โลกยังมีปริศนาและทฤษฏีสมคบคิดอีกมากที่ยังต้องการคำตอบ และต่อไปนี้เป็นซีรีย์เรื่องลึกลับ ซึ่ง ที่เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น 10. Amelia Earhart อเมเลีย เอียร์ฮาร์ต เป็นนักบินหญิงชาวสหรัฐคนแรกที่พยายามบินเดี่ยวทั่วโลกระยะทางประมาณ 29,000 ไมล์ หลังจากครั้งแรกล้มเหลวเธอก็พยายามอีกครั้งใน ปี 1937 เธอได้พยายามทำสถิติในการบินรอบโลกอีกครั้ง แต่ได้หายสาบสูญไปอย่างลึกลับ เหนือน่านน้ำมหาสมุทรแปซิฟิก ใกล้เกาะฮาวแลนด์เกาะเล็กๆ ที่อยู่ตรงกลางมหาสมุทร โดยสหรัฐฯ ได้ใช้เงินถึง 4 ล้านเหรียญในการค้นหาอเมเลียทั้งทางน้ำและทางอากาศ เป็นการค้นหาที่มีราคาแพงที่สุดในประวัติศาสตร์แห่งยุคนั้น อย่างไรก็ดี เทคนิคในการค้นหาในยุคนั้นยังค่อนข้างโบราณ อาศัยเพียงความเห็นของคน การค้นคว้าจึงไม่บรรลุผล ทำให้จนบัดนี้ไม่มีใครพบเห็นหรือได้ยินข่าวของเธออีกเลย ปัจจุบันเอกสารหลักฐานเกี่ยวการหายและการค้นหาที่เป็นทางการยังถูกปกปิดเป็นความลับ และด้วยการปิดความลับนี้อีกทำให้มีข้อสันนิษฐานต่างๆ นาๆ เป็นต้นว่า ข้อผิดพลาดของนักบินและเชื้อเพลิงไม่เพียงพอ เธอโดนพายุใหญ่หรืออุบัติเหตุอะไรสักอยากจนเครื่องบินร่วงตกที่ใดที่หนึ่งในมหาสมุทรแปซิฟิก มีคนสันนิษฐานว่าเธอน่าจะร่วงเหนือเกาะฮาวแลนด์, บ้างก็ว่าถูกเครื่องบินญี่ปุ่นดักบังคับให้ลงบนเกาะไซปันโดนทหารญี่ปุ่นจับกุมตัวไปในมหาสงครามโลกครั้งที่ 2 เธอเป็นเชลยของทหารญี่ปุ่นในหมู่เกาะหนึ่งในมหาสมุทรแปซิฟิกและเธอก็ตายในที่แห่งนั้น หรือถูกเครื่องบินญี่ปุ่นยิงตกเพราะนึกว่าข้าศึกมาสอดแนม, หรือเธอยังมีชีวิตอยู่และกลับมายังอเมริกาอย่างลับๆ และใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเนื่องจากเธอไม่อยากเป็นคนดัง หรือไม่ก็เธอรอดตายจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและใช้ชีวิตบน เกาะอันไกลโพ้นแห่งหนึ่งในมหาสมุทรแปซิฟิคจนถึงวาระสุดท้าย สุดท้ายทฤษฏีเหนือธรรมชาตินั่นคือเธอและเครื่องบินหลุดไปรอยแยกของเวลาซึ่งเป็นพื้นที่แบบเดียวกับเบอร์บิวด้า 9. Project Phoenix
โครงการฟีนิกซ์ เป็นโครงการค้นหาสัญญาณสิ่งมีชีวิตทรงปัญญานอกโลกที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน ภายใต้แนวคิดว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียวในจักรวาล ดังนั้นโครงการนี้จึงมีหน้าที่ค้นหาสัญญาณต่างดาวและขึ้นชื่อด้านความเร็ว โดยอาศัยกล้องโทรทรรศน์วิทยุขนาดใหญ่ที่สุดของโลก คือที่หอดูดาวอะรีซิโบ ในเปอร์โตริโกและกล้องโทรทรรศน์วิทยุขนาดใหญ่ของโลกที่อื่นๆ อีกทั้งในซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้แม้โครงการนี้จะไม่ได้สแกนท้องฟ้าทั้งหมด แต่ระบบนี้สามารถรับสัญญาณได้ไกล 200 ปีแสง 800 ดวงดาว โครงการฟีนิกซ์มีกำเนิดเกิดขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ.1993หลังจากที่โครงการเซติของนาซาถูกระงับโดยสภาคองเกรสในปีเดียวกัน โครงการฟีนิกซ์เริ่มต้นปฏิบัติงานค้นหาสัญญาณจากต่างดาวในปี ค.