มีภาพยนตร์หลายเรื่องที่มีพล็อตเกี่ยวกับวิญญาณผีร้ายฆ่าคนอย่างไร้เหตุผล ซึ่งตามความรู้สึกของเราผีน่าจะชอบหลอกคนมากกว่าที่จะฆ่าคน อย่างไรก็ตาม มีเรื่องลึกลับที่ใกล้เคียงกับวิญญาณ เกี่ยวกับการเสียชีวิตที่น่าสนดสยองของหลายคน ในสถานการณ์ที่ลึกลับไม่สามารถอธิบายได้ หลายคนเชื่อว่ามันเกิดจากผี วิญญาณ และน่าเสียดายที่ฮอลลีวูดได้มองข้ามไป และนี่ 10 เรื่องวิญญาณฆ่าคน 6.วิญญาณเฝ้าหลุมศพฟาโรห์ตุตันคามุน 
ช่วงต้นปี ค.ศ. 1920 หลุมฝังศพของฟาโรห์ตุตันคามุน (Tutankhamun) ถูกค้นพบโดยฮาวเวิร์ด คาร์เตอร์ (Howard Carter) นักโบราณคดีชาวอังกฤษและลอร์ด คานาร์วอน (Earl of Carnarvon) ที่ห้า ในหุบเขากษัตริย์ซึ่งเป็นสถานที่ฝังศพของอียิปต์โบราณ หลุมฝังศพแทบไม่ถูกรบกวน ทำให้การค้นพบที่มหัศจรรย์นี้จะกลายเป็นความรู้สึกของสื่อมวลชนทั่วโลก อย่างไรก็ตามข่าวการค้นพบหลุมศพฟาโรห์ได้นำมาพร้อมคำสาปที่ถูกร่ายไม่ว่าใครก็ตามที่ทำให้รบกวนหลุมฝังศพฟาโรห์ศักดิ์สิทธิ์จะพบกับหายนะ ไม่นานหลังจากนั้นลอร์ด คานาร์วอน (Lord Carnarvon) ก็ได้เสียชีวิตแบบปริศนาในกรุงไคโร ต่อมาเซอร์อาร์เธอร์ โคนันดอยล์ผู้สร้าง Sherlock Holmes ผู้โด่งดังได้เสนอทฤษฏีที่เหมือนราดน้ำบนกองเพลิงไว้ว่า การเสียชีวิตของลอร์ด คานาร์วอนเป็นฝีมือวิญญาณที่ชั่วร้ายซึ่งถูกเรียกโดยนักบวชอียิปต์โบราณเพื่อปกป้องฟาโรห์แห่งความตาย หลังจากนั้นหลายปีต่อมา ก็มีการเสียชีวิตของหลาย ๆ คนที่เกี่ยวข้องกับทีมที่ได้ค้นพบหลุมฝังศพหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้ ในลักษณะที่ไม่ปกติ ไม่ว่าจะเป็น อาเธอร์ เมซ (Arthur Mace) สมาชิกทีมขุดค้นที่เสียชีวิตโดยสารหนูในปี 1928; ริชาร์ด เบธเฮลล์ (Richard Bethell) เลขานุการของ ฮาวเวิร์ด คาร์เตอร์ เสียชีวิตในระหว่างที่เขาหลับในปี 1929; และเซอร์อาร์ชิบัลด์ ดักลาส เรดผู้ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการเอ็กซ์เรย์ฟาโรห์ก็ยังตกเป็นเหยื่อของความตายลึกลับใน 1924 มันเรื่องบังเอิญ หรือเป็นฝีมือของวิญญาณร้ายกันแน่
5. คุกอัลคาทราซ (Alcatraz) 
