
เจฟฟรีย์ ลุนด์เกรน(เกิด 3 พฤษภาคม 1950) เป็นเจ้าลัทธิ ที่เขาก่อตั้งในปี 1984 ในบ้านพักบนถนน ชิลลิโคเท โอไฮโอ โดยใช้หลักคำสอนผิดๆ โดยเขาประกาศว่าเขาได้ยินเสียงพระเจ้าให้เขาเผยแพร่ "คำพยากรณ์สุดท้ายแห่งพระเจ้า" นำสาวกไปต้อนรับการเสด็จกลับสู่โลกมนุษย์ของพระคริสต์เจ้า (โดยเขาย้ายที่อยู่ไปเรื่อย)มีหลายคนเชื่อเขาและขอเป็นสาวก ซึ่งเขาขอเงินจากผู้สนับสนุนหลายคนยินดีออนเงินจนได้หลายพันดอลลาร์ และเขาก็มีหลายคดีในการฆาตกรรรมสังหารล้างครัวเดนนิส อาเวรี หนึ่งในสาวกของเขาเองที่ไม่สนับสนุนและขัดขวางเขาโดยเขาและสาวกได้ใช้อาวุธปืนยิงเดนนิสกับภรรยาและลูกสาวของเขารวม 5ศพอย่างโหดเหี้ยม สุดท้ายเขาเสียชีวิตเมื่อ 24 ตุลาคม 2006 จากการถูกพิพากษาประหารชีวิต
8.Restoration of the 10 Commandments

หรือชื่อเต็มคือ Movement for the Restoration of the Ten Commandments of God แปลว่า การเคลื่อนไหวเพื่อการบูรณะบัญญัติสิบประการของพระเจ้า เป็นลัทธิที่แตกมาจากคริสตจักรโรมันคอทอลิค ก่อตั้งโดยนางซีเครโดเนีย มเวรินเดและนายโจเซฟ คิบเบเทียร์ ก่อตั้งในปลายทศวรรษ 1980 ในหมู่บ้านปาลา ยูกันดา โดยนางซีเคนโดเดนียเคยเป็นสาวบาร์มาก่อนเธอได้อ้างว่าเธอสามารถติดต่อพระนางพรหมจารีย์มารีย์ได้ ซึ่งเขาได้เข้าหานายโจเซฟซึ่งเป็นนักการเมืองว่าเขาได้ถูกรับเลือกในการเป็นศาสดา และนายโจเซฟก็เชื่อ ทั้งสองได้ก่อตั้งลัทธิหนึ่งเพื่อความมั่งคั่งของตนเอง และมีอำนาจเหนือชาวบ้านทั้งๆ ที่ชาวบ้านมีสภาพความเป็นอยู่ที่แล้งแค้น โดยเป้าหมายของลัทธินี้คือการเคลื่อนไหวเพื่อการบูรณะบัญญัติสิบประหารของพระเจ้าคือการปฏิบัติตามบัญญัติสิบประการและทั้งสองออกกฎแปลกๆ เช่น อย่าพูดสื่อสารกันให้ใช้ภาษามือ และให้กินอาหารหนึ่งมื้อในวันศุกร์และจันทร์ พวกเขาได้อ้างว่าพระแม่บอกว่าโลกจะแตกในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ.2000 แต่เอาเข้าจริงปรากฏว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งสองเลยเฉไฉไปว่า พระเจ้ายังไม่ทรงต้องการทำลายโลก แต่เลื่อนไปเป็นวันที่ 17 มีนาคม ปีเดียวกัน และตามบทบัญญัติแห่งลัทธิบอกว่ามนุษย์ควรกำจัดตนเองให้สูญสิ้นจากโลกก่อนที่โลกนี้จะถึงจุดพินาศย่อยยับในปี 2000 ส่งผลทำให้ชาวยูกันดาหลายพันคนฆ่าตัวตายประมาณครึ่งหนึ่งเป็นเด็กที่ถูกฆ่าด้วยยาพิษ กากไม่ตายก็จะถูกทุบหัวด้วยกระบองหรือแทงด้วยมีด ซึ่งกลางปี 1999 มีการสังหารหมู่หลายครั้งหลายคราวในในหมู่บ้านคานังกู ซึ่งเป็นบ้านเกิดของแม่ซีเครโดเนีย
