คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #112 : Mugen no Gunkan Yamato เมื่อเด็กซ่าคิดเปลี่ยนประวัติศาสตร์
ตอนไปเชียงใหม่ผมได้ซื้อการ์ตูนเรื่อง “Mugen no Gunkan Yamato” จำนวน 9 เล่ม(จากต้นถึงล่าสุดของมัน) ยอมรับเลยว่าตอนแรกผมดันไปจำผิด(นึกเอาเอง) ว่าการ์ตูนเรื่องเป็นเรื่องเดียวการ์ตูนอมตะเรื่องหนึ่งคือ “The Space Battleship Yamato” ใช่แล้วครับผมมีความคิดจะเขียนเรื่อง “The Space Battleship Yamato” หลังจากกลับจากเชียงใหม่ หากแต่ตอนผมกลับมาบ้านเปิดการ์ตูนดูก็อุทานว่า “ฮ้าว ไม่ใช่นี้หว่า” เพราะมันเป็นการ์ตูนที่จับเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 มาเป็นพล็อต(การ์ตูน The Space Battleship Yamato เป็นการ์ตูนแนวไซไฟอนาคตนะครับ) ดูลายเส้นและเนื้อหาของมันแล้วผมพล่านนึกถึงการ์ตูนอดีตเรื่อง ยุทธการใต้สมุทร(The Silent Service)ยังไงชอบกล เอาเถอะไหนๆ ผมก็ซื้อมาอ่านแล้วก็ขออ่านสักหน่อยจะเป็นอย่างไรไป หลังจากที่ผมอ่านแล้วปรากฏว่ามันสนุกกว่าที่คิด
Mugen no Gunkan Yamato
สงคราม, เหนือธรรมชาติ
Mugen no Gunkan Yamato เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น ผลงานของ Souichi MOTO(ผลงานแรกเลย) ลงประจำในนิตยสาร Evening (Kodansha) ตั้งแต่ปี 2006 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ในไทยได้ลิขสิทธิ์โดยสยามในชื่อ “พิฆาตยามาโต้”
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมีเด็กคนหนึ่งที่พยายามเปลี่ยนประวัติศาสตร์โดยทำให้ประเทศญี่ปุ่นชนะอเมริกาในสงครามโลกครั้งที่ 2!!
Mugen no Gunkan Yamato เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มคนหนึ่งในยุค 2005 ชื่อ อุเอฮาระ คุรุซึ อายุ 17 ปี ที่เขาค่อนข้างเป็นเด็กหนุ่มที่นิสัยค่อนข้างเรื่อยเปื่อย ไม่รู้จักสงคราม วันหนึ่งเขาได้ร่วมงานกับพ่อซึ่งเป็นผู้อำนวยการผลิตรายการโทรทัศน์ โดยไปทำสารคดีเกี่ยวกับการตามหาซากเรือยามาโต้ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเรือสัญลักษณ์ของญี่ปุ่นที่ถูกฝูงบินของอเมริกาจมลงในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ตอนแรกคุรุซึไม่ให้ความสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่นักเพราะเขาเป็นเด็กสมัยใหม่ สงครามน่ะมันเป็นเรื่องสมัยก่อน อีกทั้งชีวิตส่วนตัวของเขายังเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามเพราะไม่รู้ว่าอนาคตของเขาจะจัดการยังไงดีระหว่างเรียนต่อหรือหางานทำ
