ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #48 : 11eyes โลกแห่งความไม่เข้าใจกันและกัน

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.พ. 53



                    11eyes เป็นการ์ตูนที่ผมเลือกดูเนื่องจากหัวข้อว่า +18 ผมสงสัยว่าทำไมเกิน 18 เพราะเลือดมันสาดเหรอ อืม เลือดสาดและฉากเสียวๆ เยอะแหละ แต่แค่นี้ผมธรรมดาสำหรับเด็กอ่ะนะ ตอนเด็กผมก็เห็นบ่อยๆ ดราก้อนบอลชกจนเลือดกลบปาก ลำแสงทะลุร่างกาย มันก็ไม่เท่าไหร่นี้

                    พอมาถึงตอนที่ 11ผมก็รู้ทันทีเลยว่าทำไมเรื่องนี้ถึงชื่อ 11eyes (11 ตา) ไม่รู้คนอื่นคิดเหมือนผมเปล่า แต่ผมคิดอย่างนี้จริงๆ

     


    11
    eyes

    แนว แอ็คชั่น, แฟนตาซี, โรแมนติก(??). สยองขวัญ(เพิ่มให้)

    อมิเนชั่น 12 ตอนจบ
    คลิป http://www.nung-dee.com/catalog.php?idp=2653

     

                    11eyes เป็นการ์ตูนที่ฮิตพอสมควร เพราะเท่าที่ผมดูในเว็บวีพีมีเดีย ครั้งแรกออกมาเป็นเกมส์ PC ก็ออกจำหน่ายในปี 2008 ก่อนที่จะทำมาเป็นหลายระบบ ไม่ว่าจะเป็น Xbox 360, PSP(เขาบอกว่า +18 คงเป็นเกมส์ H ละมั้ง) เป็นหนังสือการ์ตูน(ไม่แน่ใจว่าโดจินหรือเปล่า)ผลงานของ Naoto Ayano ก่อนที่จะถูกนำมาเป็นอมิเนชั้นในปี 2009 จำนวนตอน 12 ตอน

                    ผมนั่งดูการ์ตูนเรื่องนี้อย่างเนื่องๆ ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะตัวละครนี้แทบจะสูตรสำเร็จจริงๆ พระเอกที่ตาข้างหนึ่งพิเศษกว่าคนอื่นและมีอดีตดำมืด, เพื่อนสมัยเด็กที่รักพระเอกสุดใจขาดดิ้น,เพื่อนชายพระเอกที่นิสัยตลกหื่นและกระสอบทราย, สาวรุ่นพี่ผมแดง, สาวแว่นนักฆ่า และเหล่าสัตว์ประหวาดในเรื่องที่ดีไซต์ให้สยดสยองน่ารังเกียจ(เพลงเพราะดี)

                    เนื้อเรื่องการ์ตูนเรื่องนี้ถ้าจะเปรียบเทียบละก็เหมือนกันซึ(GantZ)และไซเลนฮิวจ์(Silent Hill)เอามารวมกัน แต่กระนั้นการดำเนินเรื่องค่อนข้างน่าสนใจพอสมควร ภาพออกมาสวยงาม ดนตรีประกอบโสตเสียงประสาททำให้ผมหวาดกลัวหวาดระแวงเป็นระยะ จนกระทั้งมาหักมุมในช่วงกลางเรื่อง(แต่การหักมุมนี้ผมมองออกแต่แรกแล้วละ ว่ามันอีหรอบนี้แน่) แต่ก็ยังดีที่การ์ตูนเรื่องนี้ยังขายฉากเซอร์วิสท่ามกลางความระทึกตื่นเต้นไว้ด้วย อย่างเปิดฉากออกมาผมได้มองกางเกงในสีชมพูของนางเอก(หรือเปล่า) และเพื่อนของพระเอกอยู่ตลอดเวลา จนกระทั้งมาตอนที่ 11 นี้แหละผมเป็นสุดยอดแห่งเซอร์วิสจริงๆ น้ำลายไหล ดูอีกรอบดีกว่า(ล้อเล่น ความจริงผมไม่พิสมัยการ์ตูนที่มีฉากพวกนี้หรอก)

                    สิ่งที่ผมไม่เข้าใจในการ์ตูนเรื่องนี้คือ ทำไมชุดนักเรียนโรงเรียนในการ์ตูนเรื่องนี้ทำไมมันถึงอลังการเนี้ย ชุดผู้ชายไม่เท่าไหร่ แต่ชุดนักเรียนนี้หรูซะไม่มี กระโปรงปาน มีทั้งโบว์ มีทั้งหมวก ชนิดที่ว่าออกมาเดินโชว์ครั้งนอกนี้นึกว่าแต่คอมเพลย์(แต่ถ้ามาเดินแถวบ้านผมละก็เหมือนคนบ้าหลุดจากโรงพยาบาล)

