ผู้ใช้เวทมนต์” จะดูลึกลับกว่าของพวกหูแมวโหด และเรื่องนี้นางเอกไม่ได้โหด ยันเดเระแบบลูซี่ด้วย ทำให้ลดความดราม่าแบบนี้ลง ทำให้เป็นดราม่าที่ผมเชื่อว่าหลายคนรับได้มากกว่า

    กระแสของ Gokukoku no Brynhildr อาจน้อยไปนิด เพราะมังงะอยู่ในช่วงใกล้จบแถมคนเขียนยังใจร้ายอีก แต่กระนั้นก็มีอนิเมะที่ผมอยากให้หลายคนได้ดูประจำซีซั่นนี้ครับ มันน่าติดตามดี  และน่าจะปรับเปลี่ยนให้ดูแล้วสบายใจกว่ามังงะ อันนี้ก็ดูว่ากระแสจะดีหรือไม่ด้วย

     

    2.No Game No Life


                   No Game No Life เป็นอนิเมะดัดแปลงจาก Light Novel เขียนและวาดภาพประกอบนิยาย โดยคุณ Kamiya Yuu เคยวาดภาพประกอบเรื่อง Itsuka Tenma no Kurousagi ไลท์โนเวลที่เคยทำเป็น อนิเมะมาก่อน (DARK RABBIT ผู้พิทักษ์เจ็ดชีวิต ของบงกช) ก่อนจะมาแต่งและเขียนนิยายเรื่องนี้ด้วยตนเอง เ ไลท์โนเวลในไทยลิขสิทธิ์เป็นของทาง A-Plus

    No Game No Life  เป็นอนิเมะแนวผจญภัย, คอเมดี้ และแฟนตาซีกลายเป็นอนิเมะอวยสำหรับบอร์ดแห่งหนึ่ง เป็นที่เรียบร้อย (ความจริงมีกระแสมานานแล้วละ) ด้วยกางเกงในลายทาง น้องสาวโมเอะ (ส่วนพี่ชายไปไหนก็ไปเถอะ)

    สองพี่น้อง โซระพี่ชายวัย 18 ปี และซิโระ น้องสาววัย 11 ปี ที่เป็นทั้ง NEET และ ฮิคิโคโมริ รู้จักกันนามแฝง『  』(คุฮาคุ ตามชื่อ ว่างเปล่า + สีขาว เลยได้สเปซว่าง) เป็นทั้งเกมเมอร์ออนไลน์ไร้พ่ายโค่นผู้เล่นกว่า 1,200 คนแล้วยังขึ้นอันดับ Top ของเกมกว่า 280 เกม จึงเป็นที่กล่าวขวัญไปทั่ว ทั้งๆ ที่ตัวตนที่แท้จริงของทั้งสองไร้จุดมุ่งหมายของชีวิต ล้มเหลวการเข้าสังคมบนโลกใบนี้ ทั้งสองเบื่อโลกใบนี้ และตัดสินว่าโลกแห่งความเป็นจริงนั้น เป็น เกมที่ไร้ค่าสำหรับทั้งสอง จนกระทั่งวันหนึ่ง มีเด็กที่เรียกตัวเองว่า พระเจ้ามาเชิญทั้งสองไปในโลกแฟนตาซี ที่ปราศจากความรุนแรงและสงคราม แต่ทุกสิ่งต้องตัดสินกันด้วย เกม

    นิยามผมคือนี้คืออนิเมะที่ขี้โกงที่สุดในซีซั่นนี้ ขี้โกงยังไงน่ะเหรอ คือตอนแรกผมไม่สนใจเลยสักนิด พูดตามตรง เห็นหน้าพระเอกแล้วรับไม่ได้สุดๆ หน้ามันพอๆ กับเจ้าโอตากุจาก Chaos;Head เพียงแต่เจ้าพระเอกเรื่องนี้ออกแบบเท่นิดหน่อย และมีสิ่งเดียวที่ผมรับได้ และทำให้ผมติดตามคือ น้องสาว แม่เจ้าเว้ย น่ารักโครต!!! บวกกับกางเกงในลายทาง โมเอะโครตๆ ดูหน่อยเป็นไง

    เนื้อหาสอดแทรกอะไรหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตัวเอกที่ถูกสังคมปฏิเสธ (หากได้อ่านไลท์โนเวล จะพบว่าทั้งคู่พยายามปรับตัวเข้าสังคม แต่ไม่สามารถทำได้ น้องสาวโดนรังแก ส่วนพี่ชายก็ไม่ชอบสังคมแบบญี่ปุ่น) ไม่ใช่แค่แนวหลงโลกต่างมิติอย่างเดียว  ซึ่งปกติแนวนี้มักออกไปทางพระเอกได้พลังพิเศษมาโชว์เกรียมโลกต่างมิติ แต่นี้ตรงกันข้าม เพราะเนื้อหาเรื่องนี้อยู่ที่การเล่นเกม (แน่นอนว่า ผมแนะนำให้ทุกท่าน รู้กติกาเกมไพ่โป๊กเกอร์ และมหากรุกเล็กน้อย)

    อนิเมะภาพสวย แต่ภาพออกไปโทนชมพูและม่วง จนมีหลายครั้งที่ผมแสบตาบ้าง   แถมสตูดิโอ Madhouse ก็ถือว่าเป็นบริษัทอนิเมะชั้นนำอยู่แล้ว พอมาทำอนิเมะ ใส่ภาพโลกแฟนตาซีได้แสนยิ่งใหญ่กว่าที่คิดไว้มาก หยองจริงๆ