ศ. 1995 ชื่อโครงการฟีนิกซ์มาจากชื่อนกฟีนิกซ์ในตำนานของอียิปต์และจีน ซึ่งในแต่ละยุคสมัยจะมีนกฟีนิกซ์อยู่ตัวเดียว และเมื่อหมดยุคสมัยหนึ่ง นกฟีนิกซ์นั้นจะบินเข้าสู่กองไฟตายไป แต่จากกองไฟนั้นจะมีนกฟีนิกซ์ตัวใหม่กำเนิดขึ้นมา เป็นการเริ่มต้นของยุคใหม่ ชื่อโครงการฟีนิกซ์ก็มีความหมายเช่นนั้น นั่นคือเป็นโครงการเซติใหม่ที่ฟื้นจากความตายของเซติเก่าของนาซา ปัจจุบันเราไม่รู้ว่าโครงการนี้ได้อะไรมาบ้างจากการดักฟังสัญญาณต่างดาว ซึ่งตามความจริงแล้วโครงการดังกล่าวยังเป็นความลับ หรือวัตถุประสงค์ยังไม่เป็นที่แน่ชัด ส่วนสาเหตุที่ไม่ประกาศผลก็เนื่องมาจากพยายามหลีกเลี่ยงความตื่นตะหนกของประชาชนให้นานที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และเมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาจะเผยความลับดังกล่าว 8. The Death of Mozart วูล์ฟกัง อมาดิอุส โมซาร์ท(ค.ศ.1756-1791) เป็นยอดนักดนตรีเอกของโลกชาวออสเตรีย ที่มีอัจฉริยภาพทางดนตรีโด่งเด่นตั้งแต่วัยเด็ก จนเรียกได้ว่าเป็นบุคคลของโลก ความจำของเขาราวกับเครื่องอัดเทป เขาสามารถเขียน Miserere Gregorio Allegri จากหน่วยความจำได้ พออายุแค่ 14 เขาก็ออกเดินทางรอบยุโรปแสดงเพลงต่อหน้าบุคคลดังมากมายจนกลายเป็นคนดังในพริบตา หากแต่ช่วงปั่นปลายโมซาร์ทต้องใช้ชีวิตอย่างยากจนอันเนื่องจากนิสัยฟุ่มเฟือยเป็นหนี้เป็นสิน ในที่สุดโมซาร์ทก็ล้มป่วยลง และเสียชีวิตในวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ.1791 ทิ้งผลงานประพันธ์เพลงไว้มากว่า 600 ชิ้น ซึ่งมีผลงานชิ้นเยี่ยมอยู่หลายชิ้น สำหรับศพของเขาได้ถูกไปฝังอย่างอนาถา ณ สุสานเซนต์มาร์กซ์ ในกรุงเวียนนา โดยที่ภรรยาของเขาไม่มีเงินแม้แต่จะจัดหาแผ่นหินจารึกบนหลุมศพให้สามี จึงทำให้หาหลุมศพของเขาไม่พบจนกระทั้งทุกวันนี้ ทั้งหมดคือประวัติทั่วๆไปของโมซาร์ทที่ส่วนใหญ่มักจะกล่าวถึงมรณกรรมของเขาในแง่ที่ว่าเกิดจากการเจ็บป่วยด้วยโรคนั้นโรคนี้ ทั้งที่ในความเป็นจริงก็ยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบที่แน่ชัดได้ว่าเขาเสียชีวิตด้วยโรคอะไร เพราะนับจนถึงปัจจุบันข้อสันนิษฐานมีอยู่มากมายหลายโรค ตั้งแต่ไข้ไทฟอยด์ วัณโรค ซิฟิลิส โรคไขข้ออักเสบ ไข้อีดำอีแดง โรคนิ่วในไต ปอดบวม ไปจนกระทั้งเป็นพยาธิจากการบริโภคเนื้อหมูที่ปรุงไม่สุก แต่ประเด็นที่ทำให้มรณกรรมของโมซาร์ทกลายเป็นเรื่องลึกลับ ก็เพราะมีคนสงสัยกันมากว่า เขาอาจไม่ได้เสียชีวิตจากโรคภัยไข้เจ็บธรรมดา แต่ถูกฆาตกรรมโดยการวางยาพิษ โดยข่าวลือนี้เกิดขึ้นเพราะมีคนสงสัยกันมากว่า ทำไมอยู่ดีๆโมซาร์ทจึงเกิดล้มเจ็บและเสียชีวิตอย่างกะทันหัน อีกทั้งลักษณะอาการที่เขาเป็นก่อนตายก็ดูไม่ค่อยเหมือนการเจ็บป่วยธรรมดาๆ แต่เหมือนกับอาการของคนถูกวางยาพิษมากกว่า นอกจากนี้คำพูดของโมซาร์ทที่เคยกล่าวไว้กับ คอนสแตนซ์ ผู้ภรรยาก่อนเสียชีวิตว่ามีคนวางยาพิษเขา ก็มีส่วนทำให้ข่าวลือนี้ดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเขานั้นไม่แข็งทื่อเหมือนกับศพธรรมดาทั่วๆไป ทว่าอ่อนนุ่มและยืดหยุ่นเหมือนถูกวางยาพิษที่ทำจากพืช ว่าไปแล้ว สาเหตุที่จะทำให้โมซาร์ทถูกฆาตกรรมนั้นมีอยู่มากมาย เนื่องจากเขาเที่ยวหยิบยืมเงินจนเป็นหนี้เป็นสินไปทั่ว