                    
                    การ์ตูนเรื่องราวราวของพระเอกชื่อคาเครุ ซาซึกิ(Kakeru Satsuki) ที่เขามีอดีตความทรงจำในวัยเด็กที่แสนโหดร้าย พี่สาวฆ่าตัวตายเมื่อ 7 ปีก่อน จนทำให้เขาเป็นเด็กกำพร้า โดนกลั่นแกล้ง ด้วยเหตุการณ์เหล่านี้ทำให้เขาเปลี่ยนเป็นคนที่มืดมน ท้อแท้ไปหากแต่ก็ยังดีที่ชีวิตของเขาผ่านพ้นไปได้เพราะกำลังใจจากเพื่อนผู้หญิงสมัยเด็กของเขาชื่อมินาเสะ ยูกะ(Misuzu Kusakabe)

                    คาเครุเป็นเด็กม.ปลาย ที่แตกต่างจากคนอื่นนิดหน่อย ตรงที่ตาของขวาของเขานั้นเป็นสีเหลือง ซึ่งเป็นเหตุให้สมัยเด็กนั้นเป็นที่รังเกียจจากเด็กคนอื่น ทำให้เขาต้องใช้ที่คาดปิดตาขวาเขาอยู่ตลอดเวลา(ผมว่ามันยิ่งเด่นกว่านะ) และเมื่อโตขึ้นเขาก็ได้เป็นเด็ก ม.ปลายธรรมดา ที่ใช้ชีวิตปกติท่ามกลางเพื่อนๆ ที่พูดจากันสนุกสนาน

                    แต่แล้วชีวิตปกติธรรมดานี้ก็ได้เปลี่ยนไป เมื่อเขากับยูกะเห็นพระจันทร์สีดำแดงบนท้องฟ้า และในขณะที่พวกเขาเดินเล่นเพื่อเข้าเมืองไปซื้อของนั้นเอง จู่ๆ โลกรอบข้างของเขาก็แปรเปลี่ยนสภาพไป  เป็นอีกมิติหนึ่ง มิติที่ท้องฟ้ามืดมนเต็มไปด้วยสีแดง ระหว่างที่พวกเขาตะลึงกับสิ่งที่เห็นพวกเขาก็พบว่ามิตินี้ไม่มีมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตอยู่เลย หากแต่จะมีสัตว์ประหลาดที่รูปร่างสยดสยอง(Dark Spirits)ฝูงหนึ่งที่เข้ามาทำร้ายพวกเขา แต่ไม่ทันที่จะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็กลับเข้าสู่โลกเดิม หรือว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นจะเป็นภาพลวงตา...

                    เช้าวันต่อมา ทั้งคาเครุและยูนะต่างช็อกเรื่องเกิดขึ้นเมื่อวานไม่หาย ยูนะเรียกมิติสีแดงว่า “ค่ำคืนสีแดง(Red Night)” เธอบ่นว่านอนไม่หลับ และไม่อยากไปมิตินั้นอีก

                    “ฉันจะปกป้องยูกะเอง” คาเครุพูดขึ้นน้ำเสียงของเขาเสมือนว่าเขาไม่อยากสูญเสียเพื่อนสนิท(แฟน)คนนี้ไป

                    จากนั้นเนื้อเรื่องก็เผยตัวละครที่สำคัญทีละคนทีละคน ไม่ว่าจะเป็นโมโมโนะ ชิโอริ นักเรียนแลกเปลี่ยนจากอิตาลีผู้ลึกลับที่ถือหนังสืออยู่ตลอดเวลา, ทาจิมะ ทาคาฮิสะเด็กหนุ่มท่าทางเหมือนนักเลงที่ไม่สนใจคนอื่นมากนัก, โรฮาระ ยูคิโกะสาวแว่นที่มีอดีตมืดมน และ สาวลึกลับที่เหมือนพี่สาวที่ฆ่าตัวตายเมื่อ 7 ปีก่อนของคาเครุไม่มีผิด

                    
                    และหลังเวลาเลิกเรียน คาเครุและยูนะก็ถูกพามาที่มิติค่ำคืนแห่งสีแดงอีกครั้ง และขณะที่พวกเขากำลังถูกฝูงสัตว์ประหลาดรุมทำร้ายอยู่ และในขณะที่พวกเขากำลังอยู่ในอันตรายนั้นเอง ก็ปรากฏตัวคนที่มาช่วยพวกเขา เธอชื่อ คุซาทาเบะ มิซูซึ สาวรุ่นพี่ผมแดงที่อยู่โรงเรียนเดียวกับพระเอก เป็นมิกะผู้มีพลังวิเศษ เธอเล่าสถานการณ์เหล่านี้แก่ทั้งสองว่า นอกจากเธอแล้วยังมีอีกคนอื่นๆที่ถูกรับเลือกให้มามิติแห่งนี้(ในอมิเนชั่นมีทั้งหมด 7 คน) โดยไม่มีการเตือนว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ที่ไหน เวลาไหน ผู้รับเลือกเหล่านั้นล้วนพลังวิเศษเหนือมนุษย์ และเมื่ออยู่ในมิติแห่งนี้ผู้รับเลือกเหล่านั้นจะถูกสิ่งที่ไม่ใช้คนบุกเข้าทำร้าย ซึ่งทั้งเธอและผู้รับเลือกเหล่านั้นต้องใช้พลังพิเศษของตนปกป้องตนเพื่อเอาชีวิตรอด จนกว่าพวกเขาจะกลับสู่โลกเดิมของตน

