ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #171 : Domu สงครามพลังจิต - การต่อสู้ระหว่างเด็กและผู้ใหญ่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.33K
      3
      6 ก.พ. 55


    ไม่นานมานี้ผมได้รู้จักการ์ตูนเรื่องหนึ่งในขณะที่ผมเข้าเว็บกูเกิล และได้ใช้หัวข้อว่า 10 สุดยอดการ์ตูนสยองขวัญในการค้นหา เพื่อดูว่ามีใครจัดอันดับการ์ตูนได้น่าสนใจอะไรบ้าง จนกระทั้งไปเจอบทความเรื่อง 10 สุดยอดการ์ตูนน่ากลัวที่คุณไม่ได้อ่าน ซึ่งเป็นการจัดอันดับมังงะน่ากลัวที่แทบไม่มีใครรู้จัก แต่เนื้อหาสุดยอด เลือดสาด น่ากลัว สยดสยอง ซึ่งหนึ่งในอันดับนั้นมีการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่ผมสนใจ นั่นคือมังงะเรื่อง “Domu”

     

    Domu

    เหนือธรรมชาติ, สยองขวัญ

     

    Domu หรือ Domu a child's dream ถ้าจะพูดชื่อไทยก็ประมาณ ความฝันของเด็ก  (1980-1981) เป็นการ์ตูนมังงะสยองขวัญน่ากลัว ผลงานของคัตสึฮิโร โอโตโมะหนึ่งในยักษ์ใหญ่ในอนิเมะและมังงะ เจ้าของการ์ตูนแนวไซไฟชั้นครู “Akira-อากิระ คนไม่ใช่คน” (มังงะ 1982- อนิเมะ 1988) โดยการ์ตูนดังกล่าวลงต่อเนื่องใน Action (Futabasha) และถูกตีพิมพ์รวมเริ่มในปี 1983 มียอดขายมากกว่า 500,000 เล่มในญี่ปุ่น

    จากการให้สัมภาษณ์คัตสึฮิโร โอโตโมะเขาบอกว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากอพาร์ตเมนต์ที่เขาอาศัยอยู่ในช่วงแรกที่เขาย้ายไปที่โตเกียว โดยเขามักได้ยินเรื่องการฆ่าตัวตายที่ลึกลับในอพาร์ตเมนต์ในรูปแบบแตกต่างกัน

    Domu เป็นเรื่องราว ชายแก่คนหนึ่งที่อาศัยในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ซึ่งมีพลังอำนาจเหนือธรรมชาติ (บินได้ บงการจิตใจคนได้ เคลื่อนย้ายวัตถุได้) และใช้พลังเหล่านั้นก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่องคนทั้งในและนอกอพาร์ตเมนต์อย่างสนุกสนาม และตำรวจไม่สามารถเอาผิดได้ จนกระทั้งวันหนึ่งชายแก่คนดังกล่าวก็ได้พบเด็กสาวคนหนึ่งที่มีพลังจิตเหนือกว่าเขาได้มาท้าทายเขา และแล้วการต่อสู้สงครามพลังจิตที่เริ่มต้น โดยมีฉากหลังอพาร์ตเมนต์และชาวบ้านเป็นเหยื่อของสงครามครั้งนี้

    คัตสึฮิโร โอโตโมะเป็นนักเขียนและผู้กำกับที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น จากเรื่องอากิระได้รับรางวัลนิยายวิทยาศาสตร์ชนะเลิศ  และได้สร้างความฮือฮาและความนิยมไปทั่วประเทศญี่ปุ่น จนถึงปัจจุบัน อากิระ นับได้ว่าเป็นภาพยนตร์ระดับคลาสสิกเรื่องหนึ่งไปแล้ว ปัจจุบันนักอ่านการ์ตูนหน้าใหม่อาจไม่รู้จักชื่อและผลงานเขามากนัก อีกทั้งลายเส้นอาจดูโบราณ ไม่สมส่วน ไม่โมเอะ (เน้นสมจริงเป็นหลัก) แต่สมัยก่อนนั้นโด่งดังมาก จำได้ว่าสมัยก่อนนักวากการ์ตูนมังงะไทยหลายคนได้รับอิทธิพลของนักเขียนคนนี้มาก เวลาส่งผลงานไปสำนักพิมพ์นี้ลายเส้นเหมือนอย่างกับแกะ

