ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    100 อันดับ โลกต้องจารึก

    ลำดับตอนที่ #138 : (ปริศนาโลกตะลึง) หมากับแมวพูดภาษาคน

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ค. 50




    หมากับแมวพูดภาษาคน

    "โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง เอ๋ง"

    "เหมียว เหมียว เหมียว แง่ว"

    นั้นอาจไม่ได้เป็นเพียงเสียงที่หลุดออกจากหมา แมว เสมอไป บางครั้งสุนัข หรือแมวบางตัวก็มีการพัฒนาปากร้องเรียกเจ้านายด้วยเสียงที่น่ารักว่า "แม่ฮับ" หรือไม่ก็หยอดคำหวานเช่น "I Love you" ฉันรักคุณก็เป็นไปได้

    ในอดีตมีข่าวปรากฏการณ์แมวกับหมาพูดภาษาคนเยอะแยะไปหมดเลยครับ(ของไทยไม่มี) ก็เช่น

    นิตยสาร เฟท เดือนกรกฎาคม 1966 นางโจโนวา เมืองเทอร์เรนซ์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ซื้อสุนัขพันธุ์ชิวาวา มาเลี้ยง มันเป็นสุนัขอารมณ์อ่อนไหว จู้จี้จุกจิกในเรื่องการกิน เธอได้ยินคำพูดของพีทครั้งแรกขณะที่อยู่ในสวนหลังบ้าน "ผมรักคูณ-อูวววว........ผมรักคูณ-อูวววววว" มันพร่ำรอดซ้ำไปซ้ำมาไม่มีหยุด เหมือนดั่งนักแก้วนกขุนทองจำคำเหล่านี้ไม่มีผิด

    "ฉันเห็นกล้ามเนื้อคอขยับ ลิ้นกระดกขึ้นแตะเพดานปาก ขณะที่มันเพียรพยายามเปร่งเสียงสูงๆ ต่ำๆสะกดทีละคำ การเคลื่อนไหวของลิ้นประหลาดมาก ปกติถ้าสุนัขจะเห่าหอน มันจะต้องให้ลิ้นอยู่ติดแนบขากรรไกรล่างเสมอ"

    "ลืมบอกไป ความจริงแล้วพีทไม่ใช้หมาที่ชอบโชว์ออฟนะค่ะ มันแต่สัตว์ตัวน้อยๆ ที่ไม่ค่อยพูดจา นอกจากมีคนมาทักทายมันก่อน"

    ที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ก็มีสุนัขพูดภาษาคนตัวหนึ่งเหมือนกัน เป็นสุนัขพันธุ์โดเบอร์แมนพินเซอร์ ชื่อแลนเซอร์ โดยเจ้าของพามันมาสัมภาษณ์ในนิตยสารเนชั่นแนลเอ็นไควเรอร์วันที่ 12 กรกฎาคม 1977 เจ้าของชื่อเจอรัลด์ ไรท์

    "มันพูดว่า ตูบรักคุณครับ"มันชอบโปรยเสน่ห์ด้วยการพูดแบบนี้กับผู้หญิงในบริษัทเครื่องสำอางของผม แม้เสียงมันจะห้าวเหมือนเอาฝ้ายยัดใส่ปากก็เถอะ"

    ส่วนอีกรายนี้ดังหน่อย เป็นสุนัขฟอกซ์เทอร์เรียขนเรียบ ชื่อ "เบน" อาศัยอยู่ในบ้านของนางและนายบริสเซนเดนในรอยสตัน มันได้ปรากฏใน นสพ.เดลี่ มิเรอร์ ฉบับ ส.ค. 1946 มันพูดจ้อไม่หยุด เสียงชัดเจนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวว่า "ขอผมฮัน"ซึ่งมันจะพูดเสียงนี้เวลามันอยากหม่ำข้าวเท่านั้น นอกจากนี้ยังพูดน้ำเสียงหลายๆ แบบ ขอโน่นขอนี้ ไม่ว่าประจบประแจง ออกคำสั่ง ดุด่า

    ไม่รู้เจ้าของทำเวรทำกรรมอะไรเอาไว้

    สุนัขของอดีตนักแสดงชื่อ โรนัลด์ ไชเมอร์ สามารถพูดว่า "ขอเบียร์หน่อยฮับ!" ทั้งยังช่วยเจ้าของดูแลกิจการพอร์ตเตอร์ อินน์ในเมืองเมอร์เซ็ทได้อย่างซื่อสัตย์อีก

    ประเทศออสเตรเลีย มีสุนัขตัวหนึ่งชอบร้องเรียก "หวัดดีแม่" และ"ผมอยู่ที่นี้ฮะแม่" โดยหนังสือพิมพ์อีฟนิ่ง สแตนดาร์ด 17 มกราคม 1953 เคยเอามาออกว่า "เสียงของมันดังกังวานอย่างกับเสียงระฆังใกล้สำเนียงอังกฤษมากกว่าออสซี่"