                    
                    จากนั้นทั้งสามก็พบว่าที่ตึกสูงแห่งหนึ่งมีเสาประหลาดทั้ง 6 ปรากฏตัวอยู่ ทั้งหมดก็ลองไปสำรวจดูที่นั้นและพบว่าในตึกสูงแห่งนั้นมีคริสตัสอันใหญ่แท่งหนึ่งที่ปรากฏสาวน้อยที่ชื่อ “รีเซ็ต” ผลึกกักขังเอาไว้ เธอสูญเสียความทรงจำก่อนหน้าทั้งหมด และเธอขอร้องให้พวกคาเครุช่วยเธอออกมา แต่ยังไม่ทันที่พวกคาเครุจะทำอะไรมากกว่านั้น จู่ๆ ก็ปรากฏร่างของเหล่าปีศาจที่เรียกว่าอัศวินดำ(
    Black Knights) พวกเขาเรียกพวกคาเครุว่า “ชิ้นส่วน” และบุกเข้ามาเพื่อทำร้ายพวกเขาทันทีโดยไม่ชี้แจงเหตุผล!!

                    สงครามการต่อสู้ระหว่างผู้รับเลือกกับเหล่าฮัศวินดำจึงเกิดขึ้น สงครามนี้จะจบลงอย่างไร เป้าหมายที่แท้จริงของค่ำคืนสีแดงคืออะไรกันแน่ ก็ติดตามกันในอมิเนชั่นเอาเองเถอะ....

                     การ์ตูนเรื่องนี้มีที่น่าสังเกตอะไรหลายๆ อย่าง เช่นชื่อตอนแต่ละตอนเป็นภาษาอังการี(ตอนที่ 1 มีชื่อว่า Piros éjszaka) ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องฮังการี แต่ขึ้นชื่อว่าฮังการีแล้วก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีเรื่องราวเวทมนต์แฝงอยู่มากมาย และบุคคลที่เรารู้จักกันดีที่เกี่ยวข้องกับเวทมนต์ก็คือเอลิซาเบธ บาโธรี่ (Elizabeth Bathory ) ที่มีชีวิตอยู่ในช่วง 1560-1614 ที่ฆ่าคนเพราะคิดว่าถ้าเอาเลือดมาชำระร่างกายผิวเธอจะสวยสดตลอดกาล......โดยเรื่องเริ่มขึ้นเมื่อมีข่าวลือหลายปีเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงชาวไร่ชาวนาหายไปในเขตการปกครองของพระองค์ จนกษัตริย์แมทเทียสที่ 2 ต้องออกมาทำการตรวจค้นที่ปราสาทของเธอและจนได้พบศพของเด็กหญิงที่ตายอย่างโหดร้ายสุดจะบรรยาย เช่น ร่างพรุนด้วยเข็ม ศพไหม้ หรือศพโดนตัดแขนหรือขาหรือส่วนสำคัญของร่างกายออก บางศพมีการบิดเนื้อบิดหน้าแขน และส่วนเกี่ยวกับร่างกายอื่นๆ และทำให้อดอาหารตาย โดยเหยื่อทั้งหมดถูกคิดว่าให้ตัวเลขเกินกว่าร้อยศพ แต่ เนื่องจากสถานะเกี่ยวกับสังคมของเธอจึงไม่ถูกประหาร แต่ให้ขังตลอดชีวิตในห้องขังเดี่ยวๆ ใต้หอคอยแทนจนกระทั้งขาดใจตายในที่สุด 

                    ที่นี้ลองเอาเรื่องของเอลิซาเบธ บาโธรี่มาเปรียบเทียบกับรีเซ็ตแม่มดของเรื่องนี้ดู ปรากฏว่ามันเหมือนกันอย่างน่าประหลาด ไม่ว่าจะการเกี่ยวข้องในความเป็นอมตะ ความเชื่อผิดๆ และความปรารถนาแบบผิดๆ

