คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #142 : (ปริศนาโลกตะลึง) ร่องรอยจานบินบนศิลปะโบราณ
ร่องรอยจานบินบนศิลปะโบราณ
ความจริงแล้ว เรื่องราวของยานบินลึกลับที่เรียกว่ายูเอฟโอนั้น มีมาตั้งแต่โบราณกาลแล้วน่ะครับ มีการจดบันทึกเอาไว้มานานๆ พอกับการรู้จักการจดลายลักษณ์อักษรนั้นแหละ ก่อนสมัยพระเยซูคริสต์เสียอีก
ที่จริงเรื่องที่ผมจะเขียนต่อไปนี้เคยถูกนำไปทำสารคดี UBC ไปแล้ว ใครที่ไม่เคยดูก็มาอ่านของผมก็ได้ ไม่เสียตังค์ แถมลอกได้อีกต่างหาก (แต่ผมขาดทุนเพราะเสียเงินซื้อหนังสือมาเขียน)
เรื่องราวยูเอฟโอเคยปรากฏมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลแล้ว มนุษย์โบราณได้พบเห็นสิ่งดังกล่าว ต่างเล่าขานจากปากสู่ปากในหมู่ฝูงชน จนเกิดตำนานต่างๆ เช่น สมัยซีซาร์ทำการรบก็เคยเห็นลูกไฟขนาดใหญ่ปรากฏเหนือน่านน้ำ เป็นต้น หรือบางคนเคยเห็นยูเอฟโอก็นึกว่าพระเจ้าแล้วจึงวาดสิ่งเหล่านี้ไว้แทรกตามภาพวาดเขียนของตน เป็นต้น
เออ..............ลืมไปภาพที่ผมเอามาให้ชมนี้ เป็นภาพเขียนและปูมบันทึกอดีตที่เก็บในที่ต่างๆ ทั่วโลก ตามท้องถิ่นต่างๆ ครับ มี 2 รูปแบบด้วยกัน คือ ภาพแสดงถึงการเห็นยานบินลึกลับโดยตรง กับภาพวาดเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาที่มียานบินปรากฏบนท้องฟ้าด้วย เพียงแต่แทรกนิดๆ หน่อย โดยผู้วาดอาจพบเห็นมาแต่ไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง
ตัวอย่างก็เช่น
ภาพแม่พระกับนักบุญจิโนวานนิโน
เป็นภาพวาดของ ปาลาซโซ เวคซิโอ สมัยโบราณ เป็นภาพพระแม่มารีคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเด็กน้อยสองคน เบื้องหลังของพระแม่มารีนั้นมองเห็นผาสูงชันอยู่ไกลๆ บนเนินเชิงผามีชายคนหนึ่งยืนเอามือป้องหน้าแหนงมองฟ้าซึ่งมียานบินรูปกลมๆ รีๆ เปล่งส่องแสงสว่างโดยรอบลำอยู่ เหมือนกับว่าเวคซิโอตั้งใจถ่ายทอดประสบการณ์ของตนว่าตนเคยเห็นยูเอฟโอมาแล้วงั้นแหละ
ภาพเทวดาแจ้งข่าวกับพระแม่มารี (The Annunciation)
ภาพวาดโบราณเป็นที่ประทับใจของนักบินจานผีอย่างยิ่ง โดยคนวาดชื่อคาร์โล คริเวลโล วาดขึ้นเมื่อปี 1586 ปัจจุบันอยู่ที่หอศิลป์แห่งชาติ ณ กรุงลอนดอน ภาพนี้เป็นภาพแขวนผนังหลังแท่งบูชา ซึ่งคาร์โลวาดให้แก่โบสถ์แอนนันเซียตา ในแอสโคลี ปิเซโน ในอิตาลี เนื่องวันฉลองประกาศให้เมืองนี้เป็นอิสระทางการปกครองทางศาสนา ภาพนี้เป็นภาพของเทวทูตสวรรค์ลงมาแจ้งข่าวพระแม่มารีว่าพระนางจะให้กำเนิดบุตรของพระเจ้า