คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #231 : (โปรเจคยาว) Otoko o Misete yo Kurata-kun! รักฮาเร็มของนายคุราตะ (สปอยตอนจบ)
บทความเรื่องนี้จะเป็นบทความที่น่าจะใช้เวลายาวนานที่สุดในการเขียนแน่นอน เพราะตราบใดที่เล่มอื่นๆ โดยเฉพาะเล่มที่ 7 ซึ่งเป็นเรื่องจบของรักของนายคุราตะลิขสิทธิ์ของรักพิมพ์ไม่มา ผมก็จะยังไม่สามารถสรุปได้ว่านายคุราตะได้ใช้เวทมนต์อะไรบ้างที่ปักธงหญิงสาวแต่ละคนและสามารถทำให้จบฮาเร็มได้มีความสุขได้แบบนี้ สิ่งที่เขียนในบทความนี้จะเป็นการวิเคราะห์ศิลปะพระเอกฮาเร็มที่นายคุราตะใช้ในเล่ม 1-2 ที่น่าจะเป็นคำตอบ สาเหตุที่ทำให้เขาได้ฮาเร็มในตอนสุดท้ายของเรื่องนี้ ซึ่ง หากไลท์โนเวลรักของนายคุราตะเล่นใหม่มาเมื่อใด ก็มาอ่านบทความนี้น่ะครับ
เมื่อไม่นานมานี้ผมได้ไปอ่านสปอยไลท์โนเวลเรื่องหนึ่ง ชื่อ “Otoko o Misete yo Kurata-kun!” หรือชื่อไทยคือ “รักวุ่นวายของนายคุราตะ” ซึ่งตอนที่ผมเขียนอยู่นิยายแปลไทยยังอยู่ที่เล่ม 2 (มี 7 เล่มจบ) ซึ่งไลท์โนเวลเรื่องนี้เป็นแนวฮาเร็มแท้ๆ สมบูรณ์แบบในเวลานี้ เท่าที่ผมรู้จัก
ไลท์โนเวลเรื่องนี้ได้ลิขสิทธ์โดยรักพิมพ์ ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์แรกๆ ที่กล้านำลิขสิทธิ์ไลท์โนเวลแนวฮาเร็มวางแผงหนังสือไทย เพราะสำหรับไทยแล้วตลาดไลท์โนเวลยังเป็นของใหม่ ยังไม่แพร่หลาย อีกทั้งแนวฮาเร็มยังคงเป็นแนวที่คนไทยยังมีอคติชนิดเข้มข้นอยู่ ดังนั้นการตัดสินใจของรักพิมพ์ถือว่าเสี่ยงพอสมควรนำการนำไลท์โนเวลแนวนี้และเรื่องนี้วางแผง
นอกเหนือจากเสี่ยงต่อตลาดและอคติของไทยแล้ว สิ่งที่เสี่ยงสุดๆ คือการสปอย ซึ่งหากไลท์โนเวล์มีฉากจบที่หลายคนรับไม่ได้และมีการสปอยก่อนที่ไลท์โนเวลวางแผงล่ะก็ ขายไม่ออกแน่นอน เพราะไลท์โนเวลมีราคาแพง คนที่ซื้อเพราะชอบการ์ตูนเรื่องนั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว (หากไลท์โนเวลเรื่องนี้ถูกทำเป็นอนิเมะ) หรือไม่ก็การคาดหวังว่ามันจะต้องเป็นไปตามที่คนคิดไว้ หากเรื่องไลท์โนเวลดำเนินเรื่องไม่ดีก็ยิ่งผิดหวังมาก แน่นอนสำนักพิมพ์ซื้อลิขสิทธิ์มาไม่รู้แน่นอนว่าอนาคตไลท์โนเวลเรื่องนั้นจบแบบไหน เกิดจบผิดหวังคนดู รู้ทั่วบ้านทั่วเมือง ยอดขายอะไรก็ล้มไปด้วย หากไลท์โนเวลที่เล่มใหม่ (รู้สปอยตอนจบแล้ว) วางแผงตลาดในอนาคต (หรือไม่ก็ไม่พิมพ์ออกมาเลย)
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือน Otoko o Misete yo Kurata-kun! จะตรงกันข้าม เพราะว่าเมื่อหลายคนรู้ตอนจบสปอยไลท์โนเวลเรื่องนี้ได้ให้เสียงเดียวว่า “ซื้อต่อแน่นอน” อันเนื่องมาจากเป็นตอนจบดี และเป็นตอนจบที่สมควรจบในการ์ตูนแนวฮาเร็มอย่างยิ่ง
Otoko o Misete yo Kurata-kun!
Otoko o Misete yo Kurata-kun! หรือ Otoko wo Misete yo Kurata-kun! (ไม่รู้ว่าแปลยังไง แต่มั่วๆ ประมาณว่า “แสดงความเป็นลูกผู้ชายให้ฉันเห็นสิ นายคุราตะ!”) เป็นไลน์โนเวลตั้งแต่ 2009-1012 มี 7 เล่มจบ เนื้อเรื่องโดยไซโต้ ชินยะ ภาพวาดโดยฟุมิโอะ และมังงะวาดโดย Namamo nanase (มี 3 เล่มจบ ซึ่งเนื้อหามาจากไลท์โนเวล 1-2 ) ได้ลิขสิทธิ์โดยรักพิมพ์ในชื่อไทยว่า รักวุ่นวายของนายคุราตะ!
สำหรับเล่มแรกนั้นขอเล่าย่อๆ ว่าเป็นเรื่องราวของ “คุราตะ ยูกิ” เด็กหนุ่มไม่ได้มีอะไรโดดเด่น ม.5 ธรรมดา นิสัยตรงข้ามกับชื่อเป็นอย่างมาก (ยูกิเป็นคำพ้องเสียงแปลว่า “กล้าหาญ”) คือนิสัยขี้ขลาด อ่อนแอ นอกจากรสนิยมที่สนใจผู้หญิงอายุมากกว่า แอบหื่น โอตากุ (ชอบสะสมพวกพี่สาวเซ็กซี่) ฯลฯ ซึ่งตอนนี้เขาอาศัยอยู่ในบ้านคนเดียวเพราะพ่อแม่ไปทำงานต่างประเทศ (ในมังงะเปลี่ยนมาเป็นไปท่องเที่ยวต่างประเทศ)
รอบตัวของนายคุราตะมีสาวสวยน่ารักสองคนที่แอบชอบเขา คนแรกคือ “เนโกะยานางิ เม” เพื่อนสมัยเด็กทวินเทลสุดซึน (อายุน้อยกว่า) ที่ชอบจุ้นกับชีวิตของเขาซะเหลือเกิน กับคนที่สอง “อินุอิ ซาโยะ” เพื่อนสนิทของเม (อายุน้อยกว่า) ที่มีหุ่นเกินเด็กรุ่นเดียวกันและยังเป็นสุดยอดแม่ศรีเรือน ซึ่งทุกเช้าทั้งสามคนมักเดินไปโรงเรียนด้วยกันเสมอ อย่างปิติสุข จนเป็นที่อิจฉาแก่คนรอบข้าง แต่สำหรับคุราตะแล้วไม่ได้คิดอะไรสักนิดเพราะเขาชอบสาวอายุมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ชีวิตของนายคุราตะได้เปลี่ยนไป เมื่อเขาไปรู้ความลับของเมและซาโยะเข้า ว่าทั้งคู่เป็นภูตสาวหูแมวและภูตสาวหูหมาในตระกูลดังที่อยู่เบื้องหลังการปกครองของญี่ปุ่น ทั้งสองตระกูลนี้ไม่ถูกกันอย่างแรง และเพื่อปิดความลับดังกล่าวคุรุดะต้องยอมเป็นคู่หมั้นคู่หมายของทั้งคู่ในเวลาไล่เลี่ยงกันเพื่อป้องกันการโดนฆ่าปิดปาก และหากทั้งสองรู้ว่าเจ้าพระเอกมันแอบจับปลาสองมือล่ะก็โดนฆ่าตายอนาถแน่นอน ซึ่งพระเอกต้องสับรางอย่างจ้าระหวั่น เพื่อที่เขาจะได้อยู่ร่วมกับเมและซาโยะอย่างสงบสุขอีกครั้ง
แต่แล้วในเวลาต่อมา เรื่องจับปากสองมือของนายคุราตะก็แตก เมื่อโชคู่หมั่นของเมได้ปรากฏต่อหน้าทั้งสาม จนเป็นเหตุทำให้เมผิดใจกับนายคุราตะ จนนายคุราตะถูกซัดและถูกซาโยะนำตัวไปขังที่ห้องใต้ดินของบ้านของซาโยะ (และนายคุราตะก็รู้จริวอีกว่าซาโยะมีนิสัยยันเดเระระดับสูงสุด)
อย่างไรก็ตามนายคุราตะได้ใช้เหตุผลในการทำให้ซาโยะใจอ่อนคล้อยตาม และเขากับซาโยะก็บุกไปง้อเม และนายคุราตะก็กลับมาคืนดีกับเมได้สำเร็จ ส่วนโชอดีตคู่หมั่นก็ถูกเมซัดกระเจิงไปหยอดน้ำข้าวต้มที่บ้านเก่า สุดท้ายยูกิก็ได้คู่หมั่นคือซาโยะและเม จบแบบฮาเร็มของเล่ม 1
