คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #230 : Hi Score Girl วีดีโอเกมกับความรักสามเศร้า
Oshikiri Rensuke ยังคงเป็นนักเขียนที่ผมชื่นชอบเป็นส่วนตัว แม้ลายเส้นเอกลักษณ์คือเส้นหนาทึบ ตัวละครไม่สมส่วน หน้าตาเหมือนโรคจิต เพี้ยนๆ ไม่สมจริง ทำให้ไม่ใช่การ์ตูนภาพสวยหรือน่าอ่านสำหรับผู้อ่าน แต่สิ่งที่ทดแทนคือคนเขียนการ์ตูนเรื่องนี้สร้างอารมณ์แก่ผู้อ่านเก่งมาก มีครบทุกรส บทจะโหดก็โหด บทจะฮ่าก็ฮ่าแตก บนจะซึ้งก็ซึ้ง (ไม่เชื่อลงดูผลงานเรื่อง Obake no Oyatsu เมื่อปี 2007 ตอนท้ายซึ้งโครต) บทจิกกัดก็กัดเจ็บโดนใจ เป็นเหตุทำให้ผมชอบผลงานของผู้เขียนเป็นอย่างมาก ซึ่งน่าเสียดายบ้านเรามีลิขสิทธิเรื่องผลงานคนเขียนคนนี้เรื่องเดียวคือเดโระเดโระ (Dero Dero) ของบงกตเท่านั้น แถมเว็บฝรั่งก็แทบไม่มีแปล จะมีก็จีนแดง หรือเว็บโหลดดิบเท่านั้นที่พอจะได้อ่าน (แม้จะไม่รู้เรื่องก็ตาม)
แม้สิ่งที่คนเขียนถนัดจะเน้นการ์ตูนผีโรคจิต (ติ๊งต๊อง) ก็ตาม แต่ในเรื่องความรักธรรมดาซึ้งๆ โรแมนติกนั้น คนเขียนก็สามารถทำได้ดีเช่นกัน แต่จะรักโรแมนติกหวานเลี่ยนๆ ธรรมดานั้นคงไม่ใช่สไตล์ของคนเขียนที่จิตบวมๆ แน่นอน จนเป็นที่มาผลงานของเรื่อง Hi Score Girl ที่ผมจะเอามาพูดถึงในบทความนี้
Hi Score Girl
รักสามเศร้า, ความรู้วีดีโอเกม, ตลก (เฉพาะกลุ่ม), ดราม่า, คอเมดี้
ใครจะเชื่อล่ะครับว่าคนเขียนจะเขียนการ์ตูนรักสามเศร้าโดยมีวีดีโอเกม (เน้นเกมอาเขต) เป็นสื่อ และทำได้ดีเสียด้วย ราวกับเราได้ดูภาพยนตร์ชีวิตรักๆ ดีๆ เรื่องหนึ่ง ซึ่ง Hi Score Girl เป็นผลงานมังงะของ Oshikiri Rensuke วาดในปี 2010 ของสำนักพิมพ์ Square Enix ตอนที่เขียนบทความออกมาแล้ว 3 (ยังไม่จบ) ซึ่งแตละเล่มจะเป็นเรื่องการเติบโตของตัวละครไปพร้อมกับยุคสมัยของวีดีโอเกมอาเขต มังงะเรื่องนี้ยังไม่มีลิขสิทธิ์ในไทย และไม่แปลเป็นภาษาอังกฤษให้อ่านในเว็บ ใครอยากอ่านจีนแดง
พูดถึงวีดีโอเกม หลายคนนึกถึงสื่อบันเทิงชนิดหนึ่งที่เข้าถึงทุกเพศทุกวัย ที่มีทั้งด้านดีหรือไม่ดี ด้านดีคือเป็นสื่อที่สามารถทำให้เราหาเพื่อน สร้างสรรค์กับเพื่อนอย่างสนุกสนามได้ง่ายที่สุด แต่ละเกมเต็มไปด้วยจิตนาการและการสร้างสรรค์ เด็กที่เล่นมีการพัฒนาด้านสมองและกล้ามเนื้อ อย่างไรก็ตามมันก็มีโทษเช่นกันหากใครที่ติดวีดีโอเกมมากก็จะเสียการเรียนและการงานไปเพราะไปทุ่มให้การเล่นวีดีโอเกมโดยไม่มีการแบ่งเวลาให้ถูกต้อง
ประวัติวีดีโอเกมแบบง่ายๆ วีดีโอเกมนั้นถือกำเนิดครั้งแรกโลก เมื่อปี 1958 เมื่อมีนักฟิสิกส์คนหนึ่งได้เล่มเกม Tennis for Two ซึ่งใช้คอมพิวเตอร์คำนวณวิถีโค้งของจรวดมิซไซล์เล่นๆ ซึ่งตัวเกมมีเม็ดสีเขียวๆ กระเด็กกระดอนไปมา โดยผู้เล่นทั้งสองฝ่ายจะใช้ปุ่มบังคับให้บอลกระโดดข้ามไปยังอีกฝ่าย พร้อมทั้งมีเส้นคั่นตรงกลาง แม้การเริ่มต้นจะแปลกๆ สักหน่อยแต่โลกของเราก็เริ่มรู้จักคำว่า “วีดีโอเกม” ขึ้น