และเมื่อถึงในที่ 17 มีนาคม 2000 นางซีเครโดเนียได้นัดหมายสาวกของเธอให้ไปรวมตัวกันในสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นโรงนาในปาลา สมาชิกกว่า 600 คนซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยผู้หญิงและเด็กได้เข้าพิธีสวดมนต์ทั้งคืนและรับประทานอาหารมือสุดท้ายคือข้าวโอ๊ตผสมนมและน้ำตาล โดยคำสั่งสุดท้ายของเจ้าลัทธิคือให้การเผาโบสถ์โดยทำการประตูหน้าต่างปิดมิดชิดไม่ให้สาวกหนีออกมาได้ ส่งผลทำให้มีศพผู้เสียชีวิตที่เป็นตอตะโกจำนวน 513 ศพรวมทั้งศาสดาคิบเวเทียร์(ความจริงไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าเป็นศพของเขาหรือเปล่า แต่กระนั้นก็ไม่พบร่องรอยว่าเขามีชีวิตอยู่ หากมีเขาคงฆ่าตัวตายไปแล้ว) นอกจากนี้ยังมีการพบศพจำนวน 265 ศพถูกฝังไว้ใต้ดินในที่ดินที่นายคิบเวเทียร์ครอบครองอยู่แต่ละศพมีร่องรอยการถูกแทงไม่ก็ถูกวางยาพิษรวมอยู่ด้วย ส่วนแม่ซีเครโดเนียถูกจับในเดือนเมษายน 2000
7.NeoNazi

th.wikipedia.org/wiki/นีโอนาซี
ลัทธินีโอนาซี เป็นลัทธิที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อแสวงหาการฟื้นฟู นาซีนิยม เกิดขึ้นอีกครั้งเพราะพวกเขาเชื่อว่า “คนขาวที่เป็นเยอรมันเป็นเผ่าพันธุ์ที่ดีที่สุด” พวกนีโอนาซีมักจะโกนหัว ไว้ทรงผมสกินเฮด คล้ายพังค์ สักลายสวัสดิกะ หรือ สัญลักษณ์นาซีไว้ที่ตัว
นโยบายของลัทธินีโอนาซีมีความแตกต่างกันไปจากลัทธินาซีเดิม แต่กระนั้นเนื้อหาโดยรวมยังเหมือนเดิม พวกเขาจะสวามิภักดิ์ต่อ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ,เหยียดเชื้อชาติต่างๆ,เหยียดสีผิว,เทิดทูนคนอารยันเยอรมัน,เหยียดเกย์ เยียดยิว สลาฟ อังกฤษ ฯลฯ โดยปัจจุบันสมาชิกลัทธินี้มีอยู่ทั่วโลก ซึ่งส่วนมากเป็นยุโรป พบมากในแถวชายแดนระหว่างประเทศที่ติดกับเยอรมัน โดยเฉพาะในรัสเซียพบมากที่สุดใน กรุงมอสโก เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายของบุคคลกลุ่มนี้ได้แก่ ยิว สลาฟ เอเชีย ตาตาร์ ยูเครน เบลารุส นิโกร ลูกครึ่ง มักถูกทำร้ายจนตาย บางประเทศในยุโรปมีกฎหมายห้ามลัทธินาซี การเหยียดผิว และการเหยียดเชื้อชาติ
6.The Ku Klux Klan (or KKK)

http://writer.dek-d.com/writer/story/viewlongc.php?id=205702&chapter=120