หลังจากนั้นก็มาถึงเล่ม 2 ฮาเร็มของคุราตะก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อทางการ “ขบวนร้อยอสูร” (องค์กรกฎหมายของเหล่าภูต) ได้ส่งสาวลึกลับคนหนึ่งชื่อ “อลิซ” มาตรวจสอบเมและซาโยะแบบลับ ๆ ว่าทั้งคู่มีคุณสมบัติพอที่จะสามารถอยู่ร่วมกับสังคมมนุษย์หรือไม่ หากทั้งคู่ขาดคุณสมบัติทั้งสองจะต้องถูกส่งตัวกลับ ซึ่งหมายถึงเมกับซาโยะต้องจากกับยูกิตลอดกาล
เมื่อนายคุราตะได้ยินเรื่องนี้ เขาถึงกับขนหัวลุก เสียวสันหลังวาบ เพราะเขารู้ว่าทั้งเมและซาโยะนั้นรับไม่ได้แน่นอน หากทั้งคู่จากเขาไป ที่รับไม่ได้ หากเป็นเช่นนี้จริงทั้งคู่จะฆ่ายูกิและฆ่าตัวตายตาม เมื่อได้ยินสองสาวประกาศเจตจำนงชัดเจน ก็นึกกลัวและเขาจะต้องให้สองสาวรอดพ้นจากการถูกส่งตัวกลับให้ได้ บททดสอบนี้หนักกว่าภาคแรกเสียอีก เพราะหากเขาพลาด เขาอาจตายแบบเรือสวยได้ และนั้นเป็นอีกครั้งที่นายคุราตะต้องปกป้องชีวิตน้อยๆ ของเขาอีกครั้ง
และสุดท้ายพระเอกไม่สามารถปกป้องทั้งคู่ไว้ได้ แถมยังได้ปักธงอลิซให้กลายเป็นเมดอาศัยอยู่ในบ้านพระเอกไป และอลิซเองก็แอบชอบเขาอีกคน ท่ามกลางความไม่พอใจของเมและซาโยะเป็นอย่างยิ่ง (ทำให้เมกับซาโยะก็ตามมาอาศัยอยู่ที่บ้านยูกิด้วย) เป็นอันจบเล่มที่ 2
(รอต่อเล่ม 3)
Otoko o Misete yo Kurata-kun! อาจไม่ใช่ไลท์โนเวลที่หลายคนชอบ แต่สำหรับผมแล้วเรื่องนี้เป็นหนึ่งในไลท์โนเวลที่ชอบที่สุดในชีวิตของผมในเวลานี้ทีเดียว ผมอ่านซ้ำไปซ้ำมา อ่านหลายรอบนับครั้งไม่ถ้วน (ส่วนมากอ่านตรงฉากที่ชอบ เช่นฉากฮ่า ฉากเมพของนายคุราตะ ฉากเซอร์วิสเป็นต้น) กลายเป็นไลท์โนเวลที่ขาดไม่ได้ที่วางไว้บนเตียงนอนไปแล้ว
Otoko o Misete yo Kurata-kun เป็นไลท์โนเวลแนวฮาเร็มสมบูรณ์แบบ มีทุกอย่างที่ฮาเร็มควรมีครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นพระเอกที่หน้าตาธรรมดา ไม่เก่งอะไรสักอย่าง แต่เป็นที่หลงรักของบรรดาสาวๆ ในเรื่อง พล็อตเหมือนดูซ้ำๆ แต่ด้วยการดำเนินเรื่องทำให้ผมติดตามเป็นอย่างมาก ผมชอบอารมณ์การดำเนินเรื่องนี้ ประมาณว่าตอนแรกอารมณ์ดำเนินเรื่องเหมือนภาคแรก คือตอนแรกก็โปรยเรื่องก่อน จากนั้นก็ตามด้วยเนื้อเรื่องเบาสบายตลกฮ่าๆ จากนั้นก็ดราม่า แอ็คชั่น ไม่ถึงขั้นปวดตับ ก่อนที่พระเอกจะแสดงความเป็นลูกผู้ชายให้เรื่องร้ายๆ หายไป จนกลายเป็นความรักซาบซ่าของบรรดาสาวๆ ที่มีความรู้สึกที่มีต่อพระเอก นี้แหละความฮาเร็มสมบูรณ์แบบที่ทำให้ผมติดตามได้อย่างไม่ยาก
ในด้านตัวละครแม้จะออกแบบเหมือนสูตรสำเร็จ แต่ด้วยพฤติกรรมตัวละครที่สุดกู่ (ยันเดเระก็ยันเต็มพิกัด, ซึนเดเระก็ซึนสุดๆ) มีปมอดีตที่โหดร้ายของแต่ละคน ประกอบกับภาพวาดประกอบน่ารักสดใส ทำให้ตัวละครเหล่านั้นน่าอวย จนโดดเด่นเอาใจช่วยอย่างไม่น่าเชื่อ เอาเป็นว่ารายละเอียดเล่ม1 และ เล่ม 2 สามารถอ่านลิงค์ข้างล่าง เพราะก่อนหน้านั้นผมก็พูดถึงไลท์โนเวลเรื่องนี้แบบให้คะแนนอวยเต็มไปหมดไปแล้ว
http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=125456&chapter=174
http://my.dek-d.com/my.id/writer/viewlongc.php?id=125456&chapter=199
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ผมชอบการ์ตูนเรื่องนี้เข้าไปใหญ่ นั้นก็คือตอนจบของการ์ตูนเรื่องนี้ได้จบสะใจผมมาก
เพราะเรื่องนี้จบแบบฮาเร็ม!!
แน่นอน แม้ว่าผมจะรู้ว่าการ์ตูนเรื่องนี้จบแบบฮาเร็ม แต่รายละเอียดปลีกย่อยนอกเหนือจากนั้นผมไม่ทราบ เพราะผมรู้แค่ว่าจบฮาเร็มเท่านั้น ผมรู้เพียงเนื้อหาไลท์โนเวลเล่ม 1-2 ส่วนเล่มอื่นๆ นั้นยังไม่รู้ สาวที่เหลือมีอิทธิฤทธิ์ใดก็ไม่ทราบ เนิ้อหาจะเป็นยังไงต่อ หากสปอยละเอียดกว่านี้ถือเซ็งละ สปอยแค่ระดับว่าตอนจบฮาเร็มหรือเข้าวินก็ถือว่าเป็นระดับสปอยที่รับได้แล้ว
ชีวิตของนายคุราตะเปรียบเหมือนหนูแฮมเตอร์ในดงสัตว์ร้าย
คำว่า “จบแบบฮาเร็ม” คำนี้มีความหมายมากสำหรับผู้ที่ติดตามการ์ตูนแนวฮาเร็มปัจจุบัน
การ์ตูนแนวฮาเร็มนั้น ความหมายง่ายๆ ก็คือการ์ตูนที่ตัวละครหลักผู้หญิงหลายๆ คน แต่ตัวละครหลักที่เป็นผู้ชายจะมีน้อยคน หรือมีเพียงคนเดียว และตัวละครหญิงหลายคน (ต้องมากกว่า 2 คน) จะรัก-ชอบผู้ชายคนเดียวกัน
จุดเด่นของการ์ตูนแนวฮาเร็มนั้น คือการอวยตัวละครผู้หญิงในเรื่อง ซึ่งปกติพวกเธอจะถูกสร้างขึ้นมาจากหญิงสาวที่เป็นความใฝ่ฝันของเหล่าคนผู้ชายซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลัก (กลับกันหากเป็นฮาเร็มผู้หญิงก็จะวาดตัวละครชายหล่อๆ ในแบบผู้หญิงชอบ) ตัวการออกแบบน่ารัก สวย มีเสน่ห์โดดเด่น บวกกับสถานะหน้าที่การงานทางสังคม (คุณหนู, จอมมาร, เจ้าหญิง) แต่พวกเธอที่แสนโดดเด่นนั้นกลับชอบพระเอกเพียงคนเดียว
นอกเหนือจากการอวยตัวละครหญิงในเรื่องแล้ว สิ่งสำคัญในฮาเร็มคือการสร้างตัวละครกลุ่มผู้หญิงให้เข้าขากันมากที่สุด การดำเนินเรื่อง การสร้างปมตัวละคร และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งส่วนมากมักเป็นสถานการณ์ที่แทบเป็นความจริงในชีวิตได้เลย นอกเสียจากในการ์ตูนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ต่อให้ตัวละครดี เนื้อเรื่องดีขนาดไหน จุดชี้เป็นชี้ตายที่สุดของแนวฮาเร็มเรื่องหนึ่งนั้นคือฉากจบนั้นเอง ว่าคุณสามารถปิดเรื่องของฮาเร็มเรื่องนี้ให้เหล่าแฟนการ์ตูนรับได้หรือไม่