คุกอัลคาทราซ เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ผีสิงมากที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา แต่พื้นที่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คงเป็น D-Block ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศน่าจนลุก ไม่ว่าจะเป็นห้องขังเดี่ยว ที่อ่างล้างหน้า และหลอดไฟสลัว ที่ควบคุมโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ผู้ต้องขังนอนบนที่นอนแคบๆ ในห้องแคบๆ อีกทั้งยังโดนจำกัดไม่อนุญาตให้มีการอ่านเอกสารใด ๆ มีเพียงปล่อยให้ผู้ต้องขังมีรอวันเวลาด้วยความเบื่อหน่ายเท่านั้น ทำให้ผู้ต้องขังบางสูญเสียทางประสาท จนแทบเป็นบ้า ในช่วงทศวรรษที่ 1940 มีรายงานหลายฉบับเกี่ยวกับการปรากฏชายฉกรรจ์ที่สวมเสื้อผ้าเรือนจำในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ออกมาเดินตระเวนไปมาในพื้นที่แห่งนั้น ชื่อกันว่ามันคือวิญญาณร้ายที่เป็นเหตุทำให้นักโทษหลายคนเสียชีวิต มีนักโทษคนหนึ่งเริ่มกรีดร้องว่ามีชายดวงตาลุกไหม้กำลังคุกคามเขา แต่ยามไม่สนใจ นักโทษยังคงกรีดร้องก่อนที่เสียงจะเงียบหายไปตลอดทั้งคืน จนกระทั่ง วันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพบว่านักโทษเสียชีวิตอย่างลึกลับ โดยมีรอยช้ำรอบคอ เหมือนถูกรัดคอตาย ตอนแรกเชื่อกันว่าผู้คุมได้กระทำอันเกินกว่าเหตุเพื่อให้นักโทษหยุดร้อง หากแต่เมื่อสอบสวนก็ไม่พบหลักฐานใด ๆ บางทีมันอาจเป็นฝีมือของวิญญาณร้ายแห่งคุกอัลคาทราซก็เป็นได้
4. คลาร์ล พรูอิท (Carl Pruitt) 
ในเดือนมิถุนายน 1938 ที่ภาคตะวันออกของเคนตั๊กกี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา ชายคนหนึ่งชื่อคลาร์ล พรูอิทได้รู้ว่าภรรยาของเขานอกใจ แถมเอาชายชู้มานอนบนเตียงของเขาอีกต่างหาก และนั้นทำให้เขาคว้าโซ่และรัดคอของเธอ ในขณะที่ชายชู้ หนี ต่อมาพรูอิทก็ฆ่าตัวตาย (ด้วยการใช้ปืนยิงศีรษะ) และถูกฝังอยู่ห่างจากหลุมศพของภรรยา และที่น่าแปลกคือบนหลุมศพของเขามีนรอยแปลกๆ คล้ายกับโซ่ และนั้นเองทำให้เขากลายเป็นวิญญาณแค้น ว่ากันว่าใครก็ตามที่รบกวนหลุมฝังศพของพรูอิทจะเสียชีวิตในลักษณะคล้ายกัน รายแรกเป็นเด็กหนุ่มที่โยนก้อนหินใส่หลุมฝังศพ และเขาก็ถูกฆ่าตายในขณะขี่จักรยานกลับบ้าน และจู่ๆ ก็สูญเสียการควบคุมโดยอะไรบางอย่าง จักรยานเขาเกิดอุบัติเหตุแล้วโซ่จักรยานหลุดออกมาและรัดคอเด็กหนุ่มคนนั้นเสียชีวิต สัปดาห์ต่อมา แม่ของเด็กได้เอาขวานและทำลายหลุมฝังศพ ต่อมาในขณะที่เธอแขวนเสื้อ ราวตากผ้าของเธอก็ได้หลุดออกแล้วก็รัดคอเธอเสียชีวิต (ราวตากผ้าทำจากห่วงโซ่) และหลังจากนั้นก็ชาวนาคนหนึ่งพยายามยิงปืนใส่หลุมฝังศพขณะที่เดินผ่านสุสานโดยรถม้าของเขา หากแต่ม้าเกิดตกใจจากเสียงกระสุน ผลคือชาวนาถูกโยนออกจากเกวียนและสายบันเหียนได้มารัดคอของเขาจนเสียชีวิต ต่อมาตำรวจสองคนได้ถ่ายรูปหลุมฝังศพหากแต่ระหว่างขับรถเกิดมีอะไรบางอย่างตามมา แล้วรถสูญเสียการควบคุมจนพุ่งชนรั้ว และมีตำรวจหนึ่งนายเสียชีวิตเพราะหัถูกตัดขาดโดยโซ่ที่ถูกแขวนระหว่างเสารั่วสองเสา ในที่สุดชาวบ้านก็พบว่าหลุมศพของพรูอิทอันตราย ในที่สุดเขาก็จัดการย้ายศพอื่นๆ ไปไว้ที่แห่งใหม่ และปล่อยให้หลุมศพของพรูอินทิ้งร้างปกคลุมเต็มไปด้วยวัชพืช ผู้คนหลีกเลี่ยงจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับมัน จนในช่วงทศวรรษที่ 1940 ชายคนหนึ่งพยายามทำลายหลุมฝังศพด้วยค้อน แต่ก็เสียชีวิตหลังจากออกจากประตุสุสาน ต่อมา ในปี 1950 หลุมฝังศพของพรูอิทได้ถูกทำลายเพราะต้องการสร้างที่แห่งใหม่ น่าแปลกที่ไม่มีใครตายในจากการลบหลู่ครั้งนี้เลย 3. คดีแจ๊คส้นเท้าสปริง (The Spring-Heeled Jack Case) 
เรื่องราวที่น่าเศร้าเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 19 เมื่อเด็กหญิงอายุ 7 ขวบ ชื่อ เจน ฮาลซอลล์(Jane Halsall) จาก Lancashire ประเทศอังกฤษ ได้เสียชีวิตลงโดยอสูรกายที่เรียกว่า แจ๊คส้นเท้าสปริง อสูรกายที่มักปรากฏตอนกลางคืน แล้วหลอกหลอนผู้คน โดยมันมักแต่งตัวประหลาดคล้ายผีหรือปีศาจรูปร่างผอมสูง และสามารถกระโดดได้สูงมากผิดมนุษย์ปกติธรรมดา ทำให้คนไม่สามารถจับมันได้ ประเด็นคือการปรากฏตัวของแจ๊คนั้นมันเกิดขึ้นมานานหลายปี ก่อนที่เจนจะเสียชีวิตด้วยซ้ำ แต่เนื่องด้วยความน่ากลัวของแจ๊คทำให้มันยังสร้างหลอนแก่คนอังกฤษช่วงหลายปีที่ผ่านมาอยู่ เจนก็คืนคนเหล่านั้นที่มีความกลัวต่อแจ๊ค ส้นเท้าสปริงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว วันหนึ่งเพื่อนได้เตือนเธอว่าแจ๊คจะมาหาเธอระหว่างทางกลับบ้าน ทำให้เจนกลัวมันมาก แม้ว่าพ่อแม่ของเธอพยายามบรรเทาความกลัวของเธอ แต่อย่างไรก็ตามในคืนนั้นเจนเกิดป่วยอย่างหนักจนหมดสติไปเมื่อหมอมาถึง และเธอก็เสียชีวิตลง เจ้าหน้าที่ชันสูตรระบุว่าเจนเสียชีวิตเพราะหวาดกลัวสุดขีด และมีการโทษแจ๊คส้นเท้าสปริง (ที่เชื่อว่าเป็นวิญญาณชั่วร้าย) ซึ่งแม้แต่คณะลูกขุนและเจ้าหน้าที่ชันสูตรก็สรุปว่า “แจ๊ค” มีความผิดที่ทำให้เด็กสาวตัวน้อยเสียชีวิต จะจริงหรือไม่ ก็เอาเป็นว่าเป็นเรื่องผีไม่กี่เรื่องที่เอามาพูดถึงในกระบวนยุติธรรม
