ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    100 อันดับ โลกต้องจารึก

    ลำดับตอนที่ #139 : "บุรุษลึกลับจากมิติอื่น"

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ค. 50



    "บุรุษลึกลับจากมิติอื่น"


    ขณะนั้นเป็นเวลาคํ่าคืนดื่นดึกของเดือนตุลาคม ค.ศ.1837 มีเสียงกริ่งดังขึ้นที่หน้าบ้านของครอบครัวอัลซอป สาวน้อย เจน อัลซอป เป็นคนลุกขึ้นเดินงัวเงียไปเปิดประตูพร้อมทั้งนึก ฉงนฉงายว่าใครหนอช่างมากดกริ่งเรียกในเวลาดึกของคืนอันหนาวเย็นเต็มไปด้วยหมอกอย่างนี้

    บานประตูเปิดออก เจน อัลซอป มองออกไปข้างนอกอย่างเคืองๆ อ้าปากจะถามไถ่ว่าเป็นใครมาธุระอะไร?...แต่แล้วปากของเธอก็อ้าค้าง นัยน์ตาทั้งคู่ลืมค้าง และอากัปกิริยานิ่งค้างไปหมด แทบทุกส่วน
    ด้วยความตื่นตกใจที่เกิดขึ้นในทันทีที่มองเห็นบุคคลหน้าประตู
    เป็นสารรูปที่สมควรแก่ความกลัวจนขวัญหนี ดีฝ่อจริงเสียด้วยซีครับผม
    เป็นผู้ชาย...สูงมากทีเดียว สวมเสื้อคลุมดำทั้งกว้างและยาว แต่อะไรก็ไม่ทำให้ผู้พบเห็นตกตะลึง
    ได้มากเท่ากับหน้าของเขา

    ไม่ใช่เป็นดวงหน้าอันน่าหวาดกลัวของปิศาจอสุรกายเทือกนั้น แต่เป็นหน้าที่มองไม่เห็นด้วยซํ้าไป
    เพราะว่ามันปกคลุมโดยตลอดด้วยหมวกกลมใส ลักษณะคล้ายอ่างปลา มองทะลุเข้าไปเห็นดวงตาลุกวาววามราวกับแสงเทียนคู่หนึ่ง

    สาวน้อยเจนแผดร้องกรีดก้องออกมาสุดเสียงด้วยความตระหนกจนเหลือที่จะทานทน
    ชายร่างประหลาดคงจะตกใจเสียงแผดร้องของสาวน้อยเหมือนกัน จึงผละจาก หน้าประตูออก วิ่งหนีไป
    ทว่าขณะที่วิ่งนั้น ชายเสื้อคลุมกว้างยาวของเขาคลี่ออก เผยให้เห็นเสื้อผ้าที่อยู่ข้างใน ได้ถนัดตา
    เสื้อผ้าของเขาไม่เหมือนใครในโลกเลยครับ มันเป็นชุดชิ้นเดียวติดกันตั้งแต่คอลงจนถึงข้อเท้าแนบเนื้อสนิทเนียนเป็นสีเงินมันวะวับ-!

    เวลาผ่านไปไม่นาน ตำรวจแห่งสถานีเทมส์ก็มาถึง ตามที่ครอบครัวอัลซอปเรียกไป แต่อย่างว่า ละครับ
    คุณโปลิศรับฟังเรื่องราวของเจน อัลซอป ด้วยสีหน้าปั้นยากเต็มที และลงความเห็นเมื่อ รับฟังจนจบว่า
    เด็กสาวคงจะตาฝาดหรือม่ายก็ความงัวเงียง่วงนอนทำให้เห็นผิดๆพลาดๆไป แต่นับว่าเป็นเคราะห์ดีของเจนครับ
    ที่ไม่ต้องถูกกล่าวหาว่าเพี้ยนในการลุกขึ้นมาเล่าเรื่องบ๊องๆ กลางดึก
    เพราะว่ามีชายหนุ่มอีกคนหนึ่งซึ่งทำงานในร้านขายเนื้อไม่ห่างออกไปนัก ให้การยืนยัน กับตำรวจว่า
    เขาเคยเผชิญหน้ากับชายลึกลับผู้แปลกประหลาดมาแล้ว โดยที่ชายคนนั้นเข้าขู่เข็ญ
    น้องสาวสองคนของเขาให้ตื่นตกใจ พอเขาไล่ตาม ชายลึกลับก็วิ่งหนีเข้าไปจนมุมในตรอกตัน แถวๆนั้น
    และกระทำอะไรบางอย่างซึ่งแสดงชัดเจนว่าเขาต้องเป็นผู้มาจากมิติเร้นอันลับลี้เต็ม ประดา