พูดถึงฉากจบ แน่นอนว่าเป็นส่วนสำคัญที่สุดในสื่อบันเทิงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวรรณกรรม, ภาพยนตร์, อนิเมะ, มังงะ เปรียบเทียบง่ายๆ งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เจ้าภาพจะทำปิดงานอย่างไรให้แขกประทับใจก่อนกลับบ้านได้ดีที่สุด แม้ว่าจะเป็นฉากจบจะเป็นสิ่งสุดท้ายของเรื่อง แต่มันจะเป็นตัวสรุปของเรื่องราวทั้งหมด ว่าที่ผ่านมา ตัวเรื่องสามารถวางเนื้อหาให้สมเหตุสมผลก่อนจะถึงบทสรุปและตอนจบของเรื่องได้หรือไม่ หากเนื้อหาแย่และตอนจบแย่อีก คนทั่วไปก็ไม่ยอมรับผลงานชิ้นดังกล่าวต่อไป ถึงขั้นไม่เผาผี และผู้เกี่ยวข้องกับผลงาน (คนเขียน, คนเขียนบท, ผู้กำกับ) ถึงขั้นจบอาชีพของตนเลยทีเดียว
แม้ว่าการ์ตูนแนวฮาเร็มจะจบมากมายหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่แล้วการ์ตูนฮาเร็มจะจบแบบหลักๆ 3 อย่าง แบ่งออกเป็น
-จบแบบฮาเร็ม พระเอกรักตัวละครหญิงทั้งหมด ทุกคนเข้าวินทั้งหมด
-จบแบบเข้าวิน พระเอกเลือกผู้หญิงหนึ่งคนในกลุ่มผู้หญิงทั้งหมด มีผู้หญิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สมหวังกับพระเอก ส่วนมากจะเป็นนางเอกหลักตัวล็อก หรือบ้าจี้ม้ามืดเป็นต้น
-จบแบบค้างๆ คา พระเอกไม่รักใคร ความรักของเขาและพวกเธอยังคงเป็นปัญหาอนาคตต่อไป (เช่น To Love Ru)
ไม่ว่าการ์ตูนฮาเร็มจะจบแบบไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือการ์ตูนจะวางเนื้อหาให้สมเหตุสมผลต่อการรองรับในตอนจบ สามารถทำให้คนดูรับได้หรือไม่ได้ ซึ่งหากทำไม่ได้ก็เตรียมพบกับบทสรุปที่แย่ที่สุดตามมา และเสียงด่าของเหล่าคนดูแน่นอน
ที่ผ่านมานั้นมีการ์ตูนและไลท์โนเวลแนวฮาเร็มมากมาย ที่จบได้ย่ำแย่ที่สุดตามความรู้สึกของคนดูบ้านเรา (ขนาดคนญี่ปุ่นยังบอกว่าแย่พอๆ กัน) ยกตัวอย่างเช่น อนิเมะที่สร้างจากเกมจีบสาว (เช่น ชัฟเฟิล! Shuffle!) สาเหตุเพราะเนื้อหาในอนิเมะไม่สามารถสร้างบท (อวย) ตัวละครไม่เท่ากับในเกม เนื้อหาที่แสนมักง่าย ผู้กำกับเลือกรูทตัวละครอวยเพียงคนเดียว และบทสรุปคือการจบเข้าวิน พระเอกเลือกใครคนใดคนหนึ่ง ยิ่งห่วยเข้าไปใหญ่ เพราะเหล่าแฟนอวยตัวละครที่ไม่สมหวังดังระงม สรุปคือแย่ทั้งเนื้อเรื่องและบทสรุป
ดูเหมือนว่าการจบเข้าวิน จะเป็นตอนจบที่เลวร้ายที่สุดในการ์ตูนแนวฮาเร็ม (ยิ่งสร้างเนื้อหาไม่สมเหตุสมผลยิ่งห่วยแตกเข้าไปใหญ่) ซึ่งสมัยก่อนนั้นการ์ตูนฮาเร็มจะจบเข้าวินเป็นส่วนใหญ่ ตามประสาความจริงที่ว่า “ตัวเอกจำเป็นต้องเลือกสาวอันเป็นที่รักเพียงคนเดียว) แน่นอนทำให้มีแฟนที่อวยตัวละครที่ไม่สมหวังจะเข้ามาโจมตีก่อน ไม่ถึงขั้นเผาผีเลยทีเดียว เพ่ะปกติการ์ตูนฮาเร็มเรื่องหนึ่งจะมีตัวละครที่เป็นผู้หญิงมากมายหลายคนที่ออกแบบน่ารัก ในลักษณะแตกต่างกันออกไป แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน ซึ่งตัวละครบางคนแม้ไม่ใช่นางเอกก็ตาม แต่มีความโด่งดังมาก ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ บุคลิค และบททำให้มีคนดูชอบหลายคน (หรือเรียกว่าอวย) ความนิยมมากกว่านางเอก (หรือนางล็อก) เสียอีก
ดังนั้น มันเจ็บปวดมาก หากตัวละครที่เราอวย ไม่เข้าวิน ต้องดูน้ำตาของตัวละครเหล่านั้นเศร้าสร้อย ที่ผิดหวังที่ไม่สมหวังความรักกับพระเอก (ยกเว้นบางคนที่มีนิสัยซาดิสต์ ชอบตัวละครร้องไห้)
จริงอยู่การ์ตูนฮาเร็มสมัยก่อนชอบจบเข้าวินเป็นเสียส่วนใหญ่ เพราะยังไงหลักการ “สุดท้ายพระเอกต้องเลือกคนใดคนหนึ่งมาเป็นคู่รัก” ยังคงเป็นตรรกะที่นิยมในการ์ตูนฮาเร็ม เพื่อดึงสู่โลกแห่งความจริงว่าคนเราจะต้องมีคู่ครองคนเดียว รักเดียวใจเดียว แต่ถึงกระนั้นมันก็เจ็บปวดอยู่ดี ยิ่งสมัยนี้การ์ตูนฮาเร็มส่วนใหญ่ดำเนินเรื่องที่ไม่ได้เน้นบทนางเอกต่อไป เน้นตัวละครหญิงหลักๆ เท่ากัน ทำให้เกิดกลุ่มอวยแตกแขนงมากมาย ไม่แพ้นางเอกเลย การจบเข้าวินยิ่งทำให้หลายคนเจ็บปวดเข้าไปใหญ่
และเดี๋ยวนี้ก็มีอนิเมะและไลท์โนเวลบ้างเรื่อง ดำเนินเรื่องแปลกๆ ประมาณว่าตัวละครที่เข้าวินกับพระเอกนั้น เป็นนางรอง ตัวประกอบ บทน้อย ไม่โดดเด่น คนไม่ค่อยอวย แต่สุดท้ายกับสมหวังได้กับพระเอก ซึ่งการดำเนินเรื่องแถให้หักมุม ให้ตัวละครหญิงคนนั้นเข้าวิน จนคนเซ็งจัด ไม่รู้จักสรรหาจะด่ายังไงดี
ปกนิยายไลท์โนเวลเล่ม 7 (เล่มจบ)
หน้าปกพระเอกแต่งงานกับเมและซาโยะ (ซึ่งไลท์โนเวลเรื่องนี้มีนางเอกหลัก 2 คน)
เพื่อไม่ให้บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น ตอนจบแบบฮาเร็มและจบแบบค้างๆ คาๆ น่าจะเป็นคำตอบที่สุดในการ์ตูนฮาเร็มยุคปัจจุบัน
ตอนจบฮาเร็ม หมายถึงตอนจบที่สาวตัวหลักในเรื่องเข้าวินหมด หมายถึงพระเอกรักสาวๆ ในกลุ่มทุกคนสมหวังในความรักกับพระเอก ซึ่งอาจจะมีหลายรูปแบบ เช่น แต่งงานหมู่ (จะมีกฎพิเศษอะไรบางอย่างที่ทำให้สามารถทำได้ เช่น หากเลือกเจ้าหญิงด้วยอำนาจสามารถเลือกนางสนมได้, เป็นเจ้าจักรวาลกฎหมายบนโลกใช้ไม่ได้ผล เป็นต้น), ไม่ได้แต่งงานแต่อยู่อาศัยด้วยกันอย่างเป็นความสุขยิ่งกว่าครอบครัวในบ้านพระเอก ซึ่งถือว่าเป็นฉากจบที่แอปปี้ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นตัวละครในเรื่อง หรือแม้แต่คนดุ
อย่างที่บอกเอาไว้ตอนต้น ว่าจะจบฮาเร็มหรือไม่ฮาเร็ม ต้องดูการดำเนินเนื้อเรื่องว่าจะสามารถดำเนินเนื้อเรื่องให้ไปถึงตอนจบที่หลายคนรับได้หรือไม่ ซึ่งการ์ตูนฮาเร็ม จบแบบฮาเร็มนั้นก็มีการดำเนินเรื่องที่วางเนื้อหาให้ไปตอนจบดังกล่าวนั้นอยู่แล้ว