ต่อมาเวลา 1972 แม็กนาวอกซ์โอดีสซี (Magnavox Odyssey) เป็นเครื่องเล่นเกมเครื่องแรกขอกโลก ก็ถือกำเนิดขึ้นในเชิงพาณิช และต่อมาป๊อง (Pong) เกมอาเขตเครื่องแรกของโลกก็ปรากฏโฉมในเวลาไล่เลี่ยงกัน และหลังจากนั้นเป็นต้นมา วงการเกมก็เริ่มมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ไปพร้อมประวัติศาสตร์มนุษย์ชาติ
หากแต่ Hi Score Girl ไม่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์มนุษย์ชาติกับวีดีโอเกมแต่อย่างใด เพราะมันเป็นเรื่องของตัวละคร 3 คน ประกอบด้วย ชาย 1 หญิง 2 ซึ่งหญิงสาวทั้งสองต่างหลงรักชายคนเดียวกัน ท่ามกลางประวัติศาสตร์การพัฒนาของวงการวีดีโอเกม
เรื่องราวของมังงะเรื่องนี้เล่มต้นขึ้นในปี 1991 ซึ่งเป็นยุคที่วงการเกมอาเขตเฟื่องฟู เพราะมีเกมระดับตำนานอย่าง สตรีทไฟเตอร์ II เป็นตัวชูโรง วีดีโอเกมคอนโซลแฟมิคอมก็เริ่มเป็นที่รู้จักไปทั่ว ประเทศญี่ปุ่นเริ่มต้นเป็นเจ้าแห่งวีดีโอเกม (สมัยนี้ตามตูดฝรั่ง) และในยุคสมัยนั้นยังมีเด็กประถม 6 คนหนึ่งชื่อ “ยางูจิ ฮารุโอะ” เป็นเด็กธรรมดา ออกจากหัวทึบ หน้าตาไม่หล่อ อ่อนแอ (ขอบอกว่าอ่อนสุด) ไม่เป็นที่นิยมในโรงเรียน แต่เป็นคนชอบตลกและเป็นมิตรกับทุกคน สิ่งทีทีเขาอวดคนอื่นได้ก็คือเป็นคนชอบวีดีโอเกม และเล่นวีดีโอเกมทุกชนิด ทุกเย็นเขามักเป็นเล่นเกมอาเขตที่ร้านเกมเสมอ
จนกระทั่งวันหนึ่งในขณะที่เขาเล่นเกมสตรีทไฟเตอร์ II ใกล้บ้าน ระหว่างนั้นได้มีคนหนึ่งมาท้าสู้กับเขา คนที่ท้าสู้คือ “โอโนะ อากิระ” สาวน้อยลูกคุณหนูเรียบร้อย น่ารัก (ที่แทบไม่มีบทพูดเลย) ห้องเดียวกับพระเอก และเป็นที่นิยมของเพื่อนร่วมชั้น ที่ตอนแรกเขาก็นึกว่าคุณหนูคนนี้มีงานอดิเรกจำพวกเล่นไวโอลีนหรือไม่ก็เปียโน แต่กลายเป็นว่าเธอเป็นสาวน้อยเซียนเกมซะงั้น
นางเอกคุณหนูต่อยพระเอกเพราะเล่นเกมกวนทีน (สมควรแล้วละ)
อากิระ (ต่อไปนี้ผมขอเรียกว่านางเอกคุณหนู) เป็นสาวน้อยเง็กเซียนฮ่องเต้ (เก่งกว่าเซียน) ที่เล่นเกมอาเขตอย่างช้ำชอง และเก่งกาจมาก เธอเล่มชนะเจ้าถิ่นรายแล้วรายเล่า ด้วยตัวละครแซงกรีฟ (เป็นตัวละครที่น่ากลัวมากในระยะใกล้ เน้นท่าจับทุ่มเป็นหลัก จุดอ่อนคือมันกดท่ายากมาก ส่วนมากเป็นตัวละครที่ผู้เล่นชั้นสูงชอบใช้ แต่นางเอกคุณหนูสามารถใช้ตัวละครนี้ได้อย่างสบาย) พระเอกเลยแก้เกมด้วยการเลือกตัวละครโจมตีระยะไกล และต่อสู้ด้วยการเจาะยาง (คือไม่ไปแลกหมัด เน้นเก็บเล็กเก็บน้อย เน้นยั่วโมโห และโจมตีระยะไกลเป็นหลัก) จนนางเอกคุณหนูแพ้ อย่งไรก็ตามแม้เกมแพ้แต่คนไม่แพ้ นางเอกคุณหนูโมโหลุกขึ้นมาใช้หมัดตะบันหน้าพระเอกเละแพ้น็อกนอกสังเวียนแบบกู่ไม่กลับ
ในที่สุดทั้งสองก็เป็นเพื่อนกัน