                    ที่น่าสนใจคืออนิเมะนี้เป็นอนิเมะไม่กี่เรื่อง ที่สร้างให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ตกต่ำครับ ไม่เชื่อไปดูนิยาย การ์ตูนแนวโลกแฟนตาซีก็ได้ เกือบทั้งหมดสร้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ยิ่งใหญ่หมดแหละ ส่วนเผ่าไม่ใช่คนอย่างเอลฟ์ คนแคระ ต้องตกเป็นเบื้องล่าง แต่อนิเมะต่างกัน ในเมื่อโลกที่พระเอกอยู่ห้ามทำสงครามและใช้ความรุนแรงเด็ดขาด ทุกสิ่งทุกอย่างต้องตัดสินด้วยเกม ซึ่งมันไม่เข้าทางมนุษย์น่ะสิ เพราะมนุษย์ยิ่งใหญ่ได้เพราะสงคราม แต่กลายเป็นว่าพอไม่มีสงครามก็เด็กอมมือดีๆ นี้เอง เล่นอะไรก็แพ้อมมนุษย์หมดเพราะอมมนุษย์มีญาณวิเศษและพลังพิเศษนี้น่า

                    เรียกได้ว่าตอนแรกประทับใจมาก ไม่ว่าจะเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์ ภาพสวย การดำเนินเรื่องน่าติดตาม เข้าใจเนื้อหาได้

    ติอย่างหนึ่งคือพระเอกเหมือนไม่ใช่เป็นนีท เพราะคนเป็นนีทหรือพวกเก็บตัว จะพูดคุยไม่ค่อยเก่ง พระเอกไม่น่าจะพูดกับคนในโลกแฟนตาซีได้คล่องขนาดนี้ แต่ตรงนี้หยวนๆ ได้เพราะเรื่องนี้อธิบายเหตุผลไว้แล้วว่าพระเอกมันเก่งต่อหน้าน้องสาว หากน้องสาวไม่อยู่ใกล้มันก็นีทกระจอกดีๆ นี้เอง

     

     

    3.Mangaka-san to Assistant-san


                  Mangaka-san to Assistant-san (The Comic Artist and Assistants) หรือในชื่อไทยว่า นักเขียนการ์ตูนสุดป่วนและผู้ช่วยสุดแก่นเป็นอนิเมะจากมังงะ (ลิขสิทธิ์สยาม ภาคแรกมี 10 เล่มจบ และปัจจุบันมีภาคสอง แต่นานๆ ครั้งจะมา เพราะคนเขียนมีผลงานทวินเทลกินกล้วยอยู่) ผลงานของ Hiroyuki ซึ่งก่อหน้านั้นมังงะเรื่อง Doujin Work ก็เคยถูกทำเป็นอนิเมะ และได้รับคำวิจารณ์จากผมว่า “ไม่เหมือนต้นฉบับ”

    สำหรับเรื่อง Mangaka-san to Assistant-san เป็นเรื่องแนวชีวิตประจำวันฮาๆ ของนักเขียนการ์ตูน “ไอโตะ”  นักเขียนการ์ตูนเกรด 3 (หมายถึงนักเขียนไม่เป็นที่นิยม) ประจำการ์ตูนรายสัปดาห์ดัง “โกโก้” (หากเทียบ อารมณ์ประมาณ จัมป์)  เนื้อหาการ์ตูนของไอโตะเป็นแนวเลิฟคอมมาดี้ ที่ทุกหน้ามีแต่กางเกงในผู้หญิงเต็มไปหมด เพราะไอโตะชอบกางเกงในผู้หญิงเป็นชีวิตจิตใจ (จนเกือบเป็นโรคจิต) ทำให้ไม่เป็นที่นิยมมากนัก (เพราะนิตยสารของไอโตะส่วนใหญ่คนอ่านเป็นเด็กประถม) แต่ไอโตะก็ยังทำผลงานด้วยใจรักอยู่ทึกวัน  แถมอยู่ท่ามกลางสาวน่ารักที่เป็นผู้ชาย 3 คน และ บก. น่ารักอีกคน ทำให้ชีวิตของไอโตะมีสีสันมากขึ้น

    การ์ตูนมังงะตลกมีทั้ง 4 ช่องจบ และ ตอนสั้นๆ ไม่กี่หน้า พอทำเป็นอนิเมะก็ประมาณ 13 นาทีกว่า (รวมเพลงจบ เพลงเปิด)ถือว่าประทับใจระดับหนึ่ง อีกทั้งทำตรงต้นฉบับ (แต่ไม่ทำครบทุกตอนในมังงะ น่าจะเป็นการเลือกตอนบางส่วนในมังงะมากกว่า)

    เนื้อหาของการ์ตูน แม้จะเป็นเรื่องของนักเขียนการ์ตูน แต่ไม่ได้เน้นเนื้อหาเกี่ยวกับการเขียนการ์ตูนมากนัก แต่เป็นเรื่องของชีวิตของคนหนึ่งที่มีความสุขในการทำงานอะไรมากกว่า

     คือผมชอบมังงะเรื่องนี้น่ะ ชนิดว่าหากใครมาถามมังงะแนวฮาเร็มละก็ ผมแนะนำเรื่องนี้เลย คือมันสื่อถึงความสุขของคนหนึ่งที่อ่านแล้วมีความสุขด้วย แม้ว่าพระเอก (เจ้าโตะ) มันจะหื่น บ้ากางเกงใน เขียนการ์ตูนไม่ได้รับความนิยม หลายคนชอบดูถูกว่าเป็นนักเขียนเกรดต่ำ  แต่ไอโตะก็ไม่เคยโกรธใคร ผมนับถือความตั้งใจของไอโตะน่ะ  คือมันทำงานด้วยใจรัก หากไอโตะไปวาดการ์ตูนแนวอื่นๆ ก็คงประสบความสำเร็จไปนานแล้ว แต่ไอโตะไม่ทำ ยอมวาดแนวกางเกงในเพราะ มันมีความสุข คนแบบนี้ผมนับถือน่ะ (ฮ่า)  อีกทั้งหากทำอะไรแล้วก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจ แถมอยู่ใกล้กับสาวๆ ที่เข้าใจเจ้าโตะ ที่สามารถรับความหื่นเจ้าโตะ (ได้ระดับหนึ่ง) ผมว่าเจ้าโตะเป็นชายที่มีความสุขที่สุดในโลกจริงๆ (ชนิดว่าไม่มีนักเขียนการ์ตูนญี่ปุ่นคนไหน น่าอิจฉาเท่าไอโตะอีกแล้วล่ะ)