คู คลักซ์ แคลน หรือเรียกย่อๆ ว่าแคลน เป็นขบวนการต่อต้านคนผิวดำที่ทรงอำนาจในอเมริกามีจุดกำเนิดปี ค.ศ. 1865 หลังจากสงครามเหนือใต้ในอเมริกาซึ่งจบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายเหนือ ทำให้ทาสคนผิวดำได้รับการปลดปล่อยและเกิดการยอมรับในสิทธิ์ประชาชนของคนผิวดำว่าเท่าเทียมกับคนผิวขาว แต่อดีตกองทหารฝ่ายใต้ซึ่งไม่พอใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าวเพราะพวกเขาเชื่อว่า “คนผิวดำเป็นทาส คนผิวขาวคือนาย” ทำให้หลังสิ้นสุดสงคราม จึงได้รวมตัวกันแบบลับๆ เพื่อสร้างสังคมซึ่งให้สิทธิ์พิเศษแก่คนผิวขาวขึ้นมาและนี้คือจุดเริ่มต้นขององค์การเหยียดสีผิว คู คลักซ์ แคลน นี่เอง
คู คลักซ์ แคลน ในช่วงแรกยังไม่มีการก่อความรุนแรงอะไรมากมาย เป้าหมายของพวกเขาเป็นเพียงการแสดงอำนาจให้คนผิวดำเห็นว่าตัวเองเป็นฝ่ายเหนือกว่าเสียมากกว่า หากในไม่ช้า การเคลื่อนไหวของ คู คลักซ์ แคลน ก็ค่อยๆเพิ่มความรุนแรง โหดเหี้ยมขึ้น มีการรุมทำร้าย เผาบ้านและปล้นคนผิวสี ข่มขื่นสตรี พวกเขาใส่ชุดขาว(เหมือนที่เห็นในรูป)เดินสำรวจไปทั่วเมือง เมื่อพบคนผิวดำออกมาเดินนอกบ้านนอกเวลาที่พวกเขากำหนด ก็จะลากมาเฆี่ยน ทั้งยังทำร้ายคนผิวดำที่ใช้สิทธิ์ของตัวเองหรือแม้แต่คนผิวขาวด้วยกันที่แสดงการสนับสนุนคนผิวดำ ซึ่งในบางครั้งการทำร้ายนี้รุนแรงไปจนกลายเป็นการแขวนคอก็มี ลัทธินี้รุ่งเรืองสุดขีดในปี 1860 จนรัฐบาลพยายามที่จะปราบปรามเพราะมันผิดกฎหมาย ก่อนที่จะลัทธิหายไปอย่างช้าๆ จนสมาชิกแทบนับจำนวนถึงปัจจุบัน(แต่ก็ยังอยู่)
หนึ่งในคดีที่เกี่ยวข้องกับ KKK นั้นมีมากมายเรียกได้ว่าเดิมมาพร้อมกับประวัติศาสตร์ของอเมริกาเลยทีเดียว เพราะมีข่าวลือเกี่ยวกับลัทธินี้มากมาย เช่น สมคบคิดกับพวกนาซียุคใหม่ กี่ลอบสังหารเคนนาดี้ ลอบสังหารดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิง หรือการลอบสังหารบุคคลดังที่สนับสนุนคนดำหลายคน ปัจจุบันแม้ลัทธินี้จะหายไปแลเวก็ตาม แต่กระนั้นแนวคิดเหยียดสีผิวยังฝังลึกในชนผิวขาวบางคน และล่าสุดผู้นำลัทธินี้ได้ประกาศว่าจะลอบสังหารประธานาธิบดีอเมริกา ด้วย
5.Charles Manson and The family

http://writer.dek-d.com/cammy/story/viewlongc.php?id=205702&chapter=161
ชาร์ลส แมนสันเกิดเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 1934 เป็นเด็กที่เต็มไปด้วยปัญหา เขาก่ออาชญากรรมเล็กๆ น้อย เข้าคุกเป็นว่าเล่น เมื่อออกจากคุกเขาหันมาเป็นพวกฮิปปี้ และได้รวบรวมกลุ่มคนโดยใช้ชื่อลัทธิว่า “แมนสันและครอบครัว” โดยเขาได้พูดถึงวันสิ้นโลกไว้ว่า "ในไม่ช้าจะเกิดสงครามระหว่างคนขาวกับคนดำจะเกิดขึ้น มันจะกลายเป็นชนวนนำไปสู่สงครามปรมาณู คนดำจะเป็นฝ่ายชนะ แต่เนื่องจากพวกมันไม่มีความสามารถในการปกครอง แมนสันและครอบครัวโดยมีข้าเป็นผู้นำจะเป็นเชื้อสายบริสุทธิ์เพียงหนึ่งเดียวที่เหลือรอด และกลายเป็นผู้ปกครองโลกตลอดกาล"