การเริ่มต้นของความเป็นเพื่อนระหว่างพระเอกและนางเอกคุณหนูไม่ดีเท่าใดนัก ออกไปทางเลวร้ายด้วยซ้ำ พระเอกต้องซวยเพราะนางเอกคุณหนูอยู่เรื่อย ไม่ว่าจะเป็นโดนชก, โดนซัด, โดนคนอื่นเปรียบเทียบ(พระเอกโง่ที่สุดในชั้น ส่วนนางเอกคุณหนูท็อปของห้อง, โดนรถของนางเอกคุณหนูชน อย่างไรก็ตามเพราะเกมนั้นเองที่ทำให้ทั้งคู่เริ่มเป็นเพื่อนกัน เล่นเกมด้วยกัน เวลาไปเที่ยวข้างนอกก็ตามล่าหาเกมอาเขตแปลกๆ เล่นด้วยกัน แม้ว่าส่วนมากจะจบลงด้วยการทะเลาะกัน แต่นั้นก็ทำให้ทั้งคู่สนิทสนมกันมากขึ้น นางเอกคุณหนูเริ่มรู้สึกชอบพระเอก เพราะที่ผ่านมานางเอกคุณหนูถูกทางบ้านเข้มงวดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการวางตัว หรือการเรียน ไม่มีความเป็นตัวของตนเอง จะมีเพียงแค่เกมเท่านั้นที่ทำให้คลายเครียดได้ ยิ่งมาเจอคนที่เป็นคอเดียวกันที่เป็นคอเดียวกันรู้ใจกันเรื่องเกม สามารถเปิดเผยตัวตนเองแบบไม่อายใคร
การจากลาที่เต็มไปด้วยน้ำตา
ระหว่างความสัมพันธ์ของทั้งคู่กำลังก่อตัวจนเรียกว่า “แฟนฉัน” นั้นเอง ตามสไตล์ความโรคจิตของคนเขียนที่ชอบทำให้ดราม่าและความโหดร้าย เมื่อนางเอกคุณหนูต้องมีอันต้องจากพระเอกเพราะต้องย้ายบ้านไปเมืองนอก และวันที่ทั้งสองต้องจากลา พระเอกได้มาหาเธอที่สนามบินเพื่อพูดกับเธอเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อให้เธอรู้สึกดีๆ ก่อนจากลา โดยเขาได้มอบแหวนของเล่นให้เธอเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าสักวันเราจะพบกันอีกเพื่อเล่นเกมด้วยกันอีกครั้ง ก่อนที่นางเอกจะซบอกพระเอกพร้อมร้องไห้โฮอย่างไม่อายใคร ซึ่งกว่าที่ทั้งคู่จะพบกันอีกครั้งก็อีกหลายปีต่อมา
จบเล่ม 1
หนึ่งในมุกที่พระเอกเล่นเกมกวนทีน Final Fight เกมต่อสู้ด้านข้างสมัยก่อน ซึ่งพระเอกกับนางเอกเล่นแบบสองคนช่วยเหลือกัน แต่ในเรื่องตัวละครที่พระเอกเลือกเอาแต่แตะต่อยตัวละครของนางเอกซะงั้น ไม่แปลกที่นางเอกจะโกรธ (พระเอกไม่ถนัดเกมแนวนี้)
Hi Score Girl ยังคงไปสไตล์ของคนเขียนการ์ตูน Oshikiri Rensuke ด้วยลายเส้นหนาๆ ไม่สนความสวยงามหรือสมส่วน โลกที่ดูมืดๆ ว้าเหว่เหมือนเงียบๆ เหงาๆ ดูแล้วหนาวหัวใจ-อบอุ่นหัวใจ ตัวละครตัวประกอบในเรื่องก็หน้าตาโรคจิตเหมือนไม่เต็มเต็ง พระเอกของเรื่องไม่หล่อ แถมอ่อน (ตามสไตล์ของคนเขียนที่ไม่ยึดติดเรื่องหน้าตาพระเอก แถม หากพระเอกหล่อจะทำให้นิสัยไม่ดี) และตัวละครหญิงน่ารักดูแล้วน่าทะนุถนอมดูน่าปกปกป้อง ส่วนที่เหลือเน้นการดำเนินเรื่องและมุก ไอเดียตามสูตรของคนเขียนแทน
ที่แตกต่างคือการ์ตูนเรื่องนี้ไม่ได้เน้นมุกตลกเรื่องภูตผีปีศาจเหมือนผลงานก่อนหน้า ที่เน้นตลกโปกฮ่าไร้สาระ เพราะมาคราวนี้เป็มุกตลกเฉพาะกลุ่ม มุกส่วนใหญ่จะเป็นมุกตลกวีดีโอเกม (ที่มีอยู่จริง ไม่ได้ถูกสมมุติขึ้น) เป็นต้นว่า สตรีทไฟเตอร์, เจสัน (ผมจำชื่ออังกฤษไม่ได้), Final Fight แม้จะเป็นเกมดังของญี่ปุ่น แต่บางเกมบ้านเราแทบไม่รู้จักเท่าไหร่ และเล่ม 1 นั้นกล่าวถึงเกมดักแก่ ทุกเกม เชื่อเลยว่าเด็กสมัยใหม่มาอ่านคงจะไม่เก็ทหลายมุก (เพราะมุกส่วนใหญ่อยู่ที่การล้อเลียนและระบบการเล่น ใครที่เคยเล่น และเล่นเป็นคู่กับคนอื่นคงฮ่ามุก Final Fight ไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นใครที่อยากอ่านการ์ตูนเรื่องวนี้ต้องมีความรู้เกี่ยวกับวีดีโอเกมรุ่นเก่า และต้องเคยเล่นด้วย