    ถ้าหากถามว่าทำไมผลงานของคนเขียนการ์ตูนเรื่องนี้มีเสน่ห์มากนัก ก็เนื่องมาจากลายเส้นที่สมจริง ได้อารมณ์ สอดแทรกเรื่องจิตวิทยา และความน่ากลัว สยองขวัญ เลือดสาดพูดถึงเรี่องอากิระ แม้ว่าการ์ตูนไซไฟนี้ไม่ใช่แนวสนองขวัญจ๋าน่ากลัว แต่อากิระได้ถูกกล่าวขานว่าเป็นภาพยนตร์อนิเมะที่น่ากลัวมากๆ เพราะเต็มไปด้วยสังคมเสื่อมโทรม ปัญหาวัยรุ่น, นักการเมืองผู้โสมม, นักวิทยาศาสตร์ไร้จรรยา ฯลฯ นำไปสู่จุดสุดยอดของเรื่องที่แสนน่ากลัว

    อย่างไรก็ตามก่อนที่อากิระจะเกิดนั้น คนเขียนได้วาดเรื่อง Doma ซึ่งถือว่ามังงะเรื่องได้กล่าวเป็นต้นแบบอากิระก็ไม่ผิดนัก แม้ว่าเนื้อหาจะมีเรื่องเดียวจบ แต่กระนั้นหลักพื้นฐานคล้ายๆ กันนั้นคือเป็นเป็นการ์ตูนสงครามพลังจิตเหนือธรรมชาติที่น่ากลัว และถาพอลังการงานสร้าง

                   

    เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อมีชายคนหนึ่งชื่อ “อูเอโนะ” ผู้เช่าอาคาบล็อกอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง (ซึ่งเป็นเวทีของเรื่อง) ได้กระโดดจากหลังคาของอาคาร ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นการฆ่าตัวตาย หากแต่หลังตรวจสอบ สองนักสืบยามากาว่า จากกรมตำรวจก็พบว่านี้ไปใช่ฆาตกร เพราะว่าประตูหลังคาของอาคารล็อกปิดสนิท และเชื่อว่าใครบางคนที่เป็นผู้อาศัยอพาร์ตเมนต์แห่งนี้จะต้องลงมือฆาตกรรม

    นักสืบยามากาว่า ได้ไปสอบปากคำผู้จัดการอพาร์ตเมนต์เพื่อหาผู้อาศัยที่น่าสงสัย เขาบอกว่ามีผู้อยู่อาศัยหลายรายที่มีประสบการณ์ที่ปวดร้าวในอดีตและมีอาการทางจิต เช่น นางเท็ตซึกะผู้หญิงประหลาดที่เคยถูกส่งโรงพยาบาลบ้าหลังจากที่คลอดลูกตายก่อนกำหนด เธอมักเดินรอบๆอพาร์ตเมนต์โดยเข็ยรถเข็นที่ว่างเปล่า คนต่อมาคือโยชิโอะชายร่างยักษ์ที่ได้ฉายาว่า “โย่ลิตเติ้ล” เป็นคนแข็งแรงหน้าตาน่ากลัวแต่ปัญญาอ่อน เคยถูกกล่าวหาว่าทำร้ายเด็ก ต่อมาคือนายโยชิอดีตคนขับรถบรรทุกที่กลายเป็นคนติดเหล้า จนเมียหนีหายเหลือแต่ลูกคนเดียว และปัจจุบันว่างงานและชอบนอนอยู่สวนใกล้อพาร์ตเมนต์ และสุดท้ายผุ้จัดการยังกล่าวถึงชายชราคนหนึ่งชื่อ โชจิโร่ อุชิดะ ชื่อเล่นว่า “ตาแก่โช” ชายชราร่างเล็กผู้เช่ารายเก่าแก่ที่อาศัยอยู่คนเดียวที่มีนิสัยแปลกประหลาด  ซึ่งผู้ต้องสงสัยเหล่านี้นักสืบยามากาว่า ได้จดบันทึกลงในสมุดพกเพื่อสอบสวนพวกเขาภายหลัง

