ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องจริงทะลุโลก (Of The World)

    ลำดับตอนที่ #34 : ฟัวกราส์(Foie gras)อาหารบาป??

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ย. 51



                    มีคนมาขอฟัวกราส์.... พอดีของเก่าผมหายและผมไม่ได้ตั้งกระทู้เลยไม่สามารถหาได้ และเมื่อผมเปิดกูเกิลดูปรากฏว่ามีคนลอกของผมไปไว้ในเว็บอื่นเยอะ...........ซึ่งผมอ่านแล้วเออมันมีแต่โหดอย่างเดียว มันไม่มีความรู้อะไรเลย ผมเลยเขียนใหม่หมดเลยครับ แปลและย่อมาจาก http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2 ใครจะลอกไปที่ไหนก็ควรให้เครดิตนะครับถ้าผมไปเห็นที่ไหนไม่ใส่เครดิตอีก ผมจำเป็นต้องกดกันคัดลอกแล้วละเพราะตอนนี้คนช่วยแปลของผมออกมาโวยแล้วที่เห็นผลงานแปลของเขาถูกคนไปลอกโดยไม่ใส่เครดิตเอาไว้

     

     


    ฟัวกราส์(
    Foie gras)

     

    ฟัวกราส์ (ฝรั่งเศส: Foie gras หรือ fat liver) คือตับห่านหรือเป็ดที่ถูกเลี้ยงให้อ้วนเกิน ฟัวกราส์ได้ชื่อว่าเป็นอาหารฝรั่งเศสที่ดีที่สุด เช่นเดียวกับทรัฟเฟิล มีลักษณะนุ่มมันและมีรสชาติที่แตกต่างจากตับของเป็ดหรือห่านธรรมดา และเป็นหนึ่งในอาหารฝรั่งเศสที่ทั่วโลกรู้จักมากที่สุดนอกเหนือจาก ไข่ปลาคาเวียร์(caviar)...

    ฟัวกราส์เป็นอาหารราคาแพง  ราคาเริ่มต้นที่ เจ็ดสิบยูโรต่อกิโล ไปเรื่อย ๆ เคยเห็นสูงสุดที่ร้อยห้าสิบยูโร แต่คงมีสูงกว่านี้  แต่ยังแพงน้อยกว่าไข่ปลาคาเวียร์ รสชาติก็คงตามราคา กินตามงานเลี้ยง และร้านอาหารที่มีในเมนูที่สั่งบ้าง แต่บ่อยหรอก โดยฟัวกราส์ ถ้าคุณภาพดี เนื้อตับจะแน่น เนื้อละเอียด นุ่มลิ้นไม่ต้องเคี้ยว ใช้ลิ้นดันให้ละลายในปากได้

    การที่จะทำฟัวกราส์สักชิ้นนั้นส่วนใหญ่มักใช้เป็ด Moulard ขุน และเมืองที่ขึ้นชื่อทำตับห่านมากที่สุดคือเมือง Strassburg เนื่องจากเมืองนั้นเป็นผู้ผลิตหลักของผลิตภัณฑ์อาหารชนิดนี้

    ฟัวกราส์เป็นอาหารที่มีชื่อเสียงมาก เป็นที่รู้จักกันดีในรสชาติละเอียดอ่อนบวกกับฝีมือการทำอาหารฝรั่งเศสทำให้รสชาติของมันไม่สามารถบรรยายด้วยคำพูด ทำให้ตับห่านฟัวกราส์ที่ออกมาวางขายแต่ละครั้งมักขายหมดไปอย่างรวดเร็ว

    ฟัวกราส์นั้นเป็นอาหารชั้นเลิศที่สุดของฝรั่งเศส ซึ่งในประเทศฝรั่งเศสนั้นแบ่งรูปแบบของอาหาร เป็นลำดับชั้น คือ

    1. Haute Cuisine อาหารที่ปรุงอย่างหรูหราสำหรับคนร่ำรวยใช้เวลาในการเตรียมนาน และเมื่อเสิร์ฟก็ต้องตกแต่งอย่างสวยงาม

    2. Cuisine Bougeoise อาหารที่ทำกินกันเองในบ้าน แต่ใช้เครื่องปรุงที่มีคุณภาพ

    3. Nouvelle Cuisine อาหารแนวใหม่ใช้เครื่องปรุงธรรมชาติแบบดูแลสุขภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจลดน้ำหนัก