ซึ่งแน่นอนหากวางโครงเรื่องไม่ดี ไม่มีเหตุผลรองรับ ต่อให้จบฮาเร็มก็ไม่ได้สร้างความประทับใจแต่อย่างใดเหมือนตัวอย่างคำวิจารณ์ของคนอ่านคนหนึ่งที่มีต่อนิยายเรื่องหนึ่งไว้ว่า
“ที่แย่ที่สุดคือการให้ผู้หญิงทั้งโรงเรียนเป็นเหมือนตัวการ์ตูนที่งี่เง่าที่ไร้ตามจีบพระเอกเหมือนจะปล้ำผู้ชายและให้พระเอกวิ่งหนีเข้าห้องน้ำเป็นการเขียนที่แสดงถึงนิสัยเพศชายของคนเขียนที่ไร้มารยาทและดูถูกเพศแม่ของตัวเอกสิ้นดีไม่ว่าเขาจะหวังให้ชีวิตของตัวเองเป็นอย่างไรก็ตามก็ไม่ควรจะเขียนอย่างนี้”
ที่มา http://writer.dek-d.com/cammy/story/viewlongc.php?id=148896&chapter=14
ก็ยอมรับว่าปัจจุบันการ์ตูนฮาเร็มที่ออกมาตรงกับคำวิจารณ์มีมากมายหลายเรื่องสาเหตุก็คือไม่มีเหตุผลรองรับการกระทำของเหล่าสาวๆ ที่หลงรักพระเอกตรงไหนไม่เจอไม่ใช่แค่ว่าเพราะพระเอกหล่อ พระเอกเก่ง พระเอกดัง สาวๆ ถึงรัก นั้นก็แค่ฮาเร็มแบนๆไม่มีมิติ ไม่แปลกที่โดนคำวิจารณ์ดังกล่าว
ปกติการ์ตูนฮาเร็มนั้นจะวางบทของเหล่าผู้หญิงรักผู้ชายเอาไว้หากตามสูตรสำเร็จฮาเร็ม (คอเมดี้)สมบูรณ์แบบจะประกอบไปด้วยอารมณ์การดำเนินเรื่องคือ ตลกฮ่าเฮ, ดราม่า และซาบซ่า
กล่าวคือเริ่มต้นด้วยตลกฮาเฮที่ พระเอกของเราได้รู้จักสาวๆในเรื่องจนครบองค์ประชุม จากนั้นสาวๆ ก็แขวะใส่กัน แสดงความเป็นเจ้าของพระเอกยิ่งพระเอก ส่วนพระเอกพยายามหนีการแย่งชิงสาวๆ ไม่สามารถเลือกใครในกลุ่มได้รวมไปถึงฉากนอนด้วยกันระหว่างพระเอกและสาวคนใดคนหนึ่งแต่พระเอกได้แต่อายและไม่กล้าทำอะไรเกินเลยกว่านี้ (จนหลายคนว่าพระเอกเกย์ ตุ๊ดไก่อ่อน) นี่คือตามหลักฮาเร็มที่พูดถึงคำวิจารณ์เอาไว้
แน่นอนว่าหากเป็นแบบนี้จนจบเรื่องเราจะไม่ได้อะไรเลยแถมโดนด่าตามคำวิจารณ์อีกต่างหาก ดังนั้นจึงมีการเพิ่มความเป็นดราม่าเข้ามากล่าวคือเมื่อถึงกลางเรื่อง หลังจากที่สาวๆ คนนั้นมีบทบาท (อวย)แสดงความน่ารักไปแล้ว ก็จะเริ่มมาถึงปมดราม่าของเหล่าสาวๆ(ตอนหนึ่งอาจจัดอวยสาวคนนั้นๆ ไปเลย) ว่าปมปัญหาของสาวๆ เหล่านั้นคืออะไร ไม่ว่าจะเป็นปมอดีต ปัญหาครอบครัวหรือปมปัญหาปัจจุบัน (อาจถูกจับตัว, โดนข่มขู่ หรือโดนทำร้ายรวมไปถึงพระเอกเกิดปัญหาภาวะคับขัน) ไปจนสาเหตุที่เธอรักพระเอกว่าทำไมเธอถึงรักเขานัก (ส่วนมากเป็นการย้อนอดีต)
และเมื่อใกล้จบเรื่องพระเอกจะเข้าไปแก้ปัญหาเหล่านั้นไม่ว่าจะเป็นทางตรงและทางอ้อมก็ตามก่อนที่เรื่องจะจบลงด้วยการคลี่คลายปัญหาของเหล่าสาวจนเกิดความรักความซาบซ่าต่อพระเอกยิ่งขึ้น นี่คือสูตรฮาเร็มเบสิคสุดๆที่เหลืออยู่ที่จะปรุงอย่างไรให้น่าติดตามและน่าสนใจเท่านั้น
แน่นอนว่าหลายคนที่ได้รู้ตอนจบของ Otoko o Misete yo Kurata-kun ว่าจบฮาเร็ม ล้วนมีความคิดเห็นด้านบวก สาเหตุก็เพราะว่าเนื้อหาการ์ตูนดำเนินเรื่องไปทางในตอนจบแบบนี้อยู่แล้ว อีกทั้งเป็นตอนจบที่สมควรจบเป็นที่สุดในการ์ตูนแนวฮาเร็ม
ซะเมื่อไหร่ล่ะ!?แต่งงานหมู่ต่างหาก
แน่นอนว่า Otoko o Misete yo Kurata-kun ได้ดำเนินเรื่องสมเหตุสมผลอยู่แล้วว่าจะจบฮาเร็ม ไม่ใช่ว่าดำเนินเรื่องมั่วนิ่ม แบบพวกผู้หญิงพบเห็นพระเอกครั้งแรกหลงรักเลยนั้นไม่ใช่เลย เพราะนายคุราตะนั้นไม่หล่อ หน้าตาแสนธรรมดา แต่ด้วยสถานการณ์มากมายทำให้เขาได้รู้จักบรรดาผู้หญิง 7 คนที่เข้ามาในชีวิตของเขา ซึ่งแต่ละคนนอกจากเป็นสาวสวยน่ารักแล้ว แต่ล่ะคนยังไม่เป็นคนธรรมดาอีก!!
แน่นอนว่าการจบฮาเร็มของนายคุราตะนั้นไม่ได้ง่ายดายอย่างที่หลายคนคิดกว่าจะได้ฉากจบแบบนี้ นายคุราตะต้องผ่านปัญหา ความวุ่นวาย เกือบจบไม่สวยหลายครั้งสุดท้ายนายคุราตะสามารถฟันฝ่าไปจนถึงตอนจบที่หลายคนเฮลั่นได้
ในขณะที่มาโคโตะจากSchook Day ล้มเหลวในฮาเร็ม จนกลายเป็นตำนานเรือสวยแต่ทำไมนายคุราตะถึงสามารถจบรูทฮาเร็มได้ ทั้งๆในกลุ่มสาวทั้ง 7 นั้น มีสาวสองคนที่มีนิสัยคาแร็คเตอร์ยันเดเระและซึนเดเระอันเป็นสายที่ว่ากันว่าไม่ต้องการฮาเร็มอย่างยิ่ง (ไม่เชื่อดู 4 เทพเตี้ย แบน ซึน หลุยส์, ซานะ, ไทกะนางิ, สิครับ เมะเรื่องไหน จบฮาเร็มบ้าง) ยันเดเระนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะเธอต้องการครอบครองพระเอกคนเดียว แต่ที่น่าทึ่งว่าพระเอกสามารถทำได้ ร่ายมนต์ทำให้ซึนเดเระและยันเดเระอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
แตกต่างจาก Sayonara Zetsubou Sensei คุณครูผู้สิ้นหวัง เรื่องที่ว่าจบฮาเร็มก็จริง แต่ความรู้สึกของพระเอกคุณครูในเรื่องนั้นรักผู้หญิงเพียงคนเดียว แต่สำหรับนายคนที่ผมกำลังจะกล่าวถึงเขารักผู้หญิงทุกคน (อย่างน้อยก็ตัวเอกทั้ง 7 ในเรื่อง) เท่ากัน และเขาก็สามารถสร้างฮาเร็มได้อย่างมีความสุข ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใสในตอนจบเสียด้วย
พระเอกที่มีเทคนิควิชาอะไร ถึงได้ล้ำลึกเพียงนี้ เขาเหนือยิ่งกว่ามาโคโตะจาก Sahool Day เหนือยิ่งกว่าพระเอกฮาเร็มหลายคน นายคนที่ว่าเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่ได้ดีเด่นอะไร แถมไม่ได้เรื่องด้วยซ้ำ อย่างเมหนึ่งในนางเอก (นิสัยซึนเดเระ) ได้พูดถึงพระเอกคนนี้ว่า
“ทั้งบ้า ทั้งลามก ไม่มีความละเอียดอ่อน อนาคตต้องเป็นไอ้ขี้แพ้ร้อยเปอร์เซ็นต์”
แต่คนที่ไม่ได้เรื่องที่ว่า ได้กลายเป็นพระเอกของไลท์โนเวลเรื่องนี้ ผู้สามารถทำสิ่งหลายคน (อย่างน้อยก็ผมคนล่ะ) ต้องอิจฉา นั้นคือการสร้างฮาเร็ม และฮาเร็มที่ว่ามีความสุขด้วยซ้ำ!!