    เมื่อกลับมาที่สถานีตำรวจ นักสืบยามากาว่า ก็สอบสวนแม่บ้านว่าได้เห็นนายอูเอโนะก่อนที่ฆ่าตัวตาย ซึ่งก่อนตายนั้นเขาอยู่ในสภาพมึนงง ไม่ยอมทักเธอ อีกทั้งเขายังสวมหมวกประหลาดคล้ายหมวกเบสบอลแต่มีปีกติดไว้สองข้าง หากแต่เมื่อถามภรรยาและลูกแล้วปรากฏว่าไม่พบหมวกดังกล่าวเลย มันหายไปหลังจากการตายของอูเอโนะ นอกจากนั้นเธอยังกล่าวว่าได้ยินเสียงประตูหน้าบ้านของเธอเปิดในคืนสามีของเธอตาย และในคืนนั้นเองตำรวจลาดตระเวนที่ออกมาเดินรอบอพาร์ตเมนต์ก็ตายอย่างลึกลับและปืนก็ได้หายไป ซึ่งนักสืบยามากาว่าเริ่มเชื่อมโยงการตายของตำรวจลาดตระเวนกับการตายของอูเอโนะว่าเป็นเหยื่อของฆาตกรรายเดียวกัน หากแต่ไม่รู้ว่าฆาตกรทำได้อย่างไรถึงสามารถฆ่าเหยื่อรายแล้วรายเล่าได้

      
                 คืนต่อมา นักสืบ
    ยามากาว่า
    กลับมาที่อพาร์ตเมนต์ในที่เกิดเหตุอีกครั้ง ในขณะที่เขาใช้วิทยุติดตามตัวอยู่นั้นก็พบว่ามันระเบิดอย่างไม่ทราบสาเหตุ และทันใดนั้นในหัวของเขาก็ได้ยินโทรจิตจากใครคนหนึ่ง ซึ่งเขาก็ได้รู้ว่าโทรจิตนั้นคือฆาตกรที่มันได้เฝ้าตามดูเขาอยู่ตลอดเวลา และเมื่อนักสืบยามากาว่าได้ตามที่มาของโทรจิตจนถึงด่านฟ้าอพาร์ตเมนต์ เขาก็พบชายแก่โชกำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ และตามตัวของเขาเต็มไปด้วยของสะสมที่ได้จากเหยื่อที่เขาฆ่าจำนวนมาก(ในจำนวนนั้นมีหมวกเบสบอลจากอูเอโนะและปืนของตำรวจลาดตระเวนด้วย) และนักสืบยามากาว่าก็รู้ทันทีว่าชายแก่โชคนนี้คือฆาตกรต่อเนื่องที่มีพลังจิตเหนือธรรมชาติ และมันฆ่าเหยื่อเพื่อขโมยทรัพย์สินของเหยื่อเอามาเป็นของตนเท่านั้น อย่างไรก็ตามไม่ทันทีนักสืบนามากาว่าจะเปิดโปงความจริงดังกล่าว เขาก็ถูกฆ่าปิดปากด้วยพลังจิต จัดฉากกระโดดให้เหมือนฆ่าตัวตาย ส่งผลทำให้ชายชราโชลอยนวลอย่างสบายอกสบายใจอีกครั้ง

      