คุณจะได้รู้ความสนุก ซึ่งขอบอกว่ามุกตลกหลายมุกโดนจริงๆ สมัยก่อนนั้นเกมสร้างขึ้นไม่ได้เน้นกราฟฟิกอะไรมากมาย แต่เน้นระบบ เน้นความสนุกของตัวผู้เล่น เน้นไอเดียการนำเสนอ หลายเกมกลายเป็นเกมคลาสสิกที่ไม่ว่ายุคสมัยไหนหยิบมาเล่นก็ยังคงสนุกไม่รู้เบื่อ ไม่เหมือนสมัยนี้เกมขาดความเป็นเอกลักษณ์ของเกม ทำเกมเอาใจฝรั่ง เน้นบ้าพลัง โหดเลือดสาด ยิ่งทำให้ผู้ปกครองเกลียดเกมเข้าไปใหญ่
อารมณ์ของการ์ตูนเรื่องนี้ทำได้น่าสนใจ ตอนแรกแนวตลกฮ่าๆ กลายมาเป็นการ์ตูนชีวิต ดำเนินชีวิต ของตัวละครหลักที่เติบโตไปพร้อมกับการพัฒนาของเทคโนโลยีวีดีโอเกม หากใครได้ดูการ์ตูนเรื่อง “แฟนฉัน” (ผมไม่เคยดูภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จริง แต่ผมดูภาพยนตร์เนื้อหาคล้ายๆ กัน) นั้นแหละอารมณ์ของเล่ม 1 เลย
แม้เนื้อหาของการ์ตูนจะพอที่จะคาดเดาได้ ฉากการดำเนินเรื่องไม่แตกต่างจากการ์ตูนเรื่องอื่นๆ (หากเทียบกับเรื่องอื่น เล่ม 1 ก็คือการเพิ่มรายละเอียดความรู้สึกของพระเอกและนางเอกที่ต้องแยกจากกันตอนเด็กเท่านั้น)
เล่มที่ 1 เน้นอารมณ์แบบ “แฟนฉัน” แต่ไม่ใช่ว่าพระเอกและนางเอกจะเป็นเพื่อนสมัยเด็ก เพียงแต่ทั้งคู่พึ่งรู้จักกัน แม้ว่าทั้งสองจะแตกต่างกันสุดกู่ ที่ทั้งสองแทบแตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิตและสถานะทางสังคม พระเอกไม่มีอะไรดีหรือน่าอวดสักอย่าง ในขณะที่นางเอกคุณหนูเพียบพร้อมทุกอย่าง แต่มีสิ่งเดียวที่ทั้งคู่ได้รู้จักกันคือวีดีโอเกม การเล่นด้วยกัน การไปไหนมาด้วยกัน เพียงแค่นี้ก็สุขใจ คนเราจะคบหากันไม่ได้อยู่ที่หน้าตา แต่อยู่ที่จิตใจว่าสามารถเข้ากันได้หรือไม่ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มก่อตัวเล็กน้อย และเริ่มสนิทสนมกันอย่างช้าๆ แต่ช่วงเวลาสั้นๆ นั้นจบลงอย่างรวดเร็วและโหดร้าย (และเชื่อหรือไม่นี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น) นั้นคือการแยกห่างจากกันของทั้งสอง ซึ่งเมื่อไหร่ทั้งสองจะได้พบกันอีก
ฮิดากะ โคฮารุผู้ขโมยซีนนางเอก
(เล่มที่ 2) เวลาผ่านไปหลายปีนับจากที่ฮารุฮะแยกจากนางเอกคุณหนูอากิระ จนกระทั่งถึงปี 1994 พระเอกฮารุโอะ อายุ 15 ปี (ย่านเข้า 16ปี) ในช่วงดังกล่าวเกมไฟติ้งอาเขตกำลังบูม ไม่ว่าจะเป็นสตรีทไฟเตอร์, ซามูไรสปิริตส์ พร้อมกับการเข้ามาของกราฟฟิก 3D ของเกม Virtua Fighter ทำให้วงการเกมอาเขตคึกคักเป็นอย่างยิ่ง
พระเอกฮารุอะยังคงเป็นคนชื่นชอบเกมเหมือนที่ผ่านมา (หน้าตาก็ยังกวนทีนเหมือนเดิม) และเวลานั้นเองได้มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในชีวิตของฮารุโฮะนั้นคือสาวน้อย “ฮิดากะ โคฮารุ” เรียกว่ากว่าครึ่งในเล่มสองนั้นเธอขโมยซีนนางเอกจนหมดสิ้น (จนมองไม่ออกเลยว่าใครเป็นนางเอกกันแน่)