เมกับซาโยะ
เมื่อการ์ตูนฮาเร็มถูกบังคับให้จบแบบฮาเร็ม หากใครที่ได้อ่าน Otoko o Misete yo Kurata-kun ร้อยทั้งร้อยที่อ่านเรื่องนี้ย่อมมีความรู้สึกว่าไลท์โนเวลเรื่องนี้ตอนจบต้องจบฮาเร็มสถานเดียว ด้วยเหตุผลว่า ในเมื่อตัวพระเอกชอบผู้หญิงหลายคนนอกเหนือจากนางเอกรักประมาณว่ารักแทบไม่แพ้นางเอกเลย ไม่อยากให้ใครต้องเสียใจสักคน และสาวๆในฮาเร็มแต่ละคนก็รักและตายแทนพระเอกได้ ไม่ทิ้งพระเอกที่กำลังตกระกำลำบากแถมยอมปรองดองแบ่งปันพระเอกแบบไม่ฆ่าแย่งชิงกัน อันนี้สนับสนุนให้ฮาเร็มไปเถอะหากพระเอกเลือกใครจะขอสาปแช่งให้ซวยตลอดชาติไป
Otokoo Misete yo Kurata-kun! ดำเนินเรื่องประมาณว่า หากพระเอกนายคุราตะเลือกใครคนใดคนหนึ่งใน 7 คนเข้าวิน สาวทั้งหมดในกลุ่มจะฆ่านายคุราตะและฆ่าตัวตายตาม ซึ่งนายคุราตะจำเป็นต้องสับรางและจำเป็นต้องเหมาหมดเพื่อความปลอดภัย
มีข้อสังเกตหนึ่งสำหรับฮาเร็มว่าการ์ตูนแนวฮาเร็มเรื่องใดที่ดำเนินเรื่องโดยมีเรื่องเหนือธรรมชาติตอนท้ายมักจบฮาเร็ม ยิ่งพวกสาวๆ ไม่ใช่มนุษย์ (พวกมนุษย์ต่างดาว ครึ่งภูต เทพเจ้าสัตว์ประหลาด) แฟนตาซี หรือว่าพระเอกหรือนางเอกมีสถานะที่สามารถแต่งรูทฮาเร็มได้เช่น เจ้าจักรวาล หรือเจ้าหญิงยิ่งจบรูทฮาเร็มง่ายขึ้นกว่าฮาเร็มที่เน้นชีวิตประจำวันธรรมดาสมจริง สาเหตุอาจมีหลายอย่าง เช่นเพราะเป็นเรื่องสมมุติ ทำเพื่อความบันเทิง ไม่ได้เน้นความจริงจังทำให้กฎหมายญี่ปุ่นที่ไม่มีผลต่อความรักแบบฮาเร็มทำให้กลายเป็นฮาเร็มในฝันสำหรับหลายคนไป
นอกจากนี้หากอยากจบฮาเร็มต้องประกอบไปด้วยอำนาจ 3 อย่างคือ เงิน, อิทธิพลและสถานะภาพทางสังคม ก็เหมือนหลักการที่ว่าหากเลี้ยงดูสาวๆคุณจะต้องมีหน้าที่การงานมั่นคงและการงานมั่งคงเสียก่อนไม่ใช่เป็นเพียงหนุ่มเจ้าสำราญอย่างเดียวแต่อย่างไรก็ตามพระเอกในการ์ตูนฮาเร็มส่วนมากมักมักเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีอิทธิพลและการเงินอะไรเลยแต่ฮาเร็มก็ประสบความสำเร็จได้เพราะอำนาจทั้ง 3อยู่ในตัวบรรดาผู้หญิงที่ชอบพระเอกนั้นเอง (ยิ่งมีอิทธิพลมหาศาล จำพวกมาเฟีย,เจ้าหญิง ยิ่งงบฮาเร็มง่ายขึ้น
แน่นอนฮาเร็มของพระเอกจะไปไม่ได้ หากไม่มีผู้สนับสนุนให้พระเอกฮาเร็มเมื่อภรรยาลวง นางเอกหลักหรือนางรองส่งเสริมความรักให้พระเอกมีฮาเร็มเจ้าตำรับฮาเร็มสายสว่างที่หลายคนรู้จักกันดีคือลาล่า ในToLove Ruผู้ใจกว้างราวกับมหาสมุทรสนับสนุนให้มหาเทพริโตะมีฮาเร็มโดยไม่มีการหึ่งแต่อย่างใดแถมโมโมะน้องสาวของลาล่ายังสนับสนุนฮาเร็มนี้เป็นแบบรูปธรรมอีก
Otokoo Misete yo Kurata-kunฮาเร็มของนายคุราตะแม้ว่าพระเอกจะเป็นคนธรรมดาแต่ผู้หญิงทั้งหมดล้วนเป็นครึ่งภูตทั้งสิ้นอีกทั้งแต่ล่ะคนมีอิทธิพลไม่ว่าจะเป็นฐานะหรือหน้าตาทางสังคมที่ช่วยส่งเสริมให้พระเอกธรรมดามีความสำคัญขึ้นยิ่งเป็นการง่ายทำให้เรื่องจบแบบฮาเร็ม
นายคุราตะ
คุราตะพระเอกฮาเร็มสมบูรณ์แบบชีวิตของนายคุราตะนั้นไม่แตกต่างจากพระเอกแนวฮาเร็มทั่วๆ ไป กล่าวคือหน้าตางั้นๆอยู่ตัวคนเดียว แต่ไม่มีทักษะงานบ้าน ทำอะไรไม่ค่อยเก่ง อ่อนแอไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว(เก่งอย่างเดียวคือคอมพิวเตอร์)อีกทั้งนิสัยหื่นชอบสาวอายุมากกว่า นิสัย ขี้ขลาดใจโลเลเรียกได้ว่าเป็นคนที่ไม่มีอะไรดีเด่นเลยแม้แต่น้อย
แต่สิ่งที่นายคุราตะแตกต่างจากมาโคโตะคือนายคุราตะนั้นเข้าใจจิตใจผู้หญิงมากกว่ามาโคโตะเพราะนายคุราตะมีเพื่อนสมัยเด็กที่รักเขามากอย่างเม ในขณะที่มาโคโตะไม่มีเพื่อนสมัยเด็กครอบครัวมีปัญหาเพราะหย่ากันแถมโดนปลูกฝังความรักผิดๆไปด้วย
ระหว่างนายคุราตะกับเมนั้นหากได้อ่านไลท์โนเวลเล่มที่1จะพบว่าเมตอนเด็กนั้นมีปมปัญหาครอบครัว ถูกพ่อทุกตีหรือโดนคนอื่นรังเกียจหรือหวาดกลัวทำให้เป็นเด็กที่กลัวคนรอบข้างจนกระทั่งเมต้องย้ายที่บ้านแล้วมาเจอนายคุราตะซึ่งนายคุราตะนี้แหละเป็นชายคนแรกที่เมรักมากเพราะเป็นเพื่อนเล่นกับเมตั้งแต่เด็กเวลาเมร้องไห้ที่คิดถึงเรื่องอดีตนายคุราตะจะเป็นคนปลอบใจเม(ก่อนที่ซาโยะจะเข้ามาในชีวิต)เรียกว่านายคุราตะนั้นมีแสดงความเป็นพี่ชายที่ดีรักเมมากยิ่งกว่าครอบครัวเสียอีกแบบนี้เมไม่รักก็บ้าแล้วผู้ชายที่อยู่ด้วยแล้วอบอุ่นแบบนี้
ตรงจุดนี้เองจะเห็นได้ว่าลึกๆแล้วนายคุราตะนั้นเป็นชายคนหนึ่งที่นิสัยดีจิตใจงดงามเป็นคนที่มีสกิลสายพระเอกฮาเร็มสมบูรณ์แบบครบถ้วน“สกิลไม่ยอมให้ผู้หญิงร้องไห้เสียใจ”และ“สกิลมุ่มมั่นทำทุกอย่างเพื่อให้คนรอบข้างมีความสุข”ด้วยนิสัยดังกล่าวนั้นทำให้นายคุราตะปักธงสาวๆ ในเรื่องมากถึง7คนและเขาทำให้สาวทั้งหมดมีความสุขจนจบเรื่อง
อย่างไรก็ตาม มีหลายคนไม่ชอบนายคุราตะที่หลอกลวงเมกับซาโยะเรื่องการหมั้นจับปลาสองมือ แต่กระนั้นหากอ่านไลท์โนเวลเล่ม 1-2จะพบว่าสาเหตุที่นายคุราตะต้องโกหกเมกับซาโยะนั้นไม่ใช่เพราะกลัวตายหรือขี้ขลาดเหมือนในมังงะ แต่เป็นเพราะในจิตใจลึกๆนายคุราตะไม่ต้องการให้เมกับซาโยะต้องเสียใจ ทำร้ายจิตใจ หรือผิดหวังอย่างที่ตอนหนึ่งในไลท์โนเวลเล่ม 2นายคุราตะได้เปิดใจว่าเขามองเมและซาโยะมากกว่าจะเป็นพี่น้องหรือครอบครัวรักมากจนไม่อยากที่จะแยกจากกัน คุราตะให้ความสำคัญกับคนใกล้ชิดซึ่งผิดจากมาโคโตะจากSchoolDayมองผู้หญิงเป็นเพียงแค่ความต้องการทางเพศผลคือมาโคโตะได้แต่ร่างกายผู้หญิงแต่ไม่ได้จิตใจผู้หญิง
มีตอนหนึ่งที่ผมประทับใจนายคุราตะ (หรือฮ่าก็ไม่รู้)คือในช่วงท้ายเล่มที่ 2 นายคุราตะยอมตกเป็นที่รังเกียจของชาวบ้านให้มองเขาว่าเป็นคนไม่ดี ห่วยแตก (เล่ม 1 ก็โดนคนรอบข้างมองว่าเป็นคนจับปลาสองมือ)เพื่อปกปิดความลับของเมและซาโยะ พูดง่ายๆยอมเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกเพื่อปกป้องชีวิตสงบสุขของเขาและสองสาวต่อให้สังคมจะรังเกียจเขา แต่ขอให้สาวๆ คนที่เรารักอยู่เคียงข้างเราก็พอใจแล้วนี่คือความเสียสละของนายคุราตะ
ไม่เพียงแค่เมกับซาโยะที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กและคนใกล้ชิดเท่านั้นกับสาวคนอื่นๆ นายคุราตะก็ให้ความสำคัญเหมือนกัน อย่าง “อลิซ” ลูกคุณหนูผมสีชมพูแม้นายคุราตะจะไม่รู้จักไม่กี่วัน แต่ก็ให้ความสำคัญไม่แพ้เมกับซาโยะยิ่งฉากสงสารอลิซเมื่อรู้ความจริงว่าอลิซมีร่างกายอ่อนแอและมีชีวิตไม่เหมือนเด็กสาวทั่วไปนายคุราตะก็ปรารถนาให้อลิซมีความสุขแม้ที่แล้วพระเอกจะโดนอลิซหลอกใช้หรือโดนอลิซทำเรื่องไม่ดีมากมายแต่นายคุราตะก็ไม่เคยโกรธหรือโมโห ซ้ำให้อภัยด้วยซ้ำนี่คือพระเอกฮาเร็มที่พบเห็นทั่วไป แม้พระเอกหน้าตาไม่ได้หล่อ เท่แต่ขอให้จิตใจงดงาม ให้ความสำคัญต่อผู้หญิงเพียงแค่นี้พวกผู้หญิงก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
.............