    อย่างไรก็ตาม นี้เป็นเพียงปฐมบทของเรื่องโศกนาฏกรรมสยดสยองที่จะเกิดขึ้นในตอนสต่อไปเท่านั้น วันต่อมาชายชราโชยังคงนั่งอยู่เก้าอี้ตัวเดินในสวนสาธารณะหน้าอพาร์ตเมนต์ ภายนอกเหมือนชายชราไม่มีพิษภัยและใจดี แต่ความจริงแล้วเขาคือฆาตกรพลังจิตสุดโรคจิต ที่กำลังยิ้มอย่างสบายใจ ตนมีพลังอำนาจมากมาย สามารถฆ่าคนได้โดยไม่มีความผิด และในขณะที่เขาก็ได้ใช้พลังอำนาจบังคับทารกออกจากระเบียงและหมายจะทำให้ทารกตกตึกตาย หากแต่ทันใดนั้นก็มีผู้ใช้พลังจิตคนใหม่เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งชื่อเอทซึโกะ ที่พึ่งย้ายมาได้ใช้พลังของเธอช่วยเด็กคนนั้นจนปลอดภัยมาได้ และเธอก็ได้บอกชายชราโชว่าอย่าทำเรื่องแบบนี้อีก (เธอรู้ทันทีว่าชายชราโชมีพลังจิตเช่นเดียวกับตน) ไม่งั้นจะเห็นดีกัน ชายชราพยายามลองดีกับเด็กหญิงดังกล่าว แต่ปรากฏว่าเพียงครั้งเดียวเขาก็รู้ซึ้งถึงความอ่อนด้อยของตน เพราะเด็กหญิงคนดังกล่าวมีพลังจิตที่เก่งกล้าแข็งแกร่งมากกว่าเขาหลายล้านเท่า

    ชายชราเหงื่อตก แต่เขาไม่เลิกที่จะหาทางเอาชนะเด็กหญิง สำหรับเขาแล้ว เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เขาต้องใช้ทุกวิธีในการกำจัดเธอให้จงได้

    เอทสึโกะได้เข้ามาเป็นเพื่อนกับฮิโรชิ โยชิลูกชายของโยชิคนว่างงานติดเหล้า และโย่ลิตเติ้ล ทั้งสามเล่นด้วยกันถึงเย็น ซึ่งในขณะนั้นชายชราเริ่มแผนการที่จะเอาชนะเด็กสาว ด้วยการควบคุมคนในอพาร์ตเมนต์ โดยคนแรกที่ชายชราโชควบคุมคือซึโตมุ ซาซากิชายหนุ่มที่ชวดเข้ามหาวิทยาลัยสามปีซ้อน จนกลายเป็นคนหมกมุ่นอยู่แต่ในห้อง ประกอบเครื่องบินจำลอง

    ในระหว่างที่เอทสึโกะกำลังขึ้นลิพท์ เธอก็ถูกซึโตมุที่ถูกชายชราโชควบคุมทำร้าย ด้วยมีดคัตเตอร์ แม้ว่าเด็กจะมีพลังจิตที่กล้าแข็ง แต่เธอก็ไม่สามารถใช้พลังฆ่าคนได้  ในขณะที่ชายชราโชนั้นสามารถฆ่าคนได้อย่างไม่รู้สึกผิด เธอบังคับให้ซึโตมุบาดคอตนเอง เลือดพุ่งกระจายอย่างน่าสยดสยอง จนเอทสุโกะเข่าอ่อน ซึโตมุยังถูกควบบคุมเพื่อให้ฆ่าเอทสึโกะให้จงได้  และในขณะที่เธอโดนต้อนอยู่นั้นเอง เธอก็ปลดปล่อยเพลังออกมา จนร่างของซึโตมุระเบิดจนแทบไม่เหลือซาก

                     
              เช้าต่อมาตำรวก็ตกตะลึงกับเหตุการณ์ประหลาดเมื่อพบรอยเลือดจำนวนมากในจุดที่เอทซึโกะทำร้าย หากแต่ไม่พบศพของซึโตมุเลยแม้แต่ชิ้นเดียว มันเป็นคดีประหลาดที่เขาไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ระหว่างนั้นเอทซึโกะพยายามส่งกระแสจิตเพื่อชายชราโชว่าอย่ามายุ่งกับเธออีกไม่งั้นจะเห็นดีกัน

                    อย่างไรก็ตามชายชราโชหาได้กลัวคำขู่ของเอทซึโกะไม่ เมื่อเขาได้ให้ปืน (ที่ได้จากตำรวจลาดตระเวน) แก่โยชิพ่อของฮิโรชิ เมื่อคนติดเหล้าเมายาชีวิตล้มเหลวมาตลอดได้ปืน ก็กลายเป็นคนบ้า  ใช้ปืนยิงคนที่เห็น และเมื่อเขาพยายามเข้าไปในอพาร์ตเมนต์เขาก็เจอเอทซึโกะที่ดักรออยู่ และใช้พลังจิตยับยั้ง

