ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #53 : Super Heroes in Comic Book History

    • อัปเดตล่าสุด 3 มิ.ย. 53



    การ์ตูนฮีโร่อเมริกันเป็นการ์ตูนที่โด่งดังไปทั่วโลก ใช่แล้วครับเราสามารถอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพวกเขาได้ในคอมมิค ทีวี หรือแม้แต่ขนมขบเคียว ซึ่งฮีโร่ของเขาก็มีหลายตัว คุณคงรู้จักแต่ ซูเปอร์แมน แบทแมน สไปเดอร์แมน ใช่เปล่าละ แต่คุณเคยรู้จักฮีโร่ที่เกิดมาแล้วดับต่อไปนี้หรือเปล่า?(ผมยังไม่รู้จักสักตัว)  แบบว่ามันเกิดไม่กี่ตอนมันก็ดับอ่ะ ด้วยเหตุผลหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นความนิยมของผู้บริโภค, คนเขียน, สำนักพิมพ์ แต่กระนั้นช่วงเวลาที่ฮีโร่อเมริกันออกมานี้เหมือนกับเป็นการล้อสังคมอเมริกาอย่างบอกไม่ถูก  ในความไร้สาระที่แฝงสาระอย่างไม่น่าเชื่อ....

     

     article image

    Super Heroes in Comic Book History

     

    เนื่องจากช่วงนี้ไม่ถูกใจการ์ตูนที่ผู้ชมแนะนำเท่าไหร่ (หลักๆ สาเหตุคือพระเอกไม่น่ารัก เหอๆ ไม่ใช้เนื้อเรื่องดีไม่ดีแต่อย่างใด มันมีผลต่ออารมณ์เขียนด้วยนะ) เลยกลับมาเขียนตามใจผมดีกว่า(ก็เขียนไปเรื่อยอยู่ดี)

    เรื่องของเรื่องคือวันก่อนผมได้ดูการ์ตูนทางช่อง CN ดูการ์ตูนเรื่องแบทแมนกับจัสตินลีค และทีนไททันส์(ดูแต่เรเวนอย่างเดียว น่ารักดี) และผมก็พบสังเกตอย่างหนึ่ง

    ในเรื่องเหล่านั้นมีฮีโร่และเหล่าร้ายที่ปรากฏตัวออกมา มีลักษณะแปลกๆ ที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

    แปลกนี้ก็หมายถึง รูปลักษณ์ การออกแบบ ที่แปลกตา พลังวิเศษแปลกๆ ที่เราไม่เคยคิดว่ามันสามารถทำประโญคต่อสังคมได้

    ฮีโร่เหล่านี้ไม่ใช้ฮีโร่แต่งเติมเสริมแต่งหรือเอามาใส่เดี๋ยวนี้ทันใดนี้แต่อย่างใด เพราะครั้งหนึ่งพวกเขาเคยปรากฏตัวในคอมมิคมาแล้ว แต่แล้วทำไมคนไทยถึงไม่รู้จักพวกเขา หรือเป็นเพราะพวกเขาออกมาแค่เล่มเดียวและล่มหายตายจากเลย และเพราะทำไมถึงออกแค่เล่มเดียว??      

    คุณเคยสังเกตบ้างไหม?? ปกตินี้เราคงแต่สนใจจำพวก ซูเปอร์แมน สไปเดอร์แมน เอ็กซ์แมน  ไอรอนแมนแต่คุณเคยเห็นฮีโร่การ์ตูนอเมริกันที่เราคนไทยไม่เคยเห็นมาก่อนหรือเปล่า??

    สังเกตอีกว่าแม้บางตัวจะมีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป หากแต่บางตัวนั้นพลังแทบเหมือนกันเลย ไม่ว่าจะเป็นเหาะได้ มีพละกำลังมาก ใส่กางเกงในไว้ข้างนอก และใส่หน้ากาก ทำไมฮีโร่อเมริกันถึงออกแบบนั้นเกิดเพราะอะไร?

    จุดเริ่มต้นฮีโร่แปลกๆ เหล่านั้นมันเริ่มขึ้นตั้งแต่ซูเปอร์แมนและแบ็ทแมน และนิตยสารดีซีคอมมิกส์และมาร์เวลคอมมิกส์เป็นต้นแบบ

    ในตอนที่สังคมอเมริกายังไม่มีฮีโร่ อาชีพนักเขียนการ์ตูนยังคงเป็นอาชีพเล็กๆ ที่มีคนวาดคนเดียว ไม่มีทีมงานทำแบบเป็นระบบ การ์ตูนออกใกล้เคียงฮีโร่มากที่สุดคือ แนวสายลับ เจมส์บอร์น 007  จนกระทั้งการ์ตูนซูเปอร์แมนออกวางแผนสู่ตลาด

     

    ซูเปอร์แมน (Superman) แม้คนไทยเราจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่ผมเชื่อว่าหลายคนต้องรู้จักฮีโร่ตัวนี้ดี  เป็นผลงานของนักเขียน เจอร์รี ชีเกล และนักวาดชาวแคนาดา โจ ชูสเตอร์ 1932 ตีพิมพ์ครั้งแรกในดีซีคอมิกส์

    ส่วนเนื้อเรื่องซูเปอร์แมน จะว่าไปแล้วเนื้อเรื่องซูเปอร์แมนอาจส่งผลให้ฮีโร่อื่นๆ ในอนาคตก็ว่าได้เพราะเนื้อเรื่องส่วนใหญ่แล้วมีส่วนคล้ายๆ ซูเปอร์แมน โดยเนื้อเรื่องอยู่ว่าตอนซูเปอร์แมนยังเด็กนั้นเขามีบ้านเกิดที่ดาวคริปตอนในชื่อ คาล-เอล (Kal-El) แต่แล้ววันหนึ่งดาวเกิดระเบิดขึ้น แต่ก่อนที่ดาวจะระเบิดพ่อแม่ของซูเปอร์แมนได้ใส่เด็กลงในยานอวกาศและส่งไปยังอวกาศตอนดาวคริประเบิดพอดี ซูเปอร์แมนน้อยเลยรอดมาได้

    แม้ซูเปอร์แมนน้อยจะรอดมาแต่ แต่ยานอวกาศนั้นก็ลอยค้างในอวกาศ ไม่รู้ว่าจุดมุ่งหมายอยู่ที่ใดกันแน่ จนกระทั้งยานอวกาศมาหยุดลงที่ดาวโลก และตกในบริเวณบ้านสามีภรรยาคนตาคุณยายชาวนาในเมืองสมอลวิลล์ รัฐแคนซัส สหรัฐอเมริกา ตายายที่เห็นเด็กบนยาวอวกาศแทนที่จะจับไปขายให้นาซ่า หรือเอาไปประกวดในงานวัด กลับนำเด็กมาเลี้ยงดู และตั้งชื่อว่า ว่า คลาร์ก เค้นต์