จนกระทั้งเมื่อคุรุซึดำน้ำกับพ่อเพื่อไปดูซากเรือยามาโต้ จู่ๆ เขาก็วูบหมดสติลงในสภาพครึ่งเป็นครึ่งตาย และเมื่อคุรุซึตื่นขึ้นมาอีกทีเขาก็พบว่าเขาสามารถย้อนอดีตไปในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาอยู่ในเรือยามาโตะ(ในช่วงต่อเรือเสร็จพอดี) ระหว่างที่คุรุซึกำลังตื่นเต้นกับภาพที่เห็นเขาก็เริ่มสำรวจเรือ และสังเกตว่าคน(ทหาร)บนเรือยามาโตะนั้นไม่มีใครเห็นเขาเลย คุรุซึรู้ทันทีว่าตอนนี้ตนเองคือวิญญาณที่สามารถไปไหนอย่างอิสระขอให้อยู่แต่บริเวณเรือยามาโต้เท่านั้น และระหว่างนี้เองเขาก็ได้พบเด็กหนุ่มที่เป็นนายทหารชั้นผู้น้อยคนหนึ่งชื่อ “ไคบะ” ซึ่งเขาเป็นคนเดียวที่เห็นเขาและสัมผัสเขาได้ ทำให้สองได้รู้จักกันพูดกันและกันอย่างถูกคอ ระหว่างนั้นเองคุรุซึก็รู้สึกอะไรบางอย่าง เมื่อข้างตัวเขาได้เกิดหลุมดำหลุมหนึ่งและมันได้ดึงตัวเขากลับไปยังโลกปัจจุบัน
คุรุซึลืมตาตื่นขึ้น ปรากฏว่าเขาอยู่ที่โรงพยาบาล หากแต่เขาก็รู้ว่านี้ไม่ใช่ความฝัน และก็รู้อย่างหนึ่งคือตนมีความสามารถพิเศษที่สามารถย้อนกลับไปอดีต(สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2)และปัจจุบันได้(โดยเวลาที่จะเดินไปเรื่อยๆ ไม่ได้หยุดกับที่) โดยเขาย้อนอดีตได้โดยเพียงหลับลึก ส่วนจะกลับมายังปัจจุบันนั้นก็คือการรอหลุมดำมารับ
คุรุซึได้ไป-กลับระหว่างอดีตและอนาคตหลายครั้ง พร้อมกับได้สานสัมพันธ์กับไคบะไปด้วย ระหว่างที่ทั้งคู่พูดกันถูกคอนี้เอง คุรุซึก็เผยตนว่าตนเองนั้นเป็นผีจากอนาคต และรู้ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า คุรุซึได้บอกไคบะ(ซึ่งไคบะไม่รู้เรื่องสงครามอะไรเลยสักนิด เขามีหน้าที่จับกังในเรือเท่านั้น)ว่าอีกไม่นานจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 และเรือยามาโต้ที่ไคบะประจำการนี้จะออกรบ หากแต่ไคบะไม่รู้สึกกลัวและเขาที่จะพร้อมรบไม่ว่าจุดจบของสงครามจะเป็นเช่นไรก็ตาม
และแล้วจู่ๆ ก็มีความคิดแว่บๆ เข้าหัวคุรุซึขึ้น เขามีความคิดว่าอยากให้ญี่ปุ่นนั้นชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาอยากรู้ว่าหากญี่ปุ่นเป็นฝ่ายชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 จะเกิดอะไรขึ้น ญี่ปุ่นที่เขาอยู่จะเปลี่ยนแปลงขนาดไหน มันจะเจริญมากกว่าปัจจุบันหรือไม่ คุรุซึได้ร่วมมือกับไคบะ โดยพยายามให้ไคบะเป็นทหารคนสนิทของผู้บัญชาการ “ยามาโตะ” โดยบอกให้เขารู้ว่าตนนั้นสามารถรู้อนาคตที่สามารถกำหนดแพ้ชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้