                    
                     อัศวินดำ(
    Black Knights)  ชื่อของเหล่าอัศวินดำ(ที่ดูไม่ออกว่ามันอัศวินตรงไหน) มาจากภาษาละตินครับ โดยชื่อเหล่านี้มาจาก cardinal sin ซึ่งเป็นบาปที่ร้ายแรง 7 ประการในศาสนาคริสต์ คือ อวาริเที(Avaritia)โลภะ, ไอรา(Ira)โทสะ อินวิเดีย(Invidia) ริษยา, อาซีเดีย(Acedia)ขี้เกลียด, กูลา(Gula) ตะกละ, ซูเปอร์เบีย(superbia) ความเห็นแก่ตัว ที่น่าสังเกตคือการ์ตูนเรื่องนี้ไม่มี ลุกซุเรีย(luxuria)ราคะปรากฏตัวออกมา ไม่รู้ต้องการประชดในตอนที่ 11 และเหล่าตัวละครในเรื่องที่มีราคะหรือเปล่า??

                    
                    หนังสือที่โมโมโนะ ชิโอริ ถือ มีชื่อว่า INDEX LIBRORVM PROHIBIYORVM 
    เป็นหนังสือต้องห้ามครับ เป็นหนังสือฮังการี ที่ถูกห้ามโดยโบสถ์ศาสนา เนื่องจากมองว่าเป็นหนังสือที่ผิดศิลธรรม นอกรีต เพราะเนื้อหาหนังสือกล่าวอ้างถึงเวทมนต์ หรือการใช้คาถา ถูกจัดเป็นสถาบันเวทมนต์ Toaru  Majutsu(ถูกนำไปตั้งเป็นชื่อการ์ตูนในเรื่อง To Aru Majutsu No Index)

                    
                     มังกรเกเออร์กิอุส(dragon Georgius) ร่างแท้จริงของฮัศวินดำอวาริเทียครับ แต่ผมหาเว็บแล้วไม่พบชื่อมังกรตัวที่ว่าเลย แต่พบว่าเป็นชื่อของนักบุญที่ชื่อ Georgius ผู้ขี่ม้าขาวและถือดาบเพื่อปราบมังกรมายาซึ่งมังกรถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ความชั่วร้ายและลัทธินอกศาสนาครับ (ขอผมไปหนังสือรวมเรื่องมังกรก่อนจะเพิ่มเติมให้ครับ)

                    
                    อบารักซัส(Abraxus)นางฟ้าผู้พิทักษ์ของพี่สาวคาเครุที่ปรากฏในตอนต้นเรื่อง ผมหาที่มาชื่อนี้ไม่เจอ แต่ดันไปเจอในชื่อ Abraxas ซึ่งหมายถึงภูตชนิดหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกับผู้นำ ผู้สร้าง อมตะ และนอกจากนี้ยังเป็นชื่อเวทมนต์ที่ปรากฏในเวทมนต์กรีก หรือเป็นชื่อของสุริยเทพ อบราซัส (Abraxas) ความเป็นนิรันดรและ จิตวิญญาณแห่งโลก

                    หลังจากที่พระเอกได้พลังวิเศษและต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายจนถึงกลางเรื่อง เรื่องราวทั้งหมดก็เปิดเผยออกมา ความจริงแล้วเหล่าอัศวินดำที่หลายๆ คนคาดว่าเป็นตัวโกงนั้น ความจริงแล้วครั้งหนึ่งพวกเขาเคยเป็นมนุษย์ ที่ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยผลึกแม่มดชั่วร้ายคนหนึ่งนามรีเซลอท(Liselotte)แม่มดแห่งบาบิลอนหรือชื่อปัจจุบันคือรีเซ็ต ที่มีความคิดจะทำลายล้างโลก แต่ผลการผลึกนั้นทำให้คนที่ผลึกเธอกลับกลายเป็นรูปร่างที่น่ารังเกียจที่เรียกว่า “อัศวินดำ”

                    แม้ว่าเหล่า “อัศวินดำ” จะมีรูปร่างที่น่ารังเกียจ แต่พวกเขาไม่ลดละหน้าที่จะผลึกแม่มดรีเซลอทเอาไว้ แต่แม่มดตนนั้นฉลาดมากกว่าที่คิด เธอรู้ว่าผลึกอำนาจของเธอถึงแบ่งเป็น 7 ส่วน ถูกแยกไปอยู่ตามที่ต่างๆ บนโลกใบนี้ และผลึกเหล่านั้นได้ฝังตัวผู้รับเลือก(พวกคาเครุ) ดังนั้นเธอจึงเรียกตัวเหล่าผู้รับเลือกมายังมิติค่ำคืนสีแดง เพื่อให้เธอจะมีโอกาสที่ได้รับพลังจากผลึกทั้ง 7 จากในตัวผู้รับเลือกเหล่านั้น ทำให้เธอมีพลังอำนาจโดยสมบูรณ์

                    เหล่าอัศวินดำทราบวัตถุประสงค์ของแม่มดตนนี้ดี และพยายามขัดขวางโดยการจัดการฆ่าผู้รับเลือกเหล่านั้นโดยไม่ชี้แจงเหตุผลแก่ผู้รับเลือก

