โลกของเราเต็มไปด้วยสถานที่แปลกๆ และลึกลับ ไม่สามารถอธิบายได้ คนหลายคนเมื่อได้ยินเรื่องราวของสถานที่นั้นก็อยากจะไปเห็นสักครั้งในชีวิต และนี่คือ 10 สถานที่แปลกของโลกที่เราน่าจะเยือนสักครั้งในชีวิต 10. Jatinga จาทิงก้าเป็นหมู่บ้านบนสันเขา ที่อยู่ในรัฐอัสสัม ประเทศอินเดีย เป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงเรื่อง “นกฆ่าตัวตาย” ปัจจุบันปรากฏการณ์ดังกล่าวยังคงลึกลับว่าทำไมนกถึงฆ่าตัวตาย ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน ตอนกลางคืนและเหล่านกซึ่งส่วนใหญ่อยู่ตระกูลนกกระจางจะมีพฤติกรรมแปลกประหลาดคือบินชนเสา แต่หลายคนสันนิษฐานว่านกไม่ได้ฆ่าตัวตาย หากแต่พวกมันถูกฆ่าตายมากกว่า เพราะช่วงที่นกตายเป็นช่วงคืนที่มืดไม่มีแสงจันทร์และมีหมอก นกมักจะรบกวนชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านเปิดแสงไฟไล่นก ทำให้นกมึนงงและไปชนกับเสาหรือต้นไม้ข้างทาง 9. Cândido Godói Cândido Godói เป็นเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ในบริเวณบนเขาของประเทศบราซิล ที่ถูกขนามนามว่า “เมืองหลวงของโลกของคนแฝด” เมืองดังกล่าวมีความหนาแน่นประชากรเกือบ 6,000 กว่าคน /พื้นที่กว่า 95.087 ตารางไมล์ อดีตเคยเป็นชุมชนเกษตรของคนเยอรมันที่ตั้งรกร้างตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และปัจจุบันก็ได้กลายเป็นเมืองที่มีสถิตเด็กเกิดเป็นแฝดมาก มีอัตราเกิดแฝดร้อยละ 10 ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นที่สนใจของนักวิจัยด้านพันธุกรรมและนักประวัติศาสตร์ที่เข้าไปตรวจสอบจำนวนมาก ทำให้มีทฤษฏีมากมายเกี่ยวกับเมืองแฝดแตกต่างกันไป บ้างก็ว่าเกิดจากพันธุกรรม แต่ทฤษฎีแปลกๆ อย่างดร.โจเซฟ แม็งเกเล่ที่เป็นหมอนาซีในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่จับนักโทษและเด็กจากค่ายกักันมาเป็นหนูตะเภาทดลองวิทยาศาสตร์แปลกๆ โดยใช้คู่แฝดหลายคู่โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพาะหาเชื้อสายอารยันบริสุทธิ์ ซึ่งต่อมาเขาได้หนีมายังอเมริกาใต้ และเขาอาจจะทดลองเรื่องแฝดอย่างลับๆ ในเมืองแห่งนี้ก็เป็นไปได้ 8. Sailing stones หินเดินได้ (หรือหินเรือใบ, หินเลื่อน) เป็นปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่หินเคลื่อนที่ไถเป็นทางตรง บางก้อนก็มีการเลี้ยงซ้ายขวา หรือบางครั้งก็กลับทิศทาง (ปรากฏร่องรอยการเคลื่อนที่ของหินเป็นทางยาวชัดเจน) ในพื้นที่แห้งแล้งของอุทยานแห่งชาติเดท