    ไม่รู้ว่าสองสามีภรรยาคนนั้นเลี้ยงลูกยังไง แต่คลาร์ก เค้นต์ ก็โตมาเป็นชายหนุ่มที่รักความยุติธรรมและความถูกต้องอย่างสูงส่ง วันหนึ่งเขาก็ได้รู้ตัวว่าด้วยสภาวะที่ต่างกันของดาวคลิปตันและโลก ทำให้เขามีพละกำลังที่เหนือมนุษย์ทั่วไป มีตาที่ปล่อยรังสีความร้อน, เอ็กซ์เรย์วัตถุได้, พละกำลังมหาศาลสามารถยกของหนักๆได้ ความแข็งแกร่งสูงขนาดกระสุนปืนยังเจาะไม่เข้า เหาะเร็ว ประสาทหูไว มองวัตถุที่อยู่หลังกำแพงหนาๆได้ ฯลฯ เขาจึงตัดสินใจว่าจะใช้พลังที่มีอยู่นั้นครองโลก.....เอ้ย.....ไปปกป้องผู้ที่อ่อนแอกว่า โดยช่วงปกติเขาจะอยู่ในร่างธรรมดาหากได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือหรือเกิดเหตุร้ายเขาจะวิ่งไปตู้โทรศัพท์แจ้ง 191....เอ้ย...เขาจะเปลี่ยนชุด เป็นชุดรัดรูปใส่กางเกงในไว้ข้างนอกใส่ผ้าคลุมและเหาะไปกลางอากาศเพื่อให้ทันจุดที่เกิดเหตุทันทีทันใด ตอนแรกก็ปกป้องเมืองแถวๆ นี้ก่อน จากนั้นก็ค่อยๆ ถีบตัวเองไปช่วยคนในทุกมุมโลก(แต่ไม่ยุ่งเรื่องกลางเมืองของประเทศนั้นๆ....มั้ง)

    ดังนั้นเราจะเห็นมุกซูเปอร์แมนทำตัวเหมือนเขาเป็นบุคคลสำคัญที่โลกขาดเขาไม่ได้ คือ เดี๋ยวคนจากประเทศร้องขอความช่วยเหลือมาซูเปอร์แมนก็เหาะไปจีน เดี๋ยวช่วยคนจีนเสร็จ คนอเมริกาก็ร้องขอความช่วยเหลือซูเปอร์แมนก็เหาะไปอเมริกา เดี๋ยวก็เหาะไปฟิลิปปินส์ต่อ เหาะไปประเทศโน้น ประเทศนี้ เรื่อยๆ จนแทบไม่หยุดพักผ่อน ไม่รู้ว่างานเป็นฮีโร่นี้จะได้เงินกับเขาบ้างหรือเปล่าเนอ....

    มุกซูเปอร์นั้นกลายเป็นที่คนทั่วโลกรู้จักมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นมุกที่ซูเปอร์ใช้ตู้โทรศัพท์และทิ้งชุดเดิมไว้ที่ตู้ พอเวลาเขาเสร็จสิ้นภารกิจเขากลับมาเอาชุดเดินปรากฏว่ามีโจรมือดีขโมยมันไปเสียแล้ว

    อีกมุกก็คือชุดซูเปอร์แมนนั้นเอง หลายคนบอกว่าทำไมซูเปอร์แมนถึงใส่กางเกงในไว้ข้างนอก สาเหตุไม่ใช้เพราะเขาโรคจิตแต่อย่างใด หากแต่กางเกงในอันนี้คือ “กางเกงคณะละครสัตว์” ซึ่งผู้แสดงจะใส่กางเกงในตัวนี้ออกมาแสดงผาดโผนเสี่ยงอันตรายต่างๆ นาๆ สมัยนั้นกางเกงชนิดนี้บูมมาก คนสมัยนั้นถึงกับออกมาบอกว่าใครที่ใส่กางเกงโครตแมน เท่ สมชาย ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้คนเขียนออกแบบซูเปอร์แมนโดยใส่กางเกงคณะละครสัตว์และชุดรัดรูปให้เสมือนนักแสดงคณะละครสัตว์

    ดังนั้นมุกกางเกงในไว้ข้างนอกและชุดรัดรูป จึงกลายเป็นมุกเด็ด ที่หลายคนเลียนแบบ ไม่สิ กลายเป็นบรรทัดฐานให้กับฮีโร่อเมริกันไปเสียแล้ว

    อีกมุกหนึ่งคือซูเปอร์แมนทำตัวเป็นคนสองบุคลิก คือยามปกติเขาจะเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์ ใส่แว่นตาหนาเตอะ และทำตัวเป๋อๆ เหมือนไม่มีพิษมีภัย หากได้เจอเหตุการณ์อันตายจากหนุ่มเป๋อก็กลายเป็นมนุษย์จอมพลังในทันใดเพียงแค่ถอดเสื้อผ้าและใส่กางเกงในไว้ข้างนอกเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่แปลกแต่อย่างใดที่เราได้เห็นฮีโร่คนอื่นๆ ทำตัวเป็นคนสองบุคคลิกภายนอกเป็นคนธรรมดา แต่ภายในคือผู้มีพลังวิเศษที่ปกป้องเหล่าคนดีจากคนชั่วโดยไม่หวังผลตอบแทน

     

    ฮีโร่ตัวต่อมาที่ส่งผลอิทธิพลให้เกิดฮีโร่แปลกๆ คือฮีโร่ใส่หน้ากากนาม แบ็ทแมน(Batman) เป็นตัวละครซุปเปอร์ฮีโร่จากการ์ตูน ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือการ์ตูนเรื่อง ดีเทคทีฟ คอมิคส์ (Detective Comics) ในวันที่ 27 พฤษภาคม 1939 โดย บ๊อบ เคน (Bob Kane) และ บิล ฟิงเกอร์ (Bill Finger) นอกจาก ซุปเปอร์แมนแล้ว แบทแมนคือตัวละครหนึ่งในสองที่มีชื่อเสียงของค่ายหนังสือ ดีซี คอมิคส์

    เนื้อเรื่องของแบ็ทแมนหลายๆ คนคงรู้อยู่แล้ว ว่าเขาคือ บรูซ เวย์น อภิมหาเศรษฐีแห่งเมืองก็อดแธม ซึ่งมีอดีตที่ฝังใจอันเลวร้าย ก็คือ พ่อแม่ของเขาถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา และบรูซก็ได้ตั้งใจว่าจะไม่ให้คนอื่นเป็นแบบเขาอีก เขาเลยออกเดินทางไปประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจีน อินเดีย ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้(ทำไมมันไม่มาฝึกมวยไทยว่ะ) และกลับมาก็พบถ้ำค้างคาว จากนั้นก็ใส่หน้ากากค้างคาว ใส่กางเกงในไว้ข้างนอก และใช้เครื่องมือไฮเท็คปราบผู้ร้ายต่างๆ แบ็ทแมนก็เหมือนซูเปอร์แมนคือทำตัวเป็นคนสองบุคลิก ภายนอกเป็นมหาเศรษฐีเจ้าสำราญ ตกกลางคืนเป็นผู้พิทักษ์ความยุติธรรม

    มุกที่แบ็ทแมนที่เป็นต้นแบบคือ มุกใส่หน้ากากนั้นเอง ทำให้ในเวลาต่อมาการ์ตูนฮีโร่ที่ออกมาเริ่มมีการใส่หน้ากากปิดโฉมหน้าที่แท้จริงอยู่หลายตัว

    อีกมุกแบ็ทแมน คือเหล่าร้ายในเรื่องนั้นเอง ซึ่งมีความพิลึกและโรคจิตมากกว่าเหล่าร้ายในเรื่องซูเปอร์แมนหลายเท่า ไม่ว่าจะเป็น มนุษย์เจ้าปัญหา, โจ๊กเกอร์, แคทวูแมน ซึ่งมีเสน่ห์และความแปลกพิลึกเนและน่าสนใจ จนเป็นเหตุให้ระยะหลังเหล่าร้ายในการ์ตูนอเมริกันก็เริ่มพิลึกและแปลกแหวกแนวบ้าง

    เมื่อซูเปอร์แมนและแบ็ทแมนดังจนพลุแตก เหล่าคนซื้อหนังสือของดีซีเพียบ ยอดขายทะลุเป้า ส่งผลให้อาชีพนักเขียนการ์ตูนอเมริกันบูมอีกครั้ง การทำการ์ตูนเริ่มมีทีมงานเป็นระบบขึ้น ส่งผลทำให้เกิดฮีโร่แปลกๆ ตามมา โดยหวังว่าฮีโร่ที่พวกเขาสร้างนั้นจะทำรายได้มากมายเป็นกอบเป็นกำเหมือนซูเปอร์แมนและแบ็ทแมน

                    และบางครั้งก็มีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ตามมาอย่างช่วยไม่ได้....

