คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #80 : การมรณกรรมลึกลับของโมซาร์ท
วูล์ฟกัง อมาดิอุส โมซาร์ท (Wolfgang Amadeus�Mozart)
ถ้าหาก โมซาร์ทถูกฆาตรกรรม โดยการวางยาพิษ แล้วใครล่ะคือฆาตกร แล้วเขาทำไปเพื่ออะไร
วูล์ฟกัง อมาดิอุส โมซาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) ยอดนักดนตรีเอกของโลก (ค.ศ.1756-1791) ประวัติชีวิตของเขามีอะไรๆ ที่น่าสนใจมากมายโดยเฉพาะมรณกรรมที่ทำให้เขาจากไปด้วยวัยหนุ่มแน่นเพียงแค่ 35 ปีนั้น ยังคงเป็นเรื่องลึกลับที่ถกเถียงกันไม่จบมาจนกระทั่งทุกวันนี้ว่ามีสาเหตุมาจากอะไรกันแน่ ระหว่างการป่วยด้วยโรคร้าย........หรือถูกฆาตกรรม
โมซาร์ทเกิดเมื่อวันที่ 27 มกราคม ค.ศ.1756 ที่เมืองซอลส์บวร์ก ออสเตรีย เป็นบุตรคนที่ 7 ของเลโอโปลด์ นักดนตรีผู้มีชื่อเสียงของออสเตรีย กับแอนนา มาเรีย โมซาร์ทมีพี่น้องถึง 7 คนก็จริง แต่ต่อมาก็เสียชีวิตไปหมด เหลือเพียงมาเรียแอนนา พี่สาวที่มีอายุมากกว่าเขา 4 ปีเท่านั้น และด้วยความที่มีบิดาเป็นนักดนตรี เด็กน้อยทั้ง 2 จึงได้รับการสอนให้เล่นดนตรีมาตั้งแต่ยังเล็กๆ โดยเฉพาะตัวโมซาร์ทเองนั้น นอกจากจะเป็นเด็กหน้าตาน่ารักมีเสน่ห์แก่ผู้ที่ได้พบเห็นแล้ว อัจฉริยภาพทางดนตรีของเขายังโดดเด่นเหนือธรรมดา ด้วยสามารถเล่นฮาร์พซิคอร์ดได้ด้วยวัยเพียงแค่ 4 ขวบ พออายุ 6 ขวบเล่นไวโอลินได้เป็นอย่างดี อายุ 8 ขวบแต่งซิมโฟนีเพลงแรก และอายุ 12 ขวบแต่งโอเปร่าได้สำเร็จ
บิดาของโมซาร์ทเห็นดังนั้น จึงส่งเสริมพรสวรรค์ของบุตรชายอย่างเต็มที่ด้วยการทุ่มเทฝึกสอน รวมทั้งพาโมซาร์ทน้อยกับพี่สาวเดินทางไปแสดงดนตรีหาประสบการณ์ในที่ต่างๆทั่วยุโรปมีโอกาสแสดงหน้าพระที่นั่งจักรพรรดิ ราชินี โป๊ป จนมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปตั้งแต่ยังเยาว์วัย
ครั้นพอเติบโตขึ้นเป็นหนุ่มโมซาร์ทก็ยังผลิตผลงานทางดนตรีออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งได้รับการอุปถัมภ์จากจักรพรรดิโจเซฟที่ 2 แห่งออสเตรีย เข้าประจำวงดนตรีแห่งราชสำนัก ทางด้านชีวิตครอบครัวโมซาร์ทแต่งงานกับ คอนสแดนซ์ เวบอร์ ในปีค.ศ. 1782 ทั้งที่บิดาของเขาไม่เห็นด้วย ทั้ง 2 มีลูกด้วยกัน 6 คน ซึ่งทำให้โมซาร์ทต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว จนทำให้สุขภาพทรุดโทรมลง ถึงกระนั้นฐานะทางการเงินของเขาก็ไม่ได้ดีขึ้น ต้องมีชีวิตอยู่อย่างยากจน และเป็นหนี้เป็นสิน ในที่สุดโมซาร์ทก็ล้มป่วยลง และเสียชีวิตในวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ.1791 ทิ้งผลงานประพันธ์เพลงไว้มากว่า 600 ชิ้น ซึ่งมีผลงานชิ้นเยี่ยมอยู่หลายชิ้น สำหรับศพของเขาได้ถูกไปฝังอย่างอนาถา ณ สุสานเซนต์มาร์กซ์ ในกรุงเวียนนา โดยที่ภรรยาของเขาไม่มีเงินแม้แต่จะจัดหาแผ่นหินจารึกบนหลุมศพให้สามี จึงทำให้หาหลุมศพของเขาไม่พบจนกระทั้งทุกวันนี้