                    
                    เห็นไหมครับ ได้ข้อคิดเลยตอนนี้ หลายๆ อย่างเลยแหละ ไม่ว่าจะเป็นอย่ามองคนในรูปร่างหน้าตา ปกตินี้เวลาเรานึกภาพตัวโกง ก็ต้องนึกถึงพวกรูปร่างประหลาดพิลึก และสีดำไว้ก่อนล่ะ แต่ปรากฏว่าการ์ตูนเรื่องนี้ได้เปลี่ยนตัวโกงที่เรามองตอนแรกกลายเป็นคนดีไป  พวกเขายอมเสียสละตัวเองเพื่อปกป้องส่วนรวม แม้ว่าวิธีการของพวกเขาจะไม่ถูกนักก็ตาม

                    ข้อคิดในต่อมาการที่อัศวินดำพยายามฆ่าผู้รับเลือก(พวกของคาเครุ)โดยไม่ชี้แจงเหตุผลที่ทำนั้น ถือว่าเป็นเรื่องผิดมากๆ ผลออกมาคือทั้งสองฝ่ายต่างไม่เข้าใจกันและกัน สู้กันอย่างไร้เหตุผล ดูถูกซึ่งกันและกัน จนทั้งสองฝ่ายต่างพบกับความสูญเสีย ผลสุดท้ายรีเซลอทก็ฟื้นคืนชีพและจัดการทั้งสองฝ่ายในที่สุด

                    นี้แหละคือผลของการไม่พูดปรึกษากันก่อนและความไม่เข้าใจกันและกัน

                    ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ ที่จัดการโดยไม่พูดหรือไม่ปรึกษากันระหว่างฝั่งสองฝ่าย สงครามที่เกิดขึ้นบนโลกทุกวันนี้ก็เป็นเพราะการที่ทั้งสองฝ่ายไม่ปรึกษาเข้าหากัน  ทั้งสองฝ่ายต่างพูดกันคนละภาษา ผลออกมาคือความขัดแย้ง, ความวิบัติซิบหาย, ความสูญเสียของทั้งสองฝ่าย และผลสุดท้ายที่ได้รับผลประโยชน์คือมือที่สามที่มากอบโกยผลประโยชน์นั้นเอง

                    ทำไมเหล่าอัศวินดำและเหล่าผู้รับเลือกไม่มาพูดคุยกัน ทำความเข้าใจกัน หันหน้าเข้ามาหา ตกลงกันว่าเราจะแก้ปัญหาเหล่านี้ยังไงดี เอางี้ดีไหมรวมหัวกันฆ่ารีเซลอทซะ เพราะเธอเป็นตัววิบัติโลก หรือว่าอย่าไปที่นั้นนะมันอันตรายเดี๋ยวรีเซลอทจะตื่นอะไรแบบนี้

                    แต่ปรากฏว่าเหล่าอัศวินดำไม่สนใจที่จะอธิบายหรือให้คำปรึกษาแก่ผู้รับเลือกใดๆ ทั้งสิ้น มิ่งเข้ามาในสถานที่ต้องห้าม โทษของพวกแกคือตายสถานเดียว แล้วทำร้ายผู้รับเลือกโดยไม่สนใดๆ ทั้งสิ้น

                    โหย..........ไม่ใช่แค่เหล่าผู้รับเลือกนะครับ เป็นผมก็ทำแบบพวกเขา คือต้องสู้เพื่อเอาตัวรอดสิ จู่ๆ คุณเจอสิ่งมีชีวิตรูปร่างน่าเกลียดและโผล่ออกมาเพื่อทำร้ายคุณโดยไม่มีเหตุผล มีคนบ้าที่ไหนจะยืนเฉยๆ ให้ฆ่า มันก็ต้องสู้สิ  มันรุนแรงกับเรา เราก็รุนแรงกับมันตอบสิ ที่ทำแบบนี้เพื่อป้องกันตัว มันผิดด้วยเหรอ??

                    นี้แหละคือสิ่งที่เหมือนกันซึ ในการ์ตูนเรื่องกันซึมนุษย์ที่ถูกกันซึเลือกต้องฆ่าศัตรูที่เป็นเป้าหมาย ด้วยไม่รู้ว่าฆ่าเพื่ออะไร? ทำไมถึงต้องทำ? แต่ที่แน่ๆ พวกเขาทำเพราะเพื่อป้องกัน เอาชีวิตรอด และไม่ต้องกลัวบาปหรือไม่ลังเล เพราะสิ่งที่พวกเขาฆ่านั้นมันไม่ใช้คน ดูรูปร่างสิ น่าเกลียดน่ากลัว ฆ่าไปก็ไม่ผิดกฎหมายหรอก