การหักห้ามใจพระเอกฮาเร็มที่ดีนั้น จะต้องหักห้ามใจได้ ต่อให้ผู้หญิงให้ท่าหรือทอดสะพานก็ตาม จะจูบ ลูบ จับเนื้อต้องตัวได้แต่อย่าได้เกินเลยจนมีเพศสัมพันธ์เด็ดขาด
มาโคโตะผิดพลาดในการชิงสุกก่อนห่ามทำสิ่งที่ยังไม่สมควรแก่วัยหรือยังไม่ถึงเวลาผลคือสิ่งที่ตามมาก็มีปัญหามากมายไม่เกี่ยวแต่เขาเท่านั้น เหล่าผู้หญิงที่ให้ท่าด้วย การด่วนมีเพศสัมพันธ์ทั้งที่คบกันไม่วันทำให้เกิดความผิดพลาดเพราะยังไม่ทันได้ดูนิสัยที่แท้จริงของผู้ชายผู้ชายตีตนออกห่างเพราะไม่มีอะไรท้าทายอีกแล้ว
ปกติผู้หญิงมักรั้นฝ่ายชายด้วยการเอาตัวเข้าเลือกที่นี้ก็อยู่ที่ฝ่ายชายนั้นจะเลือกทางใดหักห้ามใจหรือมีเพศสัมพันธ์มาโคโตะเลือกอย่างหลัง ผลก็คือเกิดผลเสียตามมามากมายไม่ว่าจะเป็นฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิง ฮาเร็มกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่หวนคืน
ดังนั้นการเป็นปฏิเสธการให้ท่าหญิง หักห้ามใจนั้นเป็นคำตอบที่ถูกต้องขอให้คบกันก่อน เพราะหากทำปัญหาตามมาแน่นอน (ผมให้คำนิยามนี้ว่า “อิ๊บแล้วดราม่า)
พระเอกฮาเร็มหลายคนไม่เหมือนมาโคโตะที่มองผู้หญิงเป็นเครื่องบำบัดทางเพศแต่คบผู้หญิงเป็นเพื่อนชายและหญิง (หรือเข้ารูทฮาเร็มเสียก่อน) โดยไม่มีเรื่องเพศเข้าไปเกี่ยวข้อง(แม้จะหื่นบางครั้งเถอะ) แม้ผู้หญิงนอนเตียงเดียวกัน หรือเซอร์วิสต่างๆ นาๆแต่ก็ไม่เกินเลยกว่านั้น เขาหักห้ามใจ ริโตะจากToLove Ruแม้มีฉากเปลือยกาย เห็นนม เห็นของดีแต่ไม่เคยเกินเลยมากกว่านั้น
ผมว่าพระเอกที่หักห้ามใจนั้น คือสุภาพบุรุษ เพราะเขาคิดผลที่ตามมาได้ว่าหากเขามีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงโดยปราศจากความรักปัญหาจะตามมา เรายังอยู่ในวัยเรียน แบมือขอเงินจากพ่อแม่และไม่สามารถหาเลี้ยงครอบครัวได้ รอให้เรียนจบก่อน ค่อยมาพูดถึงอนาคตอีกทีนี่คือเหตุผลส่วนหนึ่งที่พระเอกหักห้ามใจได้ (อย่างไรก็ตามก็มีพระเอกบางคนหักห้ามใจตอนแรก แต่ตอนหลังจิตตกเอากับผู้หญิงผลคือดราม่าหักหลังคนอ่านไปในทันที)
แต่อนิจจาคนกลับมองพระเอกหักห้ามใจเหล่านั้นโดนหาว่าเกย์ ตุ๊ด ไก่อ่อน ซะงั้น
ดังนั้นผมจึงมีคำนิยามอธิบายเรื่องนี้ว่า “ไม่เอาสาว ก็หาว่าเกย์ ตุ๊ดแต่พอเอาก็ด่าว่าราวกับมาโตะไม่ปาน แถมจบเรือสวยอีกต่างหาก
นายคุราตะนั้นก็เป็นพระเอกฮาเร็มที่สามารถหักห้ามใจจนมาถึงตอนจบแม้จะถูกรุกหลายครั้ง ส่วนหนึ่งนายคุราตะอาจพิสมัยเรื่องชอบผู้หญิงอายุมากกว่า(ในขณะที่ฮาเร็มของนายคุราตะมีแต่ สาวอายุน้อยกว่า โลลิ เพื่อนอายุเท่ากัน) และลึกๆแล้วนายคุราตะก็คิดถึงเรื่องอนาคตหลังจากนั้นด้วยโดยเฉพาะซาโญะที่รุกกับคุราตะหลายครั้งหากเอากับซาโยะยิ่งเป็นการเพิ่มยันเดเระมากยิ่งขึ้น(ยันเดเระคือการต้องการเป็นเจ้าของพระเอกคนเดียวหากพระเอกแสดงถึงความรักให้แก่เธอมากเท่าไหร่ยิ่งระดับความน่ากลัวมากยิ่งขึ้นและกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่สามารถแก้ไขที่ตามมา)
พระเอกนายคุราตะนั้นเน้นสร้างความสัมพันธ์ผู้หญิงในกลุ่มไม่ได้เน้นเรื่องความรักชายหญิง(แม้ผู้หญิงบ้างคนจะไม่ได้มองเหมือนอย่างพระเอกก็ตาม)คือการมองผู้หญิงแบบเพื่อนสนิท มากกว่าครอบครัวตัวอย่างเมเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่ขาดไม่ได้, ซาโยะเป็นเพื่อน,อลิซก็เป็นเพื่อนงานอดิเรกโอตากุเหมือนกัน (แม้การ์ตูนที่อลิซชอบพระเอกจะไม่ค่อยสนใจก็ตาม แต่ก็พยายามสนใจ พยายามมีส่วนร่วม)พยายามพัฒนาความความสัมพันธ์ บางปันความสุขด้วยกัน มีความทุกข์ก็พยายามแก้ไขให้สำคัญกับทุกคนเท่ากัน ไม่ลืมคนเก่า นายคุราตะอกทน สามารถหักห้ามใจจนสามารถได้ฮาเร็มในตอนท้ายเรื่องเป็นสิ่งตอบแทน
ในเล่มที่ 2 นายคุราตะเคยเปิดใจว่าเขาคิดยังไงกับเมกับซาโยะไว้ว่า“เมกับซาโยะจังเหรอ...นั่นสินะ...ตอนนี้คงจะเป็นเหมือนน้องสาวมั้งถึงแม้ว่าบางครั้งฉันจะใจสั่นบ้างเวลาเจอกรินาท่าทีแบบผู้หญิงจนทำให้มองเป็นผู้หญิงไปแต่ฉันก็ชอบทั้งสองคนพอๆ กันนะ แต่เอาจริงๆ ความรู้สึกว่าพวกเราเป็น “ครอบครัว”ยังเหนือกว่าอยู่น่ะ ฉันมีทั้งสองอยู่เคียงข้างตลอด แล้วฉันก็ยังอยากให้ 2คนนั้นอยู่กับฉันต่อไปอีกด้วย แม้ฉันจะไม่รู้ว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันทั้ง 3แบนนี้ถึงเมื่อไหร่ก็เถอะ” และประโยคนี้ทำให้ผมมองพระเอกนายคุราตะดีขึ้นทันตาเลยและเขาสามารถยึดความคิดนี้ได้จนจบเรื่องโดยไม่มีผิดหวังเลยแม้แต่น้อย
