คุณรู้หรือไม่ว่า โพรงจมูกของคนเราจะมีเซลล์รับกลิ่นอยู่กว่า 6 ล้านเซลล์ แต่มันน้อยมากเมื่อเทียบกับสุนัขที่มีเซลล์รับกลิ่นถึง 100-300000000 และมันทำให้สุนัขแยกแยะกลิ่นได้แตกต่างกันกว่า 40,000 กลิ่น ในขณะที่มนุษย์แยกแยะได้เพียง 10,000 กลิ่นทำนั้น
นอกจากนี้จากการวิจัยยังพบว่ากลิ่นจะมีผลต่ออารมณ์จองมนุษย์ และความทรงจำ หากมีเรารับกลิ่นที่ดี เราจะทำให้มีชีวิตมีความสุข แต่ถ้าชีวิตได้แต่กลิ่นไม่ดี โดยเฉพาะกลิ่นเหม็น มันจะทำให้ชีวิตเลวร้ายและความทรงจำไม่มีวันลืมเลือน
สำหรับบทความจัดอันดับนี้เราได้รวบรวมกลิ่นเหม็นแปลกๆ ที่สุดของโลก จากทั่วโ,ก 10 อย่าง ด้วยกัน ซึ่งบางอย่างเชื่อว่าคุณคงไม่อยากมีประสบการณ์ในการจะพิสูจน์ว่ามันเหม็นขนาดไหนแน่นอน
10.วัทซิน (Hoatzin)

วัทซิน เป็นนกที่อาศัยอยู่ในเขตร้อนแถบอเมซอน แม่น้ำโอรีโนโกอเมริกาใต้ บริเวณป่าใกล้แม่น้ำ และป่าชายเลน แม้รูปร่างของมันดูแล้วเหมือนไก่ฟ้าสีสันสวยงาม มีขนยาวปรกหลัง หากแต่มันมีกลิ่นแรงมาก จนขึ้นชื่อว่าเป็นนกที่มีกลิ่นที่เลวร้ายที่สุดในโลก กลิ่นของมันเหมือนปุ๋ยคอกหมัก หรือเหมือนกลิ่นย่อยสลายหมักของเศษใบไม้เศษหญ้าที่ ซึ่งช่วยปกป้องมันจากสัตว์อื่นล่าด้วย
9.วิเยอร์ บูโลญ (Vieux Boulogne Cheese)

วิเยอร์ บูโลญได้ขึ้นชื่อว่าเป็นชีสที่เหม็นที่สุดในโลก เป็นชีสที่ผลิตในเมือง ผลิตขึ้นที่เมือง Boulogne-sur-Mer ประเทศฝรั่งเศส เป็นชีสที่ทำมาจากนมวัวธรรมชาติที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อน (unpasteurized) และในระหว่างการผลิตก็จะล้างด้วยเบียร์ จากนั้นจะทิ้งไว้ประมาณ 7-9 สัปดาห์ จึงนำมารับประทาน การล้างด้วยเบียร์จะทำให้แบคทีเรียของเบียร์ทำปฏิกิริยากับเอมไซม์ในน้ำมัน จนเกิดกลิ่นเหม็น
ความเหม็นของชีสนั้น มันเหม็นชนิดว่าทางการฝรั่งเศสสั่งห้ามห้ามนำชีสขึ้นรถขนส่งสาธารณะในประเทศเลยทีเดียว และในเดือนพฤศจิกายน 2004 นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดสอบชีส 15 ชนิดว่าชีสไหนกลิ่นเหม็นที่สุด ผลทดลองคือชีสวิเยอร์ บูโลญชนะขาดลอย
8.ปลากระเบนดอง ( Hongeo)