วัลลี่ย์ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยหินเคลื่อนที่โดยพลังธรรมชาติโดยไม่มีร่องรอยคนหรือสัตว์นบกวนเลยแม้แต่น้อย ปัจจุบันไม่ยังมีการสรุปแน่ชัดถึงสาเหตุที่ทำให้หินเคลื่อนที่ได้ ว่าเกิดจากอะไร แต่เชื่อว่าหินเคลื่อนได้เกิดจากลมแรงเป็นตัวบังคับให้หินเคลื่อนที่ บวกกับพื้นที่ดินดังกล่าวเป็นพื้นผิวอิ่มตัวไม่ถูกน้ำท่วมทำให้หินเคลื่อนที่ได้ง่าย 7.Cerne Abbas Giant ยักษ์เซิร์น อับบาส เป็นรูปบนภูเขา ที่ตั้งใกล้หมู่บ้าน เซิร์น อับบาส ดอร์เซ็ท ประเทศอังกฤษ เป็นรูปชายเปลือยกายรูปร่างใหญ่โตมือบางอย่างรูปร่างเหมือนตะบอง สูงประมาณ 51 เมตร และกว้าง 51.5 เมตรที่มาของยักษ์ (The Giant) โดยมันสลักไว้ด้านข้างของเนินเขาสูงชัน โดนทำเป็นคูน้ำ ที่มาของรูปดังกล่าวยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่ที่ดินโดยรอบนั้นมีประวัติศาสตร์ยาวนาน บางคนเชื่อว่านยักษ์ตัวดังกล่าวถูกสร้างในปี 14694 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อป้องกันการโจมตีของเยอรมัน ซึ่งรูปดังกล่าวบ้างก็ว่าเป็นร่างของมนุษย์โบราณ บางก็ว่าเป็นเฮอร์คิวลิสถือกระบอง แต่จนบัดนี้นักโบราณคดียังไม่ทราบอายุที่แท้จริงของรูปสลักดังกล่าวเลยแม้แต่น้อยว่ามันถูกสร้างยุคใดกันแน่ระหว่าง เซลติก , โรมัน หรือแม้กระทั่ง ช่วงต้นยุคกลาง ปัจจุบันยักษ์เซิร์น อับบาสยังคงเป็นสถานที่สำคัญของประเทศอังกฤษ ที่ดังดูกนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมอยู่เสมอ 6. Skinwalker Ranch ไร่สกินวอร์คเกอร์เป็นสถานที่ลึกลับที่มีพื้นที่ประมาณ 480 เอเคอร์ (1.9 km 2) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของบัลลาร์ด ยูทาห์ ชื่อที่ตั้งนั้นมาความเชื่อพื้นเมืองของอินเดียแดง ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองของอเมริกาเหนือ เช่น เผ่านาวาโฮ ซึ่งสกินวอร์คเกอร์ คือ มนุษย์ที่กลายร่างเป็นสัตว์ป่าที่ดุร้าย เช่น หมาป่าหรือหมีกริซลีย์ ด้วยอำนาจของเวทมนตร์หรือคำสาป สำหรับไร่สกินวอร์คเกอร์นั้นเป็นพื้นที่ที่มีรายงานการพบยูเอฟโอและมีการค้นพบเหตุการณ์ประหลาดจำนวนมาก จนบริเวณดังกล่าวถูกซื้อโดยสถาบันแห่งชาติเพื่อการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ หรือ National Institute for Discovery Science (NIDSci) เพื่อศึกษาเรื่องลึกลับที่เกิดขึ้นในบริเวณแห่งนี้ กว่า 60 ปี ไร่ดังกล่าวมีรายงานปรากฏการณ์ลึกลับมากมาย เป็นต้นว่ามีการพบเห็นยูเอฟโอ, วงพืชลึกลับ, บิ๊กฟุต ผีโปลเตอไกสต การชำแหละสัตว์แห่งท้องทุ่ง กายหายไปของสัตว์ การรายงานการพบเห็นมนุษย์ต่างดาว, ฝูงสีแดง, สัตว์คล้ายหมาป่า