                    ยิ่งมนุษย์เป็นพวกที่ชอบอยากรู้อยากเห็น ยิ่งเจอเหตุการณ์ที่สัตว์ประหลาดจะฆ่าเรา ยิ่งอยากรู้เหตุผลว่าทำไมเอ็งต้องฆ่าฉันด้วยเล่า และสิ่งที่จำเป็นต้องไขปริศนาก็ต้องเป็นสถานที่รีเซลอทผลึกอยู่ กลายเป็นว่าเป็นการเร่งให้รีเซลอทตื่นขึ้นเข้าไปอีก

                    
                     น่าสังเกตคือสถานที่หลักของเรื่องคือ “ค่ำคืนสีแดง” ค่ำคืนสีแดงนั้นก็เปรียบเสมือนโลกที่ไร้ชีวิตชีวา มืดมน ขาดข่าวสาร และไร้เวลา นอกจากนี้สีแดงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งความร้อนแรงและมีอำนาจ ในทางศาสนาสีแดงหมายถึงสัญลักษณ์แห่งบาปคือโทสะ (แต่กระนั้นสีแดงก็มีหลายๆ ความหมายอย่างเป็นสีประจำวันอาทิตย์ เป็นสีของดอกกุหลาบ(ความรัก), เลือด, เป็นส่วนประกอบของธงชาติต่างๆ เช่นไทย,สเปน, ญี่ปุ่น)

                    มิติ(โลก)แห่งนี้ก็คืออำนาจ ยิ่งเป็นโลกที่ขาดข่าวสารและไร้เวลา เหล่าอัศวินดำก็เหมือนนักเผด็จการบางประเทศที่พวกเขาคิดว่าจะจัดการปัญหาเหล่านี้กันเองโดยไม่จำเป็นต้องปรึกษาใครเท่านั้น ผลก็ออกมาอย่างที่เห็น วายวอด............

                    ถึงแม้เหล่าอัศวินดำจะมีชื่อสื่อถึงบาปทั้ง 7 แต่ดูเหมือนว่าเหล่าพวกคาเครุนั้นดูเหมือนจะเป็นตัวแทนของเหล่าบาปมากกว่าเหล่าอัศวินดำในเรื่องเสียอีก

                    ทาจิมะ ทาคาฮิสะ ตัวแทนของบาปโทสะ อดีตเด็กกำพร้าที่ขาดสติเพราะการจากไปของคนที่เขารักคนเดียวในชีวิต จนขาดความรอบคอบ ส่งผลให้เขาก่อบาป ทำให้คนที่ถูกลูกหลงกลายเป็นเด็กกำพร้าเหมือนกับเขา

                    คุซาทาเบะ มิซูซึ ตัวแทนของบาปหยิ่งทะนงและทะเยอทะยาน ผู้ต้องการอำนาจ เพื่อตามรอยนักเวทย์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง เธอลดตัวปรึกษาแลกเปลี่ยนความรู้กับคนอื่นๆ ขาดมนุษย์สัมพันธ์ ศึกษาวิชาด้วยตนเอง จนคนรอบข้างต่างรังเกียจ(ยกเว้นพวกคาเครุ)

                    มินาเสะ ยูกะ ตัวแทนของบาปริษยาและขี้หึ่งระดับสุดยอด เพียงแค่เธอเห็นคาเครุกอดคุซาทาเบะ มิซูซึนิดๆ หน่อย เธอก็ริษยาและบ้าเลือดขึ้นมาแล้ว ส่งผลให้เธอได้ตัดสินใจอะไรผิดๆ จนเกิดเรื่องตามมามากมาย

                    ตัวละครอื่นๆ ที่เหลือไม่ปรากฏบาปทั้ง 7 เด่นชัด แต่กระนั้นขึ้นชื่อว่ามนุษย์แล้วก็มีความผิดที่ไม่ให้อภัย(บาป)หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นพระเอกคาเครุที่ไม่พูดคุยกับยูนะให้ชัดเจนจนผิดใจกันทั้งสองฝ่าย หรือจะเป็น โรฮาระ ยูคิโกะสาวนักฆ่าที่ฆ่าคนมามากมาย(รูปร่างเธอเหมือนนักฆ่าตรงไหนนี้??)และความรักบังตาจนขาดสติเป็นต้น

                    

                    อย่างที่บอกแม้การ์ตูนนี้จะเน้นแอ็คชั่นบ้าพลังไปหน่อย และอาจงงเรื่องทฤษฏีโลกคู่ขนานเล็กน้อย(ผมกดข้ามเลย) แต่สิ่งที่เป็นข้อคิดของการ์ตูนเรื่องนี้คือความไม่เข้าใจกันและกันต่างหาก

