ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องจริงทะลุโลก (Of The World)

    ลำดับตอนที่ #6 : 8 อาหารสยอง (ใครจะกล้ากินละนั้น)

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ย. 51



    article image


     

    8 อาหารสยอง ใครจะกล้ากินละนั้น

     

    มนุษย์เรานี้ช่างสรรหาของอะไรแปลกๆ กินกันจัง ทั้งๆ ที่ปัจจุบันนี้โลกเรามีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ขึ้น อาหารเยอะขึ้น ไม่ขาดแคลนเหมือนแต่ก่อน แต่ไฉน? ถึงต้องกินอาหารที่หลายๆ คนไม่เชื่อว่ามันจะเป็นอาหารได้ เช่น สมองลิง เนื้อคน อุ้งตีนหมี ฯลฯ

    วันนี้ผมนำเสนออาหารแปลกจากทั่วโลก ที่ไม่ใช้แปลกอย่างเดียว เพราะมันสยองด้วย จนไม่น่าเชื่อว่าหลายคนจะกล้ากิน....... ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย

    (อันดับ7 เอามาใส่เพราะไปเจอมา)

     

     

    อันดับ 7 : จู๋หมาต้มปรุงรส (the way God intended )

                   

                    จีน

    ถ้าคุณกำลังทนทุกข์ทรมานปัญหาเรื่องเพศ ขาดความมั่นใจ สาวไม่มอง และเป็นคนชอบกินอะไรแปลก ๆ อยากเอามันยัดใส่ปากคุณละก็ ร้านอาหาร  Guo - Li – Zhuang ในประเทศจีน อาจร้านที่เป็นมื้อเที่ยงที่คุณกำลังใฝ่ฝันที่คุณอยากไปลิ้มลองอยู่ ในขณะนี้ก็ได้ เพราะร้านนี้ขายแต่เมนูอวัยวะเพศสัตว์!! คุณอยากจะรับประทานจู๋ของสัตว์อะไรละ จู๋ม้าเหรอ? จู๋แพะเหรอ? หรือจู๋หมู? ไก่เหรอ?? โดยเมนูที่ขึ้นชื่อร้านนี้ต้องนี้เลย จู๋หมา!! เราตัดทั้งพวงพร้อมลูกอัณฑะ ปรุงรสโดยเซฟมือหนึ่งอย่างดีมีทั้งต้มและพัดมีทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่ทางเรามีหมด เราไม่โกงลูกค้าหรอก เราจะเอาจู๋พวกนี้ตัดจากสัตว์มีทั้งแบบแห้งแบบสดๆ ทำอาหารระดับ 5 ดาว ให้ทุกคนได้ลิ้มลองกัน ในราคาที่แสนยุติธรรม

     

     

                    อันดับ 6 : ยำไข่มดดำ (Escamoles)

                   

                    เม็กซิโก

                    มันสยองตรงไหนนั้น บ้านผมก็กินเป็นประจำ กับยำไข่มดที่เม็กซิโกที่แสนนิยม โดยวิธีทำก็ง่ายๆ เอาไข่ของมด Liometopum ซึ่งเป็นมดสีแดงขนาดยักษ์ที่พบมันได้ในรากของ ต้น maguey  เพียงแต่การรวบรวมไข่มันช่างเป็นงานที่ไม่สนุกเสียเลย เพราะว่ามดมีพิษอย่างมาก มีรายงานว่ามันเคยกัดคนตายหลายรายด้วยแหละ และเมื่อได้ไข่มาแล้วก็นำมาผสมกับเนยแข็งและกินสดๆ เลย พร้อมกับผลไม้กับแกล้มเล็กน้อย ความอร่อยนั้นอยู่ที่ความเหนียวแน่นของไข่มด รสชาติที่บาดใจ :ซึ่งยิ่งกินยิ่งมันจนหยุดไม่ลง

     

     

    อันดับ 5  : เนยแข็งหมัดนรก (Casu  Marzu)

     

