คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #86 : โบสถ์แห่งบอร์ลีย์ (Borley Rectory) โบสถ์สยองขวัญที่อังกฤษ
โบสถ์แห่งบอร์ลีย์ (Borley Rectory) โบสถ์สยองขวัญที่อังกฤษ
Borley Rectory ถ่ายเมื่อปี 1892
ที่อยู่ Borley, Essex
ถูกทุบทำลายปี 1939
โบสถ์แห่งบอร์ลีย์หลังนี้ นำมาซึ่งเรื่องราวอันน่าเร้นลับน่าสะพรึงแก่ผู้พบเห็นอยู่เสมอ...........
โบสถ์แห่งบอร์ลีย์(บอร์ลีย์ เรคตอรีย์) หลังนี้ ตั้งอยู่ห่างจากกรุงลอนดอนไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ
โบสถ์ของบอร์ลีย์เป็นอาคารก่อด้วยอิฐแดง สร้างใน ค.ศ.1863 โดยบาทหลวงเฮนรี ดาวสัน เอลลิส บุลล์ พระอธิการปกครองแห่งบอร์ลีย์ โดยท่านอธิการได้ตั้งรกรากอยู่ที่นี้กับภรรยา คือแครอลีน ทั้งสองมีลูกด้วยกันถึง 14 คน
หลังจากนั้นเป็นต้นมาเหตุการณ์ประหลาดก็เกิดขึ้น.................
ครั้งแรก เมื่อวันที่ 18 กรกฏาคม ค.ศ.1900 โดยลูกสาว 3 คนของบาทหลวงเฮนรี บุลล์ ได้เห็นแม่ชีประหลาดคนหนึ่งเดินอยู่ในโบสถ์ จึงคิดไปทักทายตามมารยาท แต่ปรากฏว่าแม่ชีได้เดินหายเข้าไปทางด้านหลังโบสถ์อย่างไร้ร่องรอย หลังจากนั้นก็ได้มาปรากฏตัวโดยยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าให้ช่างไม้ที่เข้ามาทำงานเห็นถึงสี่ครั้งในเวลาต่างกัน
ตั้งแต่นั้นการได้เห็นแม่ชีปริศนานี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับโบสถ์แห่งนี้เสียแล้ว จนถึงปี ค.ศ.1928 สมาชิกครอบครัวของบาทหลวงบูลล์ก็ย้ายออกไป และบาทหลวงกาย สมิธและภรรยาก็เข้ามาอยู่แทน ทั้งสองได้ประสบเหตุการณ์ประหลาดสยองนอกเหนือจากการเห็นแม่ชีปริศนา เช่น จู่ๆ ก็มีก้อนหินขว้างมาโดยไม่ปรากฏผู้ขว้าง รอยเท้าประหลาด การได้ยินเสียงหลอนน่ากลัวยามค่ำคืน แสงไฟจากห้องมืด หรือแม้กระทั้งรถม้าปีศาจก็โผล่ออกมาให้เห็น ส่วนแม่ชีปริศนาก็โผล่มาแม้แต่ตอนกลางวันแสกๆ
แต่ที่น่าสะพรึงที่สุดคือเสียงพูดลึกลับ
“เงียบเถอะ!! คาร์ลอส อย่าคว่ำครวญเลย ดึกแล้ว”
ซึ่งคาร์ลอสนี้เป็นชื่อเล่นของบาทหลวงเฮนรี บุลล์นั่นเอง
ในปีต่อมา บาทหลวงสมิธทนไม่ไหวกับปัญหาที่เกิดขึ้น เขาเลยติดต่อกับหนังสือพิมพ์เดลิมิร์เรอร์ เพื่อขอความช่วยเหลือ แฮร์รี ไพรส์ นักสืบสวนปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติระดับขึ้นชื่อลือชาสุดๆ แห่งอังกฤษ นอกจากนี้ก็ยังมีคณะนักข่าว ไปทำพิสูจน์ปรากฏการณ์แปลกๆ ซึ่งบังเกิดขึ้นในเรคตอรีย์แห่งนี้ และทั้งหมดต่างก็พบเหตุการณ์แปลหๆ มากมาย เช่น เสียงกระดิ่งที่ลั่นได้เอง ลูกกุญแจหลุดปลิวหวือจากตัวล็อคกุญแจ (โดยไม่มีมือคนไปแตะต้อง) มีคนเห็นวงแสงประหลาดและได้ยินเสียงย่ำฝีเท้าภายในห้องที่ไม่มีคนอยู่ มีคนเห็นปีศาจชายคนหนึ่งเดินป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้เคียงตัวบ้าน แต่ทั้งหมดก็ไม่รู้จะช่วยเหลือยังไง จนในที่สุดบาทหลวงสมิธก็ต้องย้ายออกไปจากโบสถ์แห่งบอร์ลีย์ในปีนั้น เพราะสุดทนกับความเฮ้ยนของสถานทีนี้
นายไพรส์ได้เอาตัวเข้าไปพัวพันกับเรคตอรีย์แห่งนั้นหลายช่วงเวลา รวมแล้วก็นับหลายปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างปี 1930 ถึง 1935 เป็นช่วงเวลาที่ผู้เช่ารายต่อมาคือ ท่านภราดา ไลโอเนล ฟอยสเตอร์ กับภรรยาชื่อมาเรียนน์ และอะดิเลด ลูกสาว เข้าพักอาศัยในเรคตอรีย์ แทนครอบครัวคนก่อน ซึ่งดูเหมือนว่าการหลอกหลอนจะรุนแรงมากขึ้น โดยมีเป้าหมายมาทีมาเรียนน์ครั้งแรกเธอโดนตบหน้า ครั้งสองถูกเหวี่ยงออกจากเตียง นอกจากนั้นก็มีเครื่องหมายและชื่อของนางมาเรียนน์(Marianne)ปรากฏไว้ที่ผนังบ้านด้วย