หากพูดถึงอาหารที่มีกลิ่นเหม็น ก็มีทั่วโลก อย่างไรก็ตามแม้มันจะเหม็น แต่รสชาติมันก็อร่อย และหากจะยกอาหารที่ทั้งเหม็นและรสชาติสุดแสนเลวร้ายละก็ ที่ประเทศเกาหลี มีเมนูหนึ่งให้ได้ท้าทายกัน นั้นคือ ปลากระเบนดอง ซึ่งเอาปลากระเบนมาหมักตามสูตร แล้วเอามาทานกับอาหารเกาหลี และกินจิ แม้รูปร่างจะดูน่ากิน เพราะเป็นเนื้อปลาสีชมพู เหมือนซาซิมิ หากแต่มันกลับมีกลิ่นเหม็นมาก กลิ่นมันเต็มไปด้วยแอมโมเนีย (เหมือนปัสสาวะ) อีกทั้งรสชาติสุดเลวร้าย คนที่ทานถึงกับยอมรับว่าเหมือนกินปลาเน่าที่มีกลิ่นเหมือนสวมสาธารณะมากกว่า แถมหลังกินยังมีกลิ่นเหม็นติดตัว ซึ่งต้องใช้เวลาหลายวันกลิ่นถึงจะหาย ซึ่งปกติเมนูนี้คนเกาหลีก็ไม่ได้นิยมเท่าไหร่นัก คนที่ทานต้องใช้ความกล้า ไม่ก็แกล้มเหล้ามากกว่า
7. แทสมาเนียนเดวิล (Tasmanian Devil)

หากพูดถึงสัตว์ที่มีกลิ่นเหม็น หลานคนคงคิดถึงสกั๊งค์เป็นอันดับแรกๆ และรู้หรือไม่ว่าสกั๊งค์เป็นหนึ่งในสัตว์ที่ใช้ตดเป็นอาวุธ ไม่ใช่กลิ่นตัวเหมือนเราเห็นในการ์ตูน โดยเวลามีภัยคุกคาม ตัวมันใช้กลิ่น มันจะพ่นสเปรย์ที่ทำจาก ซัลเฟอร์ แอลกอฮอล์ ออกมาจากต่อมเหม็นที่ทวารของสกั๊งค์ไปที่ใบหน้าของศัตรู
อย่างไรก็ตาม สัตว์ที่มีกลิ่นเหม็นที่สุดในโลกไม่ใช่สกั๊งค์ หากแต่เป็นแทสมาเนียนเดวิล สัตว์ที่มีลักษณะเหมือนหมี อาศัยอยู่ในเกาะแทสมาเนีย ประเทศออสเตรเลีย หากรู้สึกไม่ปลอดภัยจะคำรามเสียงดัง พร้อมกับปล่อยกลิ่นออกมา กลิ่นของมันทั้งเหม็นและฉุนมาก ชนิดว่าคนที่สูดดมจมูกแทบหลุดออกเลยทีเดียว
6. ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (Hydrogen Sulphide)

ไฮโดรเจนซัลไฟด์ หรือ H₂S หรือ ก๊าซไข่เน่า เพราะมีกลิ่นเหมือนไข่เน่า ที่ได้กลิ่นก็รู้ทันทีว่าเลวร้าย และเป็นแก๊สไวไฟ ซึ่งบางครั้งก็เกิดจากแบคทีเรียย่อยสลายซัลไฟต์ในสารอนินทรีย์ในสภาวะขาดออกซิเจน เช่นใน หนองน้ำและท่อระบายน้ำ และยังเกิดขึ้นจากกระบวนการทางอุตสาหกรรม ฟอกหนังด้สวย
ก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ยังคงเป็นหนึ่งในก๊าซที่มีกลิ่นที่เลวร้ายที่สุด แม้จะไม่มีสีก็ตาม อีกทั้งยังพิษหากได้รับในระดับความเข้มข้นต่ำก็ส่งผลให้เกิดอาการระคายเคือง แต่ถ้าได้รับที่ปริมาณความเข้มข้นสูงๆ ก็อาจทำให้เสียชีวิตได้ทันที
5. เกาะแมวน้ำ (Seal Island)