กว่าที่ไคบะจะทำให้ ผ.บ.ยามาโตะเชื่อได้ว่าเขาพูดเรื่องจริงนั้นก็แทบลากเลือด เพราะเขาถูกสงสัยว่าเป็นสายลับ หากแต่หลังจากไคบะพูดอนาคตหลายครั้งเข้า ผ.บ.ยามาโตะก็เริ่มเชื่อและรับไคบะเป็นนายทหารประจำตัวพร้อมกับเป็นที่ปรึกษาลับๆ โดยมีคุรุซึเป็นคนสั่งการให้ไคบะไปบอกผ.บ.ยามาโตะอีกที โดยเขาจะนำความรู้ประวัติศาสตร์มาวางแผนเพื่อให้ญี่ปุ่นชนะสงคราม และใช้ประสิทธิภาพของเรือยามาโต้ให้มากที่สุด ทั้งสองจะสามารถจะหยุดยั้งหายนะของญี่ปุ่นพร้อมกับเรือยามาโต้ได้หรือไม่ ก็ติดตามได้ในการ์ตูนเรื่องนี้
การ์ตูนเรื่องนี้เป็นแนวเซเน็น(Seinen)นะครับ(เป็นคำภาษาญี่ปุ่นใช้เรียกระดับของการ์ตูนญี่ปุ่นที่มี ผู้ชายอายุ 18-25 ปีเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก) ไม่ใช่ว่าจะเนื้อหาจะลามกอะไรหรอกนะครับ หากแต่เนื้อหาและเนื้อเรื่องค่อนข้างเข้าใจยาก(มาก) สำหรับคนที่ไม่มีความรู้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 มาอ่านนี้มึนตับแน่นอน เพราะในเนื้อหามีแต่บุคคลประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 (ทั้งฝ่ายอเมริกาและญี่ปุ่น)และเหตุการณ์ต่างๆ และคุณจะต้องเก่งเรื่องแผนที่ประวัติการรบสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยว่าใครรบกับใคร รบที่ไหน สมรภูมิเป็นอย่างไร
อิโซรกคุ ยามาโมโตะ(Yamamoto Isoroku) (4 เมษายน 1884 18 เมษายน 1943) พลเรือเอกของกองทัพเรือจักรพรรดินาวีญี่ปุ่น และผู้บัญชาการทัพเรือผสมผสมระหว่าง สงครามโลกครั้งที่2 เขาเป็นผู้วางแผนถล่ม อ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ บัญชาการสงครามมิดเวย์ ในการ์ตูนได้แสดงภาพลักษณ์เขาว่าเป็นคนรูปร่างเตี้ย แต่ใจกว้าง เป็นกันเองกับทหารทุกคนไม่ว่าจะเป็นระดับสูงหรือระดับต่ำ และเขาเป็นคนแรกที่เชื่อเรื่องไคบะกับคุรุซึ ส่งผลทำให้ทั้งสองอยู่เบื้องหลังหลายเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ทำให้ญี่ปุ่นชนะศึกหลายครั้งและเปลี่ยนประวัติศาสตร์แบบไม่ตั้งใจ
ในประวัติศาสตร์จริงๆ ยามาโมโต้เสียชีวิตระหว่างไปให้กำลังใจทหารที่หมู่เกาะโซโลมอน หากแต่ในการ์ตูนแล้วยามาโมโต้นั้นได้จัดฉากทำเป็นว่าเขายังไม่ตาย(โดยแผนคุรุซึบอกให้ยามาโมโต้ตายเพื่อให้ประวัติศาสตร์กลับมาจุดเดิมของตัวเองอีกครั้ง) แถมเขายังมอบคัมภีร์(เทพ)ชนะสงครามกับอเมริกาภายใต้การนำของนายพลแมคอาเธอร์ให้กองทัพญี่ปุ่นอีก และนี้คือเนื้อเรื่องจบเล่ม 9 ซึ่งกำลังเข้มข้นเรื่อยๆ