ทั้งหมดคือประวัติทั่วๆไปของโมซาร์ทที่ส่วนใหญ่มักจะกล่าวถึงมรณกรรมของเขาในแง่ที่ว่าเกิดจากการเจ็บป่วยด้วยโรคนั้นโรคนี้ ทั้งที่ในความเป็นจริงก็ยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบที่แน่ชัดได้ว่าเขาเสียชีวิตด้วยโรคอะไร เพราะนับจนถึงปัจจุบันข้อสันนิษฐานมีอยู่มากมายหลายโรค ตั้งแต่ไข้ไทฟอยด์ วัณโรค ซิฟิลิส โรคไขข้ออักเสบ ไข้อีดำอีแดง โรคนิ่วในไต ปอดบวม ไปจนกระทั้งเป็นพยาธิจากการบริโภคเนื้อหมูที่ปรุงไม่สุก แต่ประเด็นที่ทำให้มรณกรรมของโมซาร์ทกลายเป็นเรื่องลึกลับ ก็เพราะมีคนสงสัยกันมากว่า เขาอาจไม่ได้เสียชีวิตจากโรคภัยไข้เจ็บธรรมดา แต่ถูกฆาตกรรมโดยการวางยาพิษ!
ย้อนกลับไปในวันที่ 20 พ.ย. 1791 จู่ๆโมซาร์ทก็ล้มป่วยลงอย่างกระทันหัน มีอาการไข้ขึ้นสูง ปวดศรีษะ เหงื่อแตก บวมและปวดที่มือและขาทั้ง2ข้าง ดร.คลอสเซ็ท แพทย์ผู้ดูแลอาการได้ทำการรักษาโดยวิธีกรีดเส้นเลือดใหญ่ที่แขนเพื่อให้เลือดไหลออกมามากๆ โดยเชื่อว่าจะทำให้เชื่อโรคออกไปจากร่างกายผู้ป่วย ซึ่งการรักษาด้วยวิธีนี้นอกจากจะไม่ช่วยให้อาการของโมซาร์ทดีขึ้นแล้ว พอทำหลายครั้งเข้าก็ยิ่งทำให้ร่างกายของเขาอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ รวมทั้งอาการก็ทรุดหนักลงทุกที พอถึงวันที่ 4 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่ 14 นับจากวันที่เริ่มล้มป่วย อาการของโมซาร์ทก็เลวร้ายจนถึงขั้นตัวบวมทั้งตัวจนขยับเขยื้อนไม่ได้ รวมกับอาเจียนท้องร่วง มีผื่นขึ้นตามร่างกายที่แย่คือมีกลิ่นเหม็นออกมาจากทางปากและลมหายใจ และอาเจียนเป็นสีดำ บ่งบอกว่าอวัยวะภายในของเขาเริ่มเน่า ในที่สุดเมื่อถึงวันที่ 5 ธันวาคม เพียงแค่ 15 วันหลังจากล้มป่วย นักดนตรีอัจฉริยะผู้นี้ก็อาการโคม่าและถึงแก่ชีวิตด้วยวัยเพียงแค่ 35 ปี โดยที่ศพของเขาอยู่ในสภาพทั้งบวมทั้งส่งกลิ่นเหม็นเน่าอย่างรุนแรง จนกระทั่งการชันสูตรศพโดยแพทย์ไม่อาจกระทำได้
การเสียชีวิตของโมซาร์ทได้รับการอธิบายจากทางการในสมัยนั้นว่าเกิดจากโรค มิเลียรี่ (Miliary Fever) ซึ่งผู้ป่วยมีอาการเป็นไข้ร่วมกับมีผื่นขึ้นตามร่างกาย ในขณะเดียวกันก็มีข่าวลือหนาหูว่าเขาถูกฆาตกรรมโดยการวางยาพิษ ข่าวลือนี้เกิดขึ้นเพราะมีคนสงสัยกันมากว่า ทำไมอยู่ดีๆโมซาร์ทจึงเกิดล้มเจ็บและเสียชีวิตอย่างกระทันหัน อีกทั้งลักษณะอาการที่เขาเป็นก่อนตายก็ดูไม่ค่อยเหมือนการเจ็บป่วยธรรมดาๆ แต่เหมือนกับอาการของคนถูกวางยาพิษมากกว่า นอกจากนี้คำพูดของโมซาร์ทที่เคยกล่าวไว้กับ คอนสแตนซ์ ผู้ภรรยาก่อนเสียชีวิตว่ามีคนวางยาพิษเขา ก็มีส่วนทำให้ข่าวลือนี้ดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