    ที่ก้นตรอกตัน มีกำแพงสูง 14 ฟุตขวางอยู่ชายในเสื้อคลุมดำกระโดดแผล็วเดียวข้ามกำแพงนั้นไปสู่อีกฟากหนึ่งได้อย่างสบาย

    ผมไม่ทราบว่าสถิติสูงสุดของการกระโดดสูงที่นักกีฬาโอลิมปิกทำไว้นั้นมีความสูงกี่ฟุตกันแน่แต่ขนาดความสูง 14 ฟุต หรือราว 4 เมตรนี้ นับว่าเป็นความสามารถอันยอดเยี่ยมมากในยุคนั้น
    และชายลึกลับคนนี้ก็เลยได้รับสมญาว่า "มนุษย์กระโดดสูง" (The Jumping Man) นับตั้งแต่นั้นมา

    นี่เป็นปีแรกที่ "มนุษย์กระโดดสูง" ออกปรากฏกายนะครับ เรียกได้ว่า เป็นรายการ อุ่น เครื่องเพราะในครั้งต่อไป เขาเปิดฉากวาดลวดลายเด็ดดวง กว่านี้ แต่ไม่ได้ ทำร้ายใคร นอกจากทำให้หวาดกลัวและตกใจจนแทบช็อกกันเท่านั้น

    แปลกอยู่อย่างนะครับ เขาอุ่นเครื่องหลอกหลอนชาวลอนดอนใกล้ฝั่งแม่นํ้าเทมส์ ที่เล่ามานี้แล้วก็หายหน้าหายตาไปนานตั้ง 8 ปี มาเผยโฉมอีกครั้งใน ค.ศ.1845 แล้วก็อาละวาดดะไปเรื่อยเป็น
    เวลาหลายปีติดต่อกัน โดยไม่เลือกเวลาและสถานที่ สำหรับอาณาบริเวณที่เขาออกโรงแสดงการกระโดดสูงที่ไม่ได้รับเชิญนี้ มีทั้งมหานครลอนดอน, เซอร์เรย์, แลงคาสเชอร์, ลินคอล์นเชอร์, วอริคเชอร์,
    มิดเดิลเซ็กซ์ ฯลฯ แต่ละครั้งที่ปรากฏตัว เป็นต้องสาธิตวิธีกระโดดสูงให้เห็นทุกครั้ง
    และที่น่าสังเกตก็คือ ยิ่งปรากฏบ่อยครั้ง ระดับความสูงของก้าวกระโดดของเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้นจน น่าพิศวง
    ในช่วง 10 ปี ระหว่าง ค.ศ.1860-1870 เขากระโดดได้สูงและไกลราว 30 ฟุตต่อ
    หน้าต่อตาพยานเป็นอันมากในหลายท้องที่ด้วยกัน

    ในช่วงเวลาดังกล่าวมานี้ มีพยานยืนยันการมาเยือนของชายลึกลับจากมิติเร้นลับมากมายหลายสิบ ราย
    มีที่น่าสนใจควรแก่การบันทึกไว้อยู่รายหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นในปี 1877 ใกล้กับกรมทหารเล็กๆในอัลเดอร์ชอตแห่งแฮมเชอร์ พยานที่พบเห็นชายลึกลับเป็นทหารยามของกรมนั้น

    รายละเอียดมีอยู่ว่า ขณะที่ทหารยามทั้งสองเดินตรวจรอบๆกรมอันค่อนข้างมืดนั่นเอง จู่ๆชายลึกลับในเสื้อคลุมสีดำก็โผล่ให้เห็นบนกำแพงสูง แล้วกระโดดลงมาสู่พื้นอย่างงดงามราวกับ นักกีฬาเอกเสื้อคลุมเผยออกให้เห็นชุดแนบเนื้อสีเงินข้างใน แสงสลัวจากเสาไฟด้านข้างกรมทหาร
    ทำให้เห็นหมวกทรงกลมดิกใสกระจ่างที่ครอบศีรษะโดยตลอด บ่งบอกว่าชายคนนี้ไม่ใช่ปกติ ธรรมดาเป็นแน่

    "ใคร? หยุดนะ ม่ายงั้นจะยิง!"

