ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #228 : 10 อนิเมะและมังงะที่ผมรอคอย (ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้)

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.พ. 56



    ชีวิตของคุณเคยมีรออะไรทั้งๆ ที่รู้ทั้งรู้ว่าเป็นไม่ได้ หรือความหวังริบหรี่ไหมครับ? สำหรับผมที่อยู่จนบัดนี้อายุจะ 30 ปีแล้วก็มีประสบการณ์รอคอยมากมาย ก็มีสมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง แต่ส่วนใหญ่การรอคอยที่ผิดหวังมันฝังใจเสียมากกว่า และหนึ่งในนั้นก็คือการรอคอยการ์ตูนญี่ปุ่นหลายเรื่องที่อยากให้ถูกสร้างมากๆ หรือการพบเจอการ์ตูนญี่ปุ่นที่โดนใจสักครั้งหรือต้องการตามหามาทั้งชีวิต  แต่อนิจจาโลกมันช่างโหดร้าย เมื่อพบว่าการรอคอยนั้นมันสูญเปล่าแท้ๆ เพราะการ์ตูนที่คิดว่ามันน่าจะมี ปรากฏว่ามันไม่มี หรือการ์ตูนที่รอคอยนั้นมีเหตุผลมากมายที่มันไม่ถูกสร้างขึ้น หรือไม่มีโอกาสที่จะได้ดู

    10 อันดับต่อไปนี้เป็นอนิเมะและมังงะที่ผมรอคอยมาเกือบทั้งชีวิต (บางอันดับนี้ตั้งแต่วัยรุ่นสมัยเปื้อนสิวเลยทีเดียว) ซึ่งจนบัดนี้ผมก็ยังไม่สมหวังแต่อย่างใด

     

    10. Makai Tenshi Jibril 3 (ตอนที่ 3และ 4)


                  แน่นอนครับเริ่มต้นต้องสายมืดก่อน ไม่พูดถึงจะอยู่ไม่ได้ ยังจำบทความที่ผมเล่าก่อนโน่นได้เปล่าครับ คือ 10 ฮาเร็มของผม และ 10 การ์ตูนที่น่าผิดหวังสำหรับผม ใครที่ยังไม่ได้อ่าน ลองไปดูที่ลิงค์ข้างล่างครับ

    http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=125456&chapter=115

    http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=125456&chapter=162

    ทั้งสองบทความ ผมได้กล่าวถึงการ์ตูนอนิเมะสายมืดเรื่องหนึ่งคือเรื่อง Makai Tenshi Jibril ซึ่งสร้างจากเกม PC (โป๊) ในชื่อเดียวกัน ถ้าจะให้พูดตามตรงก็คือเป็นเกม PC              ที่ผมอวยตัวละครโครตๆ เพราะคาแร็คเตอร์พวกนางเอกน่ารักและโมเอะมากๆ (คือมันมีหลายภาค แต่ภาคนางฟ้าชุดว่ายน้ำโรงเรียนนั้นมี 3 ภาค และภาคแยกย่อยอีก โดยภาคหลักแต่ละภาคจะเน้นอวยผู้หญิงหนึ่งคน แม้จะมีฉาก 3P ก็ตาม) ซึ่งเหล่านางเอกแต่ละ (คนออกแบบคือ Kuuchuu Yousai คนวาดคนนี้ผมอวยเป็นการส่วนตัวครับ) ซึ่งหนึ่งในนางเอกเหล่านั้น มีหนึ่งในสาวที่ผมโปรดปรานเป็นพิเศษนั้นคือจินโนะ นากิอยู่ด้วย

     เนื้อหา Jiburiru คร่าวๆ นั้น เป็นเรื่องของพระเอกชื่อ “จินโนะ นาโอโตะ”  กำลังสารภาพกับ “มานาเบะ ริกะ” ระหว่างนั้นก็มีสัตว์ประหลาดหนวดปลาหมึกและพวกปีศาจเข้ามาทำร้าย แต่ทั้งคู่ก็โดยเทวดาโลลิ (แค่รูปร่างแต่อายุปาเป็นพัน) ชื่อ “เลิฟเรียล” และเลือกริกะมาเป็นเทวดาใส่ชุดว่ายน้ำสู้กับปีศาจ  ซึ่งส่วนมากมักพลาดท่าสัตว์ประหลาดหนวดปลาหมึกเสียมากกว่า ซึ่งตัวเกมจะถูกทำมาเป็น 3 ภาค (ก่อนที่ภาคหัดมาจะเปลี่ยนเนื้อหาและตัวเอกใหม่หมด)

    Jiburiru นั้นเป็นเกมที่ได้รับรางวัล Bishojyo Game Award ประจำปี 2008 ถ้าพูดตามตรงผมไม่ชอบแนวหนวดปลาหมึกลามกสักเท่าไหร่ นี้ถ้าไม่อวยตัวละครสาวๆ น่ารักนี้คงอยู่ยากไปนานแล้ว ซึ่งอย่างที่บอกเอาไว้ในบทความก่อนๆ ว่า เกมนี้มีเป็นอนิเมะ (OVA)นั้นแบ่งเป็น 3 ภาค และที่น่าสนคือแต่ละภาคนั้นใช้เวลาทำนานมาก คือ ภาคแรก 2004-2006, ภาคสอง 2007-2009 และภาค 3 2009-2010 (ยังไม่จบ) และทั้งสามภาคนั้นผมดูหมด.........

    ที่นี้แหละเป็นปัญหาครับ คือแต่ล่ะภาคมันมี 4 ตอนจบ ภาคแรกและภาคสองไม่มีปัญหา แต่ภาค 3 มันดันมี 2 ตอน และมันไม่จบด้วย แถมวิกีพีเดียเขียนไว้ว่ามันไม่ทำต่อแล้ว!!

    ถ้าถามว่าอนิเมะมันสุดยอด คำตอบคือค่อนข้างแย่ครับ เสียดายมากอนิเมะสร้างจากเกมดังแท้ๆ ไม่น่าจะทำแบบนี้เลย ก่อนอื่นก็ต้องบอกว่าอนิเมะเฮ็นไต สายมืดนี้นั้นมันไม่ค่อยมีทุนสร้างสักเท่าไหร่ คือภาพเผาโครตมากครับ ทั้งๆ ที่ภาคจากเกมนั้นสวย สาวๆ น่ารัก แท้ๆ แต่พอเป็นอนิเมะนี้อนิจจาภาพห่วยสุดๆ แต่พอดีผมค่อนข้างบ้า อย่างที่บอกผมอวยสาวๆ เรื่องนี้ ผมตามหาอนิเมะซีดีเถื่อนเลยทีเดียว แถมโดนหลอกด้วย (แค้นไม่หาย ไม่เสียดายเงิน แต่เสียหมาราชาแห่งสายมืด) จนกระทั่งโหลดได้ในคอมได้ในเวลาต่อมา