    อย่างไรก็ตามอนิเมะข้อตำหนิอย่างคือเสียงพากย์ เจ้าโตะนี้แตกต่างจากผมคิดไว้มาก คือมันไม่ใช่เสียงของคนอายุ 20 กว่าๆ (ไอโตะอายุ 22 ปี) พึ่งจบมัธยมปลายสักเท่าไหร่ เสียงเหมือนเด็กวัยรุ่นมากกว่า แถมคนพากย์ผมก็ไม่ไม่มีประสบการณ์พากย์ตัวละครหื่นๆ มาก่อน อีกต่างหาก (คนพากย์เสียงพระเอก Sword Art Online)   และนอกจากนี้มันตรงต้นฉบับ และมังงะแปลไทยพึ่งจบมาหมาดๆ เรื่องนี้พึ่งผ่านสายตาคนไม่นานนัก (แม้ว่าต้นฉบับญี่ปุ่นอยู่ในช่วง 2008-2012 ก็เถอะ) ไม่รู้ว่าคนอ่านมังงะเรื่องนี้จะตามอนิเมะหริอเปล่า แต่ผมตามอยู่แล้ว เพราะสาวซึน (สองคน) เรื่องนี้โครตโมเอะ ไม่ว่าจะเป็น “มิฮาริ” (เสียงพากย์ออกไปทางแหลมสูงตามสไตล์ซึนเดเระ) และ “เซนะ” เตี้ย แบน ซึน กางเกงในลายหมี ซึ่งทั้งสองมีบทบาทประทับใจผมมากๆ  ในมังงะ

     

     

    4.Mekaku City Actors


                   Mekaku City Actors (Kagerou Project) (มี 11 ตอน ไม่ได้รับการยืนยัน)  หรือ Kagerou Days (ไม่รู้จะเรียกอะไรดี เอาเป็นว่าตามอนิเมะละกัน) เป็นอนิเมะจากไลท์โนเวล ที่โด่งดังเพราะคลิปอนิเมะเพลงสั้นๆ  เนื้อหจะเป็นการเล่าตัวละครที่มีพลังวิเศษ (?) ซึ่งอยู่บนโลกเดียวกัน และเกี่ยวเนื่องกัน ตัวเพลงจะเล่าเป็นบทๆ  ของตัวละครนั้นๆ (และเกือบทุกตอนล้วนมีการวนลูปเข้ามาเกี่ยวข้อง) ตัวเพลงได้รับความนิยมมาก จนเกิดแฟนฟิค จิ้นวาย จิ้นคู่รัก ไปจนถึงการทำเป็นมังงะ ไลท์โนเวล (มี 2 เล่ม) และอนิเมะตามมาดังกล่าว

    โดยตัวละครหลักๆ คือ คิซารากิ ชินทาโร่ นีทและฮิคคิโคโมริติดมา 2 ปี ที่ชีวิตส่วนใหญ่อยู่แต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ วันหนึ่งเขาได้เป็นมาสเตอร์ของ เอเนะ AI ที่มีชีวิตจิตใจอาศัยอยู่ในคอมพิวเตอร์ของเขา และวันหนึ่งชินทาโร่ออกจากบ้านครั้งแรกในรอบ 2 ปี เพื่อไปซื้อแป้นคอมในห้าง แต่อนิจจาที่นั้นชินทาโร่กลับถูกผู้ก่อการร้ายจับเป็นตัวประกัน แต่สถานการณ์ดังกล่าวเขาก็ได้พบพรรคพวกที่มีชะตากรรมประหลาดร่วมกันในเวลาต่อมา

    เปิดออกมาตอนแรก ผมรู้เลยว่าใครเป็นคนกำกับ แหม แทบไม่ต้องเดาเลย ดูงานภาพ องค์ประกอบต่างๆ โลกแปลกประหลาด ภาพปะ การเผาแบบมีศิลปะ คุยและก็คุย คุยแหลก หงอนไก่ชัดๆ ใช่แล้วครับ ทั้งหมดนี้คือลายเซ็นของผู้กำกับ Bakemonogatar และ “คุณครูผู้สิ้นหวัง” นั้นเอง

    นอกจากองค์ประกอบลูกเล่นที่ผู้กำกับทำแล้ว สเน่ห์ของเรื่องนี้อยู่ที่การดำเนินเรื่อง  ที่มึน มึน และมึน แน่นอนว่าหลายคนดูตอนแรกแอบ งง แน่นอน ความจริงเรื่องนี้จงใจให้คนอ่าน งง ครับ นี้แค่ตอนแรกเท่านั้น เดี๋ยวตอนหน้า มาฆ่ากันเถอะ วนลูป ย้อนอดีต เชื่อเลยว่า โครต งง แ แต่ความ งง ได้กลายเป็นสิ่งที่เป็นแรงขับให้หลายคนอยากติดตาม รวมไปถึงผมด้วย อารมณ์ประมาณว่า นี้คือเรื่องอะไร สิ่งที่ต้องการสื่อคืออะไร ปมปัญหาตัวละครคืออะไร และเมื่อไหร่จะบรรจบกัน  หลายคนตามมังงะเพราะเหตุนี้แหละ ส่วนเหตุผลรองน่ะเหรอ ตัวละครน่ารักครับ (ฮ่า)

    แน่นอนตามสไตล์ของผู้กำกับที่มีคนชอบและคนเกลียด แถม AI เอเนะนี้พูดมาก กวนประสาท (แต่สำหรับผมน่ารักน่ะ) แต่หากใครดูประวัติเรื่องราวของเธอ จะได้รู้ว่าทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้ แต่ตัวละครคนอื่นนี้ พวกผู้ชายไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไหร่ แต่พวกผู้หญิงน่ารักดีน่ะ