                    

                    ในปี  1940 มีฮีโร่ตัวหนึ่งได้ปรากฏตัวออกมาภายใต้ชื่อ แค็พเท่น มาร์เวล Captain Marvel (William "Billy" Batson) ในหนังสือการ์ตูนฟอว์เซ็ท ฮีโร่ตัวนี้แต่งชุดสีแดงรัดรูปทั้งตัว มีสัญลักษณ์สายฟ้าที่หน้าอก เพราะว่าครั้งแรกคนเขียนตั้งใจจะใช้ชื่อตัวละครตัวนี้ว่า “แค็ฟเท่น ธันเดอร์”

                    แค็พเท่น มาร์เวลเขียนโดยนักเขียนสองคน ซึ่งหนังสือการ์ตูนฮีโร่สมัยนั้นนิยมใช้นักเขียนสองคนในการร่วมมือในการทำ โดยผู้ให้กำเนิดตัวละครตัวนี้ชื่อ บิลล์ พาร์คเกอร์ กับ ชาร์ลส์ ชี แคลเรนซ์ ซึ่งการเนื้อเรื่องของแค็พเท่น มาร์เวลแสดงให้เห็นว่าการ์ตูนฮีโร่อเมริกานั้นลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นเด็กและต้องการเข้าถึงเด็ก จึงเกิดฮีโร่ตัวนี้ขึ้น โดยเนื้อเรื่องมีอยู่ เด็กชายตัวน้อยคนหนึ่งชื่อ บิลลี่ แบ็ตสันแ ได้รับเลือกจากพ่อมดลบึกลับให้เขาเป็นฮีโร่กายสิทธิ โดยต้องร้อง “ซาแซม” ออกมาดังๆ บิลลี่ ก็จะกลายเป็นกัปตันมาร์เวล ผู้มีพลังคล้ายซูเปอร์แมนคือ พละกำลังมหาศาล ความเร็วสูง และมีพลังเวทย์อยู่ในตัว และเมื่อหมดสิ้นภารกิจเขาจะร้องตะโกณว่า “ซาแซม” ออกมาดังๆ ก่อนที่จะกลับเป็นร่างเด็กธรรมดา

                    กัปตันมาร์เวลประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เพราะเป็นเรื่องเหมาะแก่เด็ก อีกทั้งเนื้อเรื่องพิลึกพิลั่น เดินเรื่องออกไปในแนวสนุกสนาน, ตลกขบขัน, เบาๆ เหมือนเทพนิยาย และตัวร้ายๆ แปลกๆ ก็เริ่มมีให้เห็นในเรื่องนี้ เช่นหนอนพูดได้, เสือพูดได้ใส่สูท ฯลฯและเริ่มปรากฏตัวละครที่เหมือนแค็พเท่น มาร์เวลขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น คุณลุงมาร์เวล, กัปตันมาร์เวลอ้วน, กัปตันมาร์เวลผอม และกัปตันมาร์เวลลูกทุ่ง เมื่อซูเปอร์แมนและแบทแมนเห็นก็ทำตามบ้าง จึงไม่น่าแปลกที่เราเห็น แบทเกิร์ล  , โรบิน ซูปเปอร์เกิร์ล ออกมาโลดเล่นบ้าง

                    และเมื่อมาร์เวลดัง ดีซีก็ยืนฟ้องโดยละเมิดลิขสิทธิโดยบอกว่าลอกแบบมาจากซูเปอร์แมน ซึ่งถ้าจะว่าไปตามตรงแล้วนอกจากพลังบางอย่างที่ใกล้เคียงกันแล้ว ตัวละครสองตัวนี้ไม่มีอะไรที่คล้ายกันเลย

    คดีนี้ดุเดือดและโลกแตกมาก เพราะศาลเองก็มองไม่ออกว่าสองเรื่องนี้เหมือนกันตรงไหน ช่วงแรกคดีนี้จบลงด้วยชัยชนะของฟอว์เซ็ทในปี ปี 1948 แต่ทางดีซีก็ขออุทธรณ์ในปื 1951 และผลก็คือทางดีซีชนะคดีในปี 1958 เรื่องจึงไปลงเอยด้วยการตกลงกันนอกศาล โดยทางฟอว์เซ็ตต์ที่ขณะนั้นยอดขายตกต่ำลงมาก  และและสัญญาจะไม่ตีพิมพ์การ์ตูนเรื่องนี้อีก

    ปัจจุบันตัวละครนี้ได้ถูกกลับมาทำใหม่อีกครั้ง และเราก็ยังได้เห็นตัวละครนี้อีกในจัสตินลีคฮีโร่ในบางตอน ที่โดนเหล่าร้ายบั่นหัว(ก็จิตใจยังเป็นเด็กนี่เนอะ)

    ในปี 1940 ฮีโร่แปลกๆ ถือกำเนิดออกมามากมาย ทำให้ในช่วงนี้หนังสือการ์ตูนอเมริกาเบียดกันเต็มแผง เรียกได้ว่าเป็นยุคทองเลยก็ว่าได้ แต่ก็คงมีที่ว่างอยู่ หากใครมีความคิดสร้างสวรรค์ กุมหัวใจคนอ่านได้ โชคดีจะมาเยือน

    ในช่วงปีนี้มีฮีโร่แปลกๆ เกิดขึ้นหลายตัวส่วนมากจะเป็นพวกคนสองบุคลิกลักษณะ(Dual Personality) ซึ่งต้นกำเนิดมาจากวรรณกรรมอมตะดร.เจคิล กับ มร.ไฮด์  (Strange Case of Dr.Jekyll and Mr.Hyde) ของ โรเบิร์ต หลุยส์ สตีเวนสัน นักเขียนชาวสก็อต

     

    ตัวละครแปลกๆ ในช่วงนี้ เด่นๆ ก็ เช่น มาดามฟีตั้ล (Madam Fatal) หรือยอดมนุษย์คุณป้า เกิดมาพึ่งเคยได้ยินคุณป้าเป็นยอดมนุษย์ แต่ตัวละครนี้เกิดขึ้นบนโลกแล้วและถูกเขียนจริงๆ จังซะด้วยสิ มันถูกเขียนขึ้นในปี 1940 ในนิตยสารดีซี

    เนื้อเรื่องของมันประมาณ ริชาร์ด สแตนตัน เป็นนักแสดงเกษียณมาจากนิวยอร์ก ปลอมตัวเป็นผู้หญิงเพื่อช่วยชีวิตลูกสาวจากพวกลักพาตัว จากนั้นริชาร์ดก็ชอบความคิดนี้ ก็เลยเริ่มปลอมตัวเป็นผู้หญิงเพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมโดยใช้ไหวพริบ, หมัดพันช์หน้าน็อกนั้นหนักราวกับหมัดของ ไมค์ ไทสัน และทักษะการแสดงต่างๆของเขาช่วยเหลือผู้คน แต่ทำไมก็ไม่รู้เวลาปราบคนร้าย นายสแตนตันสุดยอดนักมวยปล้ำคนนี้ถึงต้องใส่ชุดหญิงชราด้วย….และส่งผลให้การ์ตูนเรื่องนี้ไม่มีในแผง สาเหตุเพราะหลายคนบอกว่าพระเอกเป็นเกย์และตลกรักร่วมเพศ.......ซึ่งตอนนั้นสังคมอเมริกายังรับไม่ได้กับเรื่องเกย์อย่างมาก