    4. Cuisine des Province อาหารพื้นบ้านชนบทใช้เนื้อสัตว์และผักนานาชนิด โดยไม่แปรรูปให้วิจิตรพิสดาร

    ใช่ว่าฟัวกราส์ทุกชิ้นจะเป็นของชั้นดีที่สุด มีบ้างที่การขุนเป็ดอาจไม่ได้ฟัวกราส์ชิ้นดี และล้มเหลวเป็นตับคุณภาพต่ำ ซึ่งฟัวกราส์คุณภาพต่ำเหล่านั้นจะถูกนำไปปรุงเป็นอหารชนิดอื่น(ที่คุณภาพต่ำ) เช่นขนมปังปิ้ง ย่าง ไอศกรีม ฯลฯ

    ต้นกำเนิดฟัวกราส์แท้ๆ ไม่ใช้ฝรั่งเศส เพราะจากประวัติศาสตร์โลกพบว่าการเลี้ยงขุนสัตว์ปีกด้วยหลอดอาหารที่มีอายุเก่าแก่พบว่ามันมีมาตั้งแต่ 2500  BC มาแล้ว โดยในประเทศอียิปต์คนโบราณเริ่มขุนนกโดยการสอดหลอดใส่อาหารบังคับให้มันอ้วน โดยหลักฐานอยู่ในในสุสานของ Saqqara ที่Mereruka มีภาพผนังรูปคนกำลังบังคับนกให้กินอาหารทางหลอดอาหาร ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศอียิปต์ถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมีการรู้จักวิธีนี้มานานจากนั้นักกวีกรีกชื่อ Cratinus ได้เขียนเกี่ยวกับการขุนอาหารนี้เช่นกันโดยเล่าว่าประเทศอียิปต์มีชื่อเสียงและต้นกำเนิดการขุนอ้วน ต่อมา361 BC เมื่อกษัตริย์เมืองสปาตาชื่อ Agesilaus ได้ไปเยี่ยมประเทศอียิปต์ใน และเขาก็สนใจการขุนอาหารแบบนี้เลยเผยแพร่เข้าไปยุโรปในกาลต่อมา และมันก็เผยแพร่ไปทั่วโลก เช่น สหรัฐ และจีนในที่สุด

     อย่างไรก็ตามฟัวกราส์ในแต่ละประเทศนั้นไม่เหมือนกัน การขุนอาหารก็ต่างกันด้วยเช่นใช้ลูกพิชในการขุน ใช้อาหารหมาในการขุน หรือพืชที่มีอยู่ในท้องถิ่น ฯลฯ ซึ่งอาหารที่แต่ชนิดทำให้สัตว์ที่กินมีการขยายของตับต่างกัน

     
                     หลังจากอาณาจักรโรมันนำวิธีการขุนเป็ดด้วยหลอดอาหารนั้นมาเผยแพร่ ปรากฏว่าช่วงแรกไม่ได้รับความนิยมมากนัก เนื่องจากชาวไร่ชาวนายุคกลางฝรั่งเศสส่วนใหญ่เลี้ยงหมูส่วนใหญ่ กว่าที่ยุโรปจะค้นพบมันก็ต้องรอถึงศตวรรษต่อมา โดยมีชาวยิวเป็นผู้ซึ่งเรียนรู้วิธีของขยายตับของห่านและขายมันให้พวกโรมันหรือชาวบ้านในยุโรป ซึ่งชาวยิวพวกนี้เองที่เป็นคนช่วยเผยแพร่วิธีทำอาหารนี้ไปทั่วยุโรปโดยการอพยพไปทางเหนือและทางตะวันตกหรือแดนที่แดนไกล โดยใช้นำน้ำมันหมู, น้ำมันต้นมะกอก และเนยเหลวในการขุน และการขุนด้วยสัตว์นี้ก็เริ่มโต้เถียงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาแล้วด้วยเนื่องจากศาสนายิวและศาสนาบางประเทศไม่ยอมรับวิธีการขุนสัตว์แบบนี้เพราะเสมือนเป็นการทรมานสัตว์และทำให้สัตว์พิกลพิการ

    ต่อมาในปี 1570  Bartolomeo  Scappi คนครัวของพระสันตะปาปา Pius V ได้คิดค้นทำฟัวกราส์แบบมาตรฐานขึ้นโดยเริ่มใช้ห่านในการขุนเพื่อเอาตับ มีการเขียนหนังสือบรรยายในการทำและใช้มาตรฐานการตวงแบบชั่งอาหารที่ให้เป็ดกิน ซึ่งต่อมาตำราเล่มนั้นได้ถูกนับมาปรับปรุงโดยพ่อครัวที่มีชื่อเสียงหลาย และคำว่าฟัวกราส์ เป็นคำที่มาจากพ่อครัว Michael Apafi (ใน 1680) พ่อครัวของเจ้าชายTransylvania ตั้งชื่ออาหารชนิดนั้น(คำว่าฟัวกราส์อาจมีมาก่อนพ่อครัวคนนี้ตั้งก็ได้) รวมไปถึงวิธีการทำอาหารโดยใช้การย่างหรืออบอาหาร และเครื่องปรุงต่างๆ และมีการพัฒนาปรับปรุงเป็นฟัวกราส์ชั้นเลิศในที่สุด