    หลักๆ เนื้อหาอนิเมะดำเนินเรื่องตรงกับไลท์โนเวล และใครที่อ่านมังงะมาก่อน ก็พอรู้ระดับหนึ่งว่าต่อไปจะดำเนินเรื่องแบบไหน หากใครยังไม่รู้จักเรื่องนี้ก็ขอบอกว่าเป็นแนวการวนลูป อาจย้อนกลับไปกลับมา ไม่ว่าจะเป็นอดีตของพระเอก อดีตทวินเทลฟ้า และตัวละครคนอื่นๆจะแยกการดำเนินเรื่องแตกต่างกัน ก่อนที่จะมาปะติดปะต่อที่หลัง มันอาจจะ งง มาก ก็ขอให้ตั้งใจดู เพราะเสน่ห์แบบนี้แหละ ถึงได้น่าติดตาม

    ถ้าตอนหน้าตามแบบมังงะล่ะก็ ตอนหน้าคงมันแน่.....ปล. ชอบชินทาโร่Xน้องสาว

     

     

    5.Kanojo ga Flag o Oraretara


                   Kanojo ga Flag o Oraretara หรือ If Her Flag Breaks หรือแปลว่า “อลวนรักหักแฟล็ก” เป็นอนิเมะจากไลท์โนเวลแนวฮาเร็ม คอเมดี้ (ลิขสิทธิ์มังงะและนิยายโดยรักพิมพ์) ที่ตีพิมพ์อย่างต่อเนื่อง และพึ่งทำเป็นอนิเมะ

    เรื่องราวของ “โซตะ” หนุ่มผู้มีความสามารถพิเศษในการมองเห็น ธงของคนอื่นได้ โดยธงที่ว่าจะปรากฏออกมาเมื่อคนๆ นั้น เจอเหตุการณ์ที่ต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่จะส่งผลต่อชีวิตของคนนั้นชนิดที่เรียกว่าพลิกผันกันไปซักทาง ไม่ว่าจะเรื่องความรัก เพื่อน ชัยชนะ หรือแม้แต่ความตาย ซึ่งนายโซตะ ก็ได้ย้ายเข้ามาเรียนในโรงเรียน Hatagayaในกรุงโตเกียว และได้รู้จักกับสาวมากมายหลายคน ไม่ว่าจะเป็น “เจ้าหญิง, คุณหนู, พี่สาว, เพื่อนสมัยเด็ก ไปจนถึงหุ่นยนต์!!

    ยอมรับเลยว่าจะดีหรือร้าย Kanojo ga Flag o Oraretara เป็นอนิเมะที่ผมติดตามแน่นอนในซีซั่นนี้ เพราะอะไรน่ะเหรอ เรื่องนี้ถือว่าเป็นฮาเร็มพูนสุขน่ะสิ เรื่องราวของพระเอกที่คิดว่าตัวเองเป็นตัวซวย ตัวโชคร้าย ที่พยายามไม่สนิทกับคนอื่น แต่แล้วโชคชะตาทำให้เขาได้มาพบเจอเหล่าสาวๆ (เยอะด้วย) ที่ทุกคนแอบชอบเขา (และพระเอกรู้จากธง) และทุกคนก็มีเรื่องหนักใจให้เขาแก้ปมอีกต่างหาก ส่วนเนื้อหาจุดหมายพระเอกนั้น ผมก็ยังคง งง อยู่   (จุดหมายของพระเอกคือเขาเห็นธงแห่งความตายปักหัวตนเอง แสดงว่าอีกไม่นานเขาจะตาย สิ่งที่จะเปลี่ยนชะตากรรมได้เขาก็ต้องมีคนที่เป็น เจ้าหญิงอัศวิน, จอมเวทย์, นักบวช และนินจา ซึ่งทั้ง 4 อยู่ในหมู่ฮาเร็มของเขา แถมมีองค์กรลับ สาวปริศนาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย)

    และยอมรับว่า หลังจากดูตอนแรกค่อนข้างน่าผิดหวังอย่างมาก ทั้งๆ ที่เป็นอนิเมะฝีมือผู้กำกับคนเดียวกับ Nazo no Kanojo X แท้ๆ สงสัยผมหวังมากไปหน่อย คืออนิเมะตอนแรกดำเนินเรื่องไม่ตรงต้นฉบับอย่างแรง ภาพเผา หน้าตัวละครบิดเบี้ยว การเคลื่อนไหวไม่ลื่นเลย และที่ขัดตาคือคาแร็คเตอร์พระเอกในเรื่องนี้ แตกต่างจากผมคิดมาก เพราะเท่าที่ดู (เสียดายผมยังไม่ได้ไลท์โนเวล เลยไม่รู้ว่าพระเอกออกแบบตรงหรือเปล่า) พระเอกน่าจะมืดมน และการออกแบบหน้าจะดูธรรมดาหน่อย แต่นี้หน้าออกสำอางและแคะเกินไป ทำให้ไม่เข้กันอย่างบอกไม่ถูก และเสียงแหลมสูงของตัวละครหญิงที่ฟังแล้วระคายหูพอสมควร

    นอกจากดำเนินเรื่องไม่ตรงต้นฉบับแล้ว อย่างเร่งเนื้อหาเข้าไปอีก คือมันดำเนินเรื่องตัดฉากอะไรมากมาย ตัดจนเรียบกลายเป็นผ้าธรรมดา (ทั้งๆ ที่ต้นฉบับเป็นผ้าเนื้อดีแท้ๆ ) การเรียงลำดับเรื่องราวถือว่าเป็นสิ่งที่รับไม่ได้มากๆ เมื่อเทียบกับการดูต้นฉบับ อย่างตอนแรกนั้น ผมพึ่งเคยเห็นฉากไคแมกซ์ก่อนจบเล่มหนึ่งมาใส่ตอนที่ 1 คือโผล่ออกมาแนะนำสาวผมม้าเจ้าหญิง คุณหนู และตัดมาเป็นอีเวนท์ปักธงคุณหนูอย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่ฉากแนะนำตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นพี่สาว สาวดุ้น ย่าใหญ่ ประธาน ฯลฯ ต้องมาก่อนอีเวนท์ปักธงคุณหนูแท้ๆ  (ตอนที่ 2 จะเริ่มแนะนำตัวละครเหล่านี้)