เกาะซีส หรือเกาะแมวน้ำ เป็นเกาะเล็กๆ ตั้งอยู่ 5.7 กิโลห่างตากชายหาด เป็นใกล้กับฟอลส์ เบย์ ( False Bay ) เคปทาวน์ในประเทศแอฟริกาใต้ เกาะมีความยาวประมาณ 800 เมตร กว้าง 50 เมตร ไม่มีพืชหรือดินที่อุดสมบูรณ์ใดๆ และมีสิ่งก่อสร้างของมนุษย์ไม่กี่อย่างและเป็นซากปรักหักพัง แต่มันก็เป็นบ้านของแมวน้ำที่ขึ้นมาบนบกหนาแน่นมาก และมีฉลามรอบๆ ด้วย จึงเป็นสถานที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาชมได้เป็นอย่างดี
และนอกจากนี้เกาะแมวน้ำ ยังขึ้นชื่อว่าเป็นเกาะที่เหม็นที่สุดในโลก เพราะมันเต็มไปด้วยกลิ่นคาวปลา ซึ่งปกติกลิ่นคาวปลามันก็เป็นกลิ่นที่เลวร้ายอยู่แล้ว ยิ่งเอามารวมกันก็ยิ่งสุดยอดของความเลวร้าย ซึ่งกลิ่นคาวปลานี้เกิดจากกลิ่นตัวของแมวน้ำ, ซากปลาที่ถูกทิ้งไว้บนเกาะโดยแมวน้ำกนิเหลือ รวมไปถึงอุจจาระของแมวน้ำที่เน่าเหม็นและน่าสะอิดสะเอียนด้วยขข
4. ดอกบุกยักษ์ หรือดอกซากศพ (Amorphophallus Titanum (Corpse Flower))

ดอกซากศพ (ชื่อทางวิทยาศาสตร์ " Amorphophallus titanum ") หรือ "ลึงค์ยักษ์แปลง" แม้ว่าจะถึงจดบันทึกว่าเป็นดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่มันก็มีกลิ่นเหม็นระดับโลกเช่นกัน โดยมันเป็นพืชดอกเดียวในเขตป่าร้อนชื้น พบขึ้นอยู่บนเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ค่อนข้างหายาก โดยเฉพาะในช่วงดอกมันบาน โดยมันเกิดจากบุกยักษ์มีอายุประมาณ 40 ปี ออกดอกเพียงครั้งละดอก และตลอดทั้งชีวิตของมันจะออกดอกเพียง 3-4 ครั้งเท่านั้น ซึ่งดอกของมันจะบานอยู่เพียง 36 ชั่วโมง ก่อนที่จะหุบลง
ดอกซากศพเป็นดอกที่มีขนาดใหญ่มาก แม้ต้นหนึ่งจะมีเพียงดอกเดียวก็ตาม กลีบดอกสีแดงเข้ม เวลาที่ดอกมันจะบาน จะมีขนาดได้ถึง 1.3 เมตร และมียอดที่แทงแหลมขึ้นไปสูงถึง 3 เมตร แลดูคล้ายอวัยวะเพศชา ในขณะเดียวกัน เมื่อดอกบานจะมี กลิ่นน่าสะอิดสะเอียนที่หึ่งไปทั่ว กลิ่นของมันเหมือนเนื้อเน่าของมนุษย์ ซึ่งกลิ่นดังกล่าวเย้ายวนแมลงบางชนิดให้มาดูดน้ำหวาน และผสมเกสรให้มัน
3.ทุเรียน (Durian)

แม้ว่าทุเรียนจะขึ้นชื่อว่าเป็น “ราชาแห่งผลไม้” แต่ในขณะเดียวกันทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีกลิ่นเฉพาะตัวที่เหม็นสุดบรรยาย แม้กลิ่นที่ว่ามีทั้งคนชอบมากและคนเกลียดมากก็ตาม โดยกลิ่นของทุเรียนจะเริ่มออกกลิ่นในขณะที่เนื้อทุเรียนเป็นสีครีม หรือสุกงอมแล้ว ทั้งนี้เพราะเนื้อทุเรียนมีส่วนผสมของสารระเหยที่ประกอบไปด้วยเอสเทอร์ คีโตน และสารประกอบกำมะถัน
อย่างไรก็ตาม แม้ทุเรียนจะมีกลิ่นเหม็นรุนแรงจนถึงขั้นสะอิดสะเอียน ทำให้มีการห้ามนำทุเรียนเข้ามาในโรงแรมและการขนส่งสาธารณะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่กระนั้นเนื้อข้างในกลับมีรสชาติที่อร่อย กลมกล่อมมาก บางคนถึงกับบรรยายว่าเหมือนรับประทานจนมหวานเย็นเหมือนเยลลี่ราสเบอรี่หวานในห้องส้วนปาน
2. แฟตเบิร์ก (Fatbergs)