    ลืมบอกไปอนิเมะมาจากสตูดิโอปีกหน้า (Front Wing) ค่ายเดียวกับที่ทำเกมแหละ สำหรับเนื้อเรื่อง Jibril 3 อนิเมะ หลังจากจบภาคสองไปแล้ว ในขณะที่พระเอกออกเดตพระเอกนาโอโตะกำลังเดตกับริกะกับฮิคาริลูกพี่ลูกน้องอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีปีศาจปรากฏตัวและจับตัวฮิคาริไป ในขณะเดียวกันนั้นเองสวรรค์ก็ส่งสาวน้อยคนใหม่ “นากิ” มาเป็นผู้ช่วยปราบปีศาจ และในขณะที่จิโนะแปรงร่างและกำลังต่อสู้อยู่นั้นเอง อนิเมะก็ตัดจบ และจนบัดนี้ตอนที่ 3 ก็ไม่มา (และหากค้นเว็บใดก็บอกว่ามีเพียง 2 ตอนจบ เท่านั้น)

    ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ถึงไม่ทำตอนที่ 3 และ 4 ต่อทั้งๆ ภาคนี้อุตส่าห์อวยนากิน่ารักแท้ๆ (แม้ในเมะจะเผาสุดๆ ก็เถอะ) จนบัดนี้ผมก็ยังคงรอคอยตอนที่ว่าแม้ความหวังจะริบหรี่ก็ตาม

     

    9.Shina Dark (อนิเมะ) และภาค 2


                    Shina Dark หรือ ราชาแห่งความมืดแห่งไดน่าดาร์ทและสองเจ้าหญิงจันทรา เป็นการ์ตูนคอมมาดี้, ฮาเร็ม(??), แฟนตาซี, การเมือง, แอ็คชั่น, ดราม่า, ยูริ(??) ฯลฯ เรื่องโดย
    Bunjuro Nakayama(ผลงานอย่าง Mahoromatic) และวาดโดย Yukari Higa ของสำนักพิมพ์ ASCII Media Works (ซานะ) วาดตั้งแต่ 2006 ถึง 2009 มี 4 เล่มจบ ซึ่งเป็นการ์ตูนที่ผมชอบอีกเรื่องหนึ่ง

    เนื้อหาของการ์ตูนเรื่องนี้คร่าวๆ คือเป็นเรื่องของจอมมารเอ็กโซต้าที่ฟื้นจากการหลับใหลสองพันปี  ทุกประเทศต้องส่งหญิงสาวไปเป็นสนมของจอมมารให้ครบหนึ่งพันคนไปยังเกาะชีน่าดาร์ทที่จอมมารอยู่ ไม่เช่นนั้นจอมมารจะทำลายโลก หากแต่ความจริงแล้วจอมมารตนดังกล่าวนิสัยใจดี รักสงบ และเมื่อจอมมารฟื้นขึ้นมากับพบว่าเกาะของเขาเต็มไปด้วยสาวสวย และยังมีเจ้าหญิงจากแดนไกลสองคนที่ถูกส่งมาเป็นสนมของจอมมารคือเจ้าหญิงกาเล็ตท์ที่เป็นเจ้าหญิงอัศวินนักสู้ และเจ้าหญิงคริสติน่าที่มารยาทงาม แม้ว่าจอมมารจะให้ทุกคนกลับไปยังที่ของตนได้ แต่กลายเป็นว่าหญิงสาวเหล่านั้นถูกขับไล่จากบ้านเกิดเมืองนอนของตน ไม่สามารถกลับไปบ้านของตนอีกแล้ว จอมมารเลยประกาศให้เกาะตนเองเป็นประเทศเพื่อให้ผู้หญิงที่ถูกประเทศตนทอดทิ้งเริ่มต้นชีวิตใหม่

    Shina Dark เป็นการ์ตูนที่สนุกเรื่องหนึ่งของผม คือเนื้อหาแรกๆ นึกว่าแนวแฟนตาซีฮาเร็ม แต่หลังๆ กลายเป็นแนวการเมืองและปกครอง (แต่ยังไม่พ้นฉากเซอร์วิสอยู่ดี)มันเป็นการ์ตูนที่มีส่วนผสมอะไรหลายๆ อย่างรวมกัน แต่ผสมได้เข้าท่าและสนุกดี

    อย่างไรก็ตาม มังงะจบลงแบบค้างคา ด้วยการเปิดตัวผู้กล้าที่เป็นเงาผู้หญิงและก็จบตรงนั้นเลย (เชื่อว่าน่าจะเป็นรูทฮาเร็มตอนใหม่ หากมีภาค 2) จนบัดนี้ภาค 2 ที่ผมเชื่อว่ามันน่าจะมีก็ไม่ออกมา อาจเป็นเพราะคนเขียนไม่ว่าง กำลังยุ่งอยู่กับ Zero no Tsukaima Chevalier  และ Mahou Senki Lyrical Nanoha Force ไม่มีที่ท่าจะทำ Shina Dark ภาค 2 แต่อย่างใด

     

                  8.  Romance of the Three Kingdoms (บทหลังขงเบ้งเสียชีวิต)

                   
                 
    แน่นอนว่าหลายคนรู้จักกับสามก๊กดีที่ว่าสุดยอดวรรณกรรมจีนและของโลก  ซึ่งเป็นเรื่องราวของยุคปลายราชวงศ์ฮั่นที่แผ่นดินลุกเป็นไฟ เจ้าเมืองและขุนพลมากมายต่างอยากครองความยิ่งใหญ่ต่างทำศึกสงครามช่วงชิงดินแดน จนดินแดนแตกแยกจนเป็นก๊กต่างๆ ซึ่งตอนหลังเหลือเพียงสามก๊กนั้นคือจ๊กก๊ก, วุยก๊ก และง่อก๊ก แต่สุดท้ายคนที่รวบรวมรวมแผ่นดินกับเป็นคนของสกุลสุมา

                    สามก๊กมีเสน่ห์ตรงที่การสอดแทรกปรัชญาต่างๆ มากมายๆ ไม่ว่าจะเป็นปกครอง, การใช้คน และการวางแผนกลยุทธ์ที่สามารถนำมาปรับใช้ชีวิตประจำวันต่างๆ ได้ รวมไปถึงวีรกรรมของเหล่าผู้กล้า สงครามที่ยิ่งใหญ่ที่ยังคงตื่นเต้นเร้าใจอยู่เสมอ แม้จนบัดนี้ตำนานสามก๊กยังคงมีมนต์เสน่ห์จนถูกดัดแปลงเป็นสื่อต่างๆ มากมาย ไม่ว่าเป็นการ์ตูนมังงะ (ทั้งตรงและเพิ่มสีสัน) วีดีโอเกม (ตัวละครหล่อๆ สวยๆ ทุกคน) หรือแม้แต่ภาพยนตร์ต่างหยิบยกเหตุการณ์ และเบื้องหลังเหตุการณ์สำคัญของสามก๊ก

