คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Plan 9 from Outer Space (1959) สุดยอดหนังห่วยที่สุดในโลกตลอดกาล
Plan 9 from Outer Space (1959)
นี้คือ "หนังแย่ที่สุดตลอดกาล" (Worst movie ever made) สร้างโดย "ผู้กำกับที่แย่ที่สุดเท่าที่เคยมี" (The worst director ever) จนไม่มีหนังและผู้กำกับไหนกล้าที่จะล้มแชมป์จนถึงปัจจุบัน
หนังนี้สร้างโดย Ed Wood ผู้กำกับหนังเกรดบีแห่งยุค 50 ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้กำกับที่ทำหนังได้เลวร้ายที่สุดตลอดกาล โดยการโหวตจากคนทำหนังและคนดูทั่วสารทิศ รวมถึงรางวัลประหลาดที่ชื่อ The Golden Turkey Awards ที่สร้างขึ้นมาเพื่อประจานหนังแย่ๆ
โดยเฉพาะWood นั้นเป็นผู้กำกับที่ใฝ่ฝันจะทำหนังมาตลอดชีวิต พี่แกเดินเข้าเดินออกโรงถ่ายประจำเพื่อดูการถ่ายทำหนัง หรือไม่ก็พยายามรู้จักคนให้เยอะๆ แว่บย่องเข้าโรงถ่ายแอบเก็บฟุตเตจที่กองถ่ายไม่ใช้มาประกอบการทำหนังของเขา ครั้นพอมีโอกาสได้ทำหนังขึ้นมาจริงๆ ผลงานของเขาโดยมากก็ไม่เข้าเป้าเข้าตาคณะกรรมการสักเท่าไหร่ แล้วไม่ใช้เป็นแค่เรื่องเดียว ต้องเรียกว่าแทบทุกเรื่องที่พี่แกทำนั้นโดนชาวบ้านด่าไม่มีดีแม้แต่เรื่องเดียว
แต่เขาก็ไม่เคยย่อท้อครับ ยังคงผลิตผลงานออกมา และ Plan 9 from Outer Space คืองานชิ้นที่เขาหมายมั่นว่าต้องดัง อีกนัยหนึ่ง นี่คืองานที่ทะเยอทะยานที่สุดของเขา
และมันก็ลงหลุมจริงๆ
ที่มาของหนังเรื่องนี้ก็เริ่มจากความสัมพันธ์อันดีระหว่างเขากับ Bela Lugosi เจ้าของบทแดร็กคูล่าคนแรกในตำนานที่ตอนนั้นช่วงยุค 50 เขากลายเป็นดาราตกอับที่ไม่มีใครจ้าง ซ้ำยังติดยาจนร่างกายโทรมทรุดไม่เหลือเค้าเจ้าชายค้างคาวผีอีกต่างหาก จะมีก็แต่ Wood ที่คลั่งไคล้ในตัว Lugosi ตั้งแต่เด็ก เลยอยากขอแรงมาร่วมงานกัน แต่ถ่ายทำหนังเรื่องที่ว่าไปแค่ไม่นาน Lugosi ก็เสียชีวิต Wood จึงจำต้องยุติการสร้างไปจัดงานศพให้ Lugosi ก่อนระยะหนึ่ง พอหายจากความเศร้า ไฟในตัวก็ลุกโชนขึ้นมาใหม่ ตามด้วยไอเดียสำหรับโปรเจคท์ใหม่ ผูกให้เข้ากับหนังตลาดพิมพ์นิยมในยุคนั้นนั่นคือ แนวอวกาศ มนุษย์ต่างดาวบุกโลก เนื้อเรื่องก็ว่าด้วยพวกมนุษย์ต่างดาวต้องการจะยึดครองทำลายโลก โดยใช้แผนยิงรังสีไปที่ต่อมพิทูอิตารี่ของศพ เพื่อปลุกชีพศพขึ้นมาเข่นฆ่ามนุษย์ให้หมดไปจากโลก! (โอ้ ช่างคิดจริงๆ แต่ขอโทษ ทั้งเรื่องเห็นมีศพฟื้นขึ้นมาสามศพ ... พี่จะเอาสามศพยึดโลกทั้งใบ ใช้สมองส่วนไหนคิดเหรอครับพี่...)