โคฮารุนั้นเป็นเพื่อนร่วมชั้นมัธยมของฮารุโอะ ชื่นชอบฮารุอะมานาน แต่เนื่องจากไม่ชอบเข้าสังคม ทำให้เธอไม่กล้าเข้าไปหาเขามากนัก แต่แค่แอบมอง ไม่กล้าเข้าไปทัก จนกระทั่งพ่อแม่ติดตั้งเกมตู้อาเขตเก่าๆ ไว้หน้าบ้าน (ทั้งๆ ที่บ้านของโคฮารุเป็นร้านเหล้า) แต่นั้นก็ทำให้เธอเริ่มรู้จักฮารุอะ เพราะเจ้าพระเอกมักแวะเวียนมาเล่นเป็นประจำ แต่ฮารุอะนั้นไม่ได้สังเกตความรู้สึกของโคฮารุแม้แต่น้อย เพราะพระเอกสนใจแต่เกมมากกว่าความรักของชายหญิง อีกทั้งพระเอกยังไม่ลืมเรื่องของนางเอกคุณหนูที่เล่นด้วยกันตั้งแต่เด็ก ซึ่งเขาหวังว่าจะได้พบกับเธอในสักวันหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม โคฮารุไม่ยอมแพ้ เมื่อพระเอกชอบเกม เธอก็เล่นเกมบ้าง แม้เธอจะไม่สนใจเกมก็ตาม จนความสัมพันธ์ระหว่างเธอและพระเอกกำลังไปด้วยสวย เธอเริ่มเข้าใกล้พระเอกมากยิ่งขึ้น ได้กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน จนถึงขั้นมาบ้านพระเอกแบบไม่อายอีกต่อไป
แต่แล้วในเวลาเดียวกับที่ฮารุโอะและโคฮารุกำลังพัฒนาความสัมพันธ์ความเป็นเพื่อนกันอยู่นั้น นางเอกคุณหนูอากิระก็ได้บินกลับมาจากอเมริกาเพื่อมาเรียนต่อที่ญี่ปุ่น ในช่วงเวลานี้พอดี!!
ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้พบกันอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ทั้งพระเอกและนางเอกก็ยังไม่พบกันทันที แม้ว่าเธอยังไม่ลืมความรู้สึกดีๆ ของพระเอก แต่เพราะนางเอกเป็นคนขี้อาย ไม่รู้เข้าหาพระเอกยังไงดี แม้เธอจะเลือกจะเข้าโรงเรียนมัธยมเดียวกับฮารุโอะแต่อยู่คนรักห้อง สิ่งเดียวที่พอที่จะทำให้ทั้งสองเจอกันนั้นก็คือการเล่นเกมเท่านั้น จนกระทั่งในช่วงท้ายเล่มที่ 2 พระเอกก็ได้พบกับนางเอกคุณหนูอีกครั้งที่ร้านเกม และทั้งสองก็ได้เล่นเกมแห่งความทรงจำทั้งสองนั้นคือ Final Fight
ในที่สุดทั้งสองก็ได้พบกันอีกครั้ง ระหว่างที่พระเอกกำลังซาบซึ้งน้ำตาจะไหลอยู่นั้นเอง เขาก็ได้สังเกตว่านางเอกคุณหนูนั้นเงียบแทบไม่แสดงอาการการพบครั้งแรกออกมาเลย ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่เหมือนครั้งในวัยเด็ก กาลเวลาได้ทำให้ทั้งสองห่างเหินกันจนไม่เหมือนวันวานอีกแล้ว
พระเอกมองนางเอกกลับบ้านไปอย่างเงียบๆ แต่เขาหารู้ไม่ว่านางเอกนั้นยังคงรู้สึกดีกับพระเอกเหมือนครั้งยังเด็ก เธอยังคงเก็บแหวนของเล่นเด็กเอา เพราะเธอได้ทำตามสัญญาณเอาไว้ว่าสักวันทั้งคู่จะพบกันและเป็นเพื่อนกันอีก
การต่อสู้ของเซียนเกมอาเขต
กาลเวลาที่แสนโหดร้าย ความห่างเกินทำให้พระเอกมีความคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนางเอกคุณหนูไม่เหมือนแต่ก่อน เหมือนอากิระจะลืมเขา อีกทั้งอากิระเป็นคนสวยมีสเน่ห์ ส่วนเขาแทบไม่มีอะไรเลย และเมื่อพระเอกพูดคุยกับเธอ ว่าเธอจำเขาได้หรือเปล่า แต่กลายเป็นว่าอากิระโกรธเขาซะงั้น (ก็ไม่ได้หวีดอะไรมากมาย เพียงแค่อากิระเมิน เชิดใส่เท่านั้น อารมณ์ประมาณว่าพระเอกบื้อไปถึงไหน ฉันชอบเธอคนเดียวน่ะ ปล่อยให้พระเอกโง่ไป พระเอกสงสัยว่าอากิระงอนอะไรหว่า)