                      

    ในระหว่างที่เอทซึโกะกำลังใช้พลังจิตย่ำยับโยชิอยู่นั้น ฮิโรชิและโย่ลิตเติ้ลก็ได้มาเห็นพอดี อีกทั้งเธอถูกขัดจังหวะจากพลังจิตของชายชราโช ส่งผลทำให้กระสุนปืนของโยชิพุ่งเข้าใส่โย่ลิตเติ้งเข้าอย่างจัง แต่บาดแผลยังตื้นมาก ทำให้เอทซึโกะสบายใจไปเบาะหนึ่ง แต่เธอต้องมีเรื่องที่จะสะสางกับชายชราโช เธอจึงหายตัวต่อหน้าฮโรชิและโย่ลิตเติ้ลเพื่อไปจัดการชายชราโชเพื่อยุติปัญหาทั้งหมด

    ที่ด่านฟ้า ชายชราโชและเอทซึโกะได้เผชิญหน้ากันตัวต่อตัว เอทชึโกะบอกให้ชายชราโชยอมแท้เธอซะ แต่ชายชราโชยังดื้อดึง จึงเหาะเล่นหนีไล่จับ และระหว่างที่เอทซึโกะกำลังวุ่นวายอยู่กับตามล่าชราโชอยู่นั้น  ทางด้านฮิโรชิก็ถูกโยชิพ่อของเขาที่ฟื้นขึ้นมายิงปืนเข้าใส่ จนตายคาที่ ส่งผลทำให้โย่ลิตเติ้ลโกรธแค้นและฆ่าโยชิตายอย่างสยดสยอง

     
                      ทางด้านเอทซึโกะก็รับรู้ว่าฮิโรชิเพื่อนของเธอเสียชีวิตแล้ว ก็เกิดอาการช็อกวูบหนึ่ง เปิดโอกาสให้ชายชราโชใช้เพลังจิตเล่นงานเธอ แต่เธอหาได้หวาดกลัวไม่ กลับกันสายตาของเธอเวลานี้ดูเยือกเย็นจนทำให้เขาหวาดกลัวถึงขีดสุด และเวลาเดียวกันโย่ลิตเติ้ลหลังจากฆ่าโยชิเรียบร้อยแล้ว เขาก็พบว่าศพฮิโรชิหายไป เขาจึงพยายามออกตามหา แต่ระหว่างทางเจอกับฝูงตำรวจที่เข้ามาระงับเหตุการณ์ เขาจึงอาละวาดฆ่าตำรวจตายหลายนาย

                    การต่อสู้พลังจิตของชายชราและเอทซึโกะทำให้อพาร์ตเมนต์ถล่มทลายย่อยยับ ซึ่งระหว่างนั้นโย่ลิตเติ้ลก็พบฮิโรชิที่ตอนนี้กลายเป็นร่างปราศจากลมหายใจ ถูกนางเท็ตซึกะจับนั่งรถเข็น หากแต่สุดท้ายโย่ลิตเติ้ลก็ได้กอดกับฮิโรชิโดดลงมาตายจากเหตุการณ์ตึกถล่มทั้งคู่ ส่วนนางเท็ตซึกะถูกซากอาร์ตเมนต์ถล่มมาทับตายอนาถ

                    เมื่อเอทซึโกะได้เห็นโย่ลิตเติ้ลและฮิโรชิตายต่อหน้าต่อตาเธอ เธอก็เก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่และได้ระเบิดพลังจนขีดสุด จนไม่สามารถควบคุมพลังนี้ไว้ ตอนนี้ชายชราโชได้รู้ว่าตอนนี้ตนได้พ่ายแพ้แก่เด็กหญิงสมบูรณ์แบบ ตอนนี้เขาหวาดกลัวถึงขีดสุด ได้แต่หนีหัวซุกหัวซุนเพราะไม่สามารถสู้ได้เลย (โชคดีที่ได้อาศัยจังหวะชุนนุมปะปนกับฝูงชนจึงรอดจากพลังจิตของเอทซึโกะได้อย่างหวุดหวิด