    พลทหารหนึ่งในสองนาย ร้องเฉียบขาด

    แทนที่จะปริปากตอบโต้หรือหยุดชะงัก ร่างสูงโย่งกระโดดแผล็วเข้าหาทันที ทหารยามอีกคนเห็นท่าไม่ดีก็สาดกระสุนปืนยาวที่ถือเข้าใส่ในระยะเผาขน

    แทนที่ร่างนั้นจะชะงักหรือล้มลง กลับตรงทื่อเข้ามาเสมือนหนึ่งว่ากระสุนจากปืนยาวนัดที่เข้าเป้าทรวงอกถนัดถนี่นั้น ทำอันตรายเขาไม่ได้เลย ยามคนแรกที่สอบถามจึงลั่นกระสุนเข้าให้มั่ง
    ทว่าผลที่ได้รับ เป็นอย่างเดียวกัน ร่างประหลาดเข้าประชิดตัวในนาทีนั้นเอง...

    อะไรเกิดขึ้นน่ะหรือครับ?

    แหม...ทหารยามทั้งสองก๊อเหวี่ยงปืนทิ้งและทำอย่างไดโนเสาร์ (แก่) คงจะกระทำไปตั้งนาน แล้ว...คือหันหลังโกยอ้าวเข้ากรมทหารไป!

    เหตุการณ์ต่อไปน่ะเร้อ? ผมบอกแล้วไงครับว่าเรื่องนี้น่าสนใจกว่าเรื่องอื่น เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับทหารในเขตทหารอันเต็มไปด้วยกฎเกณฑ์ ระเบียบวินัย การที่ทหารยามยิงปืนแล้วละทิ้งหน้า ที่หนีไปนั้น
    นับว่ามีความผิดถึงขั้นนำขึ้นศาลทหารครับ ทหารยอดซวยทั้งสองจึงต้องไปยืนอยู่ ในคอกจำเลยในศาลทหาร
    ซึ่งพิจารณาคดีอย่างสดๆร้อนๆหลังเกิดเรื่องไม่นานเท่าไหร่

    นับว่าเป็นเคราะห์ดีของยามทั้งคู่ ตรงที่ผู้พิพากษาในครั้งนั้นเป็นคนใจกว้างพอที่จะยอมรับฟัง
    เรื่องอันเหลือเชื่อ ประกอบกับพิจารณาท่าทางอันเต็มไปด้วยความแตกตื่นลนลานของผู้น้อย นอกจากนี้
    ยังได้นำเอาหลักฐานข้อเท็จจริงอื่นที่เกิดขึ้นแล้วในละแวกแฮมเชอร์ก่อนหน้านี้ ไม่กี่วันมาร่วมรับฟังด้วย
    ลงเอยด้วยการตัดสินว่าจำเลยทั้งคู่ยิงปืนใส่บุคคลลึกลับที่เข้ามาข่มขู่ คุกคามจริง
    และการที่หนีไปนั้นไม่ใช่หนีหน้าที่ แต่เป็นการวิ่งเตลิดไปด้วยความตกใจ สุดขีดเช่น
    เดียวกับผู้คนอื่นๆเคยหนีมาแล้วเมื่อเผชิญหน้ากับบุรุษลึกลับเจ้าของสมญา "มนุษย์กระโดดสูง"

    จากการพิพากษาตัดสินนี้ เราก็ได้ทราบชัดเจนแล้วนะครับว่า ในแฮมเชอร์ สมัย นั้น "มนุษย์กระโดดสูง"
    ออกอาละวาดบ่อยครั้งเสียจนเป็นที่ยอมรับในหลาย วงการแล้วครับผม