    แต่อนิจจา มันน่าน้อยใจไหมครับ สามก๊กไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์หรือการ์ตูนส่วนใหญ่มักจบในช่วงแต่ที่ขงเบ้งตายตลอดเลยครับ ไม่รู้เป็นเพราะอะไรถึงไม่ค่อยเขียนการ์ตูนช่วงหลังขงเบ้งเสียชีวิตกัน หรือเป็นเพราะตัวละครหลังจากนั้นไม่โดดเด่นพอ หรือเนื้อหาไม่สามารถสู้กันสามก๊กช่วงต้นได้ก็ไม่รู้ ซึ่งส่วนใหญ่ช่วงหลังของขงเบ้งตายนั้นการ์ตูนกลับใช้วิธีรวบรัดตัดจบแทน ทั้งๆ ที่ในวรรณกรรมแล้วสามก๊กช่วงหลังขงเบ้งตายทั้งสามก๊กยังสู้กันดุเดือด เหตุการณ์ที่สำคัญอย่าง คือ เกียงอุยสู้กับเต๋งงาย,เต๋งงายสู้กับลูกขงเบ้ง,ความล้มเหลวของจูกัดเก๊ก ไปจนถึงการล่มสลายของจ๊กก๊กและง่อก๊ก เป็นต้น ซึ่งผมว่าน่าจะสนุกไม่แพ้กับสามก๊กช่วงต้นที่หลายคนรู้จักเลยทีเดียว

    น่าเสียดายมากที่ผ่านมาสามก๊กทำไม่สมบูรณ์ เพราะส่วนใหญ่แล้วผมรู้จักสามก๊กจากการอ่านการ์ตูน มากกว่าอ่านวรรณกรรมเสียอีก ทำให้ช่วงหลังขงเบ้งตาย ผมเลยไม่เคยรู้เรื่องสักเท่าไหร่นัก (ต้องอาศัยอ่านวิกิพีเดียเอา) แม้จะมีการ์ตูนบางเรื่องที่มีทำช่วงหลังขงเบ้งเสียชีวิตบ้าง แต่นั้นไม่สมบูรณ์แบบ เหมือนสามก๊กช่วงต้นเลย  ซึ่งผมยังคงรอคอยสามก๊กแบบนี้อยู่แม้โอกาสจะริบหรี่ก็ตาม

     

    7.Souin Gyokusai seyo!

                    
                   
    สงครามโลกครั้งที่ 2 คือประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของโลกที่หลายคนไม่อยากเกิดขึ้น ที่ปัจจุบันเรื่องราวของสงครามโลกถูกถ่ายทอดในสื่อต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นหนังสือประวัติศาสตร์, ภาพยนตร์, วีดีโอเกม ไปจนถึงการ์ตูนที่มีตั้งแต่คอมมิคอเมริกาและมังงะของญี่ปุ่น ซึ่งทั้งหมดแม้จะเพื่อบันเทิงแต่ก็สอดแทรกความโหดร้ายของสงคราม เพื่อให้หลายคนตระหนักไม่อยากให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น

                    สำหรับวงการมังงะการ์ตูนญี่ปุ่น (อนิเมะอีก) ดูเหมือนว่าการ์ตูนที่เน้นเรื่องสงครามโลก (แบบแท้ๆ ไม่ใช่แบบแฟนตาซีที่ฉากหลังสงครามโลกครั้งที่ 2) ดูเหมือนไม่เป็นที่นิยมในปัจจุบันนัก คือแทบไม่ออกเลย ทั้งๆ ที่สมัยก่อนก็มีแนวสงครามโลกครั้งที่ 2 ออกมามากมายหลายเรื่อง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการเมือง หรือว่าเป็นเพราะมันไม่เป็นที่นิยมหรือวาดยากหรือเปล่าก็ไม่ทราบ

    Souin Gyokusai seyo! (มีเล่มเดียวจบ ตีพิมพ์ปี 1973) เป็นการ์ตูนเก่าที่ผมอยากอ่านมากๆ ครับ เป็นอีกหนึ่งผลงานของ Shigeru Mizuki  ผู้วาดคิทาโร่ (GeGeGe no Kitaro)  ความจริงคนเขียนคนนี้ก่อนหน้านั้นก็เขียนเรื่องฮิตเลอร์ หากแต่เรื่องนี้พิเศษกว่าเรื่องอื่นๆ ที่ผ่านมาครับ เพราะมังงะเรื่องนี้เป็นประสบการณ์จริงของคนเขียนที่อดีตเคยเป็นทหารแห่งจักรวรรดิญี่ปุ่นที่ไปรบบนเกาะนิวบริเตน (New Britain) ซึ่งเนื้อหาของการ์ตูนอยู่ในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นเนื้อหาในการ์ตูนเป็นเรื่องจริงทั้งหมด เป็นแนวกึ่งอัตชีวประวัติของผู้เขียน ที่คนในหน่วยที่ปรากฏตัวในการ์ตูนมีตัวตนอยู่จริง ตายจริง ซึ่งแน่นอนว่าผู้เขียนรอดและได้ถ่ายทอดประสบการณ์เหล่านั้นในมุมมองของเขาต่อสงครามโลกครั้งที่ 2  ซึ่งสถานการณ์การรบบนเกาะอยู่ขั้นสิ้นหวังสำหรับจักรวรรดิญี่ปุ่นเพราะโดนปิดล้อม อาหารก็ไม่มี ความสุขสบายหายหมดสิ้น ทหารญี่ปุ่นหมดกำลังใจสู้ไปจนเกือบหมดสิ้น ทำได้แต่สู้รบแบบกองโจร ทำได้แค่มีชีวิตอยู่รอดไปวันๆ เท่านั้น นอกเหนือจากระวังไม่ให้โดนข้าศึกอเมริกันยิงตายแล้ว พวกเขาต้องผจญภัยจากป่า ไม่ว่า โรคภัยไข้เจ็บ สัตว์ร้าย  ซ้ำร้ายยังโดนผู้นำของหน่วยสั่งการแบบโง่ๆ ให้พวกเขาไปตายแบบไร้ประโยชน์อีก

    เท่าที่ดูจากภาพและอ่านเนื้อหา ลายเส้นยังคงเป็นเอกลักษณ์ของคนวาด ที่จำได้ว่าการ์ตูนมังงะแรกๆ ที่ผมติดตามก็คือผีน้อยคิทาโร่นี้เอง และอารมณ์น่าจะเป็นแบบสงครามโลกญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม(ภาพยนตร์ญี่ปุ่นแนวสงครามโ,กจะเน้นด้านมืดของจิตใจมนุษย์, ความสูญเสีย, การตั้งประเด็นคำถามว่าสงครามได้อะไร) ซึ่งเป็นการ์ตูนอีกหนึ่งเรื่องที่ผมอยากอ่านมากๆ  แต่อนิจจาเนื่องจากเป็นการ์ตูนเก่าและนอกสายตาทำให้ไม่มีลิขสิทธิ์ไทย และเว็บต่างประเทศเองก็ไม่เจอใครแปลเอาไว้ ทุกวันนี้ผมก็ยังคงรอคอยว่าจะได้พบการ์ตูนเรื่องนี้บนแผงหนังสือเหรอเปล่า?