ฟังดูไร้สาระ แต่ในเมื่อชาร์ลสเชื่อ สาวกก็เชื่อด้วย จากตรงนี้เองที่พวกเขาเริ่มคิดถึงการก่ออาชญากรรมแล้วป้ายความผิดให้กับคนผิวดำเพื่อให้สงครามเกิดขึ้นเร็วๆ และกำจัดบุคคลที่เขาขัดขวางพวกเขา ส่งผลทำให้มีผู้เป็นเหยื่อของลัทธินี้หลายราย และบางรายถูกฆ่าอย่างทารุณ โดยกรณีดังที่สุดคือ ในวันที่ 8 สิงหาคม 1969ภรรยากำกับหนังคนดังชื่อ โรมัน โปแลนสกี้และดาราสาว ชื่อ ชารอน เทท อายุ26 ปี และเพื่อนที่มาร่วมงานดินเนอร์แบบเป็นกันเอง 3 คน ถูกสาวกของชาร์ลสก็ฆ่าทุกคนตายเรียบ แต่ชารอน เททหนักสุด เพราะเหล่าสาวกรุมแทงเธอถึง 16 แผล จากนั้นก็ใช้มีดผ่าท้องของเธอจนเหวอะหวะ และถูกไม้ตีที่ศีรษะซ้ำยังไม่สะใจ พวกมันจับเธอ มัดโยงกับเพดานแขวนไว้ พวกมันตัดเต้านมของเธอทิ้งทั้งเป็น แล้วใช้มีดเล่มนั้นชำแหละกรีดตั้งแต่บริเวณยอดอก จนถึงหัวหน่าวเลือดสดๆของเธอกระจายเต็มบ้าน มิหนำซ้ำ ยังใช้แปลงจุ่มเลือดเขียนคำว่า "PIG"ตัวโตไว้ที่บานประตูบ้านสุดท้ายในวันที่ 13 เดือนธันวาคม 1969 ทั้งหมดถูกจับได้ยกลัทธิรวมทั้งชาร์ลส์ แมนสัน
ทุกวันนี้ ชาร์ลส์ แมนสัน ก็ยังใช้ชีวิตอยู่ในคุก ที่แคลิฟอร์เนีย และบรรดาสาวกก็แก่เป็นคุณปู่ คุณยายไปหมดแล้ว แต่กระนั้นก็มีเหล่าบรรดาสาวกใหม่ของชาร์ลส์ที่มีทั้งของแท้และของเทียมและแฟนพันธุ์แท้ที่ยังเชื่อคำสอนของเขายังคงมีอิทธิพลอยู่ในเจ้าลัทธิต่างๆ ในปัจจุบัน
4.Asahara and the Aum Supreme Truth

http://writer.dek-d.com/writer/story/viewlongc.php?id=205702&chapter=118
ญี่ปุ่นนี้เป็นประเทศที่มีลัทธิต่างๆ มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลกก็ว่าได้ เพราะความสับสนทางศาสนาในยุคปัจจุบันที่ไม่ค่อยมีความรู้สึกว่าตัวเองนับถือศาสนาใดอย่างเฉพาะเจาะจงนัก เวลางานแต่งงานใช้ศาสนาคริสต์ งานศพใช้ศาสนาพุทธ ทำให้มีลัทธิใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างไม่ขาดสาย บางลัทธิดีก็ดีไป แต่บางลัทธิไม่ดีนะสิก็เป็นปัญหาเหมือนกัน อย่างลัทธิอาซาฮาระ โชโค(เกิดเมื่อ 2 มีนาคม 1955) ซึ่งอดีตเป็นแค่ลูกช่างทำเสื่อ ไร้การศึกษาและตาบอด แต่เขาหลงในเรื่องปาฏิหาริย์ต่างๆ จึงเริ่มฝึกโยคะและวิชาเซียนที่อินเดีย อ้างว่าตัวเองไปที่เทือกเขาหิมาลัยและ"หลุดพ้น"(ตรัสรู้?)