จนกระทั่งถึงวันทัศนศึกษาที่เกียวโต ระหว่างที่พระเอกเดินสำรวจเมืองคนเดียว แล้วหลงทางนั้นเอง เขาก็ได้มาอยู่ที่ชุมนุมเซียนเกมอาเขต ที่จัดขึ้นเพื่อหาผู้ชนะเจ้าแห่งเซียนเกมอาเขต และเขาก็ได้พบอากิระที่นั้น พระเอกเลยลงสมัครเพื่อปรับความเข้าใจกับอากิระให้ได้ (ตอนนี้ล้อเลียนสตรีทไฟเตอร์เยอะครับ ใครไม่ใช่เกมนี้น่าเสียดาย)
พระเอกและอากิระใช้ฝีมือของตนเล่นปราบเซียนเกียวโตจนราบ จนทั้งคู่มาพบกันรอบชิงชนะเลิศ และทั้งคู่เลือกใช้ตัวละครตัวเดียวกันกับเมื่อครั้งยังเด็กที่เล่นด้วยกันครั้งแรก
การต่อสู้เต็มไปด้วยความดุดเดือด การเล่นแบบกวนทีนสมัยก่อนไม่มีอีกแล้ว พระเอกเองก็มีความคิดอยากที่จะคืนดีกับอากิระเลยจัดความตั้งใจเป็นพิเศษ แต่ด้วยความเซียนกว่าสุดท้ายพระเอกก็ฝ่ายแพ้ หากแต่ถึง่วงรับรางวัลพระเอกก็พบว่านางเอกไม่มาขึ้นรางวัลชนะเลิศ ทำให้เขาเป็นผู้ชนะแทน
หลังเลิกงาน พระเอกตามหานางเอก ก็พบนางเอกริมแม่น้ำ พระเอกได้ตะโกนหาว่าเหตุใด อากิระจึงเมินเขา เราต้องปรับความเข้าใจกันเดี๋ยวนี้ แต่อากิระไม่พูดอะไร เอาแต่ต่อยพระเอกลูกเดียว ระหว่างที่ทั้งคู่ปลุกปล้ำกันนั้นเองพระเอกก็ได้เห็นสิ่งของชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่งบนตัวของนางเอก มันคือ แหวนของเล่นที่เขาให้เธอตั้งแต่เด็กที่แสดงถึงสัญญาว่าทั้งสองจะพบกันอีกครั้งและเล่นเกมด้วยกัน พระเอกรู้ทันทีว่าอากิระไม่ลืมคำสัญญานั้น ส่งผลทำให้ทั้งสองกลับมาคืนดีในที่สุด
ในที่สุดทั้งคู่ก็ปรับความเข้าใจกัน
ทั้งสองกลับมามีความสัมพันธ์สนิทสนมเหมือนครั้งยังเด็กอีกครั้ง ทั้งสองเล่นเกมด้วยกัน พูดคุยเรื่องเกมด้วยกัน เวลาว่างๆ พระเอกก็พานางเอกคุณหนูไปเล่นเกมอาเขตใหม่ๆ จนลืมเวลา สำหรับนางเอกคุณหนูแม้ว่าจะไม่พูดอะไรสักคำ แต่สีหน้าและการแสดงออกก็สามารถตอบได้ว่าเธอมีความสุขสุดๆ
แต่อนิจจา กาลเวลาช่างโหดร้าย เมื่อทั้งคู่ต้องขึ้นมัธยมปลาย นางเอกต้องเข้าโรงเรียนมัธยมปลายที่มีชื่อเสียงเพราะหัวของนางเอกคุณหนูดีอยู่แล้ว แต่พระเอกนั้นโง่บรม ต้องเรียนแต่ในโรงเรียนมัธยมปลายธรรมดา แต่พระเอกไม่อยากแยกจากนางเอกอีก พระเอกเลยตั้งใจอ่านหนังสืออยากหนักเพื่อเข้าโรงเรียนเดียวกับนางเอกให้ได้ โดยมีนางเอกคุณหนูเอาใจช่วยอยู่ห่างๆ เธอหวังว่าพระเอกจะเข้าโรงเรียนเดียวกับเธอและกลายเป็นเพื่อนเล่นเกมอีกครั้ง
ในวันใกล้สอบ พระเอกก็พยายามอย่างหนักในการสอบ แต่สิ่งที่อ่านไม่เข้าหัวเขาเลย ผลสุดท้าย ผลการสอบก็ไม่ได้เป้าตามที่ตั้งใจไว้ เขาอดเรียนโรงเรียนเดียวกับนางเอกคุณหนู และเข้าโรงเรียนมัธยมปลายธรรมดา พร้อมเกิดความคิดรู้สึกผิดที่ไม่อาจแก้ไขได้ได้
ทางด้านนางรองฮิดากะ โคฮารุก็ยังไม่ยอมแพ้ พยายามเข้าหาพระเอกทุกทาง และได้รู้ว่าพระเอกนั้นชอบอากิระมากเพราะเธอเล่นเกมเก่ง แม้ว่าโคฮารุจะไม่เคยพบอากิระหรือสนิทสนมมาก่อน แต่เธอรู้โดยพลันว่าอากิระคือคู่แข่ง ทำให้เธอฝึกฝนฝีมือเล่นเกมให้เก่งขึ้นไปอีก และเมื่อพระเอกอยู่แต่บ้านเอาแต่เล่นเกม ก็มีโคฮารุที่มาเยี่ยมเยือนพระเอกอยู่เป็นประจำ และแน่นอนว่าเธอก็ยังคงเล่นเกมกับพระเอกอย่างสนิทสนม (แถมเธอเก่งเกมกว่าพระเอกด้วย)