หลายคนมักมองเรื่องการ์ตูนฮาเร็มเป็นเรื่องของรักผู้หญิงหลายคนเหมือนเจ้าชู้หลายใจแต่สำหรับผมมองเป็นอีกอย่างเพราะยังมีการ์ตูนฮาเร็มอีกมากที่ไม่ได้เน้นเรื่องความรักชายหญิงแต่เน้นเรื่องความรักของเพื่อนต่างเพศต่างวัย การให้ความสำคัญแก่คนใกล้ตัวการแสดงถึงความเป็นผู้ชายที่ปกป้องผู้หญิงไม่ควรทำให้ผู้หญิงร้องไห้แบบมาโคโตะ
ลูกผู้ชายหัวใจฮาเร็มคำว่าลูกผู้ชายตามความหมายโดยทั่วไปผู้ชายที่มีความยุติธรรม ความซื่อสัตย์ เข้มแข็งเด็ดเดี่ยว กล้าหาญ และมีความรับผิดชอบ เป็นต้น
ในสังคมทั่วไปผู้ชายในฝันของผู้หญิงที่หมายปองก็คือหนุ่มหน้าตาดี หล่อเลิศอีกทั้งยังฉลาดและรวยล้นฟ้า รักเดียวใจเดียวเห็นได้จากการ์ตูนตาหวานที่วาดพระเอกแนวนี้
แต่สำหรับการ์ตูนฮาเร็ม (ที่ผู้อ่านเป็นผู้ชาย)ส่วนมากจะตรงกันข้ามกับกล่าวคือพระเอกธรรมดา หน้าตาไม่โดดเด่น กีฬา การเรียนงั้นๆแทบเหมือนคนธรรมดาทั่วไป แต่สาวรอบข้างนั้นถือเป็นความฝันของเหล่าชายทั้งสิ้น(กลับกันหากนางเอกในการ์ตูนตาหวานจะออกหน้าตาธรรมดาแทน)
ปกติหลายคนไม่ชอบการ์ตูนฮาเร็ม ส่วนหนึ่งก็คือพระเอกอ่อนแอ แต่สาวๆชอบพระเอกเหลือเกิน ถึงขั้นเปิดศึกแย่งชิง แต่สำหรับผมแล้วผมว่าพระเอกแนวนี้เป็นประเภทที่สามารถเข้าถึงคนอ่าน (ผม) ได้การทำให้พระเอกเป็นคนธรรมดา และอยู่ในสถานการณ์ที่ใฝ่ฝันร่วมกับสาวที่น่ารัก
และสิ่งที่ชอบเป็นพิเศษในการ์ตูนฮาเร็มคือการได้เห็นความเป็นลูกผู้ชายของพระเอกในการปักธงสาวๆนี้แหละ
ความเป็นลูกผู้ชายของพระเอกในฮาเร็มนั้นใม่ใช่การแสดงออกทางสภาพร่างกายว่าเก่งกาจมาดแมนเพราะพระเอกฮาเร็มส่วนใหญ่ค่อนข้างอ่อนแอ แต่สิ่งที่ทดแทนความจิตใจดีงามมีใจจิตที่เข้มแข็งการแสดงให้ผู้หญิงเห็นว่าตนพร้อมอยู่เคียงข้างกับเธอแม้จะมีปัญหามากเพียงใดก็ตามและที่สำคัญคือเขาไม่เคยหนีปัญหา ไม่ว่าปัญหานั้นจะเป็นจของเขาหรือของคนรอบข้าง(เหล่านางเอกก็ตาม)
มาโคโตะล้มเหลวในการสร้างฮาเร็มเพราะหนีปัญหาในสิ่งที่ก่อขึ้น หนียังไม่พอยังสร้างปัญหาใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก เมื่อมีปัญหาก็อ้างว่าเป็นเพียงเด็กมัธยมปลายทำอะไรไม่รู้จักคิดผลที่ตามมา ผลคือตอนจบเลวร้ายตอนท้าย
นายคุราตะนั้นแม้ว่านิสัยขี้ขลาด อ่อนแอ แต่ไม่เคยคิดหนีปัญหาและจะแสดงความเป็นลูกผู้ชายเพื่อปกป้องบุคคลที่เขารัก(โดยเฉพาะเหล่านางเอกทั้งหลาย) ปกติมนุษย์เราเจอปัญหาที่แก้ไม่ตกเลือกเส้นทางที่ผิดพลาดขึ้นมามักจะเลือกเส้นทางใหม่แทนที่จะไปข้างหน้าเผชิญหน้ากับปัญหาข้างหน้า(และเส้นทางใหม่ยิ่งเหลวร้ายกว่าเส้นทางเก่า)แต่นายคุราตะนั้นไม่ได้เลือกเส้นทางมักง่ายเหมือนมาโคโตะอย่างเล่มที่1 หลังจากที่การจับปลาสองมือถูกเปิดเผย นายคุราตะทำร้ายจิตใจของเมก่อนที่จะโดนซาโยะ (ที่อยู่ในโหมดยันเดเระ) จับไปขังคุกใต้ดินเพื่อจับนายคุราตะเป็นสามีแต่เพียงผู้เดียว (ตามภาษายันเดเระ)ความจริงมาโคโตะเลือกซาโยะก็ได้ แต่นายคุราตะไม่ทำแบบนี้ไม่ได้หนีปัญหาสิ่งที่ตนก่อขึ้นนายคุราตะสามารถนับยั้งความเป็นยันเดเระของซาโยะด้วยอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างความเป็นเพื่อนของเราทั้งสามมาที่ผ่านมา(แทนที่จะพูดถึงความรักของชายหญิง) ก่อนที่จะตามไปง้อแม่(ซึ่งนายคุราตะต้องผ่านอุปสรรคมากมาย) และพูดความในใจของเขาที่มีต่อเมที่มีทั้งหมดและขอโทษเมที่หลอกลวง ก่อนที่กลับมาคืนดีกัน โดยไม่เรือสวยแต่อย่างใด
พระเอกฮาเร็มนั้นจะต้องมีไหวพริบพูดจาเก่งด้วยเพราะเขาต้องเลือกประโยคที่ต้องปักธงสาวๆ ได้เพียงการพูดไม่กี่ประโยคและสามารถใช้ประโยคที่ทำให้สาวๆ กลับมาคืนดี สามัคคีกันได้
ยกตัวอย่างบางคำพูดของนายคุราตะที่ไปง้อเมในท้ายไลท์โนเวลเล่ม 1 ว่า
“...ฉันน่ะรักทั้งสองคนเท่าๆ กันเลยนะ ช่วงเวลาที่ฉัน เมแล้วก็ซาโยะจังอยู่ด้วยกันทั้งสามคนเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากๆ ......”
“หากจะให้เป็นเจ้าสาวล่ะก็ ยังไงฉันก็เลือกซาโยะจัง........แต่ว่าฉํนทำไม่ได้หรอก ทำไม่ได้หรอกนะก็ในเมื่อภาพของเมที่ร้องไห้ยังตราตรึงอยู่ในหัวของฉัน ไม่ยอมหายไปนี่ฉันพยายามลืมมันไปยังไงมันก็ดันไม่ยอมหายไปสักที!”
“ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปฉันจะทะเลาะกับใครกันเล่า!แล้วใครมาด่าฉันเรื่องนิสัยแย่ๆ ของฉันได้อีกเล่า!เม ฉันต้องการเธอนะ!เพราะฉะนั้นอย่าไปไหนเลย!”