ทั้งยังสร้างศัตรูเอาไว้มากในราชสำนักที่เขาทำงานอยู่นอกจากนี้เขายังมีนิสัยเจ้าชู้ และมีสัมพันธ์กับผู้หญิงมากหน้าหลายตา รวมทั้งยังเป็นสมาชิกของสมาคมลับ (Freemasons) อีกด้วย ผู้ที่เข้าข่ายน่าสงสัยว่าเป็นฆาตกร ฆ่าโมซาร์ทจึงมีอยู่หลายรายไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้, สมาคมลับที่ฆ่าโมซาร์ท, สามีของหญิงที่เป็นชู้กับโมซาร์ท หรือจะเป็นคู่แข่งของโมซาร์ท เป็นต้นแต่ในที่สุดแล้วตราบใดที่ปราศจากพยานหลักฐานมาชี้บอกว่าใครคือฆาตกรข้อสงสัยก็จะยังคงเป็นข้อสงสัยอยู่ต่อไปอีกทั้งกาลเวลาก็ผ่านมาเนิ่นนานมากกว่า 200 ปี เอกสารหรือบันทึกต่างๆในยุคนั้นก็ไม่สามารถอธิบายได้กระจ่าง และสุดท้ายไม่มีใครพบศพของเขา อันเนื่องจากศพของเขาถูกทำลายถูกบดละเอียดจนไม่สามารถไขปริศนานี้กระจ่างได้จนถึงปัจจุบัน 6. The Man in the Iron Mask เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ปกครองฝรั่งเศส ในปี 1669 ที่เมืองท่าดันเคิร์ก ทางตอนเหนือฝรั่งเศส เมื่อมีข้ารับใช้กษัตริย์หลุยส์ที่ 14 ได้จับกุมชายนิรนามคนหนึ่งแล้วถูกนำตัวส่งเข้าคุกลับแห่งปิกเนรอล นครตูลิน ประเทศตาลี(สมัยก่อนเมืองนี้เคยเป็นของฝรั่งเศส) ซึ่งมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา และเอกลักษณ์ซึ่งผู้พบเห็นเขาไม่มีวันลืมเลยคือใบหน้าเขาถูกคลุมด้วยหน้ากากกำมะหยี่สีดำสีเข้มมีช่องตาและปาก มีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่อย่างใกล้ชิด และขู่ว่าจะสังหารเขาทันทีที่เขาถอดหน้ากากออก เขาถูกขังในคุกที่มีประดูเหล็กหลายชั้นจนคนข้างนอกไม่สามารถนิรเขาได้ และนักโทษไม่รับอนุญาตให้พูดอะไรนอกจากอาหารและน้ำ หลังจากนั้นไม่กี่ปี แซงต์ มาร์ ก็ถูกย้ายไปอยู่คุกทั่วการย้ายแต่ละครั้ง เขาต้องอยู่ที่เกี๊ยวที่ปิดมิดชิดกันการสอดรู้สอดเห็นของผู้คนตลอดทาง ทำพให้หลายคนสงสัยว่าชายคนนี้เป็นใคร ทำไมถึงสำคัญหนักหนา และมีข้อสันนิษฐานที่เป็นยอมรับทุกฝ่ายคือเขาน่าจะเป็นผู้สูงศักดิ์ และต้องมีความสำคัญเกินกว่าที่จะปลิดชีวิตทิ้ง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ทีจะปล่อยเขาเป็นอิสระ แน่นอนมีหลายข้อสันนิษฐานมากมาย โดยเชื่อกันว่าชายสวมหน้ากากเหล็กนี้คือ พี่น้องฝาแฝดของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 โดยทั้งสองเป็นบุตรของดาตัญญัง หัวหน้าราชองครักษ์กับพระราชินีแอนน์แห่งออสเตรีย โดยสาเหตุที่จองจำน้องไว้ภายใต้หน้ากากก็เพราะเพื่อให้บัลลังก์ผู้พี่เกิด ความมั่งคงนั้นเอง แต่บางคนเชื่อว่าชายสวมหน้ากากเหล็กก็คือบิดาแท้ๆ ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 โดยแนวคิดนี้มีผู้เชื่อถือกันไม่น้อย โดยให้เหตุผลคือเพื่อความมั่งคงของชาติ แต่ห้ามประหารเพราะสมัยนั้นข้อบังคับของศาสนายังเป็นเรื่องเคร่งครัด การสังหารบิดาแท้ๆ เป็นความผิดใหญ่หลวง และพระเจ้าหลุยส์เองก็ไม่กล้าสังหารบิดาตัวเองจึงเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ สุดยอดภายใต้ชายหน้ากากเหล็กตลอดกาล แต่หลังจากที่เกิดการปฏิวัติครั้งใหญ่ในฝรั่งเศสเมื่อปี 1789 ได้ราวสองปี