    ตำบลอัลเดอร์ชอตที่เกิดเรื่องเมื่อตะกี้อยู่ห่างจากกรุงลอนดอน 35 ไมล์ จากที่นั่น ชายผู้มาจาก มิติเร้น
    เดินทางห่างจากอัลเดอร์ชอตไปอีกราวร้อยไมล์ ถึงตำบลนิวพอร์ตใน มอนเมาธ์ ณ ที่นี้เอง พ่อเจ้าประคุณ
    ยอดนักกระโดดขึ้นไปยืนก๋าบนหลังคาอาคารสูง

    หลังหนึ่ง เพ่งจ้องมองลงไปที่ท้องถนน เหมือนลังเล อยู่ว่าจะทำอะไรต่อไปดี แต่พอเห็นว่าฝูงคน
    ที่เดินสัญจร ไปมาบนถนนพากันแหงนเถ่อขึ้นจ้องมองดูเขาด้วยสีหน้าหวาดกลัว ยอดนักกระโดด
    ก็สาธิตวิธีกระโดดไกลไปบนหลังคาอาคารในระยะ 20 ฟุต แล้วก็ลับหาย ไปจากสายตาผู้ดูที่โชคดี
    ได้ชมสาธิตการกระโดดฟรีนั้น

    จากนี้ไปจนกระทั่งถึงปี ค.ศ.1904 ข่าวคราวการมาปรากฏกายและสาธิตกระโดดสูงกระโดดไกล
    ของมนุษย์ลึกลับยังคงมีประปราย แต่ปี 1904 นับเป็นปีสุดท้ายแห่งรายการแสดงฟรีของเขาครับ

    หลังจากนี้ไม่มีใครรู้ว่า ชายลึกลับ กลับคืนมิติเร้นไปแล้วหรืออย่างไร เพราะเขา
    ไม่มาเปิดการแสดงให้ดูชมกันอีกเลย

    รายการแสดงครั้งสุดท้ายของชายลึกลับ

    เปิดขึ้นที่ลิเวอร์พูล ในเวลากลางวันแสกๆเสียด้วย เขาปรากฏกายออกมาตามถนนต่างๆในลิเวอร์ พูล
    และกระโดดสูงครั้งแล้วครั้งเล่าต่อหน้าชาวเมือง ที่เดินกันคลาคล่ำตามถนนเหล่านั้น ผู้ที่พบ
    เห็นล้วนแต่ตกตะลึงจังงังจนไม่มีใครคิดไล่จับเขาเลย และแล้วประดุจเป็นการสั่งลาครั้งสุดท้าย
    เขาไปเผยตัวเองที่เมอร์ซีย์ไซด์ และกระโดดพรวดเดียวจากพื้นถนนซอลสเบอรี่ขึ้นสู่หลังคาตึก
    สูงลิบจนเหลือเชื่อว่า คนจะกระโดดได้อย่างนั้น แล้วก็ลับหายไป

    จากสายตาผู้เฝ้าดู เป็นการลับไปตลอดเลยครับ หลังจากนั้นไม่มีใครได้เห็นเขาอีก (ผู้คนมากมาย
    บนถนนซอลสเบอรี่มองเห็นโจ่งแจ้งว่าเขากระโดดแผล็วขึ้นสู่ยอดตึก หันมาโบกมืออำลาแล้ว
    วิ่งลับหายไปจากสายตาในนาทีต่อมานั่นเอง)

    เป็นไง?...แปลกดีแมะขอรับ?

    จบรายละเอียดแล้ว ทีนี้ก็มาถึงรายการถกปัญหากันละครับผม

    จากข้อเขียนทั้งหมดนี่ ท่านผู้อ่านมองเห็นปริศนาลับดำมืดหลายข้อเลยใช่ไหมครับ

    ข้อแรกที่สุดก็คือ ชายคนนี้เป็นใคร มาจากไหน และมีความมุ่งหมายอะไรในการมากระโดด
    เป็นว่าเล่นต่อหน้าพยานบุคคลในสารทิศต่างๆ ทั้งในและ นอกเขตกรุงลอนดอนอย่างที่เล่ามานี้?

