8. นักฆ่าผู้พิเศษกว่าคนอื่น

บาโธรี่นั้นถือได้ว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่พิเศษกว่า ฆาตกรต่อเนื่องทั่วไป หากเรียกได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่เป็นฆาตกรต่อเนื่อง และแรงจูงใจฆ่าคนเพื่อต้องการทางเพศ และมีนิสัยซาดิสต์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้พบเห็นในฆาตกรต่อเนื่องที่เป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง (ส่วนใหญ่ฆาตกรต่อเนื่องหญิงจะมีแรงจูงใจในเรื่องทรัพย์สิน มรดกมากกว่า)
การฆ่าของบาโธรี่นั้นไม่ได้มีแรงจูงใจเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางการเมือง ที่พบเห็นในผู้ปกครองในขณะนั้น อีกทั้งบาโธรี่ยังฆ่าเพื่อความบันเทิง และไม่มีความรู้สึกผิดและเสียใจใดๆ เชื่อว่าเธอได้ทรมานและฆ่าผู้หญิงอาจจะ 50 คน ไปจนถึง 650 คนด้วยแรงผลักดันจากความต้องการทางเพศ และมีความสุขที่ได้จากเหยื่อของเธอ
7. การทรมาน

บาโธรี่ไม่ได้เพียงต้องการที่จะอาบน้ำเลือดของสาวบริสุทธิ์ เธอยังมีความรู้สึกต้องการที่จะทรมานหญิงสาวอย่างแท้จริง เห็นได้จากเธอได้ตกแต่งห้องทรมานส่วนตัวในปราสาทของเธอเอง โดยเธอเรียกมันว่า “ห้องทรมานส่วนตัวของคุณหญิง” (“ Her Ladyship's Torture Chamber ”)
การทรมานเหยื่อของบาโธรี่นั้นโหดร้ายมาก บางครั้งบาโธรี่ก็กัดเหยื่อของเธอให้ตาย และมีข่าวลือว่าบางครั้งเธอก็ฉีกปากพวกเธอออกจากกันโดยใช้มือของเธอเอง นอกจากนี้การยังเชื่อชอบการทรมานด้วยการเผาเหยื่อ เธอจะถือเทียนร้อนๆ แหย่ไปที่อวัยวะเพศของเหยื่อ และเธอก็ยังชอบแท่งโลหะร้อนแนบผิวหนังให้เกิดกลิ่นผิวหนังไหม้ การใช้หมุดสอดเข้าไปใต้เล็บมือและเล็บเท้า และบางครั้งเธอก็ดันหมุดผ่านหัวนมและริมฝีปากเหยื่อของเธอ
ในช่วงฤดูหนาวเธอจึงดึงหญิงสาวคนหนึ่งและบนเธอลงไปน้ำเย็น แล้วขึ้นมาไว้บนลานปล่อยให้เหยื่อหนาวตาย บาโธรี่ยังเทน้ำเดือดบนร่างเปลือยเปล่าของเหยื่อและสนุกกับการเห็นผิวหนังของหญิงสาวที่ถูกลวกเหมือนมะเขือเทศลวก
6. เธอเป็นแม่ที่ยอดเยี่ยม

แม้ว่าบาโธรี่กจะเหี้ยมโหดกับสาวชาวบ้าน แต่ที่แปลกใจคือในชีวิตสังคมชั้นสูง และครอบครัวแล้วบาโธรี่ถือว่าเป็นผู้หญิงที่ดีเยี่ยม อันเนื่องจากได้รับการสั่งสอนและการศึกษาตั้งแต่วัยเด็ก
แม้ว่าสามีของบาโธรี่จะไม่ค่อยอยู่บ้าน เพราะต้องไปทำสงคราม แต่อย่างไรก็ตาม เธอก็จัดว่าเป็นที่รักสามี และสามารถกำเนิดลูกสาวสามคนและบุตรชายอีกคน ชื่อแอนนา, เอออซูล่า, คาเธอรีน และพอล ตามลำดับ
ในจดหมายที่ส่งไปถึงญาติของเธอ เนื้อหาได้พูดเกี่ยวกับความรักระหว่างสามีและลูกๆ ของเธอ แสดงว่าเธอรักพวกเขา ตรงกันข้ามการกระทำของเธอที่โหดร้ายกับสาวใช้และชาวนาชาวบ้านเป็นอย่างยิ่ง
เหมือนกับฆาตกรต่อเนื่องคนอื่นๆ ที่ครอบครัวไม่รู้โหดร้ายของสมาชิกครอบคัว ลูกๆ ของบาโธรี่ถูกส่งไปให้ญาติเลี้ยงจึงไม่ทราบความเลวร้ายของแม่พวกเขา ขณะที่สามีของบาโธรี่เองเขาก็มีความสุขในการทำร้ายคนรับใช้ เพียงแต่สิ่งที่เขาแตกต่างจากภรรยาคือเขาไม่ได้ทรมานและฆ่าคนรับใช้เท่านั้นเอง
5. เรื่องของโฟล่า