     

    6.Soredemo Machi wa Mawatteiru


                เชื่อว่าหลายคนในตอนนี้คงจะชอบเรื่อง
    Tamako Market การ์ตูนใหม่ต้นปี 2013  ที่อวยตัวละครได้ถูกอกถูกใจ และความเรียบง่าย อบอุ่น สนุกสนาน ร่าเริงตามอารมณ์ของเรื่อง (ผู้กำกับลั่นแล้วว่าเรื่องนี้ไม่มีดราม่าปวดตับ ไม่มีหักหลังคนดู และไม่มีเซอร์วิส) แต่สำหรับผมแล้วไม่รู้ทำไม ผมดูเรื่องนี้แล้วมักเปรียบเทียบกับ Soredemo Machi wa Mawatteiru (ความจริงแล้วชื่ออังกฤษคือ And Yet The Town Moves  แต่ผมตั้งชื่อการ์ตูนนี้ว่า “เมดนรกยกล้อ” ซะงั้น) ซึ่งหลังจากที่ผมพิจารณาดูแล้วผมชอบเรื่องหลังมากกว่าด้วยสิในแง่ความสร้างสรรค์และลูกบ้า

     Soredemo Machi wa Mawatteiru เป็นมังงะผลงานของ Masakazu Ishiguro ตีพิมพ์เล่มแรกในปี 2005 ตอนนี้ยังไม่จบ (ตอนที่เขียนบทความก็ 10 เล่มไปแล้ว) และอนิเมะก็ตามมา ในปี 2010 กำกับโดย Shinbo Akiyuki มี 12 ตอนจบ  ซึ่งขอบอกว่าการ์ตูนเรื่องนี้เรื่องเป็นอนิเมะที่ผมชอบมากๆ เรื่องหนึ่ง

    การ์ตูนเรื่องนี้ตัวเอกเป็นเด็กผู้หญิงมัธยมปลายธรรมดาที่ชื่อ โฮโทริ อาราชิยามะ นิสัยบ้าบอและชอบเรื่องสืบสวนสอบสวน ชอบทำให้คนรอบข้างปวดหัวอยู่เรื่อย โดยเวลาว่างๆ เธอจะทำงานพิเศษเป็นสาวเมดในร้านกาแฟ “ซีไซต์” ในย่านการค้าแห่งหนึ่งที่แทบไม่มีลูกค้าเลย

    การดำเนินเรื่องการ์ตูนเหมือนเป็นแนวธรรมดา ชีวิตประจำวัน แต่การ์ตูนเรื่องนี้ชอบเป็นบ้า ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบตัวละครที่น่ารัก (ผมว่าตัวเอกน่ารักดีน่ะ) นิสัยโดดเด่น มุกตลกก็สร้างสรรค์ สอดแทรกอะไรมากมาย ที่ชอบคือลูกบ้าของตัวเอกที่บ้าบอได้ใจ ผสมกับการกำกับของ Shinbo Akiyuki (ผลงานของ Sasami-san@Ganbaranai และ Denpa Onna to Seishun Otoko)  ที่สร้างโลกและลูกเล่นอย่างมีศิลปะได้ใจผมจริงๆ

    ถ้าเปรียบเทียบกับ Tamako Market แล้ว โมจิแห่งความสุขคือ การ์ตูนก็เกี่ยวข้องกับ ฃชีวิตประจำวัน, โรงเรียน, ครอบครัว, เพื่อน, ย่านการค้า เน้นสังคมเล็กๆ ของตัวเอกและความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องมากกว่า ที่ทำให้คุณดูแล้วมีความสุขและอมยิ้ม (จะสังเกตว่าเพลงเปิด Tamako Market  และ Soredemo Machi wa Mawatteiru โทนเสียงช่างคล้ายกันเสียจริง) แต่สำหรับเมดนรกยกล้อนั้นก็เล่นคล้ายกับ Tamako Market เช่นกัน เพียงแต่ลูกบ้ามีเยอะกว่า มุกล้ำลึกกว่า ที่น่าชมคือผู้กำกับเลือกบางตอนในมังงะมาใช้แบบไม่มีสะดุดหรือขัดอารมณ์เลย ยังคงทำตรงต้นฉบับและบางทีอาจดีกว่าในมังงะด้วยซ้ำ (โดยเฉพาะตอนจบของอนิเมะ)

    และสิ่งที่ผมประทับใจเป็นพิเศษคือฉากจบ ตอนที่ 12 Soredemo Machi wa Mawatteiru ประทับใจผมมาก ผมเคยเขียนไว้ว่าการ์ตูนเรื่องนี้อาจมีซีซั่นสอง เพราะเนื้อหาสนุกและประทับใจ ได้จิ้นหลายคู่ (ผมชอบคู่นางเอกกับรุ่นพี่คอนที่ช่างเหมาะสมกันจริงๆ) แต่อนิจจาจนบัดนี้ อนิเมะสองก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ทั้งๆ ที่การ์ตูนสนุกแท้ๆ


                  5.  To Heart 2 Another Days (ฉบับสมบูรณ์)


                   ก่อนอื่นอยากเรียนใครๆ หลายคนสำหรับคนที่เคยดูการ์ตูนเรื่องนี้ก่อน สำหรับตอนที่ 12 ของ
    To Heart 2 พระเอกไม่ได้เข้าวินกับโคโนมิเพื่อนสมัยอายุน้อยกว่าข้างบ้านน่ะครับ แต่เป็นการจบรูท ซึ่งพอดีบทของเพื่อนสมัยเด็กข้างบ้านเป็นบอสใหญ่พอดี และพระเอกก็ไม่ได้มีความรักใคร (ความรักยังคงค้างคา) ก่อนที่จะมีภาคอื่นๆ ตามมา

    To Heart 2 เป็นเกมจีบสาวเรตโป๊ เกมหนึ่งที่หลายคนชื่นชอบ เรื่องราวของพระเอกอาคาอากิ ชายหนุ่มที่ไม่ถูกกับผู้หญิงสักเท่าไหร่ (ยกเว้น ซึ่งผู้หญิงทั้งสองซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเด็ก) แต่ชีวิตของเขาหลังเข้าโณงเรียนมัธยมปลายแห่งใหม่ก็ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อมีผุ้หญิงหลายคนเข้ามีชีวิตหลายคน ไม่ว่ะเป็นพี่สาวหัวแดง, ประธานชมรมลึกลับสุดเพี้ยน, มนุษย์ต่างดาวเพี้ยน, หุ่นยนตร์กล่อง, รองประธานนมใหญ่ที่เป็นคู่แข่งพี่สาวผมแดงอย่างสมน้ำสมเนื้อ ซึ่งด้วยเนื้อเรื่องและตัวละครทำให้เกมหัวใจ 2 ได้รับความนิยมมาก จนมีหลายภาคตามมา