    Sardinia, อิตาลี่

                    ผมตั้งชื่อมันซะเวอร์เลย พูดถึงเนยแข็ง มันก็เป็นอาหารที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายพันปีมาแล้ว และประเทศที่ขึ้นชื่อเนยแข็งก็ฮอลแลนด์กับอิตาลี่ไง โดยเฉพาะเนยแข็งสุดยอดของอิตาลีก็ต้องนี้เลย Casu  Marzu เป็นเนยแข็งที่ทำจากนมของแกะ โดยมันถูกเรียกชื่อหนึ่งว่า "เนยแข็งบิน." เป็นเนยที่หมักด้วยวิธีการพิเศษและใส่ตัวอ่อนที่ไร้ขาของแมลงชนิดหนึ่งอย่างจงใจ เพื่อให้ระดับ การหมักให้จนถึงจุดที่ไขมันของเนยแข็งแตกตัว

                    โดยแมลงในเนยแข็งนี้เป็นแมลงชื่อ larvae รูปร่างเหมือนหนอนผสมหมัด แถมมันชอบกระโดดอีก!! โดยกระโดดสูงประมาณ 6 ฟุต เวลาจะกินเนยแข็งชนิดต้องกินสดๆ และต้องใส่เครื่องป้องกันตาไม่งั้นตาคุณบวมแน่ๆ เพราะแมลงนั้นอาจตกใจและกระโดดใส่ตาคุณ ส่วนรสชาติมันเหรอโหยแสบซ่านสุดๆ จนลิ้นคุณเกือบไหม้ แถมเป็นอันตรายอีก เพราะเจ้าตัว larvaeg ผ่านกระเพาะอาหารแล้วถ้ามันไม่ย่อย มันสามารถอาศัยอยู่ในห้องของผู้กินได้!! แถมบางครั้งมันยังอยู่รอดยาวพอเพื่อแพร่พันธุ์ในลำไส้อีก จนเป็นสาเหตุให้การอาเจียน และโรคท้องร่วงเปื้อนเลือด ซึ่งแน่นอนอาหารชนิดนี้ทางการอิตาลีแบนเรียบร้อย เพราะมันเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค แต่กระนั้นหลายๆ คนยังทำมันอยู่เพราะว่ามันเป็นที่นิยมสำหรับคนที่ชอบของแปลกและความท้าทายที่อยากกินเนยแข็งแสนอร่อยนี้

     

     

    อันดับ 4  : ซีสปลาหมัก (lutefisk)

     

                    นอร์เวย์

                    เออ.....ที่ปลาร้าบ้านเราไม่นำมาออก อันดับ 4 เราไปกินไกลหน่อยที่ประเทศแถบสแกนดิเนเวีย กับซิสปลาเละๆ คล้ายปลาร้าบ้านเรา เพียงแต่เขามีเคล็ดลับที่เหลือเชื่อก็คือ........มันใช้สารเคมีพิเศษ มาใช้ในกระบวนการผลิตเพราะเร่งให้มันเละเปื่อยเร็วยิ่งขึ้น สารเคมีที่ว่านั้นคือที่ธาตุโคบอลต์(สารประกอบกลุ่มธาตุOH ธาตุโลหะสีขาวเหมือนเงิน) ชาวประชาชนนอร์เวย์รู้จักสารนี้ดีเลยแหละเพราะใช้ประโยชน์หลายอย่างไม่ว่าจะใช้เป็นกัดกร่อนเพื่อละลาย หรือนำซ่อมมีดหรือเครื่องเงิน ฯลฯ ทำความสะอาดระบายน้ำการฆ่าพืช, ทำแบตเตอรี่ และถ้าโดนสารนี้จะๆ ละก็จะเกิดอาการไหม้, แผลเป็นถาวร  ตาบอด แต่เพื่อความอร่อยละก็เราไม่สนหรอก จะทำซะอย่างมีอะไรเปล่า ผลเหรอ......ก็ได้ปลาคอร์ที่เละๆ ชวนน่ารับประทานอย่างเห็นในภาพแหละเหอๆ

     

     

                    อันดับ 3 : ลูกหนูในเหล้าดอง (Baby mice wine)      

                   

    เกาหลี (แหม......ประเทศไทยก็มีไม่ต้องไปถึงเกาหลีหรอก )

    เครื่องดื่มอะไรที่เหมาะแก่การนำมาดื่มเพื่อล้างปากของคุณหลังรับประทานอาหารคาวๆ เสร็จ หรือดื่มแล้วช่วยแก้หนาวท่ามกลางสภาวะโลกนี้ได้อย่างสบายใจ   