                    ผมมาสะดุด พูดของโรฮาระ ยูคิโกะ“เพื่อวันนี้ของพ้องเพื่อน (รวมกันเราอยู่ แยกหมู่เราตาย) ” แต่กระนั้นดูเหมือนว่าเหล่าสมาชิกในทีมนั้นจะไม่ได้สู้เพื่อเพื่อนนัก ทุกคนสู้เพื่อตนเอง คนที่เห็นเด่นชัดคือพระเอกคาเครุนั้นแหละเพราะตั้งแต่ต้นเรื่องจนเกือบจบ พี่แกก็พูดแต่ประโยคเดียวว่า “ฉันจะปกป้องยูนะเอง” โดยไม่สนความเป็นไปของสมาชิกคนอื่นๆ เลย อีกทั้งสมาชิกคนอื่นๆ ก็แตกแยกเป็นคนละทิ้งละทางด้วย อย่างที่เห็นในตอนท้ายเรื่อง สาเหตุก็คือการขาดประสานงานที่ดี ขาดสภาวะของผู้นำ พระเอกที่คาดว่ามีคุณสมบัติผู้นำกับกลายเป็นคนที่มีดมนใช้คำพูดไม่เก่ง ไม่สามารถแสดงพลังของความเป็นผู้นำได้ แม้จะมีพลังวิเศษมากขนาดไหนก็ตามถ้าขาดอีคิว(ความฉลาดทางอารมณ์) ยังไงทีมก็ไปไม่รอดหรอก

                    
                   นอกจากนี้พระเอกคาเครุก็ไม่สามารถตอบเคลียร์ปัญหาระหว่างหัวใจกับปัญหารักสามเศร้าได้ เมื่อเห็นยูนะแสดงอาการหึ่ง ในตอนที่เธอเห็นคาเครุอยู่กันสองต่อสองกับรุ่นพี่ แทนที่จะพูดให้เครียร์ว่าไม่ได้มีใจให้ กลับกลายเป็นเอาแต่อึ้มๆ อึ่งๆ(คงเป็นเพราะนิสัยไม่ค่อยพูดของพระเอกกระมั้ง) คาเครุน่าจะศึกษาเรื่องธรรมชาติของผู้หญิงหน่อยนะว่า ความหึ่งของผู้หญิงนั้นเป็นอันตราย และทำลายความสัมพันธ์อย่างร้ายแรงที่สุด นิสัยของผู้หญิงจะหึงอยู่เสมอเมื่อมีความรัก เมื่อรักใครสักคนก็อยากแสดงความเป็นเจ้าของ จนเกิดอารมณ์หึงหวงขึ้น

                    อย่าล้อเล่นกับความหึงหวง ตัวอย่างก็มีให้เห็นในโลกแห่งความจริงอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นข่าวสาวหึงโหดฆ่าตัดเป็ดชาย, สาวเอาปืนยิงชายเจ้าชู้, ภรรยาฆ่าสามีเพราะเธอคิดว่าเขานอกใจ เป็นต้นโดยจากการสังเกตคดีเหล่านี้สาวเจ้าผู้ก่อเหตุนั้นสังหารแฟน(ผู้ชายที่เธอรัก)เหล่านั้นโดยไม่มีหลักฐานเลยว่าชายคนนั้นนอกใจเธอหรือเปล่า สาเหตุที่ฆ่าเกิดจากอารมณ์ล้วนๆ ไม่ใช้เพราะมีการวางแผนฆ่าหรืออยากฆ่าแต่อย่างใด

                    แล้วคาเครุจะแก้ปัญหาหึ่งของยูนะยังไง มันง่ายๆ ก็พูดคุยให้เข้าใจกัน ไม่ใช้แค่ว่าคุณวิ่งตามนางเอกอย่างกับหนังอินเดียจนถึงด่านฟ้าแล้วพูดประโยคไม่กี่ประโยคแล้วกอดกันเฉยๆ เวลาอยู่ตัวคนเดียวหรือจะไปหาใครควรอธิบายฝ่ายตรงข้ามให้เข้าใจ อย่าพูดโกหกหรือพูดครุมเครือ เพราะเกิดคุณเธอรู้ความจริงมันจะกลายเป็นการเข้าใจผิดใหญ่โต

                    เอาเถอะถึงอย่างไร หึงก็ยังดีกว่าไม่หึงอ่ะนะ แสดงว่าเรื่องนี้นางเอกรักพระเอกระดับสุดยอด!!(ความรักมันบังตา)

                    
                    คนต่อมาก็คือแม่มดอมตะรีเซลอท เธอก็เป็นอีกคนหนึ่ง ที่ไม่เข้าใจประโยคของคนอื่นให้แน่ชัด ขาดความเข้าใจกันแล้วกัน จนมีความปรารถนาแบบผิดๆ

                    “โลกใบนี้นะ พังพินาศไปได้ซะก็ดี”