นอกจากนั้น นายไพรส์ได้เห็นกับตา เมื่อลูกกุญแจหลุดปลิวหวือจากตัวล็อคส์ ได้ยินเสียงกระดิ่งลั่นไปเอง (บางครั้งบางคราวก็เป็นคำขอจากนาย
ในปี ค.ศ.1935 ครอบครัวของบาทหลวงฟอยส์เตอร์จำต้องจากโบสถ์แห่งบอร์ลีย์ไป จากนั้นสองปีต่อมานายไพรส์ได้ขอ "เช่าช่วง" เข้าพำนักอยู่ในบอร์ลีย์ เรคตอรีย์ เป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม
ไม่เพียงแต่ตัวเขาที่เฝ้าสังเกตการณ์เพียงคนเดียว นายไพรส์ได้เชื้อเชิญบรรดาบรรดา "ผู้ที่มีความสนใจ" ไปร่วมสังเกตการณ์ในบ้านหลังนั้นด้วย ได้จัดตั้งกลุ่มองค์กรผู้สังเกตการณ์รวม 48 คน ไปพำนักอยู่ในเรคตอรีย์ อย่างน้อยก็คนละหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ ที่ต้องไปพำนักอยู่และเฝ้าสังเกตการณ์ในบ้านหลังนั้น แต่ดูเหมือนว่าผีจะไม่ค่อยชอบคนมาก เพราะจากนั้นก็ไม่ปรากฏมาอีก หนำซ้ำคนอื่นก็กล่าวหาว่านายไพรส์นั้นแหละเป็นตัวการก่อเรื่องทั้งหมด
อย่างไรก็ตามนายไพรส์ก็ทำการพิสูจน์เรื่องผีแห่งบอร์ลีย์นี้จนได้ เมื่อเขาทำพิธีเข้าทรงติดต่อกับวิญญาณ ในวันที่ 27 มีนาคมของปีนั้น ร่างทรงได้สื่อข้อความว่า
“ซูเนกซ์ อมูเรส(Sunex Amures)และลูกน้องคนหนึ่งของเขา จะวางเพลิงโบสถ์แห่งนี้ในคืนหนึ่ง”
ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1939 บอร์ลีย์ เรคตอรีย์ ถูกเพลิงไหม้เผาผลาญยุบลงกองกับพื้นเหลืออยู่แต่ตัวโครงอาคาร เหตุการณ์เกิดขึ้นก็เพราะว่าในตอนนั้น นายร้อยเอกดับบลิว. เอ็ช. เกรกอรีย์ ได้ซื้อบ้านหลังนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเองเลย และได้เข้าพำนักใน "บ้านผีสิง" ในระหว่างที่นายร้อยเอกเกรกอรีย์กำลังค้นหาหนังสือบางเล่ม หนังสือที่จัดตั้งไว้กองหนึ่งก็ปลิวกระจัดกระจายก็ไปกระแทกตะเกียงน้ำมันดวงหนึ่งพลิกคว่ำ ทำให้เกิดเพลิงไหม้ลุกลามไปทั่วสถานที่นั้น จนกระทั่งในที่สุดบอร์ลีย์ เรคตอรีย์ ถูกเผาผลาญยุบตัวหมดทั้งหลังเหลืออยู่แต่ส่วนโครงโด่เด่ หลังจากเกิดเพลิงลุกไหม้หนึ่งเดือน และเมื่อเพลิงสงบโบสถ์แห่งนี้ก็เหลือเพียงซากอาคารเท่านั้น
แต่ถึงแม้โบสถ์จะเหลือแต่ซากก็ยังมีปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นต่อเนื่อง มีสุภาพสตรีกลุ่มหนึ่งในท้องถิ่นนั้นได้ไปเยี่ยมชมซากอาคารเป็นสุภาพสตรีรวมสี่คน ทั้งสี่คนนั้นได้เห็น "ผู้หญิงคนหนึ่ง" สวมชุดสีฟ้า กำลังเดินเข้าห้องชั้นบนห้องหนึ่งจากนั้นก็เกิดหลายอย่างเป็นเวลาต่อเนื่องไปอีกกว่าหกปี! หลังจากนั้นปรากฏการณ์แปลกๆ ก็ค่อยๆ สงบรำงับลงตามลำดับเวลา
หลังจากวันที่ 29 เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1945 เมื่อมีผู้ค้นพบกะโหลกของหญิงสาวผู้หนึ่งภายในซากของอาคารแห่งนั้น ค้นพบหัวกะโหลกตรงจุดด้านล้างของส่วนพื้นห้องใต้ถุนของตัวอาคาร หัวกะโหลกนั้นได้ถูกนำไปกลบฝังตามพิธีการทางศาสนา
หลังจากนั้นปรากฏการณ์แปลกๆ ที่จุดบอร์ลีย์ เรคตอรีย์ ก็แทบจะสงบรำงับลงโดยสิ้นเชิง ซากปรักหักพังของบอร์ลีย์เรคตอรีย์ ได้ถูกกวาดออดไปหมด จนราบเรียบเป็นหน้ากลอง
อย่างไรก็ตาม นาย
(จากนิตยสารต่วยตูนพิเศษ ฉบับที่ 327 พฤษภาคม 2545+
+)
ความคิดเห็น