                     ผมขอแนะนำ 
    Baby mice wine ซึ่ง Baby mice wine มีถิ่นกำเนิดจากจีน ไซน่า เป็นเหล้าองุ่นที่แสนธรรมดา โดยมีเครื่องผสมสุดพิเศษอย่างหนึ่งที่หลายคนต้องร้องโอ้.......มันคือลูกหนูครับ ลูกหนูสดๆ ตามความเชื่อของเกาหลีถือว่ามันเป็น"ยาบำรุงสุขภาพ"ที่น่าลิ้มรสอย่างยิ่ง วิธีทำก็ง่ายๆ ก็เอาลูกหนูที่ตาปิด ตัวสีแดงชมพู น่ารัก   ที่ถูกพรากไปจากอ้อมกอดของแม่หนูทั้งหลาย และนำมาใส่เข้าไปในเหล้าองุ่นข้าว 1 ขวด (ในขณะมันยังชีวิตอยู่) จำนวนที่ใส่ก็แล้วแต่ยี่ห้อหรือแล้วแต่เจ้า และนำมาหมัก  จากนั้นก็นำมาดื่มหรือนำมาปรุงก็ตามใจคุณเถิด......รสชาติเออ...บอกไม่ถูกคงคล้ายๆ กับงูดองเหล้าละมั้ง(พูดเหมือนเคยกิน)



                    อันดับ 2  : หัวแกะหัวต้มเดือด (pacha)

                   

    อิรัก และประเทศในเมติเดอเรเนียม

    ถ้าจะถามว่าในบรรดาอาหารจานไหนที่ประเทศแถบเมติเดอร์เรเนียมชอบมากที่สุดเหรอ   ผมขอแนะนำ pacha หรือ "หัวแกะหัวต้มเดือด" ครับ

    pacha  เป็นเมนูที่คุ้นเคยอย่างยิ่งของชาวเมืองแถบนั้นว่ากันว่าหัวแกะถือว่าเป็นอาหารสุดยอดของแกะ เมื่อถึงเทศกาลปีใหม่ของชาวยิวที่เรียกว่า รอช อาแชน่า หัวแกะถูกนำมาเสิร์ฟพร้อมกับความหมายที่ว่า ใครก็ตามได้กินหัวแกะนั้นจะได้รับโชคดีในวันปีใหม่ที่จะมาถึง แต่ถ้ากินลูกนัยตาของลูกแกะเข้าไปย่อมโชคดีมากขึ้นไปอีก แต่เวลากินนี้ต้องทำใจเหลือเกินดูซิ มันยิ้มยิงฟันขาสวยเลย  แถมตาโบ๋ของมันกลับมาที่คุณที่ดูเหมือนจะสาปแช่งเคร่งขรึมว่า "เอ็งกินข้าทำไม"

     

     

                    อันดับ 1 : ไข่ข้าว (BALUT)

                   

    แย่จัง............อาหารนี้แสนจะธรรมดาเสียเหรอเกิน แถมซ้ำซากอีก กับ ไข่ต้ม ณ แดนมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เขมร ซึ่งขายตามรถเข็นตามท้องถนนยามค่ำคืน  โดยไข่ต้มของที่นี่อาจทำให้คนไม่เคยกินร้องกรี๊ด แน่นอนอาหารพิสดารอันดับ 1 ย่อมไม่ธรรมดา และยอดนิยมเอามากๆ ด้วย ไข่ข้าว คือ ไข่ต้มที่มีตัวอ่อนของเป็ดอยู่ข้างใน รับรองว่ามันสุก แค่เราเพิ่มไส้มีตัวเป็ดเล็กๆ อยู่ข้างในแค่นั้น ไข่เป็ดทุกใบที่นำมาทำเป็นไข่ข้าวต้องผ่านกระบวนการฟัก และวิธีการรักษาอุณหภูมิให้คงที่ โดยหลังจาก 8 วัน ไข่ที่ตัวอ่อนยังมีชีวิตเท่านั้นที่เหมาะจะมาทำเป็นไข่ข้า ถ้าคุณไม่อาจกินไข่ต้มแบบนี้ได้ ลองทำหลายแบบดูสิ เช่นทำเป็นขนมปัง สตู ข้าวราดแกง ฯลฯ แม้รูปลักษณ์จะดูน่าขยะแขยงเพียงไร แต่รสชาติก็คือไก่ เป็ดดีๆ นี่เอง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×