ในภาพพระแม่มารีคุกเข่าอยู่ในห้องบูชาภายในอาคารที่แสนงดงามแห่งหนึ่งเบื้องบนท้องฟ้ามีวงแสงเจิดจ้าปรากฏอยู่ และจากวงแสงก็มีแสงสีเหลืองพุ่งเป็นลำยาวตรงช่องผ่านเล็กๆ ที่ชายคาอาคารเข้าไปในห้องพระมารี ปลายลำแสงหยุดไปที่นกพิราบสีขาว มีชายคนหนึ่งยืนแหงนป้องหน้ามองลำแสง หรือต้นกำเนิดแสงนั้น ส่วนวงกลมบนท้องฟ้าต้นกำเนิดลำแสงมีลักษณะเป็นวงแหวนเมฆขอบสีทองซ้อนกันสองวง และมีลำแสงพุ่งจากใจกลาง ลักษณะวงแหวนเมฆขอบทองย่อมไม่ใช้เมฆธรรมดาแน่นอน สำหรับนักจานบินผีลำแสงของเจ้าวงกลมนั้นมันช่างคล้ายกับแสงเลเซอร์เหลือเกิน อีกทั้งรูปร่างจานบินและแสงคล้ายกับภาพถ่ายจานบินของเอ็ด วอลเตอร์ส เมื่อ 2 ธันวาคม 1987 ยิ่งนัก
ภาพพระเยซูรับศีลล้างบาป (The Baptism of Christ)
ภาพนี้เป็นของเอิร์ท เดอ เกลเดอร์ วาดขึ้นเมื่อปี 1710 ปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑ์ฟิตซ์ วิลเลียม เคมบริดจ์ อังกฤษ จัดได้ว่าเป็นภาพที่สวยงาม งดงาม สมบูรณ์ และองค์ประกอบอีกภาพหนึ่ง ในภาพนักบุญจอห์น เดอะ แบปตีสท์ กำลังทำพิธีล้างบาปแก่พระเยซู ณ ริมฝั่งแม่น้ำ เบื้องบนฟากฟ้ามีวงกลมหรือช่องเปิดเป็นรูปวงกลม ซึ่งมีนกพิราบอยู่ตรงกลางเปล่งแสงเป็นลำตรงมายังนักบุญจอห์นและพระเยซู เจ้าวงกลมนี้ ในสายตาคนอื่นๆ จะเห็นว่า "สวรรค์เปิดออกสู่พระเยซูเจ้า พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพระจิตของพระเจ้า เสด็จลงมาในร่างนกพิราบและทอแสงรัศมีมายังพระองค์"(จากไบเบิลฉบับแมทธิว) แต่...........ในสายตาของนักยูเอฟโอแล้วเจ้าวงกลมนี้มันช่างคล้ายกับรูปยูเอฟโอที่ถ่ายโดยนายตำรวจชื่อ มาร์ค คอลเทรน ยิ่งนัก
ภาพวาดในถ้ำเปช เมิร์ล (Pech Merle)
อันนี้เล่นในสมัยดึกดำบรรพ์เลยครับ อยู่ในเล คาเบรอเรท์ ทางภาคใต้ของฝรั่งเศส มีรูปแปลกๆ ที่ดูเหมือนจานบินอยู่หลายรูป ทั้งไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาสาระโดยรวมของภาพแต่อย่างใด เพราะเนื้อหาของภาพนั้นแสดงถึงสัตว์ประเภทต่างๆ ทั้งกวาง แพะ ม้า ช้าง ซึ่งวาดถูกต้องสวยงามตามหลักสรีระ แต่มีอยู่ภาพหนึ่งมีร่างที่บอกไม่ถูกว่าเป็นคนหรือสัตว์เลี้อยคลานเพราะยืนตัวตรงเหมือนกับคน แต่มีหางและขางอกออกจากลำตัวมากมายหลายขา หลายขา ถ้ารูปสัตว์ทั้งหลายวาดได้ถูกต้องตามความเป็นจริง แล้วร่างนี้ละคืออะไร และรูปที่เหมือนจานบินอีกเล่า เป็นรูปของอะไร เป็นไปได้ไหมว่าจานบินนั้นปรากฏให้เห็นบนท้องฟ้าเมื่อนับหมื่นปีมาแล้ว?