เรือประจัญบานยามาโต้ (Yamato) เป็นเรือประจัญบานขนาดยักษ์ ตั้งชื่อตามชื่อจังหวัดโบราณ "ยามาโต้" ในประเทศญี่ปุ่น ขึ้นชื่อว่าเป็นเรือประจัญบานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีอาวุธอันทรงประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างกันมา ด้วยระวางขับน้ำ 72,800 ตันและปืนใหญ่ขนาดปากลำกล้อง 460 มิลลิเมตร (18.นิ้ว) แต่อนิจจาปืนใหญ่ดังกล่าวแทบไม่ได้ใช้เลยในสงครามโลกครั้งที่ 2 และเรือดังกล่าวถูกสร้างในยุคที่เรือรบไม่มีความจำเป็นอีกแล้ว ก่อนที่จะถูกจมลงในที่สุด
แต่ในการ์ตูนคุรุซึพยายามทำให้ยามาโต้แสดงประสิทธิภาพมากที่สุด โดยเขาจะเป็นคนชี้ตำแหน่งศัตรูแล้วให้เรือยามาโตะยิงปืนใหญ่ระยะไกลใส่(มันต้องเทพอีกแหละ เพราะเขาจะต้องอ่านบันทึกการเดินเรือของแต่ละลำไม่ว่าจะเป็นฝ่ายญี่ปุ่นของอเมริกาว่าเวลาไหนไปทางไหนบ้าง ขนาดปัจจุบันยังไม่มีเอกสารละเอียดถึงขั้นนี้เลย)
หลังจากผมอ่านจนถึงเล่ม 9 ปรากฏว่าผมชอบครับ ติดด้วย ก็แปลกดี ทั้งที่การ์ตูนเรื่องนี้ดำเนินเรื่องหลายมุมมอง ไม่ใช่มุมมองของพระเอกอย่างเดียว พระเอกเป็นตัวประกอบเสียด้วยซ้ำในบางครั้ง ในเล่ม 9 ปรากฏแค่ไม่กี่หน้า ถึงแม้พระเอกจะออกไม่กี่ฉาก แต่ว่าออกแต่ละทีนี้เด่นสุดๆ และทำให้เรื่องน่าสนใจ เต็มไปด้วยความพิศวง เพราะพระเอกเหมือนอยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด เสมือนเป็นผู้วิเศษ ขงเบ้ง ทั้งๆ ที่สมองและความคิดอ่านเหมือนคนธรรมดาแท้ๆ เสมือนกับว่าเรา(คนอ่าน)นั้นแหละคือพระเอก จะมีการ์ตูนสักกี่เรื่องล่ะครับที่พระเอกเริ่มจาก 0 เป็นคนธรรมดา แต่สามารถสั่งการกองทัพทหารได้ราวกับเป็นผู้บัญชาการสูงสุดแบบนี้ ไม่มีหรอกครับ ดังนั้นการ์ตูนเรื่องนี้ผมอินกับพระเอกคุรุซึ(และพระรองไคบะ)สุดๆ เลย
ปกตินี้ผมชอบเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ชอบแบบคลั่งแบบแฟนพันธุ์แท้รู้หมดว่าเกิดปีใหน ตายไปกี่คน แบบนี้นะครับ อย่างน้อยก็พอรู้ว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน เหตุการณ์สำคัญมีอะไรบ้าง ส่วนสาเหตุที่ชอบสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่ใช่เพราะสะใจหรือมันน่ะครับ ผมชอบความยิ่งใหญ่ของมัน ความตาย จิตใจของมนุษย์ ความลำบากของทหารที่สละเนื้อเลือด ความสูญเสีย สิ่งเหล่านี้มีอยู่ในสงครามครับถ้วน ผมชอบภาพยนตร์ เกมที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 จะว่าไป พูดถึงมุมมองของการ์ตูนเรื่องนี้ ก็นำมุมมองแบบภาพยนตร์ญี่ปุ่นสมัยก่อนมาใช้ คือภาพยนตร์ญี่ปุ่นแนวสงครามโลกครั้งที่สองส่วนใหญ่มักจะเป็นมุมมองแบบตัวละครหลายตัว ไม่เหมือนมุมมองแบบภาพยนตร์สงครามของฝรั่งหรอกครับ สมัยก่อนบริษัทญี่ปุ่นที่ผลิตคือโตโฮ(บริษัทเดียวกับที่สร้างอุลตร้าแมน ก็อตซิล่า) ที่สร้างภาพยนตร์หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Zero(ชื่อไทยฝูงบินลมกรด), Admiral Yamamoto (เรือพิฆาตยามาโมโต้นายพลหัวใจเพชร), Zero(ฝูงบินเพชฌเพชฌฆาต), Imperial Navy(ชื่อไทยศึกเรือรบ ลูกพระอาทิตย์), (เรียกได้ว่าใครดูภาพยนตร์ตัวอย่างที่ผมพูดออกมา ดูการ์ตูนเรื่องนี้จะได้อรรภรสมากขึ้น)