จะเห็นได้ว่าประโยคที่นายคุราตะพูดไม่ได้เน้นความรักของชายหญิงมากนักนายคุราตะเน้นใช้ประโยคความผูกพันธ์ของเพื่อนสมัยเด็ก ความสำคัญที่เขามีต่อเมและแสดงถึงความเป็นผู้ชาย จริงใจเไม่มีการหลอกลวง
ไม่เหมือนมาโคโตะที่ไม่มีทักษะการพูดกับผู้หญิงในฮาเร็ มเวลาจะไปหาผู้หญิงก็พูดแค่ลอยๆ แบบไม่จริงใจ แถมบางครั้งก็ไม่พูดเพราะมีความกล้าพอแถมบางครั้งก็ให้ผู้หญิงคนอื่นพูดแทน (อย่างเช่นเซ็ตสึนะพูดกับโคโตโนฮะแทนที่จะเป็นมาโคโตะหรือไม่ก็ตอนท้ายเรื่องโคโตโฮะพูดกับเซไคแทนที่จะเป็นพระเอก)ซึ่งพวกผู้หญิงด้วยกันมักใช้ประโยคแรงๆเพื่อทำร้ายจิตใจผู้หญิงคนอื่นเพียงเพื่อต้องการ บางครั้งก็ใช้ประโยคแย่ๆแสดงถึงความอ่อนแอและความห่วยแตก แทนที่จะดีกับเลวร้ายลงจนจบแบบเรือสวยใรที่สุด
การปักธง โชคและวาสนา แน่นอนว่าชีวิตพระเอกแนวฮาเร็ม แทบเป็นไปไม่ได้เลยชีวิตเรา ชีวิตของเราคงไม่มีเพื่อนสมัยเด็กที่แอบชอบเรา, เจ้าหญิงที่แอบชอบเรา แน่นอน ดังนั้นพระเอกฮาเร็มจะต้องมีโชคและวาสนาส่วนหนึ่งที่ชีวิตของพระเอกมีสาวๆ รายรอบตัว และเขาก็ไม่ทำลายโอกาสเหล่านั้นพยายามที่จะทำให้ผู้หญิงเหล่านั้นอยู่ร่วมแบบปกติสุข
นี่คือการแสดงออกของพระเอก ที่ทำให้เหล่าผู้หญิงในฮาเร็มรู้สึกจบพระเอกหรือเรียกง่ายๆ ว่า “ปักธง”ซึ่งหมายถึงการทำอะไรสักอย่างให้ผู้หญิงรักพระเอกแบบหมดใจชีวิตว่าชีวิตของเธอฝากไว้กับพระเอกแล้วไม่ฝากให้ผู้ชายคนอื่นอีก
อย่างไรก็ตามวิธีปักธงของผู้หญิงในการ์ตูนฮาเร็มในแตกต่างกัน เพราะผู้หญิงแต่ละคนมีอุปนิสัยชีวิตความเป็นอยู่ ปมปัญหาแตกต่างกันออกไป แม้บางคนชอบพระเอกมาตั้งแต่ต้นแต่ด้วยปัญหาต่างๆ ทำให้เธอไม่กล้าแสดงออกมาโดยตรงให้พระเอกรู้ว่าตนรักพระเอกอยู่ซึ่งพระเอกจำเป็นต้องทำอะไรเพื่อให้สาวๆเหล่านั้นชอบพระเอกในที่สุด
อย่างการ์ตูนเรื่องหนึ่ง ที่พระเอกมีฉายาว่าเทพจีบสาวชื่อนี้ไม่ได้มาเพราะโชคหรือพูดกันลอยๆ เพราะพระเอกสามารถจีบสาวสำเร็จหลายคนหลายครั้ง แต่การที่จะจีบสาวติดนั้น พระเอกจะต้องวางแผนการณ์ต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้นิสัยของคนที่จีบนิสัยอย่างไร มีปมปัญหาอะไรและกำลังสนใจอะไรอยู่ในตอนนี้ก่อนที่พระเอกจะนำเรื่องเหล่านี้มาปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์มากที่สุด
การทำสงครามไม่ใช่ใช้กำลังบุกท่าเดียว มันจะต้องมีการวางแผนความเหมาะสมในการใช้กลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม กำลังคนนั้น การปักธงสาวๆในฮาเร็มเช่นกัน ที่ไม่ใช่เอาเรื่องหน้าตา เงิน หรือดวงแต่อยู่ที่ศิลปะการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการคบผู้หญิง มาโคโตะล้มเหลวในการสร้างฮาเร็มเพราะใช้ทางรัด แทนที่จะปักธงผู้หญิงให้เรารักเสียก่อน สิ่งที่ได้ก็คือความรักที่เต็มไปด้วยปัญหา พระเอกได้แค่ร่างกายไม่ใช่ได้ที่จิตใจ (ลุ่มหลง, คู่ขาเซ็กต์)
แม้ตอนนี้ผมจะไม่รู้ว่านายคุราตะสามารถจบแบบรูทฮาเร็มได้อย่างไร แต่สิ่งที่เห็นคือนายคุราตะใช้เทคนิคการพัฒนาจิตใจระหว่างเขากับผู้หญิงช้าๆ มากกว่าจะใช้ทางรัด การวางตัวให้สาวๆ เห็นว่าตนยังไม่ใช่แฟน หรือเลือกใครคบเป็นแฟนกระจ่าง (แม้หลายคนมองว่าเป็นคนใจโลเลก็เถอะ) การสับราง แบ่งเวลา การพัฒนาความสัมพันธ์ การคลี่คลายปมจิตใจของสาวๆ ให้หันมารักตนแบบบริสุทธิ์ใจ
โดยฮาเร็มแรกที่พระเอกปักธงคือเมกับซาโยะ ซึ่งทั้งสองคนเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว (เพียงแต่ซาโยะมาที่หลัง) ซึ่งทั้งเมและซาโยะนั้นรักพระเอกอยู่ก่อนแล้ว พระเอกไม่จำเป็นต้องปักดธงอะไรมาก เพียงแต่พระเอกต้องประคองธงไม่ให้หลุด ไม่ทำให้ทั้งสองต้องเสียใจ ผิดหวัง หรือทำร้ายจิตใจสองสาวเท่านั้น หากผิดพลาดก็แก้ไข และพยายามมองสองคนเป็นเพื่อนมากกว่าคนรัก นายคุราตะสามารถยับยั่งยันเดระของซาโยะไว้ได้ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน ไม่เหมือนมาโคโตะที่ทำให้สาวเรียบร้อยอย่างโคโตโนฮะกลายเป็นสาวยันเดเระอย่างช้าๆ จนกลายเป้นสาวไร้จิตใจเพราะไปทำร้ายจิตใจ
ส่วนฮาเร็มคนต่อๆ มาล้วนเป็นคนที่พึ่งเข้ามาชีวิตของพระเอกทั้งสั้น ซึ่งพระเอกก็ใช้หลักการเดียวกับเมและซาโยะ นั้นคือการเป็นเพื่อน เพียงแต่ระดับความสนิทนั้นอาจจะน้อยกว่า แต่พระเอกก็พยายามที่จะเข้าใจพวกเธอ พยายามที่จะแก้ปัญหาปมจิตใจ และแสดงให้สาวเห็นว่าตนพร้อมอยู่เคียงข้างกับพวกเธอแม้จะมีปัญหาใดก็ตาม
(ยังรอเล่ม 3- 7 เพื่อดูการปักธงสาวๆ ที่เหลืออยู่)
แม้ว่าตอนจบ พระเอกนายคุราตะจะไม่ได้สาวตรงสเป็กของเขา (ฮาเร็มพระเอกไม่มีพี่สาวซึ่งเป็นแบบที่เขาชอบเลยสักคน) แต่สิ่งที่พระเอกได้คือสาว 7 คน (พอดีผมไม่ได้นับว่าฮาเร็มพระเอกมีสาวกี่คนกันแน่ เอาเป็นว่าประมาณ 7 คนล่ะกันเท่าที่เห็น) ที่รักพระเอกมากชนิดไม่รักใครคนอื่นอีก ชนิดยอมตายแทนได้ ไม่ใช่รักแบบคู่เซ็กต์เล่นๆ และทั้งหมดตกลงอยู่ร่วมเพื่อเป็นครอบครัวเดียวกับพระเอก โดยไม่ทะเลาะกัน แค่นี้ก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ?
แม้สาวในฮาเร็มของนายคุราตะจะต่างคน ต่างนิสัย จะต่างอายุ ต่างถิ่นฐาน ต่างฐานะ ต่างที่มา ปมอดีตแตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือพวกเอทั้งหมดได้พบกับนายคุราตะ แม้ว่าทั้งหมดจะพบกับนายคุราตะต่างสถานที่ ต่างช่วงเวลา บางคนคบกันตั้งแต่เด็ก บางคนพึ่งคบ แต่ก็นั้นสิ่งที่คุราตะได้ให้กับพวกเธอก็คือความสุขที่พวกเธอไม่เคยรับมาก่อน แม้แต่พ่อแม่ของพวกเธอก็ไม่มีให้ ความอบอุ่นที่พวกเธอได้เห็นชายธรรมดาคนนี้เป็นที่พึ่งแห่งจิตใจ
แม้ว่าสุดท้ายชะตากรรมของนายคุราตะอาจจะวุ่นวายไปบ้าง ไม่ว่าจะเป็นโดนเหล่าสาวๆ จับพระเอกกักบริเวณ (คงเพราะกลัวพระเอกไปปักธงสาวคนใหม่อีก) และอาจโดนจับเล่น 7P ทุกคืน จนหมดแรงข้าวต้ม (อันนี้น่าอิจฉามากกว่าน่ะนั้น) แต่ฉากสุดท้ายเป็นฉากปรากฏรอยยิ้มของนายคุราตะและสาวๆ ในฮาเร็มของเขาทั้งหมด ก็ถือว่าชีวิตของนายคุราตะมีความสุขในแบบของเขาแล้ว
Otoko o Misete yo Kurata-kun! อาจเป็นการ์ตูนตลกคอมมาดี้ทั่วๆ ไป แต่ผมเชื่อว่าเป็นการ์ตูนฮาเร็มที่ให้คำตอบว่าทำไมพระเอกอ่อนแอไม่ได้เรื่อง สาวถึงชอบมากนัก พระเอกดังกล่าวมันมีอะไรถึงเอาชนะพวกผู้ชายเก่งๆ เข้มแข็งกัน ซึ่งคำตอบเหล่านี้มีอยู่การ์ตูนเรื่องนี้แล้วครับ
(บทความนี้ไม่จบ จนกว่าเล่มที่ 7 ของรักวุ่นวายของนายคุราตะจะวางแผง)
ความคิดเห็น