      แม้เกม ToHeart 2จะเป็นเกมที่หลายคนอวยหนักหนา ภาพสวย เนื้อเรื่องแสนโรแมนติก หากแต่เมื่อถูกจับมาทำเป็นอนิเมะ โดย OLM Team Iguchi 2006 คนอื่นผิดหวังเป็นแถบๆ ด้วยคำเดียวคือเผา เผาจริงๆ ครับ ไม่สมกับเรื่องที่หลายคนรอคอยเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นภาพเน่าอย่างเหลือเชื่อ ส่วนตัวละครเพี้ยน หน้าตาตัวละครก็เพี้ยน ส่วนเนื้อหานี้มีการดัดแปลงจากเกมเล็กน้อย แต่น่าเสียดายบางบทหันอย่างเหลือเชื่อ (เพราะจำนวนตอนมีเพียง 12 ตอนสั้นมาก) แถมไม่มีบทบทประธาน (คุสึกาว่า ซาซาระ), บทผีสาวผมยาว (คุซาคาเบะ ยูกิ) อีกต่างหาก

    อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นผมยังคงศรัทธา ToHeart 2 อยู่ และหวังจะรอภาคเรทคนที่เหลือ รวมไปถึงภาค To Heart 2 Another Days ถือว่าเป็นภาคต่อของ  To Heart 2 ซึ่งเนื้อหาคงคงเป็นเรื่องของพระเอก สำหรับภาค Another Days ก็มีบทสาวๆ น่ารักน่าสนใจหลายคน เช่นเมดโรโบ้ HMX-17c ซิลฟ่า, โคโนะ ฮารุมิ(HMX-17b มิลฟ่า), รุ่นพี่มาเรี่ยน(อาซางิริ มาโกะ) และคนอื่นๆ อีกมากมาย (ที่ผมชอบเป็นพิเศษคือ) โคมากิ อิคุโนะแต่อนิจจาถึงไม่ว่ารอยังไงก็ไม่มีอนิเมะภาคที่ว่ามาสักที  ที่ผ่านมามีแต่ภาค OVA To Heart 2 AD, To Heart 2 AD Plus, To Heart 2 AD Next ที่เป็นเนื้อเรื่องพิเศษสั้นๆ ไม่ได้เป็นแบบเนื้อเรื่องรูทสมบูณ์แต่อย่างใด

     

    4. Uchuu Kazoku Carlvinson (และอีกหลายผลงานของอาจารย์ Asari Yoshitoo)


                มีนักเขียนการ์ตูนญี่ปุ่นไม่กี่คนที่ผมชื่นชอบมากๆ ไม่ว่าจะเป็นลายเส้น ไอเดีย และแนวคิด ซึ่งหากมีการจัดอันดับนักเขียนการ์ตูนที่ผมชื่นชอบ หนึ่งในนั้นก็ต้องมีนักเขียนอย่าง อาจารย์
    Asari Yoshitoo (หากใครได้อ่านบทความผมที่ผ่านมา นี้เป็นครั้งแรกที่ผมเรียกนักเขียนการ์ตูนญี่ปุ่นว่า “อาจารย์”) ซึ่งผลงานการ์ตูนของอาจาย์คนนี้ผมชอบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด แนวใด ผมล้วนชอบอ่านหมด ไม่ว่าจะเป็น Lucu Lucu(ชื่อไทย “ริคุ ริคุจอมมารแบบนี้ก็มีด้วย” , Uchuu Kazoku Carlvinson, Manga Science (ได้ลิขสิทธิ์โดบ สำนักพิมพ์ ส.ส.ท.(สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น)) ฯลฯ

    จุดเด่นของผลงานของอาจารย์ท่านนี้คือ ชอบเขียนแนวตลกและไซไฟ ซึ่งเนื้อหาเบาสมอง ตลก และแฝงด้วยความอบอุ่น หรือพูดง่ายๆ คือเป็นการ์ตูนแนวครอบครัว ผู้ใหญ่อ่านได้ เด็กอ่านดี เพราะลายเส้นน่ารัก และดูตัวละครหน้าตา สร้างสีสันให้แก่เรื่องเป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบันนักเขียนแนวแบบนี้หาได้ยากแล้ว

    ทำไมผมถึงชอบผลงานทุกเรื่องของอาจารย์ท่านนี้ เพราะว่าลายเส้นวาดตัวละครน่ารัก (โดยเฉพาะผุ้หญิง) การดำเนินเรื่องที่แปลก แต่อนิจจาไม่รู้ว่าอาจารย์อายุมากแล้ว  หรือว่าลายเส้นหรือการดำเนินเรื่องไม่เหมาะการ์ตูนยุคปัจจุบัน ทำให้ผลงานใหม่ของอาจารย์ท่านนี้ไม่ค่อยออกมามากนัก อีกทั้งหลายเรื่องก็ไม่มีลิขสิทธิ์บ้านเรา ส่วนที่มีลิขสิทธิ์ก็หายากมากเช่นกัน มีจำนวนจำกัด อย่างเรื่อง Wahhaman(1991) ที่ตีพิมพ์ในไทยโดยสำนักพิมพ์สยามในชื่อ "ฮาไม่ฮาข้าก็ชื่อ ว่ะฮ่ะแมน" ซึ่งเสียดายผมไม่มีโอกาสได้อ่านมันเพราะออกเร็วจนเกินที่ผมจะตามทัน ทุกวันนี้ผมก็พยายามตามหาการ์ตูนชุดนี้อยู่

    โดยเฉพาะการ์ตูน Uchuu Kazoku Carlvinson (1986) ที่ถูกสร้างทั้งมังงะและอนิเมะ (เก่ามาก) ตีพิมพ์ในไทยสมัยไม่มีลิขสิทธิ์ เก่ามากๆ (บ้านเราเรียกว่าไพเรท) ในชื่อ "ครอบครัวตัวยุ่ง คาลวิลสัน"ไม่มีลิขสิทธิ์ แม้ลายเส้นจะเก่า แต่เนื้อหาที่สนุกมาก คือเนื้อหาเป็นยุคไซไฟอวกาศซึ่งมีภาคพิเศษและภาคหลัก หากเป็นภาคหลักคือในยุคอวกาศยังมีคณะตลกอวกาศแห่งหนึ่งประกอบไปด้วยหัวหน้าคณะคือสัตว์ประหลาดรูปร่างหนูและหุ่นยนต์สงคราม(??) และลูกคณะที่เป็นสัตว์ประหลาด หุ่นยนต์และมนุษย์ต่างดาว ซึ่งยานอวกาศพวกเขาเกิดไปจนยานอวกาศลำหนึ่งเข้า เมื่อพวกเขาพหาผู้รอดชีวิตบนยาน ก็พบว่ามีเด็กทารกหญิงคนหนึ่งอยู่ข้างรอดชีวิตเหลือเพียงคนเดียว พวกเขาจึงตัดสินใจเลี้ยงเด็กทารกนั้นโดยตั้งชื่อว่า “โคโรน่าจัง” หลังจากนั้นห้าปีต่อมาโคโรน่าก็ได้เติบโตขึ้นเป็นเด็กหญิงร่าเริง แม้ว่าจะอยู่ในครอบครัวที่พิลึก สัตว์ประหลาดมันสมอง และสมาชิกบนดาวที่แสนพิลึก เธอก็ไม่เหงาหรือเดียวดายแต่อย่างใด