เอาเป็นว่าใครอยากอ่านรีวิวภาพยนตร์เก่าๆ ที่มีเนื้อหาสงครามโลกครั้งที่ 2 สามารถไปที่
http://www.iseehistory.com/ww2west
ภาพยนตร์ญี่ปุ่นสมัยก่อนไม่ได้มี GC หรือใช้คอมพิวเตอร์เลิศเหมือนสมัยนี้นะครับ แต่ใช้แบบโมเดลจำลองมาใช้แทน ทำให้คนรุ่นใหม่มาดูภาพยนตร์ตัวอย่างที่ว่าแทบหัวเราะท้องแข็งเพราะดูยังไงก็ไม่ยิ่งใหญ่สมจริง เรือก็เรือจำลอง เครื่องบินก็จำลอง(ยังเห็นสายสลิงด้วยซ้ำบางฉากด้วยซ้ำ) แต่สิ่งที่ทดแทนคือความเต็มอิ่มในเนื้อหา การแสดงของตัวละคร ทำให้ผู้ดูอินหลายฉากครับ สมัยก่อนทำได้แบบนี้ก็ถือว่าดีแล้ว ๆไม่เหมือนภาพยนตร์ญี่ปุ่นสมัยนี้ที่ทุนสูงแต่ตัวละครกับบททำออกมาอย่างกับอนุบาลเล่น ไม่มีการวางแผนหรือปรึกษาดีๆ ก่อนเลยสักนิด(ว่าให้เรื่องอะไรหว่า)
แต่การ์ตูน ไม่ได้เน้นจิตใจดำมืดของสงครามเท่าไหร่ แต่จะเน้นกลยุทธ์ล้วนๆ ประวัติศาสตร์ที่สอดแทรกในการ์ตูนก็ไม่ได้กล่าวอะไรมากคนอ่านต้องไปหาอ่านเพิ่มเอาเอง ส่วนจิตใจดำมืดนั้นไม่ได้นำมาใช้ในพวกกองทัพทหารญี่ปุ่นเลย หากแต่เป็นพระเอกคุรุซึคนธรรมดานี้แหละครับ ที่เจ้าหมอนี้มันช่างคล้ายไลท์ ณ เดธโน้ตชัดๆ แบบว่าตอนแรกนี้พี่แกก็เป็นวัยรุ่นสดใสธรรมดา ทำหน้าตาเป็นมิตร พร้อมช่วยเหลือเพื่อนแบบจริงใจ หากแต่หลังๆ นี้พี่แกเริ่มทำหน้าน่ากลัว ฉลาดเป็นกรด แถมเริ่มปลงชีวิตบางอย่างด้วย บางฉากนี้พี่แกทำหน้าชั่วด้วยน่ะเออ แต่ก็ใช่ว่าชั่วแบบไม่ลืมหูลืมตาแบบไลท์นะครับ
ตอนแรกคุรุซึก็เหมือนกับคนธรรมดาในยุคปัจจุบันแหละครับ แบบว่าทุกวันนี้เราไม่รู้จักหรือมีส่วนร่วมสงครามแล้ว ไม่รู้ซึ้งว่าคนอดีตต้องเสียเลือดเสียเนื้ออะไรบ้าง กว่าที่จะประเทศของเราถึงทุกวันนี้ เรารู้จักสงครามแต่เพียงการเล่นเกม อ่านการ์ตูน ดังนั้นความคิดของเราก็คือสงครามนี้สนุก บันเทิง ตัวละครในเกมเป็นเพียงแค่หมากที่จะตายอย่างไงก็ไม่สนใจ ถึงแพ้ก็ไม่ตายเพราะสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ และเมื่อย้อนอดีตมายุคสงครามแทนที่จะกลัวกลับดีใจ ตื่นเต้น เพราะตนเองเป็นเพียงผู้ดู ที่ไม่มีวันตาย อีกทั้งยังสามารถวางแผนการรับ อยู่เบื้องหลังราวกับเป็นผู้วิเศษ อย่าว่าแต่คุรุซึเลยเป็นคนอื่นก็อยากสัมผัสประสบการณ์นี้ ทำให้มีหลายฉากที่แสดงให้เห็นว่าคุรุซึนั้นกำลังลำพองกับตัวเองที่สามารถเปลี่ยนประวัติศาสตร์เองโดยฝีมือของเขา เขาวางแผนในกระดาษและตื่นเต้นเมื่อแผนของเขากำลังจะใช้จริงในประวัติศาสตร์ เขามีความคิดว่าเขายืนอยู่จุดสูงสุดไม่เหมือนคนธรรมดาคนอื่น