    แม้อนิเมะเรื่องนี้จะมีหลายอย่างน่าตำหนิ แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็จะดูเรื่องนี้แหละ เพราะมันเป็นแนวฮาเร็มที่ผมชอบจากการดูมังงะนี้น่า

    ปล. สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้ ฉากแรกตอนเปิดตอน จะเห็นไอดอลอยู่ในหน้าจอทีวี เธอก็เป็นหนึ่งในฮาเร็มพระเอก (สรุปคือรูทไหน พระเอกเก็บหมด เหนือกว่าพี่เทพตรง มันมีสาวดุ้น) เพียงแต่เนื้อหาอนิเมะซีซั่นนี้บทเธอไม่รู้จะถึงหรือเปล่า เพราะเธอปรากฏในเล่ม 8

     

    6.Escha and Logy no Atelier - Tasogare no Sora no Renkinjutsushi


                    Escha and Logy no Atelier - Tasogare no Sora no Renkinjutsushi หรือ Atelier Escha & Logy: Alchemists of the Dusk Sky เป็นอนิเมะเกมส์ภาษาแนว RPG ชื่อดังซีรี่ย์หนึ่งจากญี่ปุ่น ซึ่งมีมายาวนานตั้งแต่ปี 1997 ภาคแรกคือ Atelier Marie: The Alchemist of Salburg บนเครื่อง PlayStation 1 มาจนถึงภาคล่าสุด Atelier Escha & Logy บนเครื่อง PlayStation 3 เป็นภาคที่ 15 ในปี 2013 รวมแล้วก็มีอายุกว่า 16 ปีเข้าไปแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้โด่งดังเป็นพลุแตกอย่างเกมส์ RPG ดังๆเหมือนพวก Dragon Quest, Final Fantasy, Pokemon แต่ด้วยความที่อยู่มานาน

    ส่วนตัวเกม ผมรู้จักภาคแรกน่ะ เพราะเคยดูจากนิตยสารเกม บ้านเรารู้จักในชื่อ “เกมเล่นแร่แปรธาตุ” และภาคที่ดังที่สุดคือภาค Atelier Rorona  ซึ่งธีมของเรื่องคล้ายๆ กันคือ ตัวเอกส่วนมากเป็นผู้หญิง เป็นนักเล่นแปรธาตุที่อยู่ในยุคที่การเล่นแร่แปรธาตุล้าสมัย โดยมีอุตสาหกรรม และความเจริญก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์เข้ามาแทนที่เพื่อรอบรับกับความต้องการของมนุษย์ แต่ตัวเอกก็ยังสืบทอด สืบสานการเล่นแร่แปรธาตุอย่างมีความสุขท่ามกลางเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย

    แน่นอนว่าธีมนี้ใส่เข้าไปในตัวอนิเมะด้วย  โดยเป็นเรื่องของ “เอสก้า” นางเอกที่เพิ่งมาตกลงรับงานพัฒนาเล่นแร่แปรธาตุประจำเมืองที่ตนอยู่ (งานคล้ายๆ กับ อบต. พัฒนาชุมชน แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวเมืองประมาณนี้แหละ)  ซึ่งเมืองของนางเอกบ้านนอกมาก เพราะอยู่เขตชายแดน และมีทะเลทรายล้อมรอบ แต่เธอก็อยู่อย่างสงบสุข ชาวเมืองก็เป็นมิตร และวันเดียวที่ประจำตำแหน่งเธอก็ได้พบคู่หูของเธอนั้นคือ “โลจิซ” พระเอกที่หนีความวุ่นวายจากกลุ่มนักเล่นแร่แปรธาตุส่วนกลาง และตัดสินใจเดินทางมาเมือง เพื่อรับตำแหน่งเช่นกัน และการผจญภัยของทั้งคู่เริ่มจากตรงนี้แหละ

    แฟนตาซีโลกสวยที่ทำได้ดีเกินคาดครับ แม้ว่าตอนแรกจะเปิดออกมาเรียบๆ ง่ายๆ แต่กระนั้น ดูแล้วเพลินๆ ดี  จนกลายเป็นอนิเมะที่ผมตามอีกเรื่องในซีซั่น

    แฟนตาซีโลกสวย เป็นนิยามที่แปลว่า เป็นโลกแฟนตาซีเรียบๆ ง่ายๆ ไม่ได้มีเนื้อหาซีเรียส เน้นแนวชีวิตประจำวันในเมืองที่ตัวเอกอยู่ ตัวละครทั้งหลายก็เป็นผู้คนในเมือง  การต่อสู้เป็นเรื่องรอง ไม่มีจอมมาร หรือตัวร้ายโฉดชั่ว เวลาผจญภัยก็รับอีเวนท์ ออกนอกเมืองหรือเมืองใกล้ๆ  เพื่อทำภารกิจ ภารกิจส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เป็นภารกิจยิ่งใหญ่มากนักเป็นเพียงภารกิจช่วยเหลือคนในหมู่บ้านมากกว่า  ซึ่งปัจจุบันมีเกมแนวแบบนี้เยอะครับ และอนิเมะเรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น

    แน่นอนว่าอนิเมะแนวนี้อาจดูน่าเบื่อ เพราะดูโลกสวย  แถมที่ผ่านมา อนิเมะเรื่องบ้านขนมปังแห่งความสุขเนื้อหาโครตง่วงมาก แต่เรื่องนี้แตกต่างกันออกไป โอเคครับดูแล้วมีความสุข แต่มันก็สอดแทรกเรื่องอะไรต่างๆ มากมาย ความสัมพันธ์ตัวละครไม่ได้แบนราบ ที่น่าสนใจคือความสัมพันธ์ระหว่างนางเอกและพระเอกที่เป็นคู่หู คนหนึ่งเป็นสาวบ้านนอกที่เรียนรู้วิชาเล่นแร่แปรธาตุจากรุ่นสู่รุ่น เป็นที่รักของคนในหมู่บ้าน ส่วนอีกคน เป็นหนุ่มในเมืองที่เจริญแล้ว และไม่พอใจกับงานที่รับมอบหมายสักเท่าไหร่นัก (งานมันน่าเบื่อเกินไป)  และวิชาการเล่นแร่แปรธาตุเน้นจากความรู้ที่สอนในโรงเรียน ทำให้การดำเนินเรื่องน่าสนใจมากขึ้นไปอีกในแง่การพัฒนาความสัมพันธ์ตัวละคร