2. คดีฆาตกรรมฮินเตอร์เคเฟก (The Hinterkaifeck murders) 
ฮินเตอร์เคเฟก เป็นคดีลึกลับและน่ากลัวที่สุดของเยอรมัน โดยฮินเตอร์เคเฟกเป็นฟาร์มเล็กๆ ซึ่งเป็นชื่อที่คนท้องถิ่นใช้ ตั้งอยู่ในป่า ระหว่างเมืองบาวาเรีย อินกอลสตาดท์ และ ชโรเบนเฮาเซน (ประมาณ 70 กิโลเมตรทางเหนือของ มิวนิค ) ฟาร์มแห่งนี้เป็นของครอบครัวกรูเบอร์ประกอบไปด้วยอันเดรส กรูเบอร์ (Andreas Gruber) วัย 63 ปี, คาซิลเลีย (Cazilia) ภรรยาวัย 72 ปี วิกตอเรีย เกเบรียล (Viktoria) ลูกสาววัย 35 ปี และลูกของวิกตอเรีย 2 คนคือ คาซิลเลีย (Cazilia) วัย 7 ขวบ และโยเซฟ (Josef)วัย 2 ขวบ และพวกเขามีสาวใช้ชื่อมาเรีย บอมการ์ตเนอร์ (Maria Baumgartner) ซึ่งเธอน่าสงสารมากเพราะเธอถูกจ้างเพียงวันเดียวก่อนที่จะถูกสังหารพร้อมครับครัวกรูเบอร์เลยทีเดียว) ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ มีบันทึกว่าได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดกับครอบครัวกรูเบอร์ ช่วงปลายเดือนมีนาคม 1922 เมื่อมีการพบรอยเท้ามนุษย์จากป่าเดินไปฟาร์มของกรูเบอร์แต่ก็ไม่มีรอยเท้ากลับ และจากนั้นครอบครัวกรูเบอร์ก็ได้ยินเสียงใต้หลังคา แต่เมื่อตรวจสอบก็ไม่พบอะไร ทำให้สาวใช้เก่าแก่ต้องลาออกเพราะคิดว่าเป็นบ้านผีสิง ทำให้สาวใช้มาเรียถูกจ้างมาแทน จนกระทั่งวันที่ 31 มีนาคม ก็มีคนพบศพครอบครัวกรูเบอร์ถูกฆ่ายกครัว ร่างของ อันเดรส, คาซิลเลีย ภรรยาของอันเดรส, วิกตอเรียลูกสาวของอันเดรส และคาซิลเลีย หลานสาว ถูกฆ่าด้วยพลั่วแล้วนำมากองซ้อนทับกันโดยมีฟางแห้งคลุมร่างอยู่ภายในโรงนา ในบ้าน ร่างหนูน้อยโยเซฟหลานสาวคนสุดท้องถูกฆ่าตายนอนเสียชีวิตอยู่ในเปล และร่างของมาเรียสาวใช้คนใหม่ถูกฆ่าตายในเตียงห้องนอนของเธอ ที่น่าตกใจคือก่อนที่จะพบศพกรูเบอร์ ฆาตกรได้อยู่ในบ้านพวกเขาพักหนึ่ง เนื่องจากเพื่อนบ้านได้เห็นควันจากปล่องไฟ และสัตว์เลี้ยงได้กินอาหาร และที่แปลกคือตัวฆาตกรไม่เอาของมีค่าติดมือไปเลยแม้แต่น้อย จนถึงทุกวันนี้ไม่มีใครรู้ว่าใครฆ่ากรูเบอร์ กรมตำรวจมิวนิกพยายามสืบสวนหลายปี แต่ไม่มีผุ้ต้องสงสัยใดๆ มารับผิดชอบการฆาตกรรมนี้บางคนเชื่อว่าฆาตกรอาจเป็นสามีของวิกเตอเรียซึ่งเสียชีวิตในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ไม่มีใครพบศพเขา และเขากลับมาเพื่อแก้แค้นครอบครัวกรูเบอร์ (เนื่องจากมีข่าวลือว่าอันเดรสมีความสัมพันธ์กับลูกสาวตนเอง) แต่ทั้งหมดยังคงเป็นเรื่องลึกลับ