    ใช่ว่าฮีโร่ประหลาดบางตัวจะล้มหายตายจากแผงหนังสืออเมริกันแต่อย่างใด บางตัวแม้จะมีเนื้อเรื่องแปลกๆ ไม่สมเหตุผลอยู่บ้าง แต่เมื่อยุคสมัยผ่านพ้นไป ก็มีการวางเนื้อเรื่องให้แน่นขึ้น ออกแบบให้ฮีโร่นั้นให้ทันสมัยขึ้นเพื่อให้เหมาะแก่คนอ่าน

     

    ตัวอย่างก็มีให้เห็น อย่าง เดอะ รีส บี (The Red Bee) หรือยอดมนุษย์ผึ้งแดง คนเขียนแน่นอนต้องมีสองคนคือ Blum Toni กับ Nicholas Charles

    ฮีโร่ที่มีแนวคิดจากแมลง เนื้อเรื่องคร่าวๆ คือ ริค ราแลจห์ ต่อสู้กับอาชญากรในตอนกลางวันทั้งในฐานะผู้ช่วยที่ปรึกษาวางแผนผังเมืองของผู้ว่าการรัฐ และในฐานะยอดมนุษย์ผึ้งแดงโร่ในชุดรัดรูปลายทางแดงสุดจ๊าบและเสื้อแขนยาวบางๆ โดยต่อสู้ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ซึ่งพล็อตก็เหมือนการ์ตูนฮีโร่ดาดๆ ทั่วไป ส่วนพลังพิเศษก็คือ ใช้ผึ้งตัวเดียวปราบศัตรู!! (เป็นแมลงธรรมดาไม่ใช้หุ่นยนต์) โดยเขาเก็บผึ้งตัวโปรดเพื่อนสนิทชื่อ ไมเคิล ไว้ด้วย แถมเก็บในที่ลับพิเศษในเข็มขัดของเขาสำหรับเวลาฉุกเฉิน(คนเลี้ยงผึ้งเรอะ!!)ซึ่งผึ้งตัวนี้เด่นกว่าพระเอกอีกเพราะมันตัวเดียวกำจัดผู้ร้ายยกฝูง

    แน่นอนฟังอาจดูแปลกๆ เพราะผู้ร้ายในเรื่องทั้งหมดแพ้ผึ้งตัวเดียว.... อีกทั้งไม่รู้จักยาฆ่าแมลงหรือใช้ไม้ตีแมลงวัน แค่ม้วนหนังสือนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์ฟาด ไมเคิลก็ดับแล้ว...และไมเคิลเป็นผึ้งวิเศษหรือยังไงที่ต่อยผู้ร้ายหลายครั้งได้โดยไม่ตาย(ปกติผึ้งจะตายเมื่อเหล็กไนหลุดจากก้น) อีกทั้งริค ราแลจห์ โครตเก่ง ไม่รู้ทำได้ยังไงในการจัดการฝึกแมลงที่มีสมองน้อยกว่าขี้ฝุ่นและอายุขัยแค่ไม่กี่เดือน แต่เราเดาเอาเองว่า "ไมเคิล" คงจะถูกเปลี่ยนบ่อยๆแล้วพอไมเคิลแก่ตายก็จะถูกทำพิธีศพแบบดิบๆในชักโครกด้วยเหตุนี้การ์ตูนเลยไม่ดังเท่าที่ควร

     

     ในปี 2007 มีการออกแบบ เดอะ รีส บี ใหม่ให้ดูทันสมัยขึ้น เปลี่ยนจากชายเป็นผู้หญิงเพื่อให้เหมาะกับคำว่า นางพญา สวนเกราะผึ้งสีแดง และผึ้งก็ไม่ใช้ธรรมดาแต่มันมาตากต่างดาวที่ร่างกายร้ายกาจกว่าผึ้งทั่วไป ส่วนมันได้รับความนิยมหรือไม่นั้น อันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

    ในปี 1941 อเมริกาเกิดเหตุการณ์ครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ เมื่อจักรวรรดิญี่ปุ่นทำการโจมตีอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ อเมริกาต้องโดดเข้าร่วมช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อสู้กับฝ่ายอักษะที่นำโดยนาซีและจักรวรรดิญี่ปุ่น สังคมอเมริกาและคนทั่วโลกปั่นป่วน เริ่มมีปัญหาสุดขีด ประชาชนต้องการเครื่องยึดเหนียวจิตใจอย่างหนัก ส่งผลต่องานการ์ตูนในยุคนั้นเปลี่ยนไป โดยไม่เน้น “พิชิตคนพาล อภิบาลคนดี” หันมาเน้นแนวฮีโร่ต่อสู้กับฝ่ายอักษะ ดังนั้น เราจะเห็นฮีโร่บางตัวต่อยฮิตเลอร์อย่างเมามัน ถีบทหารนาซีร่วมรบเคียงบ่าเคียงข้างกับทหารอเมริกัน ซึ่งถือได้ว่าการ์ตูนฮีโร่อเมริกาหลายตัวกำเนิดมาจากช่วงเวลานี้ ปัจจุบันฮีโร่หลายตัวยังโลดแล่นอยู่ และอาจมีการดัดแปลงรูปลักษณ์ให้ทันสมัยขึ้น

     

    ในปี 1940 ก่อนจะถึง 1941 อเมริกาเริ่มลังเลว่าจะโดดเข้าร่วมสงครามโลกหรือไม่ ในช่วงนั้นก็มีการ์ตูนฮีโร่แปลกๆ ออกมาวางแผง ในชื่อ เดอะ แบล็ค คอนเดอะ (The Black Condor) หรือยอดมนุษย์แร้งดำ ในนิตยสารดีซีซึ่งเนื้อเรื่องคร่าวๆ คือพระเอกของเรื่องโทมัส ริชาร์ด เกิดในมองโกเลียระหว่างการเดินทางของครอบครัว และ การเดินทางนั้นถูกโจมตีโดยกลุ่มโจร และทุกคนที่ตายหมดยกเว้นทารกริชาร์ด  ที่ถูกค้นพบโดยนกแร้งขนาดใหญ่ใจดี(แทนที่จะกิน)แล้วนำเด็กนั้นไปเลี้ยงที่สูงกว่าหลังคาโลก(แล้วแร้งเอาอะไรให้เด็กกินเนี้ย...เนื้อศพเรอะ)

    ความเวอร์ยังไม่สิ้นสุด เมื่ออีแร้งขนาดใหญ่ได้สอนหัดบิน!! แถมพระเอกก็ยังอุตส่าห์บินได้อีก(โหยจะเป็นลม) จากนั้น ริชาร์ด ก็ได้อาจารย์เป็นฤาษีสอนให้เขาพูด(ฤาษีมองโกเลียเก่งภาษาอังกฤษวุ้ย) และส่งเขากลับสู่อเมริกา ที่ซึ่ง ริชาร์ด ต้องไปปกป้องประชาธิปไตยในประเทศของพ่อแม่เขา โดยภายนอกเป็นสมาชิกสภาสูงของสหรัฐ ซึ่งถ้าโลกนี้มีอันตรายเขาจะกลายร่างเป็นฮีโร่ปราบอธรรม และนาซี จากสงครามโลก II ซึ่งแน่นอน...มันไม่ใช้งานที่สมาชิกสภาสูงทั่วไปทำแน่ๆ

    ส่วนพลังของเดอะ แบล็ค คอนเดอะ ใครได้อ่านแล้วแทบลมจับ(หลายรอบ) เพราะนอกจากพลังบินโดยไม่ใช้ปีกแล้ว เขายังมีพลังที่กินศพเน่าอีกด้วย โดยสิ่งที่ได้จากการกินซากศพคือความทรงจำของซากศพนั้น

     