    เรื่องนี้สอนก็สอนให้เรารักบ้านเกิด เน้นการพัฒนาเมือง มีการทำอีเวนท์ ผสมเล่นแร่แปรธาตุ (หม้อวิเศษ ทำขนมก็ได้ ผสมโลหะก็ได้ เจ๋งจริงๆ ) โดยรวมแล้ว ผมว่าสนุกน่ะ  มันสอดแทรกข้อคิดอะไรมากมายให้เราดูแล้วคิดตาม ไร้พิษภัย ดูเรื่องรุนแรงมามากแล้ว กลับมาสู่ความสงบสุขบ้างก็ไม่เลวเหมือนกัน ผมตามต่อแน่นอนครับ (เห็นว่าตัวเกมก็มีเนื้อเรื่องให้น่าติดตาม เป็นจุดขายด้วย)

     

    7.Hitsugi no Chaika


                   จากแฟนตาซีโลกสวย คราวนี้มาพูดถึงแฟนตาซีดาร์กนิดๆ บ้าง
    Hitsugime no Chaika หรือ Coffin Princess Chaika แปลไทยง่าวๆ ก็แปลว่า “เจ้าหญิงกับโลงศพ” เป็นอนิเมะจากไลท์โนเวล

    ในเรื่องกล่าวถึง “โทรุ” เด็กหนุ่มที่อาชีพเป็น “นักก่อวินาศกรรม” (ผู้ก่อการร้ายเรอะ?) ที่เก่งกาจที่สุด แต่ปัจจุบันกลายเป็นคนขี้เกียจ  ไม่คิดจะออกไปหางานทำ เพราะสงครามได้จบสิ้นไปแล้ว  ทำให้เขาคิดว่าพลังเขาไม่มีความจำเป็นในโลกที่สงบสุขนี้ จนกระทั่งโดนน้องสาว (ไม่ร่วมสายเลือด?) “อาการิ”   ที่หวงและรักพี่ชายมาก (มากจนกลายเป็นยันเดเระ) บังคับให้เขาไปหางานทำ โทรุได้พบกับหญิงสาวผมสีขาวที่แบกโลงศพไว้ที่หลัง นามว่า “ไชกะ ทราบันท์” (ชื่อแฟนตาซีของญี่ปุ่นนี้ ชอบตั้งแบบแปลกๆ อ่านยากน่ะนั้น)  โดยบังเอิญ ทั้งสองได้ร่วมกันสู้กับมอนสเตอร์ที่พบในป่า ภายหลังเธอได้ว่าจ้างเขาให้ช่วยทำงานบางอย่างให้ โดยหารู้ไม่ว่างานดังกล่าวได้เปลี่ยนชีวิตของทั้งคู่

    เรื่องนี้ผมอ่านมังงะมาแล้ว ก็ประทับใจพอสมควร (แต่ไม่ถึงขั้นบ้าติดตามสักเท่าไหร่) หลังจากได้ดูอนิเมะรู้สึกว่ามันเหมือนขาดอะไรสักอย่าง ที่แน่ๆ ขาดฉากพระเอกโดนน้องสาวจ๋าปลุกได้ยังไง ฉากเรียกคนดูเชียวน่ะ นี้อะไรกัน มาถึงพระเอกถางป่ามาเจอนางเอกซะงั้น กะอวยนางเอกได้ไง เรื่องนี้น้องสาวสุดยอดเลยน่ะเฟ้ย (ฮ่า)

    ในด้านภาพนั้น อืม...ไม่รู้น่ะ ผมว่าน่ะจะดีกว่านี้ น่าจะมีบรรยากาศอะไรมากกว่านี้หน่อย (อยากให้มืดๆ อะไรหน่อย)  หลายๆ อย่างมันน่าจะดีกว่านี้ อย่างฉากพระเอกเป็นเหล็กกล้าน่าจะมีการใส่แอ็คชั่น มุมกล้องที่ดีกว่านี้  ต่อไปก็เสียงนางเอก เสียงเด็กนิดหน่อย ต่างจากที่ผมคิดเอาไว้  (จอมเวทย์หรือนักแม่นปืนว่ะเนี้ย) แต่ผมพึ่งรู้ว่านางเอกเรื่องนี้พูดเป็นคำๆ แบบไม่ค่อยปะติดปะต่อ ไม่รู้ต้นฉบับไลท์โนเวลเป็นยังไง และที่บ่นต่อมาคือดำเนินเรื่องเร็วเกินไป ทำให้เนื้อเรื่องไปเร็ว จนไม่ทันได้รู้จักตัวละครดีเลย มาตอนแรกก็บุกคฤหาสน์ล่ะ ในมังงะนี้หลายตอนเลยกว่าจะถึงฉากนี้ (มันมีฉากน้องสาวปลุกพระเอก พระเอกโดนน้องสาวฆ่า ไปจนถึงอดีตของพระเอกและน้องสาวที่ดำมืด แถมตอนแรกพระเอกก็ลังเลด้วยว่าจะบุกคฤหาสน์ดีหรือไม่ดี ฯลฯ พูดง่ายๆ ตรูเคืองตัดฉากน้องสาว)