    เนื้อหาของการ์ตูน Uchuu Kazoku Carlvinson ก็เป็นตามสไตล์ของคนเขียน คือจบในตอน (มี 13 เล่มจบ)  เน้นตลก เรียบง่าย อมยิ้ม และสื่อถึงประเด็นความอบอุ่นของครอบครัว ซึ่ง Uchuu Kazoku Carlvinson เป็นการ์ตูนที่ผมโหยหาอยากอ่านมาโดยตลอด (แบบไม่มีลิขสิทธิ์นั้นมีเพียงเล่มเดียว แถมเป็นภาคพิเศษด้วย)  แต่อนิจจาบ้านเราไม่มีลิขสิทธิ์ สยามไม่นำมารวมเล่ม (ผลงานของอาจารย์ท่านนี้ส่วนใหญ่สยามจะได้ไป) ที่ญี่ปุ่นการ์ตูนเรื่องนี้ได้รับความนิยมพอสมควรเคยถูกสร้างเป็นอมิเนชั่น แต่ไม่เคยเข้าไทยและเก่ามากๆ ทำให้เราไม่มีโอกาสจะเห็นการ์ตูนเรื่องนี้ในเว็บที่ไหนอีก นอกจากคลิปอนิเมะบางตอนเท่านั้น

    คลิปครับ http://www.youtube.com/watch?v=IGlOdEZpNNk


    3. Maburaho (อนิเมะซีซั่น 2 บทฮาเร็ม 4 ประสาน)


                  Maburaho เป็นการ์ตูนแนวคอมมาดี้แฟนตาซีฮาเร็ม ที่ตอนแรกถูกทำเป็นไลท์โนเวล ผลงานโดย Trukiji Toshihiko (วางจำหน่ายตั้งแต่ 2001 ตอนที่เขียนบทความก็ปาไป 30 เล่มแล้วและยังไม่จบ)  ก่อนที่จะถูกดัดแปลงเป็นอนิเมะ 24 ตอนจบ (2003-2004 เฉพาะภาคแรก) ของสตูดิโอ JCStaff

    หากพูดถึงความชอบส่วนตัว อนิเมะ Maburaho เป็นอนิเมะเรื่องแรกที่ทำให้ผมชอบฮาเร็มอย่างแท้จริง จะว่ายังไงดีละ คือมันสมบูรณ์แบบมาก พระเอกอ่อนแอแต่มีสกิลพระเอกฮาเร็มทุกอย่าง สามสาวที่ชอบพระเอกมีปมที่พระเอกต้องแก้ไข ตอนไหนรูทใครก็จัดเต็มๆ  ฮาเร็มร่วมทุกข์ ร่วมสุขกัน (ไปไหนมาไหนด้วยกัน พอๆ กับฮาเร็มเทพเลยทีเดียว) หากจบแบบเข้าวินนี้จะหักหลังมากเลยตามความรู้สึกผม แม้ภาพจะเก่า ลายเส้นเผา แต่ผมก็ยังชอบน่ะในแง่ความรู้สึกหลังดูการ์ตูนเรื่องนี้ โดยเฉพาะตอนจบอนิเมะตอนที่ 24

    เนื้อหาของ Maburaho เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มอายุ 17 ปีห่วยๆ คนหนึ่งชื่อ คาซึกิ ชิคิโมริ นักศึกษาชั้นปีที่สองของโรงเรียนเวทมนต์ที่มีชื่อเสียง แต่ชิคิโมริเป็นจอมเวทมนต์อันดับต่ำสุดของโรงเรียน ทำให้เป็นเสมือนหินริมทางไม่มีใครสนใจ แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตเขาเปลี่ยนไปเมื่อเขาถูกเปิดเผยว่าอีเอ็นเอของเขาสืบเชื้อสายมาจากผู้วิเศษที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก หากใครได้ดีเอ็นเอหรือว่าได้มีลูกกับเขา ลูกที่เกิดมาจะกลายเป็นจอมเวทย์ที่เก่งที่สุดในโลก ซึ่งทันใดนั้นก็มีสามสาวประกอบด้วยมิยามะ ยูนะ, รุ่นพี่คาเซซึบากิ  คุริโกะ ,รุ่นน้องคามิชิโระ ริน เข้ามาในชีวิตของเขา (ตอนหลังมีเพื่อนสมัยเด็กเพิ่มเข้ามา) เพื่อต้องการเป็นแฟนกับพระเอก  ทำให้ชีวิตอันแสนน่าเบื่อของพระเอกเลยมีอันต้องจบสิ้นลง

    ก่อนอื่นจะมาแก้ความเข้าใจผิดของใครหลายคนเสียก่อน สาเหตุเพราะหลายคนเข้าใจผิดกันเยอะไม่ว่าจะเป็นมังงะหรืออนิเมะ มังงะของสยามคือเป็นคล้ายๆ กับโดจินมากกว่าไม่ได้เน้นเรื่องราวตามไลท์โนเวล ส่วนที่อ่านแล้วหงุดหงิดแทน Maburaho ภาคอนิเมะ ไม่ได้อวสานในตอนที่  24 น่ะครับ หลายคนคิดว่าอนิเมะจบแบบพระเอกแยกร่างแล้วแบ่งให้สาวๆ ที่ชอบพระเอกแต่ละคนใช่เปล่า แต่ความจริงแล้วในนิยายไลท์โนเวลยังไม่จบ (ตอนที่ผมเขียนอยู่ไลท์โนเวลปาไป 30 เล่มไปแล้ว) ซึ่งเนื้อหาต่อจากนี้พระเอกก็กลับมาเป็นตัวคนเดียว (คือว่าแยกร่างมันก็แค่มุกตลก)  และยังคงมีการแย่งชิงพระเอกเหมือนเดิม แต่มาคราวนี้มีการเพิ่มตัวละครใหม่ขึ้น ซึ่งตอนท้ายสังเกตไหม ว่ามีเด็กโลลิคนหนึ่งย้ายเข้ามา เธอคือ “มัยโฮ” ซึ่งเป็นรูทฮาเร็มอีกคนของพระเอก (Kurioka Maiho ) มัยโฮเป็นแม่มดชั้นสูง อายุ 13 ปี มีความสามารถคือสามารถลบสลายเวทมนต์ทุกชนิดได้ พูดง่ายๆ คือเธอเป็นแม่มดที่เก่งพอๆ กับสามสาวรวมกันเสียอีก (พูดง่ายๆ มัยโฮเป็นตัวละครหลักสาวคนที่ 4) แต่อนิเมะนั้นจบลงเสียก่อน ซึ่งปัจจุบันไม่มีภาคต่อแต่อย่างใดไม่รู้เป็นเพราะอะไร สิ่งที่ทำได้ก็คือได้ดูมังงะบทต่อ ซึ่งสำนักพิมพ์มด (ไม่มีลิขสิทธิ์) เอามาตีพิมพ์ขายเท่านั้น ดูแล้วตัวละครน่ารักขึ้นน่ะ เนื้อหาอาจลดความเป็นดราม่าลง แต่อย่างไรก็ตามการ์ตูนเรื่องนี้ผมรอคอยต่อไป ซึ่งผมรอคอยมานานพอดูเลยแหละประมาณ 6 ปีเห็นจะได้