ที่นั่น และ ปี 1987 ได้ก่อตั้งเป็นฃ"โอมชินริเคียว"หมายถึง"การสร้างสรรค์" "การคงอยู่" และ"การทำลาย"ของจักรวาลซึ่งรวมทั้งหมดแล้วหมายถึง "อนิตยา" (ความไม่เที่ยงแท้) โดยมีความเชื่อหลักของกลุ่มว่า ประเทศสหรัฐจะเป็นผู้จุดชนวนสงครามโลกครั้งที่ ๓ และจะนำไปสู่วันสิ้นสุดของโลก โดยในวันนั้นมนุษย์จะหมดไปจากโลกและยังเชื่อว่าวันดังกล่าวจะมาถึงอย่างแน่นอน ดังนั้นเพื่อให้เป็นการเร่งให้วันดังกล่าวมาถึงเร็วขึ้น จึงสร้างสถานการณ์ความรุนแรงเพื่อก่อให้เกิดวันสิ้นสุดของโลก โดยมีเขาเป็นศูนย์กลางและสาวกทั้งหมดจะรอดเมื่อถึงวันนั้น
ลัทธินี้มีฐานใหญ่อยู่ที่เมืองฟูจิมิยะ จังหวัดชิสึโอกะ และมีการขยายสาขาไปทั่วประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศกว่า 49,000 คน สาวกส่วนใหญ่ มีอายุอยู่ในช่วง 20-30 ปี บางคนเป็นถึงด็อกเตอร์ ศาสตร์จารย์มหาลัย หรือผู้มีอิทธิพลต่างๆ โดยทั้งหมดเชื่อหลักคำสอนลัทธินี้เพราะว่ามีการใช้เรื่องเหนือธรรมชาติมาเป็นตัวโฆษณา
ส่วนหลักคำสอนของลัทธินี้เด่นๆ ก็เช่นฆ่าคนชั่วไม่มีความผิด ทรัพย์สินสาวกทั้งหมดต้องให้เจ้าลัทธิ ห้ามกินเน้นกินนี้(แต่เจ้าลัทธิสามารถกินได้) ซึ่งหลายข้อสาวกทำไม่ได้เลยพยายามตีตนออกห่าง ทำให้มีการฆ่าปิดปากสาวกเหล่านั้นเพื่อไม่ให้เรื่องเหล่านี้เปิดเผย โดยมีคดีดังที่เกี่ยวข้องกับลัทธิหลายคดี จนกฎหมายเริ่มจับตา จนเป็นเหตุทำให้เกิดคดีปล่อยแก๊สซารินที่สถานีรถไฟใต้ดิน 5 สายขึ้นเพื่อเป็นการเบนข่าวลัทธินี้ โดย20 มีนาคม 1995 เวลา 8 โมงเช้า ในรถไฟใต้ดินโตเกียวจำนวน 5 สาย (สาวกของลัทธินํากระเป๋าซึ่งบรรจุแก๊สซารินเหลวมายังสถานีรถไฟใต้ดินในชั่วโมงเร่งด่วน จากนั้นก็ทําการเจาะกระเป๋าให้ แตกออกโดยใช้ ร่มปลายแหลมและแล้วซารินจำนวนมากเกิดเป็นแก๊สพิษทำให้คน 12 คนเสียชีวิต และบาดเจ็บ 5,510 คน เป็นคดีฆาตกรรมอย่างไม่เลือกตัวครั้งใหญ่ที่สุดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และสร้างความตื่นตระหนกไปจนทั่วโลก
หลังเหตุการณ์แก๊สซาริน ทำให้เจ้าหน้าทีตำรวจตัดสินใจบุกลัทธิโอมเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม และสามารถจับกุมอาซาฮาระพร้อมแกนนำได้ อาซาฮาระปฏิเสธเกือบข้อหา ในศาล เขามักจะแสร้งทำตัวพูดไม่รู้เรื่องหรือแกล้งบ้าเพื่อจะได้พ้นข้อกล่าวหาเนื่องจากไม่มีความสามารถในการรับผิดชอบ และตัวเขาก็ถูกตัดสินโทษประหารด้วยการแขวนคอ ส่วนสาวกได้รับโทษประหารชีวิตแบบเดียวกัน และยังมีสาวกอีกหลายคนอยู่ระหว่างการหลบหนีจนปัจจุบันนี้ และลัทธิโอมถูกประกาศว่าเป็นลัทธิอันตราย และถูกสั่งให้ยกเลิก แต่ก็ยังมีกลุ่มที่ยังศรัทธาลัทธิอยู่ และได้ตั้งชื่อใหม่เป็น “กลุ่มแอลป์” และปฎิบัติตามคำสอนของลัทธินี้อยู่จนถึงปัจจุบัน