    จากสารรูปของเขาที่พยานทุกรายมองเห็นตรงกัน สันนิษฐานได้ 3 ประการคือ ประการแรก ชายคนนี้ต้องมาจาก
    "มิติเร้น" ซึ่งอาจจะเป็นมิติอื่นอันซ้อนเหลื่อมกับมิติปกติ หรือม่ายเขาก็อาจ เดินทางมาจากพิภพอื่น
    เพราะลักษณะเสื้อผ้าและหมวกอวกาศมันฟ้องอยู่ ชัดแจ้ง ประการที่สอง หมอนี่เป็นคนสติเฟื่องหรือเพี้ยน
    ซึ่งปรากฏกายด้วยความอยากดัง เรียกร้องความสนใจของฝูง คนด้วยกรรมวิธีลํ้ายุค ประการที่สาม
    หมอนี่ไม่เพี้ยนและไม่บ๊อง แต่มีเจตนาบางอย่างเคลือบแฝง ในการแสดงออกของเขา

    ข้อสันนิษฐานทั้งสามประการนี้ สองข้อหลังอาจเป็นไปได้ แต่ว่าต้องไม่ลืมความจริงอย่าง หนึ่งที่ว่า
    ชายลึกลับ มีคุณสมบัติพิเศษกว่าคนธรรมดาหรือคนเพี้ยนล้วนมีได้ยาก คือความ
    สามารถในการกระโดดสูงและกระโดดไกลได้ขนาดนับเป็นสิบๆฟุตขึ้นไปน่ะครับ

    ข้อขานแย้งอีกอย่างหนึ่งซึ่งคิดว่าหนักแน่นพอที่จะชี้ชัดถึงความไม่ปกติของนักกระโดดสูงนี้ก็คือ
    ระยะเวลาที่เขาปรากฏกายน่ะครับ...ถ้าท่านสังเกตให้ดี จะเห็นว่าเมื่อตะกี้ไดโนเสาร์ (แก่) เน้น เรื่องปี
    ค.ศ.ไว้มากเป็นพิเศษ เพราะต้องการให้ท่านผู้อ่านเล็งเห็นว่า ปีแรกที่เขาปรากฏกายนั้นคือ ปี 1837
    ส่วนปีสุดท้ายได้แก่ปี 1904 ดูซีครับระยะเวลาห่างกันตั้ง 67 ปี ทีนี้สมมติว่าเมื่อเขา
    ออกโรงครั้งแรกในปี ค.ศ.1837 เขาอายุได้ 20 ปี เอา 67 บวกเข้าไป ผลลัพธ์เท่ากับ 87 โอ้โฮ! คนแก่อายุ 87
    ปี สามารถกระโดดจากพื้นถนนซอลสเบอรี่ขึ้นสู่ตึกที่มีความสูงตั้งสามสิบกว่าฟุต ได้ อยู่อีกหรือขอรับ?

    เอาละครับ สมมติว่าเราคล้อยตามสันนิษฐาน ข้อแรกว่า ชายผู้นี้มาจากมิติเร้นแน่นอนแล้ว ก็ยังไม่
    หมดปัญหาอยู่ดีแหละครับ...คำถามต่อไปก็คือ เขามาทำไม และเพื่ออะไร ในเมื่อการแสดงออก แต่ละครั้งนั้น
    นอกจากเกิดความแตกตื่นตกใจในหมู่คนพบเห็นแล้ว เขาไม่ได้รับประโยชน์โภชน์ ผลอะไรกลับไปเลย?
    เขาไม่ได้จับคนไปซ่อน, ไม่ได้ ทำร้ายร่างกายใคร เว้นแต่ทำท่าคุกคามให้
    ตกใจกลัวเท่านั้น...ไม่ได้ทำการวินาศกรรม และไม่ทำอะไรอีกหลายอย่าง ซึ่งผู้มาจากมิติอื่นน่า
    จะกระทำ...เขามาทำไมกันล่ะครับ?

    ไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้จนกระทั่ง บัดนี้.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×