    ปัจจุบันมีการออกแบบ เดอะ แบล็ค คอนเดอะใหม่ให้เหมาะสมกับยุคสมัย และเน้นเรื่องบินที่รวดเร็วเหมือนอีแร้งมากกว่าพลังกินศพ

    การ์ตูนฮีโร่แปลกๆ ที่เกิดช่วงนึ้ ส่วนมากนักเอาสัญลักษณ์ของความเป็นอเมริกันใส่ไว้ในตัวฮีโร่

               

                    ฮีโร่ที่เป็นสัญลักษณ์ของอเมริกาที่เราๆ ท่านๆ รู้จักกันดี คือ กัปตันอเมริกา(Captain America) กัปตันอเมริกาถูกสร้างขึ้นใน ในสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากที่อเมริการบกับญี่ปุ่น ในสมัยนั้นผู้คนในอเมริกาต่างหวาดกลัวสงครามและเด็กๆ ก็หวาดกลัวสงครามเช่นเดียวกัน รัฐบาลอเมริการสมัยนั้นจึงต้องการหาวิธีที่จะทำให้เด็กกลับมามีสุขภาพจิตที่ดีเหมือนเดิมจึงมีการจัดสร้างซูเปอร์ฮีโร่ขึ้นมาโดย บริษัทมาร์เวลคอมิกส์ เป็นผู้จัดทำมีการออกแบบซูเปอร์ฮีโร่ตัวนี้ โดยคนออกแบบก็เหมือนเดิมคือต้องสองคนคือ Joe Simon  และ Jack Kirby ออกแบบฮีโร่ให้มีความรักชาติ โดยเอาลายธงชาติอเมริกามาออกแบบจนเป็นกัปตันอเมริกาผลมีมีพละกำลังเหนือคนธรรมดา และมีโล่ห์เป็นอาวุธ และหลังจากที่ตีพิมพ์ในนิตยสารการ์ตูน Captain America Comics #1 (มีนาคม 1941) ผลตอบรับออกมาดีมาก จนกระทั้งกัปตันอเมริกากลายเป็นฮีโร่ในใจของคนอเมริกาในที่สุด(จนบัดนี้ก็ยังคงอยู่ในใจ ขนาดเล่มที่กัปตันอเมริกาตาย ที่วางแผงในตลาดในปี 2010 ยังขายหมดเกลี้ยง กลายเป็นของสะสมมีค่ามหาศาลสำหรับคนอเมริกา)

    ส่วนเนื้อเรื่องแรกๆ ของอเมริกานั้น เนื้อเรื่องบ่บอกถึงความรักชาติขแงชาวอเมริกันต่อสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเนื้อหาคือพระเอก สตีฟ โรเจอร์ส เป็นนักเรียนศิลปะ ได้เป็นอาสาสมัครในโครงการลับสุดยอดของกองทัพอเมริกาช่วงสงครามโลกครั้งที่2 และในการทดลองโครงการลับสุดยอดนั้น โรเจอร์ส ก็ได้เรียนรู้วิชาการต่อสู้ รวมถึงได้รับสาร ลึกลับทำให้เขาแข็งแกร่งมากกว่ามนุษย์ธรรมดา และหลังจากเขาก็ต่อสู้นาซีร่สวมรบเตียงบ่าเคียงไหล่กับพันธมิตรจนได้รับชัยชนะในที่สุด

    ฉากสุดท้ายคือกัปตันอเมริกาโดนระเบิด ร่างของเขาถูกฝังใต้น้ำแข็ง แต่เขายังยังไม่ตาย เขายังคงมีชีวิตและหลับไหลอยู่ จนเวลาผ่านไปจนถึงยุคอนาคตมีเหล่าร้ายกลับมาอีกครั้ง ทางรัฐบาลเลยต้องตามหากัปตันอเมริกาฮีโร่ที่ถูกลืมและปลุกเขาให้ฟื้นคืนชีพเพื่อปกป้องโลกอีกครั้ง

     

    อีกหนึ่งสัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่บ่บอกว่าคืออเมริกาก็คือ “ลุงแซม” ซึ่งลุงแซมเป็นตัวการ์ตูนที่เป็นรูปคนแก่สวมหมวกทรงสูงหลายทรงชาติอเมริกัน ชายผอมแห้งแรงน้อยนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามอย่างมากไม่ว่าจะเป็นที่มาและตัวการ์ตูน โดยที่มาของ “ลุงแซม” นั้นคาดว่ามาจาก กับนักธุรกิจจากเมืองทรอย  รัฐนิวยอร์ก  ชื่อ  แซมมวลวิลสัน 

    ในระหว่างการสงครามเมื่อปี 1812 แซมมวลวิลสัน บรรจุเนื้อเค็มลงถังส่งไปให้รัฐบาลเพื่อทหารในแนวหน้า  เพื่อแสดงว่าเขาได้ตรวจสอบเนื้อเค็มด้วยตนเอง วิลสันได้ประทับอักษรย่อว่า "U.S." ลงบนแผ่นเนื้อ ที่เหมือนกันของคำว่า อังเคิลแซม กับ  “ยูไนเต็ดสเตตเพื่อระบุว่ามันเป็นของรัฐบาล  ทำให้ลุงแซมกลายเป็นฉายาที่ผู้คนนิยมใช้เรียกประเทศสหรัฐอเมริกากันอย่างกว้างขวาง ในปี ค.ศ. 1961 รัฐสภาอเมริกันได้ผ่านมติเพื่อรับรองโดยทั่วกันว่า วิลสัน คือ  บุคคลที่มีชื่อเหมือนสัญลักษณ์ของประเทศ

    ลุงแซมมีบทบาทหลายครั้ง ที่ดังที่สุดคือในสงครามโลกครั้งที่ ๆ มีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งสร้างรูปการ์ตูนชื่อ "ลุงแซม"  ไว้ในดาวและแถบของธงสหรัฐ การ์ตูน และทำท่าทางรูปนิ้วชี้แล้วพูดว่า "ผมต้องการคุณเพื่อกองทัพบกสหรัฐ" กลายเป็นว่าถ้าพูดถึงอเมริกาและสงครามต้องนึกถึงลุงแซมไป

     

    ในเดือนกรกฎาคม ปี 1940 -1944 ช่วงสั้นๆ นี้ ดีซีคอมมิคได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ลุงแซม หรือ อังเคิลแซมกลายเป็นลุงหนวดสูงใหญ่ล่ำบึก ไม่ได้ผอมแห้งแรงน้อยอีกต่อไป และมีพลังพิเศษคล้ายๆ ซูเปอร์แมนคือคงกระพัน รวดเร็ว โดยวางเนื้อเรื่องว่าลุงแซมแต่เดิมเป็นวิญญาณของทหารผู้รักชาติที่ถูกฆ่าในระหว่างสงครามกลางเมือง และเขาปรากฏตัวเพื่อปกป้องประเทศจากฝ่ายอักขระ ผู้ชั่วร้าย

     