ข่าวลือเกี่ยวกับชายหน้ากากเหลือกจึงกล่าวถึงอีกครั้งว่าแท้จริงแล้วชายคน นี้คือพระเจ้าหลุยส์ 14 นั้นเอง หากมันเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อสร้างความชอบธรรมแก่ ตัวนโปเลียนที่ก้าวมามีอำนาจหลังการปฏิวัติโค่นล้มกษัตริย์หลุยส์ที่ 16 มากกว่า แม้จนบัดนี้เวลาจะล่วงเลยมากว่าสาม ร้อยปีแล้ว แต่ปริศนาชายสวมหน้ากกากเหล็กยังไร้คำตอบ ทราบแต่ว่า หลังจากชายหน้ากากเหล็กสิ้นชีวิตลงในคุกบาสตีล ศพของเขาถูกฝังภายใต้ชื่อ Eustache Dauger ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นภายหลังเท่านั้น ส่วนหลักฐานอื่นๆ สูญหายหมด ห้องคุมขังถูกทาสีใหม่เพื่อป้องกันร่องรอยบางอย่างที่อาจหลงเหลืออยู่ โต๊ะเก้าอี้ภาชนะทุกชิ้นถูกเผาทิ้งไปเกือบหมดสิ้นแม้แต่หน้ากากเหล็กก็ถูกนำไปหลอมใหม่เพื่อยุติการสืบค้นตำนานของชายที่ยังเป็นปริศนาอยู่ทุกวันนี้
5.Barcodes 666 ครั้งหนึ่งในพระคัมภีร์ไบเบิลศาสนาคริสต์ วิวรณ์ 13:16-18 เคยกล่าวว่า " สัตว์ร้ายตัวที่สองนี้บังคับทุกคน ทั้งผู้น้อย ผู้ใหญ่ ทั้งคนมั่งมีและคนยากจน ทั้งคนอิสระและทาส ให้สักตราไว้ที่มือขวาหรือที่หน้าผาก ไม่มีใครซื้อขายได้ ถ้าไม่มีตราคือนามของสัตว์ร้ายหรือจำนวนเลขของนามนั้น ดังนั้น จำเป็นต้องมีปรีชาญาณ ผู้มีปัญญาจงตีความจำนวนเลขของสัตว์ร้ายให้ได้ เพราะมันเป็นจำนวนเลขที่หมายถึงมนุษย์คนหนึ่ง จำนวนเลขนั้นคือ 666" แน่นอนว่าคำทำนายนี้มีหลายคนเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นจริงในอนาคต หลายคนพยายามตีความว่ามันคืออะไรกันแน่ เลข 666 จะถูกตีตราที่หน้าผากของมนุษย์ทุกคนจริงหรือ เลข 666 จะทำให้สะดวกในการซื้อและขายจริงหรือ บางคนก็บอกว่าเลข 666 คือเลขของซาตาน จนกระทั้งมีหลายคนเชื่อมโยงทฤษฏีนี้ไปยังบาร์โค้ด หรือ รหัสแท่งที่มีการคิดค้นได้ในปี 1973 และใช้เวลา 25 ปีในการทำให้เผยแพร่ไปทั่วโลก มันเป็นหนึ่งในหลายวิธีที่ได้ผลดี ในการตรวจสอบสินค้าขณะขาย, การตรวจสอบยอดการขาย และสินค้าคงคลัง ที่ ราสามารถที่จะอ่านบาร์โค้ดได้ โดยใช้เครื่องสแกนหรือเครื่องอ่านบาร์โค้ด ซึ่งวิธีนี้จะรวดเร็วกว่าการป้อนข้อมูลเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์หรือการอ่านด้วยสายตา และปฏิเสธไม่ได้ว่าบาร์โค้ดนี้ทำให้การค้าและการขายทำได้รวดเร็วขึ้นนอกจากนี้บาร์โค้ดยังถูกไปใช้ในการทำบัตรประจำตัว บัตรเครดิตใช้ตรวจสอบสถานรวดเร็ว โดยบาร์โค้ดเกี่ยวข้องกับเลข 666 ตรงที่แหน้าบาร์โค้ด/กลางบาร์โค้ด/และหลังบาร์โค้ด จะมีแท่งยาวลงมา2ขีดซึ่งเป็นรหัสของเลข6 หากนำแท่งมารวมกันตีความได้ว่า 666 แน่นอนว่าสาเหตุที่ต้องทำ 666 ในบาร์โค้ดทุกอันก็เพราะเทคนิค แต่หลายคนเชื่อว่ามันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น และสิ่งที่ทำให้หลายคนเชื่อว่าคำทำนายนี้จะกลายเป็นจริงก็คือ โลกกำลังมีการวางแผนการในอนาคตที่น่าสนใจ เมื่อพวกเขาไม่จำเป็นต้องพกเงิน เครดิต บัตรประจำตัว หากแต่จะใช้สิ่งที่เรียกว่าไมโครชิพ(mocrochip) ฝังใต้ผิวหนังของเราโดยใช้ระบบคลื่นความถี่วิทยุนั่นเอง 4.NASA, NSA องค์กรนาซ่ามีชื่อเต็มว่า องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (National Aeronautics and Space Administration - NASA) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ค.