ทางด้านนางเอกคุณหนูนั้น แม้ว่าพระเอกจะพบเห็นเธอบางครั้งที่ออกไปข้างนอก แต่เขาไม่กล้าไปทัก หรือเล่นเกมด้วยกันเธออีกแล้ว เพราะเขาไม่กล้าสู้หน้าเธอ มองหน้ากันไม่ติด เขาได้ทำลายความเชื่อใจของนางเอกคุณหนูไป (โดยหารู้ไม่ว่าอากิระไม่ได้โกรธเกลียดพระเอกเลย)
การพบกันครั้งแรกระหว่างนางเอกและนางรอง สงครามกำลังเริ่มต้น
ระหว่างที่พระเอกจิตใจใช้ชีวิตเล่นเกมอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ สงครามก็เริ่มก่อตัวขึ้น เมื่อนางรองฮิดากะได้พบกับนางเอกคุณหนูอากิระเป็นครั้งแรก (หลังจากที่เฉียวไปเฉียวมานาน) และหลังจากที่ทั้งสองเล่นเกมอาเขตด้วยกัน นางรองฮิดากะก็ได้รับรู้ว่าฝีมือของนางเอกนั้นเหนือกว่าเธอมาก หากเทียบแล้วเธอเป็นเพียงแค่เศษธุรีดินใต้ฝ่าเท้านางเอกเท่านั้น แม้เธอจะมีฝีมือเล่นเกมเหนือพระเอกก็ตาม มิน่าทำไมพระเอกถึงหลงเธอมากนัก (แต่ในขณะเดียวกันอากิระก็นึกว่าพระเอกคงชอบฮิดากะเพราะเป็นแนวที่จับต้องได้ง่ายกว่า)
ต่อมาอากิระก็ถูกทางบ้านสั่งห้ามไปเล่นเกมอาเขตอีก เพราะอากิระต้องมุ่งแก่การเรียนเท่านั้น ทำให้ความสุขเล็กๆ กับการเล่นเกมของอากิระต้องหายไป อากิระจะทำอย่างไร เธอจะได้เล่นเกมที่เธอชอบได้หรือไม่ เธอก็สามารถครอบครองพระเอกได้หรือเปล่า สงครามรักสามเศร้าจะจบอย่างไร ก็ติดตามต่อไป
น้ำตาของนางเอกที่ถูกสั่งห้ามเล่นเกม (แถมไม่ได้เจอพระเอกอีก)
Hi Score Girl เป็นการ์ตูนที่ผมดูแล้วเพลินสนุกดีครับ แม้ว่าจะอ่านไม่รู้เรื่อง (เพราะเว็บที่ผมเข้าไปดูมันเป็นภาษาญี่ปุ่นและจีนแดง) แต่ดูภาพ ดูมุกที่ต้องการสื่อก็พอเข้าใจ ละครหญิง อากิระและฮิดากะน่ารักมากๆ คนหนึ่งเงียบนิ่งๆ อีกคนก็เข้าหาพระเอกทุกวิถีทาง หากผมเป็นพระเอกนี้คงคิดหนักเลยว่าจะเลือกใคร
ที่น่าสนใจคือการ์ตูนเรื่องนี้เน้นเรื่องการเล่นเกมอาเขตเอาไว้ด้วย (เกมส์อาเขต หรือเกมส์ตู้ หมายถึงเกมส์ที่ต้องหยอดเหรียญเพื่อเล่น ซึ่งได้รับความนิยมในประเทศญี่ปุ่น ส่วนบ้านเรานั้นควบคุมเข้มงวด เนื่องจากสาเหตุเพราะมันส่งเสริมการพนัน โดยเฉพาะเกมตู้ม้าแข่ง) ปกติในการ์ตูนเรามักเห็นแค่ตัวละครเล่นเกมตู้ระหว่างกลับบ้านหรือไม่ก็ออกเดตเท่านั้น แถมเป็นฉากที่ไม่สำคัญอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่การ์ตูนเรื่องนี้กล่าวถึงการเล่นเกมตู้ การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงด้วยการเล่นเกม ทำให้เนื้อหาดูน่าสนใจขึ้น เพราะที่แล้วมาไม่มีการดำเนินเรื่องแบบนี้มาก่อน อย่างมากก็ออกมาแนว หนูน้อยเซียนเกม แข่งเล่นเกมกันระหว่างพวกเด็กผู้ชาย ไม่ใช่มาแนวรักๆ โรแมนติกแบบนี้
อย่างไรก็ตาม จะรักราบรื่น หวานหอมตลอด มันคงน่าเบื่อแย่ คนเขียนเลยเพิ่มอุปสรรค์มากมายให้แก่ความรักครั้งนี้ด้วยการ เพิ่มความแตกต่างของพระเอกและนางเอก และเรื่องรักสามเศร้าเข้ามา