                    แม่มดอมตะรีเซลอทได้ยินประโยคนี้จากปาก “วาราด” อดีตคนรักของตนและอดีตคนรักของตนที่เป็นกษัตริย์ปกครองประเทศแห่งหนึ่ง(จำชื่อไม่ได้นะ ชื่อจำยากเป็นบ้า) เขาพูดประโยคนี้หลังจากเขาเห็นประเทศกำลังล่มสลายจากเปลวไฟที่มอดไหม้ในอดีตกาล(ตอนที่ 11)

                    ในตอนนั้นรีเซลอทไม่ได้สนใจประโยคเท่าไหร่นะ เลยไม่ได้ถามว่าเวราดประโยคนี้หมายถึงอะไรกันแน่ เขาอาจแค่พูดตัดพ้อมากกว่าอยากให้โลกสูญสลายจริงๆ ก็เหมือนกับชีวิตจริงของคนเราเวลาสอบเข้ามหาลัยที่ต้องการไม่ได้แล้วผิดหวังจากนั้นก็บ่นว่า “โลกนี้ไม่ยุติธรรม สมควรหายไปซะ เป็นต้น”

                    วาราดพูดประโยคนี้ด้วยความสิ้นหวัง เพราะบ้านเมืองของเขาถูกทำลายต่อหน้าต่อตา แต่แม่มดอมตะรีเซลอทนั้นรู้สึกเธอหลงไหลตัววาราดชนิดเรียกว่าโดนความรักบังตามากกว่าไม่เข้าใจความหมายว่าประโยคนี้มันแปลว่าอะไรกันแน่ และรีเซลอทไม่ได้ทำเข้าใจกันและกันกับวาราด เพราะเจ้าของประโยคนี้คือวาราดถูกฆ่าในสนามรบแล้ว(มันโดนฆ่าได้ไงเนี้ย เอ็งมีพลังรู้อนาคตไม่ใช่เรอะ)  เธอเลยแปลตรงๆ คือวาราดต้องการให้โลกนี้สูญสลายไป เธอเลยยึดมั่นประโยคนี้เพื่อให้ความปรารถนาของคนรักเป็นจริงให้ได้ แม้เวลาจะผ่านหลายร้อยปีก็ตาม

                    รีเซลอทคงลืมประโยคก่อนหน้าก่อนที่วาราดจะพูดคำว่า “โลกใบนี้นะ พังพินาศไปได้ซะก็ดี” ก่อนพูดประโยคนี้วาราดพูดว่า “ทำไมถึงเกลียดชังกันนัก? ทำไมถึงต้องเข่นฆ่ากัน? จิตใจที่รักใคร่มันหายไปไหนหมด? ความเชื่อใจทำไมถึงไม่มี?” รีเซลอทตอบว่า “นี้แหละมนุษย์” ประโยคนี้แสดงว่ารีเซลอทเข้าใจมนุษย์ แต่ทำไมเธอถึงไม่รู้ว่ายังมีมนุษย์กลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งที่รักใคร่สามัคคีกัน รักสันติ ไม่ชอบความรุนแรงอยู่ด้วย จะผิดจะถูกก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่วาราดตอนนั้นอยู่สภาพที่สิ้นหวังเขาเลยอุทานประโยคนี้ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วเขาคงเป็นกษัตริย์ที่ดี รักมใคร่ประชาชน ปรารถนาให้โลกนี้สันติ สงบสุขมากกว่า มากกว่าที่จะทำลาย แต่เพราะปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งลังแท้ๆ เขาเลยโทษส่วนรวมและคิดกำจัดทิ้ง เลยพูดประโยคนี้ขึ้นมา

                    เห็นไหมละคำพูดที่ดูคลุมเครือก็ส่งผลให้คนเข้าใจแบบผิดๆ ได้

                   
                    
    เรื่องต่อจากนี้เป็นอย่างไรนั้น ก็ขอให้ทุกคนลองไปชมไปดูเอาเองนะครับ ส่วนสนุกหรือไม่สนุกนั้นผมไม่ขอบอก(นอกจากจะบอกว่าออกแบบตัวละครโหล่มากๆ) เรื่องนี้ไม่มีใครถูกใครผิดหรอก ไม่มีใครเลวใครชั่วด้วย หรือแม้กระทั้งแม่มดรีเซลอทเธอก็ไม่ใช่คนเลวเพราะเธอเป็นคนยึดมั่นในความรัก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดคือความไม่เข้าใจกันและกันมากกว่า ที่ก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมและการต่อสู้ที่ไร้ความหมายในครั้งนี้

                    การ์ตูนเรื่องนี้จบค่อนข้างดี ไม่ผิดหวัง ในฉากสุดท้ายก็ปรากฏพระจันทร์สีดำขึ้นมาอีกครั้ง หากแต่ไม่รู้ว่าพระจันทร์ที่ปรากฏนั้นเป็นโลกอีกมิติหนึ่งหรือจิตใจดำมืดของคนกันแน่?

    + +  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×