    นอกจากสุนัขแล้ว แมวก็ช่างเจรจาเช่นกัน ในปี 1963 นายและนางดีมแห่งอิลล์ไซด์ เอเคอร์ รัฐฟลอริดา ได้พบลูกแมวใกล้ๆ บ้าน จึงเก็บมาเลี้ยง และตั้งชื่อว่ไวท์ลีย์ พอไวย์ลีย์อายุได้ 6 เดือน มันกระโดดขึ้นบนเตียงของดีมและพูดว่า

    "แม่..........เหมียวหิว"

    "ว่าไงนะ?" รูธ ดีม ถามพรึงเพริด แล้วมันก็ทวนอีกครั้ง "เหมียวหิว"นางดีมจึงลุกไปเอาอาหารมาให้ตามคำขอ เธอเก็บเรื่องนี้เอาไว้ไม่เล่าให้สามีฟัง

    ไม่กี่วันต่อมาขณะที่เจมส์ ดีม กำลังลูบไล้เจ้าไวท์ลีย์อยู่พลางร้องเรียกหยอกเหย้าเอ็นดูว่าไอ้แมวไม่รักดี

    "ผมไม่ใช้แมวไม่รักดีนะ" ไวท์ลีย์เถียงแล้วตอบว่า "ผมจะออกข้างนอก"

    จากนั้นเป็นต้นมา เจ้าเหมียวก็สนทนาวิสาสะกับคนในครอบครัวบ่อยขึ้น มันชอบโอดครวญและชอบพูดจาสมเพชเวทนาตัวเองบ่อยๆ เช่น

    "ทำไมไม่มีใครรักผมเลย"

    "ผมอยากออกไปข้างนอก"

    "ผมรักแม่"

    "มันเลว"(อันนี้เอาไว้ด่าแมวอีกตัวในบ้าน)

    นอกจากครอบครัวดีมแล้วเพื่อนบ้านหลายคนต่างก็เคยได้ยินเสียงคนของไวท์ลีย์เหมือนกัน เช่นโจ โรดส์เห็นแมวตัวนี้ที่รถพ่วงเขาเขาตั้งใจว่าจะเอามันไปคืนเจ้าของ แต่ในขณะเข้าใกล้เจ้าไวท์ลีย์ตะโกณว่า "จับไม่ได้หรอก!" แล้วก็หนีไปเลย สมดังคำที่แมวปรามาสไว้

    เพื่อนบ้านรายหนึ่งที่มาช่วยเฝ้าบ้านให้เมื่อนายและนางดีมออกไปข้างนอก เคยเอาหนังสือพิมพ์ฟาดไวท์ลีย์ตอนมันกำลังตีกับแมวอีกตัว และเมื่อนายรูธ ดีมกลับมาที่บ้าน ไวท์ลีย์ก็เข้ามาคลอเครียและฟ้องว่า "แม่ เขาตีผม"

    "เขาใช้อะไรตีฮึ"

    "หนังสือพิมพ์"

    หากไม่นับสามารถในการพูดแล้ว ไวท์ลีย์ก็เหมือนกับแมวทั่ๆ ไป ชอบเตร็ดเตร่ไปทุกซอกทุกมุมในขณะโลดโผนอยู่ที่บ้าน มีอยู่หนหนึ่งที่ไวท์ลีย์ถูกวางยา เล่นเอามันกับอึ้งและพูดไม่ออกไปชั่วระยะหนึ่ง

    แล้วความจริงที่มาของสัตว์พูดภาษาคนนั้นคืออะไรกันแน่

    ชาวออสซี่ท่านหนึ่งอธิบายว่า ความสามารถพิเศษนั้นน่าจะมาจากผลจาก "ปฏิกิริยาตอบสนองต่อสภาพรอบตัว" หมายความว่าสุนัขหัดพูดโดยอาศัยจากสภาพแวดล้อม จากการสอนของคน และความสามารถของสุนัข

    สาธุคุณเบนเน็ทท์ พาล์มเมอร์ ผู้ศึกษากรณีของไวท์ลีย์ ได้เปรียบเทียบว่ามันอาจเป็นตัวอย่างปราฏการณ์การติดต่อสื่อสารของวิญญาณและเสียงก็เป็นไปได้ หมายถึงความเชื่อโบราณที่ว่าพวกมันอาจถูกภูตผีวิญญาณเข้าสิง โดยใช้ร่างนั้นติดต่อสื่อสาร และบ้างครั้งมันอาจจะบอกความลับของโลกด้วยก็ได้

    ดร.ฮอร์เนลล์ ฮาร์ท ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิญญาณ ให้คำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ 3 ข้อ โดยเน้นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องโกหกว่า

    ข้อที่หนึ่ง คือการได้ยินเสียงแมวพูดจาภาษาคนก็เนื่องจากผล ของคนที่เป็นเจ้าของต้องหูฝาด ประสาทหลอน ใกล้บ้าเต็มที

    ข้อที่สอง บางทีอาจเป็นเรื่องแหกตา แหกหู โดยเจ้าของใช้กลวิธีพูดแบบไม่ขยับปากโดยใช้ท้องพูดแทน

    ข้อที่สาม มันเป็นแฟชั่น กระแสนิยม คนอยากดังโว้ย!

    แล้วทำไมทีหมาบ้านตูไม่พูดภาษาคนบ้างฟ่ะ!


    (จากต่วยตูนพิเศษ 323 มกราคม 2545)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×