ศ. 1958 ตามพระราชบัญญัติการบินและอวกาศแห่งชาติ เป็นหน่วยงานส่วนราชการ รับผิดชอบในโครงการอวกาศและงานวิจัยของสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังคอยจัดการหรือควบคุมระบบงานวิจัยทั้งกับฝ่ายพลเรือนและฝ่ายทหาร การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ และงานวิจัยทางการบินและอวกาศ และเวลาที่เกี่ยวกับเรื่องลึกลับอากาศ โลกร้อน โลกแตก นาซ่าจะต้องมีเกี่ยวทุกครั้ง เช่น เหยียบดวงจันทร์, วิหารดวงจันทร์, มนุษย์ต่างดาว, สัญญาลึกลับจากอวกาศ, ดาวเคราะห์ชนโลก แน่แค่นี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลลับที่นาซ่าปิดบังเท่านั้น ช่างสมกับคำขวัญขององค์การเหลือเกิน ที่ว่า "เพื่อประโยชน์ของคนทุกคน" (For the benefit of all) ส่วนสภาความมั่งคงแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (National Security Agency) หรือ เอ็นเอสเอ (NSA) เป็นหน่วยงานข่าวกรองต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อ 4 พฤศจิกายน 1952 มีหน้าที่รับผิดชอบการรวบรวมและวิเคราะห์การติดต่อกับต่างประเทศ และรับผิดชอบดูแลความมั่นคงของสหรัฐสำนักงานใหญ่ของพวกอยู่ใน Fort Meade แมรี่แลนด์ มีพื้นที่จอดรถได้ 18,000คันมีงานวิจัยพัฒนาด้านวิทยาการเข้ารหัสลับเป็นจำนวนมาก เป็นหน่วยงานที่จ้างนักคณิตศาสตร์มากที่สุดในโลก รวมทั้งเป็นหน่วยงานที่มีเครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์มากที่สุดในโลก นอกจากนี้นาซ่ายังทำงานร่วมกับซีไอเอและเอฟบีไอทำกิจกรรมและภารกิจที่เป็นความลับสุดยอดที่โลกไม่รู้นอกจากบุคคลระดับสูงขององค์กร มีหลายคนเชื่อมโยงว่านาซ่ามีความเกี่ยวข้องกับฟรีเมนสัน, การก่อวินาศกรรม, การโค่นล้ม, การช่วยเหลือกลุ่มโจรใต้ดินการเคลื่อนไหวต่างๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงโลก เมื่อใดที่เราได้ยินได้ฟังได้อ่านเกี่ยวกับทฤษฏีสมคบคิด เอ็นเอสเอ จะเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น เหตุการณ์ 9/11, รอสเวลล์, การทดลองฟิลาเดลเฟีย, มนุษย์ต่างดาวในอาคาร, , สถานที่ตั้งหีบพันธสัญญา, การลอบสังหารเคนนาดี้, นาซี ฯลฯ 3.Dulce Base Dulce Base เป็นชื่อสถานที่ไม่เป็นทางการ ว่ากันว่าเป็นทางลับในใต้ดินใน ดูลเซ รัฐนิวเม็กซิโก ประเทศสหรัฐอเมริกาโดยเรื่องของเรื่องเกิดมาจากการสัมภาษณ์โทมัส คาสเตลโล่ที่อ้างว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่นั้นและได้เข้าใกล้ชิดสถานที่นั้นอย่างหมดจด โดยเขาบอกว่าสถานที่แห่งนี้เป็นถ้ำใต้ดินที่เหมือนจะมีมานานหลายศตวรรษ เป็นสถานีทดลองของมนุษย์ร่วมกับมนุษย์ต่างดาว ที่มีความปลอดภัยระดับสูงมีถึง 6-7 ชั้น และมีพนักงานหลายคนที่รูปร่างคล้ายสัตว์เลื้อยคลาน โดยข้างในกว้างอลังการและมีเครื่องอำนวยความสะดวกมากมาย และข้อมูลที่น่ากลัวก็คือสถานที่ดังกล่าวนั้นมีอยู่ทั่วโลก!! (ไม่ว่าจะเป็นเทือกเขาในประเทศฝรั่งเศสเยอรมันนี, ใต้น้ำในแปซิฟิก, ซิมบับเว, แอตแลนดิก, มหาสมุทรอินเดีย, มหาสมุทรอาร์กติก