บาโธรี่ไม่ได้ฆ่าเหยี่อเพียงลำพังคนเดียว ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอได้มีผู้รู้ร่วมคิดเป็นสาวใช้และชายที่เป็นคนแคระในการช่วยการทรมานและฆ่าเหยื่อ ซึ่งในระหว่างสืบสวนราวเรื่องเกี่ยวกับการกระทำของบาโธรี่ ผู้สมรู้ร่วมคิดบางคนได้เล่าเรื่องน่ากลัวของเด็กสาวคนหนึ่งชื่อโฟล่า (Pola) ออกมา
ตามคำให้การ โฟล่า เป็นเด็กสาวชาวนาอายุเพียง 12 ปี เธอได้ทำงานอยู่ในปราสามของบาโธรี่ หากแต่โฟล่ามีความคิดที่จะหลบหนี หากแต่เธอก็ถูกจับและถูกส่งกลับไป และนั่นคือจุดเริ่มต้นชะตากรรมอันเลวร้ายของเธอ
เมื่อโฟล่าถูกส่งตัวกลับ บาโธรี่โกรธเธอเป็นอย่างมาก บาโธรี่ได้บังคับโพล่าอยู่ในกรงขนาดเล็ก กรงถูกยกขึ้น แกว่งไปแกว่งมา และคนแคระที่ชื่อ Ficzko ได้ทรมานเธอด้วนการใช้เหล็กแหลมแทงเธอจากข้างในกรง
ผลสุดท้ายโฟลี่ก็ถูกตัดเป็นชิ้นๆ
จับกุม

แม้ว่าการฆ่าเด็กสาวชาวบ้านจะถูกกฎหมาย (ในเวลานั้น) หากแต่เมื่อเรื่องถึงยังราชสำนัก พระเจ้าแมทเทียสที่ 2 ( King Mathias II ) จึงได้ส่งลอร์ด ชอร์น เธอร์โซ ( Lord Palatine George Thurzo ) สืบสวนเรื่องนี้ ซึ่งเธอร์โซได้เข้าไปเยี่ยมปราสาทของบาโธรี่ และเขาก็พบกับภาพอัน สุดสยอง และแสนอนาถเป็นอย่างยิ่ง
เธอร์โซได้พบเห็นฉากสยองขวัญสุดยิ่งใหญ่ ในห้องโถงใหญ่เขาได้พบร่างของหญิงสาว มีหญิงสาวสองคนยังคงมีลมหายใจอยู่หากแต่ร่างกายเต็มไปด้วยรอยเข็มแทงจนเป็นหลุมเลือด (น่าจะเกิดจากอุปกรณ์ทรมาน) ผู้หญิงคนอื่นๆ ถูกพบตามชุดต่างๆ ไปทั่วปราสาท บางคนมีชีวิตอยู่ และบางคนก็ตายไปแล้ว สาวบางคนถูกหอยลงมาจากเพดานในห้องใต้ดิน โดยข้างใต้มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่เพื่อรองรับเลือดที่ไหลออกจากสาวคนนั้น
ยิ่งกว่านั้น เมื่อเธอร์โซเข้าไปในห้องใต้ดิน เขาก็พบศพเด็กสาว 50 ศพ ในขณะที่อีกแหล่งข่าวหนึ่งระบุว่าพบเหยื่อ 650 คน
กำจัดศพ

ศพที่พบในชั้นใต้ดินเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะจำนวนที่พบศพอาจมีมากกว่านั้น หากแต่ก่อนหน้านั้นบาโธรี่ได้กำจัดศพบางส่วนไป
อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยร่างเหยื่อที่มากมาย (มากกว่า 650 คน) บาโธรี่จึงมีปัญหากับการกำจัดศพเหล่านี้อย่างหมดจด ตอนแรกๆ บาโธรี่ได้ให้บาทหลวงโปรเตสแตนต์ในท้องถิ่นทำพิธีฝังศพเด็กสาว โดยอ้างว่าเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ หากแต่เมื่อมีศพจำนวนมากขึ้น หลวงพ่อก็เริ่มสงสัย จึงปฏิเสธที่จะฝังศพ ทำให้บาโธรี่ต้องหาวิธีอื่น
นอกจากศพเด็กสาว 50 คนในชั้นใต้ดิน ศพของเด็กสาวคนอื่นๆ ถูกฝังบริเวณรอบๆ ปราสาท ไม่ว่าจะเป็นสวนปราสาท บางส่วนถูกทิ้งในทุ่งนา ลำธาร ในสถานที่ลับ ไปจนถึงในกำแพงปราสาท แสดงให้เห็นว่า จำนวนศพมีมากเกินไปจนยากที่จะซ่อน
PS.
PS. การรั่วและลั้ลลาคือชีวิต โทโฮโปรเจคนี่แหละคือสิ่งที่เรารักสุดหัวใจมากที่สุด