    แม้ในอเมริกาในขณะนั้น บทบาทผู้หญิงในสังคมอเมริกันอาจยังมีบทบาทน้อยและสิทธิไม่เท่าเทียมกัน แต่ในกาณืตูนฮีโร่ก็เริ่มปรากฏตัวฮีโร่ที่เป็นผู้หญิงแล้ว โดยที่โด่งดังคือวันเดอร์ วูแมน (Wonder Woman) พิมพ์ครั้งแรกในปี 1941 ปีรากฎตัวในเกาะลึกลับที่ไม่มีแผนที่ ตัวจริงคือเจ้าหญิง ไดอาน่า แห่ง เผ่านักรบอเมซอนตามตำนานเทพนิยายกรีกผู้ที่มีพลังเป็นอมตะ จนกระทั้งเธอเกิดไปหลงรักมนุษย์ชายหนึ่งที่เป็นนักบินเครื่องบินรบที่เกิดพลัดหลงมาเกาะแห่งนี้เข้า เธอเลยสละชีวิตอมตะและออกจากเกาะแห่งนี้ไป โดยแอบๆ เฝ้ามองทหารหนุ่มนี้อย่างลับๆ โดยเธอจะปลอมเป็นนางพยาบาลสาวชื่อไดอาน่า  เธอจึงมีความสามารถหลายอย่าง มีพละกำลังเหนือคนธรรมดาทั้งความเร็ว ความแข็งแกร่ง ทักษะการต่อสู้ การสื่อสารกับสัตว์  พร้อมทั้งมีห่วงเชือกวิเศษ และ กำไลข้อมือที่สามารถป้องกันลูกกระสุนได้

     

    อีกหนึ่งฮีโร่แปลกในปี  1941 ก็คือ เดอะ วิซเซอร์ (Whizzer) ยอดมนุษย์พังพอนเป็นยอดมนุษย์ยุคแรกๆที่มาร์เวลล์สร้างขึ้น พูดจริงๆไม่ได้โม้ (วิกิพีเดียมันบอก) โดยเรื่องราวของยอดมนุษย์ยุคขุดทองนี้ เริ่มจากเด็กชายคนหนึ่งชื่อ โรเบิร์ต แฟรงค์ไปเที่ยวแอฟริกากับพ่อ ดอกเตอร์ อีมิล แฟรงค์ ในระหว่างท่องเที่ยวโรเบิร์ตถูกงูคอบร้ากัด(โหยงูคอบร้ามีพิษเรอะ) ดอกเตอร์แฟรงค์ช่วยชีวิตลูกชายด้วยการเปลี่ยนถ่ายเลือดของลูกชายกับเลือดพังพอน(พังพอนเป็นศัตรูกับงู) แล้วเขาก็พบว่าเขาได้พลังความเร็วสุดยอดมาด้วย

     เดอะวิซเซอร์เป็นฮีโร่อีกตัวที่ดับอนาถ สาเหตุเป็นเพราะการออกแบบที่ดูการ แต่งตัวซึ่งไม่เห็นว่ามันจะเป็นพังพอนตรงไหนเลย หัวเป็ดนั่นน่ะ ไม่รู้แหละว่านกอะไร มันเหมือนเป็ดยางผสมกับไก่มากกว่า(ชุดของเขาถูกแบบใหม่ในปี 1998 ให้ดูเหมือนพังพอนขึ้น)

                    ในปี 1945 ยอดขายการ์ตูนฮีโร่อเมริกันไม่ได้ขึ้นอยู่กับลูกค้าฝ่ายเด็กอย่างเดียวแล้ว เพราะว่าลูกค้าส่วนใหญ่ในช่วงเวลานั้นเป็นทหารอเมริกัน ทำให้การ์ตูนเรื่องมีการปรับรูปแบบเพิ่มเซ็กต์ เพิ่มความรุนแรง และอารมณ์ขันเข้าไปด้วย เซ็กต์ในที่นี้หมายถึงผู้หญิงที่มีรูปร่างอวบอั๋น นุ่งน้อยห่มน้อย อย่างฮีโร่ในช่วงนี้ก็มีชีน่า(Camilla)ซึ่งเป็นทาร์ซานที่เป็นผู้หญิงที่แต่งตัวเหมือนทาร์ซานไม่มีผิด เพรียงแต่ใส่ชุดหนังเสือดาวปิดปิดหน้าอกและท่อนล่างให้ดูเหมือนบิกินีเท่านั้นเอง

                   

    ในปี 1947-1997 เกิดสงครามเย็นและสงครามเวียดนาม(1957-1975) เกิดขึ้น สงครามระหว่างชาติตะวันตกกับคอมมัวนิต์ทำให้ทั่วโลก  การ์ตูนฮีโร่อเมริกันจึงหยิบประเด็นเหล่านี้ขึ้นมาอีกครั้ง อย่างในปี 1963 ไอรอนแมนแรกๆ วางจำหน่าย เนื้อเรื่องเกิดขึ้นเมื่อพระเอกนักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์พันล้าน ถูกลักพาตัวโดยทหารเวียดนาม(ในหนังเป็นอัฟกัน) ซึ่งในช่วงเวลานั้นอเมริกากำลังก่อสงครามเวียดนามอยู่พอดี๊พอดี แล้วถูกบังคับให้สร้างอาวุธจรวดมหาประลัย แต่สิ่งที่พระเอกสร้างกลับกลายเป็นชุดเกราะที่ปล่อยพลังมหาประลัยที่หน้าอกได้ และระเบิดคุณด้วยปืนใหญ่ติดมือทั้งสองข้างจนร่างเละเป็นจุน

     

    ในปี 1960  มีการ์ตูนเรื่อง เดอะ อีลองเก็ท แมน (The Elongated Man) หรือยืดยาวแมนของดีซีออกวางตลาด (คนละตัวกับสี่พลังกายสิทธิ์นะจ๊ะ) เป็นเรื่องเกี่ยวกับหนูน้อยราล์ฟเป็นแฟนตัวยงของละครสัตว์มนุษย์ยาง และฝันอยากเป็นมนุษย์ยาง(โหยความฝันของเด็ก) แต่หนทางของหนูราล์ฟมันไม่ง่ายแบบนั้น เขาก็เลยต้องค้นหาหนทางของตัวเองสู่ฝันอันเจิดจรัสในโลกละครสัตว์ที่แปลกประหลาดนี้ให้ได้และแล้วเข้าก็ทำสำเร็จ!!!! ราล์ฟพบว่าพวกเหล่ามนุษย์ยางทุกคนต้องดื่มน้ำอัดลมยี่ห้อจินโกลด์ ใช่มนุษย์ยางทั้งโลกแหละ เขาไปถามมาหมดแล้ว และแล้วเขาก็เขาเลยกลาย ยืดยาวแมน ซึ่งมีลักษณะคล้ายพลาสติกแมนของ ค่าย DC comics เมื่อหลายปีก่อนหน้าทุกประการ(1956)

    แต่น่าแปลกครับแม้เนื้อเรื่องไม่สมเหตุผลและตัวละครออกแบบซ้ำๆ ซาก แต่เคยได้รับรางวัลตัวประกอบดีเด่นในปี 1961 ปัจจุบันกลับมาทำใหม่และมีการดัดแปลงให้รูปลักษณ์ทันสมัยขึ้น รวมทั้งเนื้อเรื่องใหม่ด้วย

    และนอกเหนือสงครามเย็น สิ่งที่อเมริกาเริ่มประสบปัญหาคือปัญหาเหยียดสีผิวและสิทธิมนุษยชน ทำให้เกิดการ์ตูนที่เหล่าฮีโร่ประหลาดต่างพาเหรดเป็นแถว ในปี 1963 เมื่อเอ็กซ์เมนวางแผง สร้างโดย สแตน ลี และ แจ๊ค เคอร์บี้ ประกอบไปด้วยเรื่องราวของซุปเปอร์ฮีโร่มนุษย์กลายพันธุ์จุดสำคัญที่ทำให้เอกซ์เมนแตกต่างจากการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่อื่นๆ นั่นก็คือเรื่องของการต่อต้านมนุษย์กลายพันธุ์ โดยตัวละครมนุษย์กลายพันธุ์ในเรื่องต้องถูกต่อต้านจากกลุ่มมนุษย์ปกติว่าเป็นภัยต่อมนุษย์และจะทำให้สายเลือดของมนุษย์ต้องแปดเปื้อน ซึ่งดูไปแล้วเมื่อปัญหาเรื่องเชื้อชาติ, อารยัน, การเหยียดฯ ไม่มีผิด