คาร์ลบุตรชายของโมซาร์ทเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ทำให้คนเชื่อข่าวลือนี้ด้วย การกล่าวคำยืนยันว่าศพของบิดาของเขานั้นไม่แข็งทื่อเหมือนกับศพธรรมดาทั่วๆไป ทว่าอ่อนนุ่มและยืดหยุ่นคล้ายกับกรณีของโป๊ปแกนกาเนลลิ และคนอื่นๆที่เสียชีวิตจากการถูกวางยาพิษที่ทำจากพืช
ถ้าหาก โมซาร์ทถูกฆาตรกรรม โดยการวางยาพิษ แล้วใครล่ะคือฆาตกร แล้วเขาทำไปเพื่ออะไร
ถ้าจะว่าไปแล้ว สาเหตุที่จะทำให้โมซาร์ทถูกฆาตกรรมนั้นมีอยู่มากมาย เนื่องจากเขาเที่ยวหยิบยืมเงินจนเป็นหนี้เป็นสินไปทั่ว ทั้งยังสร้างศัตรูเอาไว้มากในราชสำนักที่เขาทำงานอยู่นอกจากนี้เขายังมีนิสัยเจ้าชู้ และมีสัมพันธ์กับผู้หญิงมากหน้าหลายตา รวมทั้งยังเป็นสมาชิกของสมาคมลับ (Freemasons) อีกด้วย ผู้ที่เข้าข่ายน่าสงสัยว่าเป็นฆาตกร ฆ่าโมซาร์ทจึงมีอยู่หลายรายได้แก่
1.เจ้าหนี้คนใดคนหนึ่งของโมซาร์ท
2.สมาคมลับที่โมซาร์ทเข้าเป็นสมาชิกในปี ค.ศ. 1784 ซึ่งมีข่าวลือว่าโมซาร์ทถูกฆาตกรรมก็เพราะไปเปิดโปงความลับของสมาคมในโอเปร่าเรื่องหนึ่งที่เขาแต่งขึ้น
3.ฟรานซ์ ฮอฟเดเมล (Franz Hofdemel) สามีของ แม็กดาเลน่า ฮอฟเดเมล (Magdalena Hofdemel)หญิงสาวที่โมซาร์ทมีสัมพันธ์ด้วย
ข่าวลือที่ว่าฟรานซ์วางยาพิษฆ่าโมซาร์ทเกิดขึ้นในวันทำพิธีฝังศพของโมซาร์ท ที่เพื่อนบ้านได้ยินเสียงแม็กดาเลน่าทะเลาะกับสามีอย่างรุนแรง และต่อมาก็มีผู้พบร่างของหญิงสาวผู้นี้ถูกเชือดคอนอนจมกองเลือดอยู่ภายในบ้านส่วนฟรานซ์เชือดคอตัวเองเสียชีวิตอยู่ในห้องถัดไป แม็กดาเลน่าในขณะนั้นตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน รอดชีวิตในเวลาต่อมา และให้กำเนิดบุตรที่ว่ากันว่าเป็นลูกของโมซาร์ท ส่วนชนวนเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้สันนิษฐานว่าเกิดจากแม็กดาเลน่าจับได้ว่า ฟรานซ์ วางยาฆาโมซาร์ทเพื่อแก้แค้นที่เขามามีสัมพันธ์กับเธอ จึงเกิดการต่อว่าต่อขาน ข้างฟรานซ์ก็กลัวว่าแม็กดาเลน่าจะนำความลับนี้ไปเปิดเผยก็เลยฆ่าเธอปิดปากแล้วฆ่าตัวตายตาม
����������������4.อันโตนิโอ ซาลีรี (Antonio Salieri) ในจำนวนผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด ซาลีรี่ (ค.ศ.1750-1825) เป็นบุคคลที่มีเหตุจูงใจให้คนเชื่อมากที่สุดว่าน่าจะป็นฆาตกรฆ่าโมซาร์ท เนื่องจากเขาทำงานอยู่ในวงดนตรีของจักรพรรดิโจเซฟที่ 2 แห่ง ออสเตรีย ที่เดียวกับโมซาร์ท โดยมีตำแหน่งเป็นหัวหน้านักดนตรี และที่สำคัญคือเขาเป็นผู้ที่คอนสแตนซ์ ภรรยาของโมซาร์ทกล่าวหาว่าวางยาพิษฆ่าสามีของเธอ เนื่องจากอิจฉาในความเก่งกาจของโมซาร์ท ซึ่งถึงแม้ว่าคำกล่าวหานี้จะเป็นเพียงคำพูดลอยๆที่ปราศจากหลักฐานสนับสนุน