คุณเคยคิดหรือไม่ว่า น้ำมันและไขมันที่เหลือทิ้งจากการทำอาหาร และถูกชะล้างลงท่อน้ำทิ้ง ลงท่อระบายน้ำในเมืองใหญ่ มันจะเกิดอะไรขึ้น
ที่ลอนดอน มีอาชีพสุดแสนเลวร้ายหนึ่งคือพนักงานทำความสะอาดท่อระบายน้ำของ บริษัท เทมส์ วอเตอร์ซึ่งเป็นผู้ให้บริการน้ำประปาและบำบัดน้ำเสีย หน้าที่ของพวกเขาคือการตระเวนสำรวจและขุดลอกก้อนไขมันที่อุดดัน หรือติดผนังในท่อระบายน้ำ โดยตั้งชื่อมันว่า “แฟตเบิร์ก” เจ้าก้อนไขมันนี้เกิดจากไขมันจากบ้านเรือนที่ไหลรวมกัน มีทั้งแบบลอยอยู่ในท่อและจับตัวกันเป็นก้อน ซึ่งมันจะก่อกวนระบบระบายน้ำเสียไม่ให้ทำงาน ติดในท่อทำให้กดชักโครกไม่ค่อยลง
ที่เลวร้ายคือ บ่อยครั้งที่พวกเขาพบก้อนไขมันมีที่มีขนาดใหญ่มาก จากสถิตพบก้อนไขมันถึง 15 ตัน ขนาดเท่ากับรถโดยสารสองชั้นและ ต้องใช้เวลาถึง 10 วัน ถึงสามารถขุดเซาะเอา ออกไปจากท่อระบายน้ำ เรียกได้ว่าทั้งเหม็นและน่าขยะแขยงในเวลาเดียวกัน
1. ศพคนเน่าเปื่อย (Decomposing Human Flesh)

ไม่มีอะไรที่เลวร้ายไปกว่าการที่เราไปเจอคนตายในสภาพที่เน่าเปื่อย ร่างกายเฟะซึ่งเกิดจากการสลายร่างโดยเอนไซม์และแบคทีเรียทำปฏิกิริยาเคมีในเนื้อเยื่อของร่างกาย หากใครที่ได้พบประสบการณ์ดังกล่าวเชื่อเลยว่าจะไม่มีใครลืมกลิ่นเหม็นอันน่าสะอิดสะเอียดจนแทบทำให้เราบ้าคลั่งได้เลย มันจะติดจมูกไปตลอดชีวิตของคุณเลยทีเดียว ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ก็เคยทดลองแล้วว่าสัตว์อะไรที่เวลาเน่าจะมีกลิ่นเหม็นมากกว่า ผลจากการทดลองปรากฏว่าร่างของมนุษย์เน่าเปื่อยชนะขาด
อ้างอิง
http://www.therichest.com/rich-list/most-shocking/the-10-worst-smells-in-the-world/?view=all
บางการจัดอันดับตามใจของคนเขียนบทความ บางอันดับผมว่ามันไม่เห็นเหม็นสักเท่าไหร่ อย่างไข่เยี่ยวม้า ผมว่าหอมอร่อยจะตาย
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 28 เมษายน 2559 / 20:36
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 28 เมษายน 2559 / 20:37
แก้ไขครั้งที่ 3 เมื่อ 28 เมษายน 2559 / 20:38
แก้ไขครั้งที่ 4 เมื่อ 28 เมษายน 2559 / 20:38
PS.
PS. บูชาอาลีบาบาเป็นยอดเคะ และเชิดชูเฮตาเลียดั่งเทพ
PS. สนับสนุนฮาเร็ม ต่อต้านการเข้าวิน และบูชานิมพ์ดั่งเทพ