การ์ตูนเรื่องนี้เป็นแนวรักสามเศร้า หรือรักสามเส้า หมายถึงการ์ตูนที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ที่โรแมนติกที่เกิดขึ้นระหว่างบุคคลสามคน เกิดขึ้นจากการมีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องระหว่างความสัมพันธ์ของคนสองคน โดยทั่วไป มีความหมายเกี่ยวกับความไม่สมหวังของบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือบุคคลทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)
สมัยก่อนมีการ์ตูนแนวรักสามเศร้าเยอะ แต่สมัยนี้ค่อนข้างน้อยแล้ว เพราะสิ่งที่มาแทนที่ก็คือแนวฮาเร็ม (หรือฮาเร็ม แต่นางเอกหลักๆ มีสองคน) ส่วนแนวรักสามเศร้ามักมาอยู่ที่การ์ตูนตาหวานหรือการ์ตูนที่เน้นผู้อ่านส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงมากกว่า (ไม่ว่าจะเป็นชายสองคนชอบผู้หญิงคนเดียวกัน หรือหญิงสองคนชอบผู้ชายคนเดียวกันก็ตาม)
สาเหตุอย่างหนึ่งที่สามเศร้าไม่เป็นที่นิยมนัก (นอกเหนือการเข้ามาของฮาเร็ม) ก็เพราะมันเดาเรื่องง่าย เพราะส่วนใหญ่มักล็อกนางเอกตัวหลักเข้าวินมากกว่านางรอง และโอกาสที่จะจบแบบค้างๆ คาๆ หรือควบสองนั้นเกิดยากมาก (หากเป็นสายมืดนี้ว่าไปอย่าง โอกาสจบแบบควบสองนั้นมีสูง) อีกทั้งความรู้สึกของคนอ่านที่การเลือกคนใดคนหนึ่งของพระเอกที่คนใดคนหนึ่งต้องเจ็บแน่นอน ทำให้กองอวยตายแถบๆ ซึ่งคนแต่งมีแต่เสียกับเสีย หากไม่เจ๋งจริง หรือเนื้อหาอยู่ในระดับที่รับได้ คนอ่านจะไม่ยอมรับผลงานดังกล่าวเลย
สำหรับรักสามเศร้าในการ์ตูนเรื่องนี้ ก็น่าสงสารพระเอกเหมือนกัน เพราะพระเอกต้องมาเป็นคนกลางจะเลือกใครดี แม้ว่าในตอนนี้พระเอกยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะมีผู้หญิงที่รักเขามากถึงสองคน แต่สักวันพระเอกก็คงต้องตัดสินใจเลือกผู้หญิงสองคนนั้นว่าเขาจะเลือกใคร คนหนึ่งคือคนที่เขาและเธอมีความทรงจำดีๆ ร่วมกันอยู่ พูดกันถูกคอ อยู่แล้วมีความสุข ทุกนาทีแสนจะมีค่า แม้ว่าปัจจุบันมันไม่สวยงามเหมือนแต่ก่อน แต่เขายังคงคิดถึงเธออยู่ ส่วนอีกคนพึ่งเข้ามาในชีวิต แม้พึ่งรู้จักกันไหมกี่ปี แต่ตัวเธอนั้นก็แอบมองพระเอก ทำทุกอย่างเพื่อพระเอก จนพระเอกเริ่มหันมามองเธอ และเริ่มรู้ว่าเธอนั้นเอื้อมถึงง่ายกว่านางเอกเก่า แน่นอนตามกฎของการเลือกเข้าวินไม่ว่าพระเอกจะเลือกใคร พระเอกคงโดนสวดยับแน่นอน
ซึ่งตรงจุดนี้ผมก็ไม่รู้ว่าคนเขียนจะทำให้หักมุมหรือเปล่า แต่ผมเชื่อว่าคนเขียนวาดตอนจบไว้แล้ว และน่าจะเป็นฉากจบที่หลายคนยอมรับได้ เพราะคนเขียนคนนี้จบไม่เคยหักหลังคนอ่าน จบแบบสมเหตุสมผล ตัวละครจะสมหวังในตอนท้าย หรือใครทำอะไรไว้ก็ต้องได้รับผลตามนั้น (อย่างลำนำดอกโศกเป็นต้น) ซึ่งใครจะสมหวัง หรือจะควบหมดทั้งสองก็ติดตามต่อไป
ที่น่าเสียดายคือการ์ตูนเรื่องนี้ไม่มีลิขสิทธิ์ในไทย เอาเป็นว่าใครที่สนใจการ์ตูนเรื่องนี้ก็ลองไปถามสำนักพิมพ์ดูละกันว่าสำนักพิมพ์ไหนสนใจจะลิขสิทธิ์บ้าง
เอาเป็นว่าหากการ์ตูนเรื่องนี้มีอะไรแปลกๆ หรือถึงตอนจบเป็นยังไง ผมจะกลับมาเขียนอีกครั้งน่ะครับ และขอจบเนื้อหาแต่เพียงเท่านี้
ความคิดเห็น