ฯลฯ(ไปดูวิกิพีเดียเอาเอง)โดยทั้งหมดเป็นความลับสุดยอดทางการทหาร โดยนักวิทยาศาสตร์เจ้าหน้าที่ที่ลาออกจากงานจะถูกล้างสมองความจำใหม่หมดหรือไม่ก็ฆ่าปิดปาก(แล้วเอ็งจะแฉเพื่ออะไรว่ะเนี้ย) เชื่อกันว่าสถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1969 ทางตะวันออกเฉียงเหนือของดูลเซภายใต้การตกลงระหว่างซีไอเอและมนุษย์ต่างดาวจากอวกาศ เพื่อแลกเปลี่ยนเทคโลยีระหว่างกัน โดยโครงการทดลองของพวกเขาคอการสร้างพันธุกรรมที่น่ากลัวคือการสร้างมอนเตอร์ในรูปร่างของมนุษย์และสัตว์ลูกผสมเพื่อใช้เป็นอาวุธสงคราม โดยพวกเขาได้ทดลองในปลา แมวน้ำและหนูให้มีรูปร่างเปลี่ยนแปลงจากเดิมมากมาย แต่กระนั้นหลักๆ คือวัวกระทิงและม้า การทดลองแบ่งเป็น 6-7 ระดับตามแต่ละชั้นของห้องทดลอง และเมื่อทดลองเสร็จซากสัตว์จะถูกไปทิ้งข้างทางหลวงซึ่งซากของมันเต็มไปด้วยเลือดน่ากลัวและเย็บรวมราวกับผีดิบแฟรนเก้นสไตน์ นอกจากนี้มีพยานและรูปถ่ายแปลกๆ ที่ปรากฏว่ามีจานบินบินว่อนตอนกลางคืนและกลางวันเหนือดูลเซ นอกจากยังมีแบล็คเฮลิคอปเตอร์บินออกมาด้วย โลกของเรากำลังเป็นสถานีวิจัยของมนุษย์ต่างดาวเช่นนั่นหรือ?? http://www.youtube.com/watch?v=8GA9kDFw0eg
2.Apricot Pits Cure Cancer  เมล็ดอะปริคอลหรือผลไม้ชนิดอื่นๆ ที่มีสาร cyanogenic glycosides ไซยาโนจีไกลโคไซต์ ซึ่งมีฤทธิ์เหมือนไซยาไนด์ที่มันสามารถฆ่าคุณได้หากคุณกินในปริมาณมากเกินไป แต่กระนั้นไกลโคไซด์พวกนี้ยังมีสารเคมีหนึ่งที่เราเรียกว่า laetrile (LAY-uh-trill) หรือ Amygdalin เดิมเรียกว่าวิตามินบี 17 ว่ากันว่าสารดังกล่าวสามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้ แต่ไม่มีผลต่อเซลล์ปกติ หากแต่จากการทดลองปรากฏว่าไม่สามารถยืนยันว่าสารนี้รักษามะเร็งได้แต่อย่างใดและเสี่ยงต่อการตายเพราะพิษอีก ทำให้สารนี้ไม่ผ่านเกณฑ์รับรองของเอฟดีเอหรือองค์การอาหารและยาสหรัฐ พร้อมยืนยันว่าการรักษาด้วยเคมีบำบัดและรังสีบำบัดนั้นดีที่สุดแล้ว และด้วยเหตุนี้เองก็มีข่าวลือตามมาว่า ความจริงแล้วโลกค้นพบสามารถใช้สาร laetrile รักษาโรคมะเร็งมาได้แล้ว แต่เอซีเอและสมาคมการแพทย์อเมริกาได้ปิดบังไม่ให้คนอื่นรู เพื่อที่จะใช้เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจและอุตสาหกรรม มีเอกสารเกี่ยวข้องกับว่าเคยมีการใช้สารในเมล็ดอะปริคอลรักษาเนื้องอกของมะเร็งในปี 1950 หากกระนั้นทางการแพทย์ AMA และ ACA ก็สาบานว่ามันไม่เป็นความจริง แต่กระนั้นปัจจุบันก็มีสินค้าที่อวดอ้างสรรพคุณว่าสารดังกล่าวสามารถรักษามะเร็งได้ หากใครอยากจะลองเราก็ไม่ว่ากัน 2.Star Wars ครั้งหนึ่ง ใน ค.ศ. 1983 ในสมัยโรนัลด์ เรแกน ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ได้เสนอแผนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสกัดขีปนาวุธของศัตรูของฝ่ายโซเวียต เรียกว่า ระบบป้องกันขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ (Strategic Defense Initiative) หรือย่อๆ ว่า สตาร์วอร์ส โดยแผนดังกล่าวประกอบด้วยอาวุธลำแสงอนุภาค และปืนใหญ่เรนกัน(railguns) และรังสี X