คุรุซึไม่ใช่คนฉลาดเหมือนไรท์ ไม่ได้มีชีวิตบัดซบเหมือนฆาตกรโรคจิต คนเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญ เรื่อยเปื่อยเป็นวัน แต่ในเมื่อเขาย้อยอดีตเขากลายกลับเป็นเจ้าแห่งนักวางกลยุทธ์ เหตุผลง่ายๆ ก็คือมันก็เหมือนกับเล่นเกม หากเรามีหนังสือสูตร หรือเคยเล่นมาก่อน ร้อยทั้งร้อยก็ชนะ เรารู้ว่าศัตรูอยู่ตรงไหน มาเมื่อไหร่ จะมีวิธีชนะยังไง ใช้ตัวหมากยังไง เหมือนปรัชญาสงครามซุนวูว่า “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” เขาแค่รู้อนาคตมาก่อน
ศึกแรกที่อยู่ภายใต้การนำของคุรุซึนั้นคือ “ยุทธการเกาะมิดเวย์” ซึ่งตามประวัติศาสตร์นั้นนายพลยามาโมโตะต้องการยุติสงครามให้เร็ววัน โดยต้องการยึดเกาะมิดเวย์เพื่อนำไปสู่การบุกสหรัฐอเมริกา และเร่งให้อเมริกาเจรจาสันติภาพ ศึกนี้เต็มไปด้วยยุทธศาสตร์และโชค หากผลจริงในประวัติศาสตร์คือ สหรัฐอเมริกาได้รับชัยชนะและสามารถป้องกันเกาะมิดเวย์ไว้ได้ และส่งผลทำให้ญี่ปุ่นสูญเสียอำนาจการบุกทางทะเล และกลายเป็นฝ่ายตั้งรับ และยังเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการโจมตีทางอากาศได้เข้ามีบทบาทในสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่ใช่ยุคสมัยเรือรบอย่างยามาโต้อีกแล้ว
http://www.iseehistory.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538706963&Ntype=12
หากแต่คุรุซึได้เปลี่ยนประวัติศาสตร์ครั้งนี้โดยสิ้นเชิง โดยการบอกรายละเอียดความผิดพลาดของกองทัพเรือญี่ปุ่นว่าเพราะอะไรที่ทำให้เราแพ้สงครามครั้งนี้(ผมว่าหมอนี้มันต้องฉลาดระดับหนึ่งเพราะว่ามันสามารถจำประวัติศาสตร์ละเอียดได้อย่างแม่นยำ ชนิดที่ว่า ใครทำอะไร ที่ไหน ขนาดนายทหารไหนเป็นไข้มันยังรู้เลย คิดดู) จากนั้นเขาก็ชี้จุดศัตรูอยู่(มันก็เทพอีกเพราะว่ามันรู้ว่าเวลาใดศัตรูอยู่ตรงนี้ มันทำอะไรที่ไหนบ้าง
หลังจากนั้นก็ถึงฉากสงครามที่ยิ่งใหญ่ การ์ตูนนี้ได้ถ่ายทอดสงครามอย่างอลังการ และตื่นเต้น ในช่วงนี้จะมีการเปลี่ยนมุมมองตัวละครหลายตัวสลับไปมาทั้งของญี่ปุ่นและอเมริกา ส่วนคุรุซึก็ได้เรียนรู้ว่าสงครามนั้นมันไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย แม้ว่าเขาจะรู้อนาคตสามารถแก้ทางได้ หากแต่สิ่งที่เป็นอุปสรรคคือการไม่เป็นที่ยอมรับของนายทหารชั้นผู้ใหญ่นายอื่นที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง
แม้แผนที่คุรุซึจะไม่เป็นตามแผนเท่าไหร่นัก แต่สุดท้ายประวัติศาสตร์การรบมิดเวย์ก็ได้เปลี่ยนไป เมื่อกองทัพญี่ปุ่นสามารถยึดเกาะมิดเวย์ได้
เมื่อคุรุซึกลับมาถึงปัจจุบัน เขาก็พบว่าปัจจุบันก็เหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย แม้ประวัติศาสตร์จะเปลี่ยนเป็นญี่ปุ่นชนะสงครามมิดเวย์ แต่กระนั้นผลสุดท้ายญี่ปุ่นก็แพ้สงครามและเรือยามาโต้ก็จมเหมือนเดิมตามที่รู้กัน ส่งผลทำให้คุรุซึเบื่อหน่ายในการเปลี่ยนประวัติศาสตร์ มันไม่ง่ายเลยที่จะทำให้ประวัติศาสตร์เปลี่ยนไปตามที่เขาตั้งใจไว้ ประกอบกลับช่วงนี้เขากำลังโดนแฟนทิ้ง เนื่องจากขาดการตัดต่อมาเป็นเดือน แถมโดนเพื่อนที่หน้าตาเหมือนปลาบึกแย่งแฟนไปอีก และเมื่อคุรุซึกลับมายังอดีตอีกครั้งคราวนี้เขามาพร้อมกับด้านมืดเต็มตัว
การกลับมาของคุรุซึมาถึงช่วงสงครามชิงเกาะกัวดาเนล โดยตามประวัติศาสตร์แล้วอเมริกายึดจากญี่ปุ่นแล้วสร้างสนามบินโดยสมบูรณ์ นับเป็นความสำเร็จครั้งแรกสุดของกองทัพอเมริกันส่วนญี่ปุ่นต้องถอยทัพหนีในสงครามมหาสมุทรแปซิฟิก โดยสงครามครั้งนี้หลายแผนที่คุรุซึคิดนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์และเลือดเย็น เริ่มจากคุรุซึได้เห็นนายทหารญี่ปุ่นคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนเพื่อนรักของเขาที่แย่งแฟนไป(บรรพบุรุษ) คุรุซึทำการระบายแค้นโดยการจงใจให้เขาตายในศึกแย่งเกาะมิดเวย์พร้อมอ้างกับไคบะว่ามันเป็นแค่หมากที่จำเป็นต้องทิ้งเพื่อให้สงครามชนะ(ส่งผลทำให้อนาคตเปลี่ยน โลกปัจจุบันเพื่อนหน้าปลาบึกที่แย่งแฟนของเขาไม่มีตัวตน) มองทหารทหารที่สละเนื้อเลือดในสงครามว่าโง่เขล่า(แสดงให้เห็นว่าคนญี่ปุ่นรุ่นใหม่นั้นไม่ได้เริ่มรักชาติหรือไม่ระลึกถึงความเสียสละคนในอดีต) การวางแผนให้อเมริกาต่อสู้บนเกาะท่ามกลางความหิวโหยที่ไม่มีอาหารและน้ำ(แสดงให้เห็นว่าคุรุซึคงมีอารมณ์พอสมควรในเหตุการณ์ที่ทหารญี่ปุ่นต้องรบโดยปราศจากอาหารและน้ำเลยอยากให้อเมริกาเจอประสบการณ์แบบนี้บ้าง)
แม้ว่าหลายความคิดเห็นของคุรุซึนั้นไคบะจะไม่เห็นด้วย แต่กระนั้นไคบะก็ไม่สามารถเถียงคุรุซึได้เลย ไคบะเป็นเพียงนายทหารซื่อ เป็นตัวกลาง สื่อกลางสำหรับการถ่ายทอดระหว่างคุรุซึและนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในกองทัพเท่านั้น
ผลสุดท้ายคุรุซึก็ช่วยให้ญี่ปุ่นชนะอเมริกาขาด แต่มันก็เป็นแค่สงครามเล็กๆ ไม่กี่สงครามในสงครามโลกครั้งที่ 2 เท่านั้น ในขณะที่ญี่ปุ่นกำลังดีใจกับสงคราม อเมริกาก็ยิ่งพัฒนาอาวุธใหม่ขึ้นเรื่อยๆ และในอนาคต อเมริกาก็ชนะญี่ปุ่นอยู่ดี