ภาพวาดยานบินที่พบในอาระเบีย
ภาพวาดยานบินหัวแหลม พบในอาระเบีย เมื่อปี 1479 วาดจากคำบอกเล่าของผู้พบเห็น ในพงศาวดารปรากฏการณ์ประหลาดในคอนราดไลโคสทีน
ภาพวงล้อบินได้
เป็นภาพประทับใจอยู่บนเหรียญเงิน เหรียญตราฝรั่งเศส ซึ่งผลิตออกมาเมื่อปี 1680
ภาพบนผนังที่ออสเตรเลีย
เชื่อว่ามีอายุเป็นพันๆ ปีมาแล้ว เป็นภาพสิ่งมีชีวิตแปลกๆ ใครหรืออะไรอย่างหนึ่งยืนสองขา มีหาง คล้ายสวมเสื้อที่มีซิปรูดตลอดด้านหน้า มือสองขางถือหรือแตะโครงอะไรอย่างหนึ่งที่เป็นวงกลมๆ ล้อมรอบลำต้นและศีรษะโครงนั่นจะเป็นเครื่องมือหรืออาจจะแทนรังสีหรือแสงที่แผ่ออกมาจากเจ้านั่นก็ได้ นอกจากนั้นทางซ้ายของภาพยังมีรูปอะไรอย่างหนึ่งเล็กๆ เรียวๆ มีปีกคล้ายเครื่องบินด้วย
รูปจำลองเทพเจ้าเบ็พ(ฺำBep)
ในเผ่าคายาโป ในบราซิล มีพิธีกรรมอันสืบเนืองมาจากตำนานการมาเยือนของ "ครูจากสวรรค์" ว่ากันว่าเป็นเรื่องจริง ตำนานเล่าว่าเทพเจ้าเบ็พได้มายังหมู่บ้านของตนเมื่อนานแสนนานมาแล้ว เทพเจ้าเบ็พสวมชุดประหลาดปิดมิดชิดทั่วตัว มีศีรษะคล้ายชุดอวกาศ มีอาวุธสายฟ้าที่สามารถทำลายสิ่งต่างๆ ให้แหลกเป็นผุยผงแม้แต่สิ่งแข็งแรงอย่างต้นไม้และก้อนหิน เบ็พเป็นผู้สอนวิทยาการให้พวกเขา รวมทั้งการสร้างบ้านเรือนให้พวกเขา เบ็พแต่งงานกับผ็หญิงในหมู่บ้าน และบุตรสาวคนหนึ่ง ต่อมาเบ็พก็ขึ้นไปบนยอดเขาและอันตรธานหายไปในกลุ่มเมฆมืด ควัน และสายฟ้า ส่วนบุตรีสามารถติดต่อกับดินแดนบนฟ้าได้ เมื่อเกิดภาวะข้าวยากหมากแพง เธอก็หายตัวไปจากยอดเขา เช่นเดียวกับเบ็พแล้วกลับมาพร้อมด้วยอาหารมากมาย และเป็นอาหารที่คนในหมู่บ้านไม่รู้จักมาก่อน
นอกจากหลังฐานทีกล่าวมา ยังมีภาพวาด ตัวอักษร หรือตำนานเล่าขานอีกมากที่อาจจะชี้เบาะแสร่องรอยว่า ในอดีตกาลนานมาแล้วยังมีมนุษย์จากโลกอื่นเคยมาติดต่อ ปรากฏกายให้พบเห็นและรู้จัก ขึ้นอยู่กับเราว่าจะค้นพบและตีความอย่างไร จินตนาการ เรื่องโม้ หรือความจริง?
(ต่วนตูนพิเศษ มีนาคม 2546)
http://www.soultravel.nu/2006/0510-Balducci/balducci-vatican-ufos.shtml
ความคิดเห็น