โดยอาวุธเหล่านี้สามารถยิงสกัดดาวเทียมหรือสามารถทำลายเป้าหมายข้ามโลกได้เลยทีเดียว หากแต่กระนั้นโครงการดังกล่าวได้รับการวิจารณ์ว่าไม่มีทางเป็นจริงทางวิทยาศาสตร์เพราะด้วยเทคโนโลยีในช่วงนี้ไม่สามารถทำได้หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลาย ภัยคุกคามจากอาวุธนิวเคลียร์ของฝ่ายคอมมิวนิสต์ก็หมดไป สหรัฐกับรัสเซียมีการร่วมมือกันมากขึ้นและปรับความสัมพันธ์กันดีขึ้น แต่อเมริกาก็เกิดความกังวลใหม่ขึ้นมาอีกว่า ผ่ายประเทศที่เป็นศัตรูกับสหรัฐจะใช้ขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ เคมี หรือชีวภาพกับอเมริกา ในวันใดวันหนึ่งก็เป็นได้ ทำให้รัฐบาลของ บิล คลินตัน ได้สานต่อโครงการนี้โดยเรียกจัดตั้งระบบป้องกันอาวุธปล่อยแห่งชาติ (national missile defense-NMD) หลังจากนั้นก็ผ่านไปหลายปี ในปี 2002 ก็เริ่มเป็นรูปธรรมและความเป็นไปได้และสามารถทำได้จริง ปัจจุบันในรัฐบาลของจอร์ด ดับเบิ้ลยู บุซ ได้อนุมัติแผนงบประมาณอาวุธดังกล่าวสามารถใช้ได้จริงในปี 2012 โยจะเอาอาวุธนี้ติดตั้งให้กับเพตากอนซึ่งสามารถปล่อยอาวุธ ไม่ว่าเป็นแสงเลเซอร์หรือจรวดสกัดกั้น ล้วนมีจุดประสงค์เพื่อทำลายดาวเทียมของข้าศึก และหัวรบที่มุ่งหน้าไปยังสหรัฐหรือพันธมิตรของสหรัฐ แต่คำถามที่ตามมาก็คือจำเป็นด้วยเหรอที่ต้องมีอาวุธเหล่านี้ อเมริกาต้องการรับมือกับอะไร ดังนั้นคำตอบหนึ่งจึงหลุดออกมาก็คือ อเมริกากำลังรับมือกับกองกำลังต่างดาวที่กำลังรุกรานโลก และที่น่าสังเกตคือปี 2012 ที่อาวุธดังกล่าวเสร็จ นั้นตรงกับหลายคนเชื่อว่า เป็นวันสิ้นโลก 1.Bible conspiracy theory  ไบเบิล (Bible) (มาจากภาษากรีกว่า บิบลิออน แปลว่า หนังสือ) พระคริสตธรรมคัมภีร์ เป็นหนังสือที่บอกเรื่องราวเกี่ยวกับพระเจ้า, มนุษย์, ความบาป และแผนการของพระเจ้าในการช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากความพินาศอันเนื่องจากความบาป สู่ชีวิตนิรันดร์ เป็นหนังสือที่บันทึกหลักธรรมคำสอนของศาสนาคริสต์ ซึ่งในบางเล่มมีพื้นฐานมาจากหลักคำสอนของศาสนายูดายของชาวยิว ชาวคริสต์เรียกคัมภีร์ไบเบิลในชื่ออื่น ๆ อีกหลายชื่อเช่น พระวจนะของพระเจ้า (Word of God) หนังสือดี (Good Book) และคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ (Holy Scripture)(ข้อมูลจากวิกีพีเด็กไทย) พระคัมภีร์ไบเบิลนั้นเกี่ยวข้องกับทฤษฏีสมคบคิดมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เลข 666 ซาตาน, รหัสลับวันสิ้นโลกที่พยากรณ์ถึง ยุคสุดท้ายของโลก ซึ่งมีการผูกเรื่องเล่นคำ และมีความหมายเป็นนัย เป็นคำเปรียบเทียบ และยากต่อการตีความ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ มีผู้ค้นพบรหัสลับในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู ซึ่งไม่เคยมีใครค้นพบมาก่อน ตลอด 3,000 ปี ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ รหัสลับเหล่านี้ บ่งบอกถึงเรื่องราวในประวัติศาสตร์ทั้งหมด รวมถึงเหตุการณ์ ที่กำลังจะเกิดขึ้น ในอนาคตด้วย การค้นพบครั้งนี้ เป็นการยืนยันทางวิทยาศาสตร์ด้วยว่า พระเจ้ามีจริง และคริสเตียนเอง ก็เชื่อว่า การค้นพบความลับจากไบเบิ้ลในช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเหมาะสม ซึ่งพระเจ้า ได้กำหนด ไว้แล้ว ซึ่งเป็นคำเตือน ให้ทุกคนรู้ว่า เวลาของโลกนี้ ใกล้จะถึงคราวสิ้นสุดแล้ว