    ทุกวันนี้ประเทศฝรั่งเศสเป็นผู้ผลิตฟัวกราส์มากที่สุด และผู้บริโภคฟัวกราส์มากที่สุดด้วย  นอกกจากนี้ยังมีประชาชาติชาวยุโรปอื่น สหรัฐ และจีนซึ่งเป็นผู้ผลิต-บริโภคฟัวกราสต์เป็นอันดับต้นๆ ของโลกโดย


                   จากสถิตทั่วโลกมีการผลิตฟัวกราส์ประมาณ
    23,500 ตัน ในจำนวนนี้ ประเทศฝรั่งเศสเป็นผู้ผลิตมากที่สุดคือ 18,450 ตัน หรือร้อยละ 75 ของทั้งหมด โดยร้อยละ 96 ของฟัวกราส์จากฝรั่งเศสมาจากตับเป็ด และร้อยละ 4 มาจากตับห่าน ประเทศฝรั่งเศสบริโภคฟัวกราส์ใน พ.ศ. 2548 เป็นจำนวน 19,000 ตัน

    ประเทศฮังการีผลิตฟัวกราส์มากเป็นอันดับสอง และส่งออกมากเป็นอันดับหนึ่ง คือ 1,920 ตันใน พ.ศ. 2548 โดยเกือบทั้งหมดส่งออกไปที่ฝรั่งเศส และรองลงมาคือออสเตรเลีย, ประเทศอาร์เจนตินา สหรัฐและจีนลดหย่อนลงมา โดยฟัวกราส์ดิบจะแยกประเภทเป็นชั้น B หรือ C 

    ฟัวกราส์ที่ถูกกฎหมายนั้นจะมีราคาแพงมากซึ่ง ในฝรั่งเศสฟัวกราส์ตอนแรกนั้นมันจะอยู่ในบล็อกแม่พิมพ์เพื่อคงรูป ส่วนการเตรียมทำอาหารจะถูกแบ่งขายใส่ในแก้ว หรือโลหะเพื่อการเก็บรักษาระยะยาว

    โดยปกติฟัวกราส์สด ไม่สามารถหาได้ในฝรั่งเศสในวันคริสต์มาสเพื่อมันถูกขายหมดอย่างรวดเร็ว ซึ่งสถานที่ที่จะหาอาหารชนิดนี้ได้ก็คือห้างใหญ่ๆ ในเมืองหลวงฝรั่งเศสเท่านั้น

    คราวนี้มาถึงวิธีการทรมานสัตว์เพื่อได้ฟัวกราส์บ้าง...........

                    อย่างที่ว่าปกติชาวฝรั่งเศสจะใช้เป็ดพันธุ์ มัวลาร์ด(Moulard)   ในการผลิตฟัวกราส์ ซึ่งเป็ดพันธุ์ มัวลาร์ด นั้นเกิดจากการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างเป็ดเพศชาย มัสโควี่(muscovy)และเป็ดเพศหญิง พีคิน (pekin )โดยทั่วไปเขาจะจับเป็ดชนิดนั้นขังในกรงแคบๆ ไม่ให้มันเดินมากกว่าจะปล่อยในพื้นที่โล่งๆ เพราะพวกเขาไม่อยากให้เป็นที่ทำฟัวกราส์นั้นออกกำลังกาย

    พื้นฐานการเลี้ยงอาหารโดยหลอดใส่อาหารเพื่อได้ฟัวกราส์นั้นเรียกรวมๆ ว่า gavage ซึ่งต่อมาโต้เถียงจากหลายๆ ฝ่าย ในเรื่องการทรมานสัตว์ เพราะเพื่อให้ได้มาซึ่ง ฟัวกราส์  ห่านที่ขุนจะทรมานมาก คนเลี้ยงห่านจะให้ห่านกินอาหารเข้าไปเยอะ ๆ ห่านจะได้โต วิธีการให้มันกินเยอะ ๆ ก็คือ จับห่านมาบีบคอให้อ้าปาก แล้วเอาอาหารมากรอกโดยการเอาหลอดอาหารใส่เข้าไปในคอห่าน ใส่จากทางปาก  เมื่อได้ระยะที่ต้องการก็นำมาฆ่า ผ่าท้องก็จะได้ตับห่านสีขาว (หรือตับเป็ด) ที่มีขนาดโตผิดปกติจากการให้อาหารพิเศษบางอย่างเพื่อให้ตับทำงานหนัก

     จับขังไว้ในกรงแคบๆ ไม่ให้เคลื่อนไหวมากจะได้ไม่เสียพลังงานมากเกินไป

    จับขังไว้ในกรงแคบๆ ไม่ให้เคลื่อนไหวมากจะได้ไม่เสียพลังงานมากเกินไป

     

     ปั๊มอัดข้าวโพดเข้าไปในท่อ เท่าที่จะมีแรงอัดได้ วันละ 2-3 ครั้ง

    ปั๊มอัดข้าวโพดเข้าไปในท่อ เท่าที่จะมีแรงอัดได้ วันละ 2-3 ครั้ง

     

     อัดแบบนี้

    อัดแบบนี้

     

     หรือแบบนี้

    หรือแบบนี้

     

     กินมากก็พาลถ่ายลำบาก บวกกับแอมโมเนียในเล้า ก้นก็พัง อย่างที่เห็น

    กินมากก็พาลถ่ายลำบาก บวกกับแอมโมเนียในเล้า ก้นก็พัง อย่างที่เห็น

     

     บางตัวโดนกระแทกมากๆ จนปากฉีกก็มี(แต่คนเลี้ยงก็ไม่สนใจ)

    บางตัวโดนกระแทกมากๆ จนปากฉีกก็มี(แต่คนเลี้ยงก็ไม่สนใจ)

     

     หรือไม่ก็ต้องอาเจียรออกมา เพราะมันมากเกินไป

    หรือไม่ก็ต้องอาเจียรออกมา เพราะมันมากเกินไป

     

     บ้างก็ขาเสีย

    ขาเสีย

     

     

     

     เปรียบเทียบขนาดของตับปกติ กับตับที่เลี้ยง ด้วยวิธีเลี้ยงแบบพิศดารนี้

    เปรียบเทียบขนาดของตับปกติ กับตับที่เลี้ยง ด้วยวิธีเลี้ยงแบบพิศดารนี้

     

    ฟัวกราส์เป็นอาหารฟุ่มเฟือย ขนาดในฝรั่งเศสจะบริโภคฟัวกราส์ในโอกาสพิเศษเท่านั้นเช่นวัน คริสต์มาสหรือเวลาเย็นของปีใหม่ แต่ในบางพื้นที่ของฝรั่งเศสฟัวกราส์ถูกเพราะมีการเปลี่ยนแปลงของวิธีการผลิตในปี1950

    องค์การสิทธิสัตว์ทุกแห่ง และองค์การความเป็นอยู่สัตว์เกือบทุกแห่ง ถือว่าขั้นตอนการผลิตฟัวกราส์นั้นโหดร้าย เนื่องจากการบังคับป้อนอาหาร และผลกระทบต่อสุขภาพจากตับที่ใหญ่ขึ้นการผลิตฟัวกราส์นั้นผิดกฎหมายในหลายพื้นที่ (แต่การจำหน่ายฟัวกราส์ที่ผลิตจากที่อื่นนั้นไม่จำเป็นว่าต้องผิดกฎหมาย) ได้แก่

    ·       นอร์เวย์

    ·       เนเธอร์แลนด์

    ·       เดนมาร์ก

    ·       โปแลนด์ (เคยเป็นผู้ผลิตอันดับ 5 ของโลก เมื่อ พ.ศ. 2542)

    ·       ฟินแลนด์

    ·       เยอรมนี

    ·       ลักเซมเบิร์ก

    ·       สวิตเซอร์แลนด์

    ·       สวีเดน

    ·       สหรัฐอเมริกา: เมืองชิคาโก มลรัฐแคลิฟอร์เนีย (เริ่ม พ.ศ. 2555)

    ·       สหราชอาณาจักร

    ·       สาธารณรัฐเช็ก

    ·       ออสเตรีย (6 ใน 9 รัฐ)

    ·       อาร์เจนตินา

    ·       อิตาลี

    ·       อิสราเอล

    ·       ไอร์แลนด์

              
                            ในเดือนมิถุนายน
    2007 มีการค้นคว้าวิจัยพบว่าการบริโภคฟัวกราส์ อาจทำให้เกิดโรคหลายชนิดได้ เช่น โรคเบาหวาน และข้อต่ออักเสบคล้ายโรครูมาติซึม และพยาธิ ฯลฯ  อย่างไรก็ตาม, การค้นคว้าวิจัยถูกโต้แย้ง ว่าการบริโภคฟัวกราส์ไม่มีทางทำให้เกิดโรคเหล่านี้ จนกระทั้งบัดนี้ยังไม่มียืนยัน(แต่ถึงยังไงก็หากินไม่ได้อยู่ดีแหละมันแพง)

    + +

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×