     

                  2. การ์ตูนฮาเร็มสมบูรณ์แบบ (ชี้ชะตาโลก และจบฮาเร็ม)

                    
                   
    ผมว่าผมน่าจะจดลิขสิทธิ์คำว่าฮาเร็มสมบูรณ์แบบและฮาเร็มซาบซ่าว่าเป็นคนนิยามเองน่ะ(ฮ่า)

    ทุกวันนี้ผมก็ยังคงรอคอยที่จะได้เห็นการ์ตูนฮาเร็มเรื่องใหม่ๆ ที่โดนใจผมสักเรื่องในชีวิตครับ ไม่ว่าจะเป็นมังงะ, หรืออนิเมะ ไลท์โนเวล ทั้งสว่างและมืด ที่เป็นฮาเร็มซาบซ่าและฮาเร็มสมบูรณ์แบบ

    ฮาเร็มซาบซ่าหมายถึงแนวฮาเร็มที่ผมดูแล้วเกิดอาการอิน ซาบซ่า เสียวซ่าน ลืมโลก ประมาณว่าพล็อตแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นจริง อยากเป็นพระเอกเป็นบ้า อิจฉาพระเอกจัง เช่นจู่ๆ พระเอกธรรมดาจู่ๆ ก็เนื้อหอมเป็นที่ชื่นชอบสาวๆ สาวที่ว่ามีสถานะเหนือกว่าพระเอก นอกจากนี้เนื้อหายังมีดราม่า (แต่ไม่ถึงขั้นปวดตับ) ประมาณว่ามีปมปัญหาทางจิตใจ แต่เมื่อคลี่คลาย ก็เกิดความรู้สึกที่ดีระหว่างพระเอกกับตัวละครสาวๆ เหล่านั้น นี้แหละคือความรู้สึกซาบซ่าของผม  (เช่น อุยเสียวป๋อ เป็นต้น.....)

    ส่วนฮาเร็มสมบูรณ์แบบนั้น คือคำนิยามของผมที่ใช้เรียกฮาเร็มที่โดนใจผมตรงรสนิยมของผมเท่านั้น ซึ่งประกอบไปด้วย พล็อตที่พระเอกโดดเด่นคนเดียว น่าอิจฉาคนเดียว (ไม่มีคู่รองให้รำคาญลูกตา) เนื้อหาฮาเร็ม อวยตัวละครหญิงเท่าๆ กัน ตัวละครหญิงน่ารักโดนใจ มีสถานะที่เหนือกว่าพระเอกทุกอย่างไม่ว่าทางกายภาพและทางสังคม ธีมของเรื่องดูยิ่งใหญ่ แต่ดำเนินเรื่องวงแคบๆ (เช่นเรื่อง To Love Ru มหาเทพริโตะปักธงลูกสาวของเจ้าจักรวาลได้ 3 คน แต่เนื้อหาดำเนินเรื่องไม่กี่สถานที่คือ บ้านริโตะ, โรงเรียน และย่านการค้า ไม่กี่แห่ง) และที่สำคัญคือตอนจบต้องฮาเร็ม

    ยังมีการ์ตูนฮาเร็มอีกหลายเรื่อง (และไลท์โนเวลมากมาย) ที่ผมดูอยากดูมากๆ แต่ก็ไม่ได้ดู เพราะเป็นเรื่องไม่ค่อยดัง (แต่เนื้อหาตอบสนองคนอย่างผมมาก) เห็นแค่ภาพ ไม่มีการแปลซับไทย (อิจฉาคนญี่ปุ่นจัง)   บางเรื่องเห็นแค่ภาพ แต่ไม่รู้จักชื่อ ซึ่งทำใจสุดๆ ว่าคงไม่มีลิขสิทธิ์แน่นอน ยกตัวอย่างเช่นไลท์โนเวลฮาเร็มเรื่องหนึ่งที่พระเอกมีผู้หญิงที่ชอบพระเอกสามคน ซึ่งเป็นโลลิทั้งคู่ประกอบไปด้วยคู่หมั่น,น้องสาวพระเอก, และเพื่อนบ้าน ซึ่งผมไม่รู้จักชื่อ เห็นแค่ภาพ อยากอ่านมาก  แต่คงไม่มีโอกาส (แถมตอนนี้ภาพหายไปอีก เวรกรรม)

    ทุกวันนี้ผมยังคงรอการ์ตูนฮาเร็มที่โดนใจผมสักครั้ง ในชีวิตว่าจะได้พบการ์ตูนแนวฮาเร็มแบบนี้หรือเปล่า เนื้อหาประมาณว่าพระเอกเป็นคนธรรมดา ไม่เนื้อหอม มีผู้หญิงชอบพระเอก 3 คน แต่สถานะผุ้หญิงทั้ง 3 นี้สุดยอดมากๆ เหนือกว่าพระเอกแทบทุกอย่าง (เช่น เป็นเทพ, เทพมาร, สัตว์ประหลาดชั้นสูง หรือเจ้าหญิง ผู้นำประเทศ เป็นต้น) เนื้อหาเหมือนจะยิ่งใหญ่เกี่ยวพันกับชะตาโลก แต่ว่าเอาเข้าจริงประเด็นที่ต้องการสื่อก็เพียงแค่วงแคบๆ เท่านั้น เช่น Maga Tsuki พระเอกเป็นที่รักของเทพชั้นสูงสององค์ แต่เนื้อหากับเน้นชีวิตประจำวันที่แสนน่าอิจฉาของพระเอกเท่านั้นเป็นต้น ซึ่งทุกวันนี้ผมยังคงรอคอยฮาเร็มที่สมบูณ์แบบที่มีลิขสิทธิ์ไทยอยู่

     

                      1. Cammy (มังงะและอนิเมะ)


                      ไม่รู้ว่าหลายคนที่อ่านอันดับหนึ่ง จะมีความคิดว่า
    กรูว่าแล้ว ถึงรสนิยมของผมหรือเปล่า แต่ผมยังยืนยันว่าทุกแคมมี่ยังคงเป็นตัวละครที่มีอิทธิพลต่อผม (เห็นได้จากนามปากกาก็ได้)