    ปกติผมไม่ค่อยบ่นเรื่องไม่ตรงต้นฉบับน่ะ แต่อดไม่ได้จริงๆ เพราะว่าเรื่องนี้มันสนุกได้เห็นอารมณ์ของตัวละครของตัวละครทั้งสาม การขาดอีเวนท์นี้  และมีแต่ฉากต่อสู้และภารกิจนี้ เท่ากับเรื่องนี้หมดสนุกไปเยอะพอสมควร

    หลายคนบ่นเรื่องคิ้วของไซกะ แต่ผมชอบน่ะ

    ฉากที่ชอบน้องสาวจะฆ่าพระเอกมันกว่าพระเอกสู้กับยูนิคอล์นร้อยเท่า

    ชอบฉากน้องสาวพูดกับพระเอกว่า “ถึงจะเป็นพี่ชาย แต่ก็ไม่อนุญาตให้มาดูถูกพี่ชายที่เคารพหรอกนะ” (น้องสาวบ้าแล้วครับ) ความจริงในมังงะนี้น้องสาวยิงมุกยันเยอะมาก เสียดายอนิเมะตัด

    เรื่องนี้จะดูสักตอนค่อยพิจารณาอีกจะตามต่อหรือไม่ต่อดี

     

    8.JoJo's Bizare Adventure Part 3: Stardust Crusaders


                  อนิเมะจากมังงะ JoJo's Bizare Adventure Part 3: Stardust Crusaders โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ภาค 3 : นักรบละอองดาว เป็นภาค 3การ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ของฮิโรฮิโกะ อารากิ เมื่อ 1987-2004 ซึ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

    เนื้อเรื่องเริ่มต้นขึ้นในปี 1989 คูโจ โจทาโร่ (โจโจ้) หลานของโจเซฟ โจสตาร์ขังตัวเองไว้ในห้องขังเนื่องจากตนค้นพบว่าตัวเองมี "วิญญาณร้าย" เข้าสิง แต่โจเซฟซึ่งเดินทางมาจากนิวยอร์กได้ชี้แจงให้ฟังว่าแท้จริงแล้ว "วิญญาณร้าย" นั้นคือพลังพิเศษประจำตัวบุคคลซึ่งเรียกว่าสแตนด์  พร้อมกับข่าวการคืนชีพของดีโอ ศัตรูคู่อาฆาตของตระกูลได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาจากมหาสมุทรแอตแลนติคหลังจากการหลับใหลมานานกว่า 100 ปี ซึ่งตระกูลโจสตาร์จะต้องเดินทางปราบมัน และแล้วการผจฯภัยก็เริ่มต้น

    โจโจ้ 3 เป็นอนิเมะสร้างจากมังงะในตำนาน ซึ่งเป็นการ์ตูนจัมป์ไม่กี่เรื่องที่ผมติดตามตั้งแต่ภาค 1 จนมาถึงปัจจุบันก็มาถึงภาค 8 แล้ว ซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย คนเขียนก็กล้าทำหลายสิ่งหลายอย่างกับการ์ตูนเรื่องนี้ ได้อย่างน่าชมเชย โดยกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง กล้าฆ่าตัวละคร กล้าดำเนินเรื่องหักมุม ถือได้ว่าเป็นคนเขียนที่กล้ามากที่สุดในวงการ และการตัดสินใจของคนเขียนก็ทำให้โจโจ้ยังคงโลดแล่นจนถึงปัจจุบัน (ไม่เหมือนคนเขียนบางคนดัดสินใจผิดพลาด กลายเป็นสิ้นชื่อในวงการ)

                    โจโจ้ภาค 3 นั้นถือว่าเป็นภาคดังที่สุดในซีรีย์โจโจ้ พร้อมกับนิยามใหม่คือ “สแตนด์” ซึ่งถือนำมาใช้ครั้งแรก ส่วน “สแตนด์” ถ้าพูดง่ายๆ ก็คือเทพประจำตัวของผู้ใช้ที่มาพร้อมกับพลังวิเศษ ซึ่งภายหลังได้กลายเป็นมุกที่ลื่อชื่อของญี่ปุ่น ที่การ์ตูนหลายเรื่องเอามาเป็นแบบอย่าง  หากแต่สแตนด์ในภาคแรกๆ จะเน้นแบบบู๊บ้าพลัง ตามสไตล์จัมป์ยุคแรกๆ  ก่อนที่ภาคหลังๆ จะซับซ้อนขึ้น พลังซ่อนเงื่อนมากขึ้น ไม่ได้บู๊แบบบ้าพลัง แต่จะเน้นกลยุทธ์วางแผนแทน (ซึ่งพวกศัตรูมักมีสถานการณ์ได้เปรียบเสมอ)

                    ดังนั้นโจโจ้ภาค 3 ดูเอามันอย่างเดียว ตรรกะอะไรก็ขอให้จับมันลงถังไปซะ ใครอยากเห็นนางเอกก็ผ่านไปเถอะ(เพราะเรื่องนี้ไม่มีนางเอก)  แน่นอนว่าส่วนใหญ่ที่หลายคนดูคงอ่านมังงะมาแล้ว  คงไม่ต้องลุ้นอะไรอีก แน่นอนว่าอนิเมะก็อาจจะเร่งเนื้อเรื่องไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ขัดใจแต่อย่างใด (และผมเชื่อว่าน่าจะตัดบางส่วน บางฉากของมังงะออกด้วยน่ะ เพื่อเหลือเนื้อเรื่องที่สำคัญอะไรมากกว่า)

                    สำหรับอนิเมะยังคงใช้ทีมงานเดียวกับอนิเมะโจโจ้ภาค 1-2 เพียงแต่คุณภาพดีขึ้น ภาพสวยระดับหนึ่งเล่นสี เล่มมุมกล้อง แถมยังมีตัวอักษรประกอบ “ผ่าง” ตามมาจนกลายเป็นเอกลักษณ์อีกต่างหาก ตัวละครก็ดูแล้วได้อารมณ์มากขึ้น แต่พูดตามตรงว่าผมได้ดูอนิเมะ ผมดูแล้วโครตฮ่าตลอดตั้งแต่แรกจนจบ ทั้งๆ ที่อนิเมะโจ้โจ้ 3 ไม่ใช่อนิเมะตลกเลยแม้แต่น้อย จะไม่ให้ตกลกได้ยังไง ไม่ว่าจะเป็น ตัวละครหน้าเก๊ก ตัวใหญ่กว่าพวกตัวประกอบ และตัวละครโครตใส่อารมณ์บ้าพลัง  ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์โกรธ อารมณ์ตกใจ หรือแม้แต่ตอนปล่อยสแตนด์นี้อย่างกับโปเกมอน (ชมครับชม) ถ้าโกรธเบ่งกล้าม แล้วผมทองนี้ไม่แปลกใจอะไรเลย