1. ครอบครัวจามิสัน (The Jamison Family) 
เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2009 ครอบครัวจามิสัน ที่ประกอบไปด้วยพ่อ บ๊อบบี้ อายุ 44 ปี, เชริ อายุ 40 ปี และลูกสาว เมดิสันอายุ 6 ขวบได้หายตัวไป โดยพยานได้เห็นพวกเขากำลังมองสถานที่ที่พวกเขาวางแผนที่จะซื้อแถวนอกเมือง ยูเฟาลาโอคลาโฮมา และเก้าวันต่อมาก็มีการพบรถปิกอัพของพวกเขาจอดอยู่ที่รกร้าง แต่ไม่พบตัวพวกเขาเลย รถคนนั้นเป็นรถส่วนตัวของครอบครัวจามิสัน ข้างในมีสุนัขของครอบครัวที่อดอาหารมาหลายวันที่รอดตายอย่างเหลือเชื่อ นอกจากนี้มือถือของพวกเขายังอยู่ข้างใน พร้อมด้วยกระเป๋าสตางค์ยังอยู่ครับ อีกทั้งยังมีกระเป๋าที่มีเงินสดกว่า 32,000 เหรียญ และรถไม่มีร่องรอยการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย ส่วนศพของพวกเขายังไม่พบจนกระทั่ง 4 ปีต่อมาก็มีคนพบศพของพวกเขานอนคว่ำอยู่ภายในป่าไม่ไกลจากพาหนะของพวกเขาที่จอดทิ้งอยู่ หากแต่เนื่องด้วยศพถูกย่อยสลายไปเกือบหมดแล้ว ทำให้ไม่สามารถระบุสาเหตุการเสียชีวิตได้ ก่อนที่จะหายไปนั้น ครอบครัวจามิสันบอกกับคนรอบข้างว่าบ้านของพวกเขามีผีสิง โดยลูกสาววัย 6 ขวบของพวกเขาได้อ้างว่าเธอได้คุยกับผีผู้หญิง ที่ตายในบ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่ และอยู่มานานหลายสิบปีแล้ว ในวันที่ครอบครัวหายไป กล้องรักษาความปลอดภัยก็ได้จับภาพครอบครัวจาไมสันไว้ได้ พวกเขามีพฤติกรรมแปลกประหลาดเหมือนกำลังอยู่ภาวะมึนงงอะไรสักอย่าง ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตเองก็ไม่สามารถระบุได้ชัดว่าพวกเขาถูกฆ่าหรือฆ่าตัวตาย ทำให้ไม่มีใครอธิบายเรื่องลึกลับนี้ได้ นอกเสียจะบอกว่าเป็นฝีมือของวิญญาณร้าย
ผมขอลดอันดับนะครับ เพราะบางอันดับผมเขียนเอาไว้แล้ว ใน 10 วิญญาณทำร้ายคน (พึ่งมาเห็นนี้แหละ) และบางอันดับผมค้นจากที่อื่นไม่เจอ และไม่ค่อยน่าสนใจสักเท่าไหร่ เอาเป็นว่าผมทิ้งต้นฉบับอาไว้ละกัน ขออภัยที่เลิกกลางคันนะครับ http://listverse.com/2018/09/11/10-gruesome-deaths-that-have-been-attributed-to-ghosts/
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
|