แต่มันก็มีเหตุผลอยู่บ้าง ทางด้านซาลีรีแน่นอนว่าเขาปฏิเสธอย่างแข็งขันว่าไม่เคยคิดร้ายโมซาร์ท นอกจากนี้สัมพันธภาพของเขาทั้ง 2 ก็เป็นไปอย่างมีอัธยาศัยไมตรี อย่างไรก็ดี ในช่วงบั้นปลายของชีวิตของซาลีรีต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการทางประสาท ต้องเข้าๆออกๆโรงพยาบาลอยู่เป็นประจำ และในช่วงนี้เองเวลาที่โรคประสาทกำเริบ ไม่ว่าจะเป็นด้วยผลจากคำกล่าวหาของคนสแตนซ์หรืออะไรบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในจิตใจที่ยังตามหลอกหลอนเขาอยู่ก็ตาม ทำให้ซาลีรีกล่าวยอมรับว่าเขาคือผู้ที่ฆ่าโมซาร์ท ครั้นพอเวลาสภาพจิตใจกลับสู่สภาวะปกติก็จะปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ แต่ไม่ว่าคำกล่าวหาของคอนสแตนซ์จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็ตาม ทว่ามันก็เป็นที่มาของข่าวลืออันโด่งดังและคนเชื่อกันมากจนกระทั่ง อเล็กแซนดร์ พุชกิ้น นักประพันธ์ชาวรัสเซียนำไปแต่งเป็นบทละครเรื่องสั้น " โมซาร์ทและซาลีรี" ในปี ค.ศ. 1830 ซึ่งต่อมา ปีเตอร์ ชาฟเฟอร์ นำเอาเค้าโครงเรื่องไปทำละครชื่อเรื่อง "อมาดิอุส" และจากละครเรื่องนี้ก็ได้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ยิ่งใหญ่ของฮอลลีวู้ดเรื่อง "อมาดิอุส" ชื่อเดียวกับละคร ซึ่งภาพยนต์เรื่องนี้คว้ารางวัลออสการ์ถึง 8 รางวัลในการประกวดภาพยนต์ในปี ค.ศ.1985
���������������
�������������� แต่ในที่สุดแล้วตราบใดที่ปราศจากพยานหลักฐานมาชี้บอกว่าใครคือฆาตกรข้อสงสัยก็จะยังคงเป็นข้อสงสัยอยู่ต่อไปอีกทั้งกาลเวลาก็ผ่านมาเนิ่นนานมากกว่า 200 ปี เอกสารหรือบันทึกต่างๆในยุคนั้นไม่รู้ว่าจะเชื่อถือได้ขนาดไหน
นอกจากนี้ ยังไม่มีซากหรือโครงกระดูกของเขาหลงเหลือไว้ให้ตรวจสอบหรือศึกษาได้เลย เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าศพของโมซาร์ทนั้นได้รับการฝังในสุสานโดยไม่มีเครื่องหมายชี้บอกว่าอยู่ตรงไหน มิหนำซ้ำในปี ค.ศ.1801 ได้มีการล้างสุสานเซนต์มาร์กซ์ เพื่อนำพื้นที่กลับมาใช้ใหม่ ทำให้บรรดากระดูกของศพคนจนๆหรืออนาถาต้องถูกขุดขึ้นมาบดให้แตก แล้วนำไปฝังที่อื่นหรือไม่ก็ทำลายทิ้ง และโชคร้ายที่ซากกระดูกของโมซาร์ทก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น
ดังนั้น บทสุปที่ดูจะดีที่สุดจึงน่าจะมาจากความเห็นของ ดร.อลัน แม็คลีออด ผู้ได้ตรวจสอบหลังฐานทั้งหมดที่มีอยู่แล้วกล่าวว่า โมซาร์ท เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อและได้รับการรักษาแบบผิดๆ (การกรีดเส้นเลือดให้เลือดไหลออกจากร่างกาย) เท่านั้นเอง
ที่มา : ต่วย'ตูนพิเศษ ปีที่ 30 ฉบับที่356 เดือนตุลาคม 2547
ความคิดเห็น