แต่ปัญหาแรกที่ Wood กับพวกต้องเจอคือไม่มีทุน เพราะงานชิ้นก่อนๆ ของ Wood ไม่ได้ทำเงินเลย โกยแต่คำด่า เลยไม่มีค่ายไหนรับหน้าที่ออกทุนให้ จนเขาจำต้องไปขอร้องสมาคมโบสถ์แบ๊บทิสต์ (Baptist church) ให้มาลงทุน Wood ก็ทำการเอาใจสมาคมโดยการพาเอาเหล่าสมาชิกในกองถ่ายมาเข้าร่วมพิธีประกาศตนเป็นแบ๊บทิสต์กันแทบทั้งกอง
ทุนที่ว่าก็ราว 6,000 เหรียญได้
พอได้เงินมาเรียบร้อยก็เริ่มทำงานกันต่อ แต่ทุนมันจำกัดน่ะครับ ข้าวของในกองเลยต้องจำเขี่ยสุดๆ อย่างชุดตำรวจในเรื่องก็ต้องขอยืมมาจากลูกชายหนึ่งในดารานำที่ทำงานเป็นตำรวจอยู่ที่ซาน เฟอนานโด้ พวกจานบินและข้าวของไฮเทคในเรื่องก็ใช้ของที่หาได้แถวนั้นมาประกอบ เช่น ถาดพิซซ่ามาพ่นตะกั่ว หรือไม่ก็สร้างโครงขึ้นมาแล้วเอากระดาษหุ้ม
ความพยายามสูงส่งจริงๆ
แต่ปัญหาสำคัญประการต่อมาคือ แล้วจะเอา Bela Lugosi ที่ตายไปแล้วมาถ่ายทำฉากที่เหลือได้อย่างไร?
ระหว่างที่ Wood กำลังมืดแปดด้าน ก็พอดีมีอยู่วันหนึ่ง Wood กับภรรยาไปทานอาหารกัน และภรรยาของ Wood ก็แนะนำให้เขารู้จักกับ Tom Mason หมอฟันประจำตัวของเธอ ซึ่ง Wood ก็พินิจพิเคราะห์หน้าตาท่าทางของเขาก็ให้ละม้ายคล้ายกับ Lugosi ที่ล่วงลับเหลือเกิน....
การถ่ายทำที่ Wood วางแผนคือให้ Mason มาแสดงแทน Lugosi โดยใช้ผ้าคลุมมาปิดหน้าตลอด!
ระหว่างการถ่ายทำ ก็เจอแรงกดดันเยอะครับ บางทีพี่แกต้องเดินหนีออกไปนั่งทำใจ แต่สุดท้ายก็ฮึดเข้ามาลุยใหม่ ซ้ำยังโดนนายทุนสารพัดหน้า (เพราะแกไปขอให้นายทุนมาลงหลายเจ้า เจ้าละนิดละหน่อย) มาคอยบงการอีก ... ก็เหนื่อยพอเหงื่อเล็ด
แต่มีอยู่ครั้งหึ่งที่พวกผู้อำนวยการสร้างบงการแล้วได้ผลดี คือชื่อเรื่องที่แรกเริ่ม Wood ตั้งไว้ว่า Grave Robbers from Outer Space แต่เนื่องจากคนออกทุนอย่างชาวโบสถ์แบ๊บทิสต์เขาเห็นว่าชื่อมันล่อแหลมเกินไป ฟังเผินๆ มันหมิ่นพระเจ้า เลยขอให้เปลี่ยนเป็น Plan 9 from Outer Space ที่เผอิญในหนังมีการบอกพอดีว่านี่คือแผนที่ 9 ของพวกต่างดาวที่ใช้โจมตีโลก (นั่งคิดในใจ ถ้าเอ็งวางแผนโจมตีโลกแล้วล้มเหลวมา 8 ครั้งติดๆ ก็ไปยึดดาวดวงอื่นได้แล้ว จะมาหน้าด้านหน้าแหกบนโลกอีกทำไม)
แล้วในที่สุดหนังเรื่องก็ปรากฏขึ้นบนโลกจนได้
............ คงไม่ต้องพล่ามอะไรมากครับ ได้รับคำชมแบบจมธรณีมาตราบจนทุกวันนี้
http://neopolis121.mobile.spaces.live.com/ent.aspx?h=cns!C8F10DBCF8E49013!272&fp=%2Farc.aspx+ +
ความคิดเห็น