     

    หนึ่งในฮีโร่แปลกๆ ของเอ็กซ์เมนที่เด่นๆ คือในปี 1980 มีการปรากฏตัวฮีโร่หญิงที่ชื่อ แดซเลอร์ (Dazzler) สาวน้อยดิสโก้  เนื้อเรื่องของมันประมาณว่า เอลิสัน แบลร์ เธอเคยเป็นนักศึกษากฎหมายเกียรตินิยมอันดับสอง ที่ตัดสินใจโยนอนาคตอันรุ่งโรจน์ในสายอาชีพทิ้งไป เพื่อเข้าสู่โลกแห่งแสงสีในดิสโก้เธค แค่เนื้อเรื่องก็อ่อนแล้วใครจะบ้าทำแบบเธอ(ฉลาดมากๆ)  จากนั้นก็ยอดมนุษย์ฝ่ายอธรรมก็ปรากฏตัวออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แล้วจู่ๆ สาวฉลาด(หรือเปล่า?)ก็สะบัดมาดทนายที่องอาจออกไป แล้วแปลงร่างเป็นยอดมนุษย์ดิสโก้ทรงสเน่ห์ ผู้มีพลังพิเศษ(มากๆ) คือเปลี่ยนเสียงเป็นแสงสว่าง.....(โครตเก่งเลยเธอ )

    พลังเปลี่ยนเสียงเป็นแสง มันคงจะทรงอนุภาพหรอกถ้าคุณกำลังสู้กับแดร็กคูล่าในตึกที่ยังสร้างไม่เสร็จ  แต่หล่อนไม่ได้สู้กับผีดิบดูดเลือดนะ ในเรื่องก็ไม่ใช้สมัยดิสโก้บูมด้วย แต่เป็นช่วงต้นยุคปี 80 ซึ่งตอนตอนนั้นคนก็พยายามจะลืมๆ ดิสโก้กันแล้ว

    แต่กระนั้นในเวลาต่อมามาเวลล์บริษัทการ์ตูนฮี่โร่ที่โด่งดัง ก็ได้เอาการ์ตูนเรื่องนี้ไปตีพิมพ์จนได้ โดยให้เหตุผลสั้นๆ ว่า "เอ่อ ก็ช่างมันเถอะ เราไม่มีอะไรเสียหายนี่?" แล้วก็ยังตีพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือการ์ตูนบัดนั้น จึงทำให้ยอดมนุษย์หญิงที่แสนภูมิใจที่เรารู้จักกันว่า แดซเลอร์ เกิดมาจนได้

     

    ในปี 1983 ก็กำเนิดฮีโร่แปลกๆ ขึ้นมาจนได้ เมื่อมีการวางแผงการ์ตูนฮีโร่เรื่อง ยูเอส 1 (U.S. 1 ) ยอดมนุษย์อเมริกัน นัมเบอร์ 1  เนื้อเรื่องประมาณว่า อัลลีซเซส โซโลมอน อาร์เชอร์ (โอย ชื่อบ้าอะไรเนี้ย) แม้เป็นภาษายาวีอะไรสักอย่าง แต่พระเอกของเรานี้มาจากสหรัฐ (เข้าใจ๋? เข้าใจ๊?) ขับรถบรรทุกโคตรเท่ห์กระชากใจสาวไปตามทางด่วนในสหรัฐต่อสู้กับเหล่ามารร้าย โดยมีพลังวิเศษสุดบวมจับคลื่นวิทยุต่างๆได้(หวย....เปิดวิทยุ จ.ส. 100 ก็ได้แล้วพี่) โดยมีศัตรูฉกาจคือกลุ่มคนขับรถบรรทุกจอมโฉด "ไฮย์เวย์แมน" เป็นตัวโกงที่ขายวิญญาณให้แก่ปีศาจเพื่อเป็น ตีนผีซาตาน รถบรรทุก 18 ล้อบาดพยายม (จริงๆนะ) ซึ่งพระเอกแค้นมากเพราะกลุ่มโฉดนี้ฆาตกรรมน้องชายของเขา เจฟเฟอร์สัน เฮอร์คิวลิส อาร์เชอร์ (ชื่อน้องชายของพระเอกมาจากดาราหนังโป๊ ชื่อ วอชิงตัน แซมสัน อาร์เชอร์ แมคพอร์นสตาร์)

    การ์ตูนนี้เป็นของมาเวลล์(อีกแล้ว) U.S. 1 เป็นการตอบรับกระแสสหรัฐช่วงที่กำลังเห่อพวกรถบรรทุกกับคนขับรถบรรทุก เพราะอิทธิพลจากภาพยนตร์เช่น Smokey and the Bandit และละครทางทีวีเกี่ยวกับคนขับรถบรรทุกและลิงน้อยของเขา (น่าเสียดายไทยเราไม่รู้จักหนังเรื่องนี้อ่ะ เลยกูเกิ้ลซะ) โดยมีกำหนดเวลาออกจำหน่ายที่เหมาะเหม็งทันทีก่อนที่นัดสำคัญวิมเบิลดันจะเริ่ม โดยออกจำหน่ายในปี 1983 หลังจากเรื่อง Smokey and the Bandit ถึง 5 ปี ผิดพลาดยิ่งกว่าแดซเลอร์อีก แถมเรื่องไม่จบเหมือนโดเรมอนอีก

     

    การสร้างตัวเอกให้ติดตาตรึงใจ เป็นที่ชื่นชอบของคอการ์ตูนนั้น ไม่ได้ดูที่ยอดขายของนิตยสารอีกแล้ว เพราะว่าสุดยอดความฝันของนักเขียนฮีโร่การ์ตูนอเมริกันคือการได้เห็นการ์ตูนของตัวเองถูกสรางเป้นอมิเนชั่นหรือไม่ก็หนัง ไม่ว่าจะเป็นจอเงินหรืองอแก้ว แม้จะผ่านช่วงยุคทองแล้วแต่กระนั้นก็ยังมีฮีโร่ตัวแล้วตัวเล่าออกมาอย่างไม่ขาดสาย แต่ตัวที่กลายเป็นกระแสออฟเดอะเทาวน์นั้นคงจะเห็นไม่เกิดขบวนการเต่านินจา(The Teenage Mutant Ninja Turtles) ออกครั้งแรกในปี 1984 โดยทีมงานสองคนเควิน อีสแมน และ ปีเตอร์ แลร์ด เนื้อหาค่อนข้างบ่บอกว่าอเมริกานั้นหวาดกลัวเรื่องกัมมันตภาพรังสีมากว่าผลข้างเคียงอาจทำให้สิ่งมีชีวิตเปลี่ยนรูปร่างไป  โดยเนื้อเรื่องคือ มนุษย์ชาวญี่ปุ่นที่ชื่อว่า ฮามาโตะ โยชิ และเต่า 4 ตัว ก็ได้รับผลกระทบจากสารเคมีที่ชื่อว่า OOZE เข้าจากอุบัติเหตุ และ สปลินเตอร์ โดยสารเคมี OOZE นี้ ทำให้ฮามาโตะ โยชิ กลายร่างเป็นหนู ส่วนเต่า 4 ตัวกลายพันธุ์เป็นมนุษย์ และสปลินเตอร์ก็พบว่าลูกเต่าทั้ง 4 ได้เติบโตขึ้นเป็นเต่าวัยรุ่นอย่างรวดเร็วมาก และเมื่อเต่าทั้ง 4 เติบโตเต็มที่แล้ว สปลินเตอร์ก็ได้ฝึกและสอนวิชานินจา รวมทั้งตั้งชื่อให้กับเต่าทั้ง 4 โดยตั้งตามชื่อของศิลปิน ซึ่งเขาได้เปิดดูจากหนังสือศิลปะเล่มโปรดของเขา และมอบผ้าคาดตาทั้ง 4 สีเพื่อเป็นเอกลักษณ์ของเต่าทั้ง 4 ตัวด้วย ส่วนเนื้อหาในเรื่องจะเป็นการต่อสู้กับพวกโจร ผู้ร้าย สัตว์ประหลาด และมนุษย์ต่างดาว เป็นต้น