                    เอทซึโกะมาตอนนี้เธอร้องไห้ เพราะเธอเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ที่สูญเสียเพื่อนไปสองคน ระหว่างนั้นพลังจิตของเธอก็ได้ฆ่าพนักงานดับเพลิงที่มาช่วยเหลือเองก่อนที่อพาร์ตเมนต์ที่จะถล่มลงมาหลายนาย ผลสุดท้ายเธอก็สงบลงเมื่อเธอซบอกแม่ที่อยู่ข้างนอกพอดี

                    หลังจากเหตุการณ์ตึกถล่ม ตำรวจไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้มีที่มาสาเหตุเกิดจากอะไร อีกทั้งคดีฆาตกรรมต่อเนื่องเองก็ถึงคราวตันอีกครั้งแม้ว่าจะมีการพบของกลางที่ได้จากห้องชายชราโชที่เป็นของสะสมที่หายไปของเหยื่อ ทำให้ตำรวจรู้แน่ชัดว่าชายชราโชเป็นฆาตกรต่อเนื่อง หากแต่ผลสุดท้ายก็มีการปล่อยตัว เพราะไม่มีใครเชื่อว่าชายชราที่ท่าทางอ่อนแอนี้จะสามารถฆ่าคนได้

                                
                  
    ชายชราโชได้ถูกปล่อยตัวออกมา และนั่งอยู่ม้านั่งสวนสาธารณะที่เดิมอย่างสบายใจเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกครั้ง หากแต่ไม่นานนักชายชราโชว์ก็ได้ถึงความหวาดกลัวอยู่ตรงหน้าเขา เมื่อเขาเห็นเอทซึโกะนั่งชิงเช้าแล้วจ้องหน้าตาแก่โชเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อให้ได้ เวลานี้เอทซึโกะไปหน้าเรียบเฉยเยือกเย็น พลังเก่งเกล้า ในเวลานี้ชายชราโชไม่กล้าท้าทายเด็กหญิงอีกแล้ว ไม่คิดจะวัดพลัง ไม่คิดจะลองดี แค่สบตาเธอก็ไม่กล้าด้วยซ้ำ

                    เอทซึโกะได้ใช้พลังจิตแหย่กดดันชายชราโช ทำให้ชายชราโชเครียดหนัก และหวาดกลัวสุดขีด และทันทีที่เขาลุกขึ้น เขาก็ช็อกตาย และเมื่อชายชราโชทรุดลง เอทซึโกะก็จากไปเพื่อไปเล่นกับเพื่อนๆ ทิ้งไว้แต่ความความแปลกใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ ที่เขาไม่รู้ว่าอะไรที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ชายชราช็อกสุดขีดจนหัวใจวายตายขนาดนั้น

                         

                    ทั้งหมดนี้เป็นการเล่าเรื่องย่อแบบคร่าวๆ ครับ ถูกบ้างผิดบ้าง เพราะไม่ได้แปลมาทั้งหมด เนื้อหาการ์ตูนนี้เหมือนจะเป็นธีมยิ่งใหญ่อลังการ แต่ความจริงแล้วเนื้อหาเวทีของเรื่องนั้นเกิดขึ้นในสถานที่แคบๆ บุคคลที่เกี่ยวข้องก็ใกล้ชิดอยู่ใกล้กัน

    Domu: A Child's Dream เป็นการ์ตูนได้รับรางวัลนิยายวิทยาศาสตร์ Grand Prix ในปี 1983 โดยคนวาดการ์ตูนคุณ Otomo Katsuhiro นั่นเป็นนักเขียนการ์ตูนที่เติบโตมาจากความชื่นชอบภาพยนตร์อเมริกัน ได้รับอิทธิพลตะวันตกการนี้มาใช้ในการวาดการ์ตูนไซไฟมากมาย ทำให้การ์ตูนหลายเรื่องลายเส้นและเนื้อเรื่องคล้ายคอมมิคของอเมริกัน จนกลายเป็นผลงานสากลที่ได้รับยกย่องจากทั่วโลกในเวลาต่อมา