                    ประวัติสั้นๆ แคมมี่นั้นเป็นสาวน้อยอายุ 19 ปี ตัวละครหลักในเกม Super Street Fighter II ในอดีตนั้น (ช่วงอายุประมาณ 16-17 ปี) เธอเคยทำงานเป็นนักฆ่าสังกัดองค์กรชั่วร้าย (องค์กร Shadowlaw) มาก่อน แต่ตอนหลังเธอก็ได้สติและกลับตัวกลับใจ ก่อนที่จะสูญเสียความทรงจำ และเข้าสังกัดหน่วย MI6 เชี่ยวชาญในการรบระยะประชิดซึ่งมันส่งมาเพื่อปฏิบัติภารกิจลับเสมอ (ด้วยชุดที่ศัตรูเห็นแล้วหัวใจจะวาย) แม้แคมมี่จะเป็นตัวละครหญิงคนที่สอง (ต่อจากชุนลี) แต่เธอนั้นดังไม่เบาเพราะมีเว็บไซต์ ไปจนถึงโดจิน และหนังสือเป็นของตนเองมาแล้ว (ในขณะที่ชุนลีมีภาพยนตร์แต่เจ๊งบรมเช่นกัน)

    ในสมัยนั้น Super Street Fighter II โด่งดังมากและถูกนำมาสร้างเป็นมังงะ (สมัยนี้ก็ยังมีน่ะมังงะที่ดัดแปลงจากวีดีโอเกมเนี้ย เช่น เพอร์โซน่า เป็นต้น) ซึ่งแคมมี่นั้นปรากฏในสตรีทไฟเตอร์มังงะหลายเล่มเหมือนกัน  ซึ่งผมเห็นมาเกือบหมด (ขนาดพู่กันจีน ฮ่องกงมาแบบตัวประกอบ ผมยังเห็นมาแล้ว) แต่ก็มีหลายเล่มที่ผมยังไม่เคยอ่าน ได้เจอ

                    แต่ก่อนที่จะเล่าถึงจุดนั้น ก็เล่าถึงมังงะที่ผมตามหามาเกือบตลอดชีวิตก่อน นั่นคือมังงะ Masahiko Nakahira - Cammy Gaiden Manga ผลงานของ Masahiko Nakahira (นักเขียนคนนี้ชอบวาดสตรีทไฟเตอร์มังงะ) ตีพิมพ์เมื่อ 1994 แต่จนถึงทุกวันนี้ได้กลายเป็นมังงะที่ผมอยากได้สุดๆ ซึ่งปัจจุบันแม้ว่าผมจะเจอในเว็บ g.e. แล้ว (ต้องชาบูเว็บนี้แล้วละ) แต่สิ่งที่อยากได้ก็คือเป็นเล่มมากกว่า สมัยตอนผมประถม 5-6 นั้นผมเคยได้มังงะเล่มนี้แปลไทยในสมัยที่ไม่มีลิขสิทธิ์ จำได้เลยว่าเอาปากกาดมจิกมาเขียนเต็มไปหมด และเมื่อหายไป ผมตามหาร้านหนังสือเก่าหลายร้าน จนบัดนี้ก็ไม่เจอสักที แม้ล่าสุดในช่วงผมเข้ามหาวิทยามีการรวมเล่นหนาสตรีทไฟเตอร์ แต่ดันลงบทแคมมี่เพียงครึ่งเล่ม แถมแปลผิดอีกต่างหาก (ผมว่าสมัยก่อน แปลยังดีกว่านี้อีก) ซึ่งปัจจุบันผมอยากได้มังงะ (เว็บ g.e เป็นภาษาญี่ปุ่น อยากแปลทางก็ทำไม่ได้)

                    ยังมีมังงะมากมายที่มีแคมมี่ปรากฏตัวและผมไม่ได้อ่าน มีทั้งรู้ชื่อและไม่รู้ชื่อ ที่รู้ชื่อก็เช่น Cammy Gaiden  และอีกเรื่องไม่รู้ชื่อนี้ผมจำชื่อไม่ได้ เพราะนานแล้ว แต่จำเนื้อหาได้ เพราะสตรีทไฟเตอร์ภาคนี้เป็นภาคพิสดารแหวกกว่าใครเพื่อน (แหวกจนหาข้อมูลในคอมพิวเตอร์ไม่ได้เลย) โดยแคมมี่โดดเด่นที่สุด แม้ว่าพระเอกจะเป็นริวก็ตาม โดยแคมมี่ปรากฏมาสดใสร่าเริง และทำงานเป็นทหารรับจ้าง สู้กับริว และแพ้ริว เลยมาเป็นคู่หูแทน จำได้ว่าแคมมี่เป็นนางเอกชัดๆ ส่วนชุนลีบทน้อยมาก จนบัดนี้ผมก็จำสตรีทไฟเตอร์ชุดนี้ไม่ได้เลย และหวังจะได้เจอมังงะ (แปลไทย ไม่มีลิขสิทธิ์ เล่มหนาพอสมควร) ที่ใดที่หนึ่งบ้าง

                    นอกจากนี้ก็มีโดจินมืด ซึ่งที่ผ่านมามีแต่แคมมี่ลงแขก เลสสเบี้ยน ไม่ก็พิสดาร อยากได้แบบธรรมดามากกว่า และที่อยากได้คือแบบอายุ 16-17 ภาค Street Fighter Zero ชุดโมเอะมากๆ

                    และนอกจากนี้ (อีก) ในอนาคต ผมอยากเห็นมังงะที่แคมมี่เป็นตัวเอกอีกครั้ง อยากได้ภาค Street Fighter Zero สมัยที่แคมมี่ทำงานเป็นนักฆ่าขององค์กร ผมว่าน่าจะเป็นช่วงเวลาสตรีทไฟเตอร์ที่น่าสนุกท่าสุด ไม่ว่าจะเป็นโมเอะ บู๊ และดราม่า น่าจะมีอยู่ครบ แต่จนบัดนี้มังงะที่ผมพูดถึงนั้นไม่มาเสียที (เอาไว้สักวันจะพูดถึงแคมมี่ยาวๆ ล่ะกัน)

     

                    จบแล้วสำหรับการเขียนบ่นถึงการรอคอยการ์ตูน จะเห็นได้ว่ามังงะหลายเรื่องเก่าสุดๆ สมัยผมยังเป็นทารกก็มี  บางครั้งการรอคอยอาจเจ็บปวด และอาจไร้ประโยชน์ แต่กระนั้นการรอคอยก็ถือว่าเป็นความสุขทางจิตใจของเราอย่างหนึ่ง แม้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ขอให้มีความหวัง สักวันการรอคอยของเราก็อาจเป็นจริงวสักวัน และเมื่อถึงเวลานั้นความสุขทางจิตใจก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ และคุณจะได้รู้ว่าบางครั้งการรอคอยก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร

     

     

     

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×