คุรุซึกลับมายังปัจจุบันอีกทั้ง หากแต่ญี่ปุ่นปัจจุบันนั้นเปลี่ยนไปชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศที่ปกครองด้วยทหาร กีดกันการรับข่าวสาร คุรุซึได้ตะลึงสิ่งที่เกิดขึ้น นี้มันไม่ใช้อนาคตที่เขาวาดฝันเอาไว้ มันกลับเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม จนเป็นเหตุทำให้คุรุซึจำเป็นต้องเปลี่ยนประวัติศาสตร์อีกครั้งเพื่อเข้าที่ในจุดเริ่มต้นของมัน
คุรุซึก็เหมือนกับตัวเอกคนหนึ่งในเรื่อง The Girl Who Leapt Through Time ที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์เพราะนึกสนุกคิดว่ามันเป็นแค่เกมโดยลืมไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมาในอนาคต แม้คุรุซึจะสามารแก้ข้อผิดพลาดในอดีต แต่กลายเป็นว่าผลมันกลับเลวร้ายยิ่งกว่าเก่า และเมื่อรู้ว่าตนผิดพลาดไปก็สายไปเสียแล้วที่จะกลับมาจะแก้ไขได้ดั่งเดิมได้
นี้คือเรื่องย่อหลังจากจบเล่มที่ 7 แน่นอนว่าการ์ตูนเรื่องนี้ไม่น่าจบง่ายๆ แน่ เพราะว่ายังมีหลายเหตุการณ์ที่
ผมค่อนข้างชื่นชมคนเขียน ที่ทำการบ้านเป็นอย่างดี คนเขียนนี้ได้ใช้ทฤษฎี “สมมุติ” เช่น สมมุติว่า “ถ้าญี่ปุ่นชนะอเมริกาในมิดเวย์จะเกิดอะไรขึ้น?” “ถ้าอเมริกาลงนามสนธิสัญญาสงบศึกจะเกิดอะไรขึ้น” “ถ้าเยอรมันเป็นเจ้ายุโรปจะเกิดอะไรขึ้น” สิ่งเหล่านี้เป็นแค่ทฤษฏีแต่กระนั้นก็มาใช้กับการ์ตูนอย่างสมจริง ตรงประเด็นกับหลายคนคิดว่า “มันน่าจะเป็นอย่างงี้
สรุปคือเป็นการ์ตูนนี้สนุกมากในบรรยากาศของสงครามโลกครั้งที่ 2 หากแต่คุณจำเป็นต้องเป็นคอแฟนสงครามโลกครั้งที่ 2 พอสมควรที่จะเข้าใจกับมัน และคุณจะต้องดูภาพยนตร์เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ของญี่ปุ่นในบรรยากาศเก่าๆ ด้วยจะทำให้ได้อรรถรสของการ์ตูนขึ้น เพราะคุณรู้เรื่องละก็การ์ตูนเรื่องนี้จะสนุกมากถึงมากที่สุดอย่างน่าเกลือเชื่อ
คำคม
“แกมีชีวิตอยู่บนดวงวิญญาณของพวกเขา แกจะให้พวกเขาตายเปล่าไม่ได้ ต้องใช้ชีวิตให้มีค่ามากกว่านี้” พ่อของคุรุซึว่าลูกที่ไม่สามารถตัดสินใจอนาคตของเขาได้เสียที
“จุดจบของสงครามจะเป็นยังไงก็ช่าง จะชนะหรือแพ้ ก็ไม่ได้มีอะไรดีหรอก แต่ฉันจำเป็นต้องทำเพราะนี้คือสงคราม” ไคบะบอกกับคุรุซึเมื่อรู้ว่าอีกไม่นานจะเกิดสงครามเกิดขึ้น
“ไคบะคุง นายเป็นทหารน่ะ และนี้คือสงครามใช่มั้ย ถ้างั้นชั้นคือคำตอบที่ถูกต้อง” คุรุซึพูดกับไคบะ ตอนที่ไคบะรู้ว่าเขาวางแผนให้เพื่อนทหารหลายร้อยนายตายที่เกาะมิดเวย์
“ผมอดที่จะเสียน้ำตาไม่ได้ที่ได้รู้ว่าญี่ปุ่นที่ชาวญี่ปุ่นสร้างจะมีหัวใจที่น่าสมเพชขนาดนี้”ไคบะตัดพ้อต่อหน้านายทหารชั้นผู้ใหญ่หลังจากคุรุซึบอกว่านายทหารนับร้อยที่ตายในมิดเวย์เป็นแค่หมาก
+ +
ความคิดเห็น