    Domu: A Child's Dream เป็นการ์ตูนได้รับรางวัลนิยายวิทยาศาสตร์ Grand Prix ในปี 1983 โดยคนวาดการ์ตูนคุณ Otomo Katsuhiro นั่นเป็นนักเขียนการ์ตูนที่เติบโตมาจากความชื่นชอบภาพยนตร์อเมริกัน ได้รับอิทธิพลตะวันตกการนี้มาใช้ในการวาดการ์ตูนไซไฟมากมาย ทำให้การ์ตูนหลายเรื่องลายเส้นและเนื้อเรื่องคล้ายคอมมิคของอเมริกัน จนกลายเป็นผลงานสากลที่ได้รับยกย่องจากทั่วโลกในเวลาต่อมา

    ถ้าใครเป็นแฟนภาพยนตร์สยองขวัญรุ่นเก่าพอสมควร จะรู้ว่าการ์ตูนเรื่องนี้อารมณ์คล้ายงานของผู้กำกับอัลเฟร็ด ฮิตช์ค็อกหลายจุด โดยเฉพาะเรื่อง Rear Window (1954) ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเหล่าผู้อยู่อาศัยในอพาร์ตเมนต์ที่เน้นพฤติกรรมของมนุษย์ โดยผลงานของฮิตซ์ค็อกนั้นประสบผลสำเร็จหลายเรื่องเนื่องจากการถ่ายทำภาพยนตร์ของเขาจะเป็นการเน้นทางด้านความแฟนตาซี และความหวาดกลัวของมนุษย์ในรูปแบบต่าง ๆ การสร้างอารมณ์บีบคั้นแก่คนดู และชอบใช้เหตุการณ์ที่มีตัวละครที่ไม่รู้ประสีประสา ให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมของตัวละครนั้น ๆ รวมไปถึงการแดวงออกถึงด้านมืดของตัวละครที่คาดเดาลำบากว่าพวกเขาคิดอะไร กำลังจะทำอะไร อีกทั้งบทบาทของนักสืบในเรื่องแต่ละเรื่อง ไม่ใช่ตัวละครสำคัญหรือเป็นเงื่อนไขในการคลี่คลายปมลับเลย ซ้ำยังทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงกว่าเดิมหรือยุ่งยากยิ่งขึ้นไปอีก

    Domu: A Child's Dream เป็นการ์ตูนที่มีเสน่ห์ แม้ว่าสมัยนั้นวงการการ์ตูนญี่ปุ่นจะไม่ยังไม่รู้จักความโมเอะ แต่กระนั้นการ์ตูนผู้ใหญ่นี้มีเนื้อหาที่เข้มข้น การดำเนินเรื่องก็ลื่นไหล สรุปทุกองค์ประกอบที่ต้องการนำเสนอ เนื้อหายังคงทันยุคทันสมัยไม่น้ำเน่าและสร้างความแปลกใจประหลาดใจ น่าติดตามอยู่เสมอ จนไม่เชื่อว่าเป็นการ์ตูนเก่าเลย ที่ผมตะลึงคือการ์ตูนดังกล่าวดำเนินเรื่องในพื้นที่จำกัด การเสียดสีสังคมอย่างมีกึ๋น สภาพแวดล้อมในการ์ตูนมีความละเอียด รายละเอียดไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นอพาร์ตเมนต์ การออกแบบตัวละครที่มีความชัดเจนและโดดเด่น แม้จะเป็นตัวละครรองก็ตาม อีกทั้งการเล่าเรื่องก็น่าสนใจ ทำให้ผมเกิดอารมณ์ร่วมอย่างน่าประหลาด โดยตอนแรกการเล่าเรื่องดูจะธรรมดาไม่ค่อยน่าสนใจเท่าใดนัก คือสืบสวนไปเรื่อยๆ จะไม่มีฉากตื่นเต้นแต่อย่างใด มีการเปิดตัวละครทั้งหมดที่ปรากฏตัวแบบไม่น่าเบื่อ และเมื่อถึงบทต่อไปก็เริ่มน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นปรากฏตัวของเด็กสาวที่มีพลังจิตที่กลายเป็นคู่ต่อสู้ของชายชราโรคจิต จากนั้นการ์ตูนก็ดำเนินเรื่องใส่ความโหด ความเลือดสาดอย่างมันมัน ทวีมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงฉากสุดยอดของเรื่องก็คือการต่อสู้พลังจิตระหว่างสองตัวละครที่อายุและนิสัยแตกต่างกัน เสริมด้วยฉากต่อสู้พลังจิตกลางเวหาและระเบิดตึก ก่อนที่จะจบลงอย่างยิ่งใหญ่ สะใจตามความรู้สึกของคนอ่าน ซึ่งแนวคิดดังกล่าวถือว่าแปลกใหม่มากในสมัยนั้น