                    สรุปเป็นอนิเมะดูเอามัน อย่าไปคิดมากนัก (ผมก็ไม่ได้คิดมากเท่าไหร่) จงปล่อยใจ เดี๋ยวความฮ่า ความสนุกจะบังเกิด

     

    9.Kindaichi Shounen no Jikenbo R  


                     Kindaichi Shounen no Jikenbo R  หรือ Kindaichi Case Files หรือ หรือชื่อไทย คินดะอิจิกับคดีฆาตกรรมปริศนา เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น แนวสืบสวนสอบสวน เป็นอนิเมะฉลองครบรอบ 20 ปีของการ์ตูนเรื่องนี้โดยจะยังคงใช้เนื้อเรื่องมังงะชุด 20 ปีคินดะอิจิ (โดนตอนแรกคือ “วังมังกร”) เป็นเรื่องราวของเด็กมัธยมปลายคนหนึ่ง ชื่อคินดะอิจิ ฮาจิมะ หลานชายของอดีตนักสืบที่ยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่นนาม คินดะอิจิ โคสุเกะ และเขามักยึดบุคลิกของคุณปู่เป็นต้นแบบ โดยเขามักกล่าวประโยค ขอเอาชื่อคุณปู่เป็นเดิมพันและไปไหนกับเพื่อนสมัยเด็กมักมีคนตายที่นั้น ตัวซวยชัดๆ

    และความรู้สึก ผมดูอนิเมะตอนแรก พูดตามตรงน่ะ โครตผิดหวังเลย

    ผิดหวังแรกคือผมนึกว่าอนิเมะจะใช้คดีฆาตกรรมใหม่ๆ ที่ไม่มีในมังงะ ให้เหมาะสำหรับการกลับมาคินดะอิจิมากกว่า หากแต่ใช้ฉบับมังงะชุด 20 ปีคินดะอิจิ แถมคดี “วังมังกร” คดีแรกนั้น ดูยังไงไม่น่าจะเป็นคดีที่เหมาะสำหรับเปิดเรื่องเลยพับผ่า เพราะเป็นคดีที่ขาดมนต์สเน่ห์ของคินดะอิจิมาก  (สำหรับคดีแรกคดี “วังมังกร” หากใครเก่งความรู้รอบตัว วังมังกร ที่ตัวละครในเรื่องพูดถึงคือ “เกาลูน” แดนอาชญากรรมฮ่องกงที่ถูกทำลายทิ้งเมื่อหลายปีที่แล้ว)

    ความจริงแล้วช่วงหลังคินดะอิจิฉบับมังงะไม่สนุกเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ยิ่งซีรีย์ 20 ปียิ่งไปใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นลายเส้นเปลี่ยนไป จากตอนแรกคินดะอจิตัวอ้วนป้อมๆ มาโดนนี้หนุ่มน้อยขี้เล่น (เหมือนนักสืบ Q ผลงานก่อหน้า)  มิยูกิสาวน่ารักโครตๆ (อันนี้ชม ไม่ได้ประชด

    แต่อย่างไรก็ตามที่เลวร้ายที่สุดคือ คดีฆาตกรรมต่อเนื่องของคินอะอิจิไม่ได้อารมณ์เหมือนแต่ก่อน สมัยก่อนนี้ได้อารมณ์พิศวง ประหลาด อารมณ์คดีฆาตกรรมโรคปิดตายได้อย่างน่าขนลุก ขนาดเฉลยทริคยังอดตะลึงไม่ได้เลย  และที่สำคัญเหตุผลที่ฆาตกรก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่องก็แอบสงสารฆาตกรไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งก็ต้องชมคนคิดเนื้อเรื่อง โยซาบุโร่ คานาริ(Yozaburo Kanari) ด้วย

    อย่างไรก็ตามช่วงหลัง ได้เปลี่ยนคนคิดเนื้อเรื่อง จากโยซาบุระมาเป็น เซย์มารุ อามางิ(Seimaru Amagi) ทำให้เนื้อหาของเรื่องอ่อนไปเยอะ ลดพลังไปเยอะ อีกทั้งบรรยากาศอารมณ์ก็หายไปอีก  ทริคก็เป็นมีแต่ข้อบกพร่อง และอ่อนเกินไป

    และที่แปลกและตลกคืออนิเมะ 20 ปี ใช้ทีมงานสร้างทีมเดียวกับอนิเมะคินดะอิจิภาคแรกเลย ผู้กำกับก็ยังคงเป็น มิจิฮิโกะ ซึวะ และทีมพากย์เสียงตัวละครก็ยังคงใช้คนเดิม คนพากย์ไม่เท่าไหร่ แต่ภาพอนิเมะมันเป็นลายเส้นของมังงะภาคเก่า แตกต่างจากลายเส้นมังงะซีรีย์ 20 ปีโดยสิ้นเชิง  ใครที่อ่านมังงะมาก่อน คงมองยังไงก็ไม่เนียนตาเลยสักนิด  ดูแล้วขัดมาก

                    สรุปคือเป็นอนิเมะ 20 ปีการกลับมาของคินดะอิจิ มันไร้ซึ่งรสชาติสิ้นดี แต่ผมก็ดูน่ะ ดูตรงคดีที่ชอบ และคดีที่วิบูลย์กิจยังตีพิมพ์ไม่ถึง (รวมเล่มไม่มา)


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×