    เรื่องขบวนการนินจาเต่านี้กลายเป็นบรรทัดฐานอย่างหนึ่งคือ ตัวละครที่เป็นนินจาหากปรากฏในการ์ตูนฮีโร่อเมริกาจะต้องอยู่ฝ่ายร้ายและเป็นลูกกระจ๊อกทุกครั้ง ส่วนตัวละครที่เป็นซามูไรจะกลายเป็นาสัญลักษณ์ฝ่ายดีงามไป

    ปัจจุบันละ?? แม้ตอนนี้การ์ตูนฮีโร่อเมริกันอาจไม่เหมือนยุคทองเหมือนเมื่อก่อน และฮีโร่แปลกๆ ก็ไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว แต่เราก็ได้เห็นฮีโร่แปลกๆ นิดๆ หน่อย ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูนอมิเนชั่นที่แซวเรื่องเหล่านี้โดยเพราะ เช่นการ์ตูน CN ที่มีสามฮีโร่ตลกๆ ออกมาเล่นมุก อย่างไอรอนแมนที่เปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นเตารีด(เป็นการล้อชื่อฮีโร่ตัวนี้แหละ) กรืองเดอะฮังค์ก็จากตัวเขียวกลายเป็นสีม่วง เป็นต้น

    นอกจากนี้ยังมีเกมส์หลายเกมส์ที่มีฮีโร่แปลกๆ เหล่านี้มาเป็นคาแร็กเตอร์ ลองหาดูนะครับ เกมส์แนวซูเปอร์ฮีโร่นี้แหละ

    ดูจากวิวัฒนาการการ์ตูนของอเมริกากันแล้ว ฮีโร่แปลกๆ รุ่นแล้วรุ่นเล่า ต่างออกมากันอย่างไม่ขาดสาย บางตัวก็เจ๊ง บางตัวก็ฮิตติดลม บางตัวเอากลับมาทำใหม่ นอกจากนี้ก็มีฮีโร่ที่ออกแบบใหม่ๆ หากจะมีรูปลักษณ์ที่ดูทันสมัย มีอาวุธร้ายแรงอย่างกับซูเปอร์ไซย่า ส่วนเหล่าร้ายก็ร้ายกาจไม่แพ้กัน

    แต่สิ่งที่อเมริกาลืมคิดคือ แม้ฮีโร่แปลกๆ และมีพลังมากมายเหนือมนุษย์ แต่ทำไมพวกเขาถึงสู้แบ็ทแมนไม่ได้ ทำไมแบ็ทแมนถึงยังเป็นฮีโร่ที่ฮิตไปทั่วโลก ทั้งๆ ที่ฮีโร่ตัวนี้ไม่มีพลังวิเศษใดๆ เลย

    นั้นเป็นเพราะแบ็ทแมนมีความเป็นมนุษย์มากที่สุด แบ็ทแมนไม่ได้กลายพันธุ์ แบ็ทแมนไม่ได้มาจากต่างดาว หากแต่ว่าจุดเริ่มต้นของแบ็ทแมนมาจากเด็กกำพร้าที่เสียพ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็กเพียงเพราะโจรกระจอก แม้เด็กนี้จะได้เงินมรดกหลายพันล้าน แต่ชีวิตนั้นหาได้มีความสุขไม่ เพราะเขาคิดว่ายังมีเด็กอีกมากที่เหมือนกับเขาในเมืองแห่งนี้ที่ต้องผจญทุกข์กับภัยอาชญากรรม คนแข็งแกร่งรังแกคนอ่อนแอ อำนาจอยู่เหนือกฎหมาย แล้วใครละที่จะแลกร้องความยุติธรรม ถ้าเขาไม่ทำแล้วใครจะทำ

    ในขณะที่เหล่าร้ายมีมากมายและมีพลังวิเศษดังเทพเจ้า แต่ทำไมโจ๊กเกอร์ยังคงเป็นเหล่าร้ายที่หลายคนจำได้ง่ายที่สุด

    โจ๊กเกอร์ไม่มีพลังวิเศษอะไรเลย แต่เขามีเอกลักษณ์ และอดีตที่มืดมน ภาพใต้รอยยิ้มและความอัปลักษณ์ในเต็มไปด้วยความดำมืดของมนุษย์ การหักหลัง, เสแสร้ง, หลอกลวง สิ่งเหล่านี้โจ๊กเกอร์มีหมด แต่เหล่าร้ายที่มีพลังวิเศษเหล่านั้นไม่มี เปิดออกมาเหล่าร้ายบ้าพลังเหล่านี้ก็คิดจะครองโลกอย่างเดียว

    ดังนั้น หลังๆ เราจะเห็นการ์ตูนฮีโร่หลายเรื่องเริ่มใส่ความเป็นมนุษย์มากขึ้น อย่างสไปเดอร์แมน, 4 พลังกายสิทธิ, โรโบคอป เป็นต้น

    หากแต่สุดท้ายแล้วแนวคิดคติสอนใจก็ยังคงเดิมครับคือ “ธรรมะย่อมชนะอธรรม”

    แม้ฮีโร่จะมีพลังห่วยๆ ที่ดูไร้สาระแต่เราก็ได้เห็นสังคมของอเมริกาผ่านตัวฮีโร่เหล่านั้น เราจะเห็นฮีโร่อเมริกันกำหนดในช่วงที่อเมริกาต่างประสบปัญหาต่างๆ นาๆ สถาวะสงคราม สังคมต้องการฮีโร่ หากแต่จะหาบุคคลที่เป็นแบบอย่างยากเหลือเกิน พวกเขาจึงคิดฮีโร่ขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความดีงาม และเป็นแบบอย่างแก่ประชาชนชาวอเมริกัน

    แต่ในขณะเดียวกันเราก็ได้เห็นความคิดน่ากลัวของอเมริกาผ่านฮีโร่นั้นด้วย เราเห็นฮีโร่ที่มีพลังดุจพระเจ้าที่พยายามแทรกแทรกปัญหาในประเทศอื่น อย่างในเรื่องจัสตินฯซีรีย์ ที่มนุษย์ทั้งโลกเริ่มไม่ไว้ใจฮีโร่พวกนี้ แม้พวกเขาจะทำดีมากขนาดไหนก็ตาม เสมือนหนึ่งอเมริกาที่พยายามทำดีให้ชาวโลกได้เห็น แต่ทำดีแต่ละครั้งมันไม่ช่วยให้คนอื่นคิดแง่ดีเลย เพราะทำดีแต่ละครั้งของอเมริกาล้วนมีแต่ผลประโยชน์แอบแฝงทั้งนั้น

                    ผมพึ่งมาคิดได้!!...ในตอนเขียนฮีโร่แปลกๆ นี้เสร็จ ผมเคยได้ดูหนังเรื่องหนึ่งเรื่อง Sky High (สกายไฮ...รวมพันธุ์โจ๋ พลังเหนือโลก) ซึ่งเข้ากับตอนนี้ได้ดีทีเดียว ผมไม่ขอเล่าหนังเรื่องนี้นะครับ อยากให้คนที่ไม่เคยดู ลองดูสักหน่อย ว่าเป็นยังไง

                    http://video.mthai.com/player.php?id=23M1249037900M0

    + +
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×