หลายคนได้เห็นแสงเข้าหรือจากน้ำในบริเวณทะเลสาบ บางคนได้ยินเสียงลึกลับเหมือนเครื่องจักรกำลังทำงานในบริเวณที่แห่งนี้ ปัจจุบันพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่เอกชน แต่กระนั้นก็มีนักท่องเที่ยวมากมายที่ต่างเข้ามาสัมผัสบ่อยครั้ง 5. The Grave of Tsewang Paljor เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 1996 มีนักเดินทางแปดคนเสียชีวิตในขณะที่พยายามที่จะขึ้นภูเขาเอเวอร์เรส โดยหนึ่งในแปดคนนี้คือ Tsewang Paljor เป็นนักปีนเขาชาวอินเดีย ที่ใช้เส้นทางตะวันออกเฉียงเหนือของเอเวอร์เรส หากแต่เขาต้องมาติดพายุร้ายในระหว่างทาง ซึ่งเขาพยายามหลบพายุร้ายดังกล่าวด้วยการหลบในถ้ำเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ 27,890 ฟุต (8,500 เมตร) เหนือระดับน้ำทะเล หากแต่สุดท้ายเขาก็ไม่รอดเพราะความหนาวเย็นอันโหดร้ายของพายุ ร่างของเขาถูกทิ้งอย่างโดดเดี่ยวในถ้ำน้ำแข็ง โดยไม่มีการกู้ศพ อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา หลุมฝังศพของ Tsewang Paljor ก็ได้กลายเป็นจุดที่นิยมสำหรับนักปีนเขาเอเวอร์เรสที่จะมาเยือนสักครั้งในชีวิต ซึ่งเป็นจุดพักผ่อน แม้เขาจะเป็นหนึ่งในแปดของผู้เสียชีวิตในวันนั้น หากแต่เนื่องจากศพของเขาอยู่เส้นทางที่นักเดินทางนิยมไต่เขา ทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากที่สุด โดยศพของเขาเป็นที่รู้จักกันในชื่อบู๊ทกรีน เนื่องจากเขาสวมรองเท้าสีเขียว ซึ่งรองเท้าของเขายังคงปรากฏให้เห็นพร้อมกับศพของเขาจนถึงทุกวันนี้ 4. Bridgewater Triangle  หากสามเหลี่ยม เบอร์บิวด้าเป็น พิศวงแห่งท้องทะเลละก็ สามเหลี่ยมบริดจ์วอเตอร์ก็ ถือว่าเป็นพิศวงทางพื้นดินเหมือนกัน สามเหลี่ยมบริดจ์วอเตอร์เป็นพื้นทางทางตะวันออกเฉียงใต้ในแมสซาซูเซต ซึ่งมีพื้นที่กว่า 200 ตารางไมล์ เป็นสามเหลี่ยมที่ลากเมือง อาบิงตัน, เรโฮโบทบีช และ ฟรีทาวน์ มาบรรจบกันจนเป็น รูปสามเหลี่ยม ซึ่งพื้นที่แถบนั้นมักมีปรากฏการณ์อาถรรพณ์แปลกประหลาดเสมอ เป็นต้นว่าการปรากฏตัวของยูเอฟโอ, แบล็กเฮลิคอปเตอร์ลึกลับ, ปรากฏการณ์วิญญาณ, มีรายงานการพบนกยักษ์หรือไดโนเสาร์บินได้อย่างเทโรแดกทิล, ลูกไฟลอยได้, บิ๊กฟุต, งูยักษ์ และการชำแหละวัวในท้องทุ่งซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าสถานที่ดังกล่าวเคยเป็นสถานที่ทดลองทางการทหารอย่างลับๆ ของรัฐบาล ทำให้มีรายงานการพบยานพาหนะรูปร่างแปลกๆ อยู่เสมอ พื้นที่ตรงกลางของสามเหลี่ยมบริดจ์วอเตอร์เป็นบึง พื้นที่ชุ่มน้ำอันกว้างใหญ่ว่ากันว่าเป็นสถานที่ที่วิญาณมากมายอาศัยอยู่ สมัยก่อนเคยเป็นสุสานชาวพื้นเมืองอินเดียแดง และป้อมปราการ จุดยุทธศาสตร์ นอกจากนี้หินจารึกอักษรประหลาดที่พบในเขตรอบๆ สามเหลี่ยมทีร่ลึกลับที่ไม่สามารถอธิบายได้ แต่คาดว่าเป็นของไวกิ้งหรือชาวโปรตุเกสที่มาเยือนแถบนี้ และนอกจากนี้ยังมีรายงานการพบการบูชายันสัตว์เพื่อประกอบพิธีกรรม รวมไปถึงการฆ่าตัวตายในบริเวณแถบนี้มากผิดปกติ 3. Der Eiserne Mann เดอร์ ไอเซอร์เน แมนน์ (คนเหล็ก) เป็นเสาเหล็กเก่าบางส่วนที่ฝังอยู่ในฟื้นดิน ตั้งอยู่ในป่าสงวนแห่งชาติเยอรมัน Naturpark Kottenforst-Ville รูปทรงเป็นเสาโลหะสี่เหลี่ยมสูงเหนือพื้นดินประมาณ 1.47 เมตร และ 2.7 เมตรในใต้พื้นดิน เชื่อว่าเสาหินดังกล่าวสร้างขึ้นในต้นศตวรรษที่ 18 เชื่อว่าทำไว้เพื่อเป็นเครื่องหมายเขตแดนหมู่บ้าน แต่หลักฐานที่ค้นพบพบกลับเห็นว่าเสาหินดังกล่าวถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 แต่ที่น่าพิศวงก็คือเสาหินเหล็กดังกล่าวมีเกิดสนิมเลยแม้แต่น้อย ว่าจะเกิดสภาพอากาศอย่างไร หลายคนเชื่อว่าเสาหินดังกล่าวถูกสร้างด้วยโลหะที่ไม่รู้จัก หลายคนเชื่อว่าผู้ที่สร้างเสาดังกล่าวเป็นมนุษย์ต่างดาวด้วยซ้ำ แต่จากการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์พบว่าองค์ประกอบของมันคล้ายกับโลหะเหล็กทั่วๆ ไป ทำให้เรื่องราวที่มาของเสาและสาเหตุที่ทำให้มันไม่เกิดสนิมยังคงเป็นปริศนาจนถึงปัจจุบัน 2. The Overtoun Bridge  สะพานนี้มีฉายาว่า “สะพานสุสานสุนัข” เป็นสะพานโค้งสร้างในปี 1859 ในมิลตัน, ดัมบาร์ดัน สก็อตแลนด์ ที่มันได้ชื่อฉายานี้เพราะอดีตที่ผ่านมามีสุนัขหลายตัวไปฆ่าตัวตายโดยการโดด จากสะพานแห่งนี้อย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่การศึกษาพบว่าสุนัขในแถบนั้นนั้นเริ่มมีพฤติกรรมฆ่าตัวตายโดยโดดจากสะพาน เริ่มในช่วง 1950 หรือ 1960 เฉลี่ยหนึ่งตัวต่อหนึ่งเดือน(อาจสิบตัวต่อหนึ่งเดือน) โดยจุดที่กระโดดนั้นนำไปสู่ความสูงกว่าสิบห้าฟุตทำให้สุนัขตายทันที แม้สุนัขบางส่วนรอดก็จริงแต่มันก็กลับมากระโดดฆ่าตัวตายอีก และที่น่าสนใจคือสุนัขที่ฆ่าตัวตายส่วนใหญ่จะเป็นสายพันธุ์ที่จมูกยาว ทำให้หลายคนเชื่อว่าสะพานนี้มีผีสิง และอาจเป็นคำสาปของเด็กคนหนึ่งที่ถูกโยนตกสะพานในปี 1994 (และคนโยนก็มีพฤติกรรมอยากฆ่าตัวตายด้วย) และนอกจากนี้ยังมีคนเชื่อว่าสะพานแห่งนี้เป็นที่กั้นระหว่างโลกคนเป็นกับคนตายซึ่งเป็นสายตรงหากจะข้ามไป ซึ่งปรากฏการณ์เหล่านี้ได้รับความสนใจจากต่างประเทศที่ได้ส่งคนเข้ามาตรวจสอบ พบว่าพวกมันมีกลิ่นที่สุนัขไม่ชอบ และนี่คือสาเหตุที่ทำให้สุนัขมีความคิดอยากฆ่าตัวตายหรือไม่นั้นก็ไม่สามารทราบได้ 1.The Oregon Vortex  โอเรกอน วอร์เท็กซ์ เป็นสถานที่ที่น่าสนใจริมท้องถนน ที่ตั้งอยู่ในภูเขาโกลด์ ออริกอน ในประเทศสหรัฐอเมริกา ชาวบ้านแถวนั้นเชื่อว่าเป็นอาณาเขตแห่งอาถรรพ์ หากแต่สำหรับนักท่องเที่ยวแล้วโอเรกอน วอร์เท็กซ์เป็นอาณาเขตแปลกประหลาดที่น่าสนใจ โดยตามคำบอกเล่าของชาวบ้านสิ่งก่อสร้างในอาณาเขตโอเรกอน วอร์เท็กว์สร้างขึ้นในปี 1904 โดยอาณาเขตดังกล่าวมีเรื่องแปลกอัศจรรย์เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเกิดภาพลวงตา เป็นต้นว่าได้เห็นภาพลวงตาประหลาด เพราะการหักเหของแสง ซึ่งในบ้านลึกลับมีชื่อเสียงเรื่องการเปลี่ยนแปลงความสูงที่แตกต่างกันในขณะที่พวกเขายืนโรงนาประหลาดที่เอียงเหมือนล้มลง ทุกอย่างกลับตาลปัตรหมด นอกจากนี้อาณาเขตยังมีแหล่งสนามแม่เหล็ก เช่นลูกกอล์ฟกลิ้งขึ้นเนินเองได้ ไม้กวาดตั้งเองได้ จัดอันดับโดย Cammy อ้างอิงโดยวิกิพีเดีย
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
|
PS. สนับสนุนฮาเร็ม ต่อต้านการเข้าวิน และบูชานิมพ์ดั่งเทพ
เจ้าของบทความ แกล้งพิมพ์ผิดๆถูกๆ
คนอื่นจะำได้ไม่ก็อปปี้งานของเค้าไป
ตามนี้
PS. สนับสนุนฮาเร็ม ต่อต้านการเข้าวิน และบูชานิมพ์ดั่งเทพ
PS. มีแสง...ก็ต้องมิเงา,มีขาว...ก็ต้องมีดำ
PS. ความรักน่ะยังไงมันก็ไม่มีทางเกิดกับฉันได้หรอกนะ เพราะฉันมันไร้หัวใจไงล่ะ :')
ว้าววว น่าสนใจมากๆเลยล่ะค่ะ
PS. Imagine all the people living for today
PS. มนตรา ป่าไม้ สายน้ำ น้ำตก เหมันต์
เรื่องนี้จะจบพร้อมกับ 0 สะพานน่ากลัว น่ะครับ อีก 2 วันมั้ง
PS. ไม่ฮาเร็มอย่ามาคุยกับกรู
+ 10
ถ้าไปปีนก็จะผ่านสินะ
ว่าแต่สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้านี่ขึ้นชื่อจริงๆ เหอๆๆ
PS. สึนะก็ดูดี มุคุโร่ก็หล่อล่ำ ฮิบาริก็น่าหม่ำ เฮ้ออยากได้เป็ยสามีจังเลย
PS. ไม่ใช้ผู้ดัมีตะกูล แต่ก็ไม่ได้สถุนต่ำไพร่ การพูดจาของกรูขึ้นอยู่ว่าพูดกับใคร ปัญญาชนหรือคนสันดานควาย จะสุภาพหรือหยาบคาย กรูจัดตามเมิงมา
อเมเลียไม่ได้ไปแถวเบอมิวด้านะครับ ไปดูข้อมูลไหนมาเนี้ย
PS. ไม่ฮาเร็มอย่ามาคุยกับกรู
มันเป็นจุดที่โลกไม่มีพลังแม่เห็ก เมื่อเราเข้าไป
จะเด้ง ออกนอกโลก หรือไปอยู่อีกมิติ
ได้ข่าวมาว่า มีนักบินหญิงของอเมริกา ก่อนเข้าไป
และหายไปในเบอมิวดา เทอบอกว่า เห็นเกะ กลางทะเล 2 เกะด้วยฮะ นั้นยุค ไดโนเสาป่าว
PS. [โปรดส่งใครมารักฉันที อยู่แบบนี้มันหนาว เกินไป]
บางคนบอกว่ามันไปอนาคตได้ 50 ปีด้วย อ่ะ
PS. มนตรา ป่าไม้ สายน้ำ น้ำตก เหมันต์
อยากไป อันดับ 4 จังเลยแฮะ