    Domu: A Child's Dream อาจไม่ใช่เรื่องที่โดดเด่นเท่าเรื่องอากิระ แต่กระนั้นการ์ตูนเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นตำนานและเป็นการวางรากฐานก่อนที่คนเขียนจะวาดอากิระ โดยเปิดตัวครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นในช่วงต้นปี 1980 ก่อนที่อากิระจะกลายเป็นการ์ตูนที่ดีที่สุดในชีวิตจองคนเขียน

                     
                
    ในด้านข้อคิดของเรื่องถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะเป็นการสื่อถึงการใช้พลังอำนาจที่ไม่มีความรับผิดชอบ ที่ตาแก่โชมีพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ แต่กลับใช้พลังเพื่อสนองกิเลสตนและเห็นเป็นเรื่องสนุก เหมือนแสดงให้เห็นหากพลังดังกล่าวไปอยู่กับคนที่ไม่มีความรับชอบและสติไม่สมประกอบจะเป็นยังไง นอกจากนี้พ่อของฮิโรชิก็เช่นกันเมื่อได้ปืนมาก็ปลายเป็นบ้า เนื่องจากทั้งชีวิตมีแต่ความพ่ายแพ้พอได้ปืนที่มีพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ ตนก็อยากจะเหนือกว่าคนอื่นบ้าง และเหยื่อที่สังเวยกับพลังอำนาจนั้นก็คือคนใกล้ตัวและคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่

                    กลับกันเด็กหญิงเอทซึโกะนั้นกลับกลายเป็นคนที่เข้มแข็งและแข็งแกร่งกว่าตัวละครผู้ใหญ่ในเรื่องเสียอีก ที่เธอได้รับพลังยิ่งใหญ่มาแต่ไม่ได้ใช้พลังนั้น พยายามจะหยุดการกระทำของชายชราโช แต่อย่างไรก็ตามเธอก็เป็นเพียงแค่เด็กน้อย ที่ไม่สามารถเข้าใจความคิดของผู้ใหญ่ มีหลายครั้งที่เธอพลาดท่าตาแก่โช จนระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่ปล่อยพลังออกมา แม้ว่าเธอจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่อย่างไรแต่จิตใจของเธอก็เป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงธรรมดา ที่ต้องการแม่มาปลอบใจเมื่อเธอควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่

                    อย่างไรก็ตาม สุดท้ายคนชั่วก็ต้องรับผลกรรม แม้ว่าจะมีพลังอำนาจวิเศษ สามารถลอยนวลโดยกฎหมายไม่สามารถเอาผิดได้ก็ตาม สุดท้ายตราบาปที่ทำไว้ในอดีตก็ย้อนกลับมาทำร้ายตนเอง บาปกรรมมันตามทันอยู่แล้ว ทำผิดอะไรไว้ก็เตรียมตัวรับกรรมไว้เลย

                    Domu a child's dream อาจเป็นการ์ตูนเก่า ตัวละครอาจไม่โมเอะ แต่สิ่งเหล่านี้ทดแทนด้วยความสมจริงและการเล่าเรื่องที่น่าติดตาม เพียงเท่านี้ การ์ตูนเรื่องนี้ก็น่าอ่านแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×