นอกจากนั้น ข้อมูลคำทำนายที่แฝงอยู่ในคัมภีร์ไบเบิลนั้น มีอยู่เป็นจำนวนมาก บอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ ของมวลมนุษย์ชาติ ทั้งในอดีต และอนาคต อย่างแม่นยำจนน่ามหัศจรรย์ หากสามารถถอดรหัสได้ ก็จะรู้ถึงความเป็นไป บนโลกได้ทั้งหมด ทั้งยังเป็นการรู้อย่างลึกซึ้งด้วยไม่ว่าข้อความที่ระบุตัวตนของคนดังในอดีต อย่าง (ฮิตเลอร์, มหาตมะ คานธี, ลินคอล์น, เจ้าหญิงไดอาน่า แต่กระนั้นคัมภีร์ไบเบิลยังเชื่อว่าเป็นสิ่งที่คนโบราณหรือสมาชิกองค์กรลับ หรือจักรวรรดิโรมันอะไรบางอย่าง เช่น Priory of Sion สร้างขึ้นเพื่อปกปิดข้อมูลลับอะไรบางอย่าง โดยปลอมแปลงหรือดัดแปลงตัดเนื้อหาสำคัญบางอย่างออก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ หรืออัครสาวกของพระเยซู ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวได้กลายเป็นพล็อตนิยายดังอย่าง Da Vinci Code เนื้อหาอันดับจากเว็บ http://listverse.com/2010/10/25/10-long-awaited-conspiracy-theories/ (และอันดับที่ไม่มีในเว็บดังกล่าว เอามาจากการสุ่มในวิกิพีเดีย) (เนื้อหาการแปลไม่เหมือน) ไม่รับอนุญาตลงในกระทู้เว็บเด็กดี + +
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
|
ออกอากาศวันที่ 30-08-55
โดย อ.ศาสดา อริยไมตรี ผู้เป็นจิตวิญญาณแห่งจักรวาล
ออกอากาศวันที่ 30 สิงหาคม 2555
http://youtu.be/IHBmfr15ll8
รู้อย่างเดียว โลกใกล้แตกแล้ว -.-
โดยการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ (เป็นข่าวเดือนนี้แหละ ผมอ่านเจอในเว็บข่าวสด)
PS. I know... you see me...
แต่เรื่องอื่นนี่เหลือเชื่อแฮะ
PS. ~I want Nobody But you~I want Nobody But you~
PS. 'จงอยู่กับสิ่งที่มีไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด
บาร์โค้ด 666 สำหรับเราเป็นเลขที่รู้สึกไม่ดีเลยอ่ะ
PS. เมฆา...เมฆที่ล่องลอยไปตามใจตน ไม่ผูกมัดอยู่กับใคร สายหมอก...ภาพลวงตาซึ่งไม่สามารถจับต้องตัวจริงได้
โมซาร์ท ไม่แปลกหรอกถ้าศัตรูเยอะ ก็นะ... -*-
รออันต่อไปจ้่า
โดยเฉพาะเครื่องที่รับสัญญาณจากอวกาศได้อะ
น่าสนใจมากจริงๆ
ชายสวมหน้ากากตกลงเป็นใครกันแน่?
PS. เมฆา...เมฆที่ล่องลอยไปตามใจตน ไม่ผูกมัดอยู่กับใคร สายหมอก...ภาพลวงตาซึ่งไม่สามารถจับต้องตัวจริงได้
PS. I LOVE CARTOON !!! =w= รีบอร์น , แบล็คบัทเลอร์ , แพนโดร่าฮาร์ท , xxxHolic , สึบาสะ , โซลอีทเทอร์ , นูระ หลานจอมภูต ฯลฯ
ตกลงนโปเลียนนี่คนดีหรือคนเลวกันแน่ = =a
PS. เด็กเล่น ไม่ใช่เด็กเรียน
มันเป็นปริศนาจิงๆ
PS. กว่าจะรักเค้าว่าใช้เวลานานแล้ว แต่การเลิกรักเค้าใช้เวลานานยิ่งกว่า ...
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 12 ธันวาคม 2553 / 17:19
PS. มนุษย์น่ะชอบคนดี แต่รักคนเลว สุดท้ายอยู่กับคนรวย
PS. มนุษย์น่ะชอบคนดี แต่รักคนเลว สุดท้ายอยู่กับคนรวย
PS. ไม่มีอะไรดีไปกว่าปัจจุบันอีกแล้ว !