3.Heaven’s gate

"เฮฟเวน'สเกต" หรือ "ประตูสู่สวรรค์ " เป็นลัทธิศาสนาที่เชื่อเรื่องยูเอฟโอ ฐานใหญ่อยู่ในซานดิเอโก ก่อตั้งโดยมาร์แชลล์ แอปเปิลไวท์(1931-1997) เจ้าลัทธิหัวหลอดไฟที่หน้าตาเหมือนมนุษย์ต่างดาว โดยประวัติความเป็นมาของลัทธินี้เริ่มขึ้นเมื่อตัวมาร์แชลล์ได้ฟื้นตัวจากอาการหัวใจวายซึ่งเมื่อรอดตายมาได้เขาอ้างว่าเขาได้พบมนุษย์ต่างดาว จากนั้นเขาก็ได้เขียนหนังสือถึงประสบการณ์นั้นแม้ว่าจะไม่ประสบผลสำเร็จอะไรมากมายแต่ก็สามารถทำให้คนหลายคนจากทั่วประเทศเดินทางมาหาเขาและเริ่มก่อตั้งลัทธิ “ประตูสวรรค์” ขึ้น โดยมีความเชื่อมนุษย์หาได้มาจากการสร้างของพระเจ้า หากแต่มาจากพ่อแม่ที่เป็นมนุษย์ต่างดาว และดาวเคราะห์โลกกำลังจะถูกรีไซเคิล(ทำความสะอาดขึ้นมาใหม่ หรือฟื้นฟูสภาพ)โอกาสเดียวที่จะรอดคือการออกไปจาโลกทันทีและต้องทำโดยเร็วด้วย โดนวิธีการฆ่าตัวตายโดยทิ้งร่างกายไว้ โดยจะมียานอวกาศมารับบรรดาวิญญาณ เพื่อเดินทางไปยังดาวต้นกำเนิดที่อยู่ด้านหลังของดาวหาง เฮล-บ็อบซึ่งความเชื่อนี้นำมาซึ่งเหตุฆ่าตัวตายหมู่เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 1997 ที่บ้านพักคฤหาสน์ เมืองซานดิเอโก สหรัฐ ในช่วงดาวหาง ฃเฮล-บ็อบมายังโลก เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าไปพบร่างผู้เสียชีวิตฆ่าตัวตายถึง 39 คน ศพชาย 18คน และหญิง 21 คน รวมไปถึงนายมาแชล แอปเปิ้ลไวท์ อายุ 66 ปีขณะนั้นรวมอยู่ ทั้งหมดตายด้วยวอดก้าผสมยาพิษชนิดร้ายแรงให้ดื่ม แล้วนอนตายอย่างสงบบนเตียงของแต่ละคน
หลังจากเหตุการณ์ฆ่าตัวตายของลัทธิประตูสวรรค์ส่งผลทำให้คำสอนของลัทธินี้เผยแพร่ไปอย่างรวดเร็วในสื่อต่างๆ ทำให้มีหลายลัทธิได้นำเรื่องยูเอฟโอมาใช้โฆษณาเรียกสาวกเข้ากลุ่มมากยิ่งขึ้น และกรณีนี้ได้กลายเป็นตัวอย่าง การฆ่าตัวตายทางศาสนาที่น่าเป็นเครื่องเตือนใจเป็นอย่างดี
2.Branch Davidians
http://writer.dek-d.com/writer/story/viewlongc.php?id=205702&chapter=406
Branch Davidians หรือ กิ่งก้านแห่งดาวิเดียน แต่เดิมลัทธินี้มีชื่อ Davidian Seventh Day Adventists ("ดาวิเดียน") ซึ่งตอนแรกหลักคำสอนเดิมของลัทธินี้คือ “วันพิพากษโลกจะเกิดขึ้นเมื่อปี 22 เมษายน 1959 แต่ปรากฏว่าคำทำนายนี้ไม่เป็นจริง ทำให้ในปี 1955 นิกายนี้ได้สร้างใหม่โดย เดวิด โคเรช มาเป็น “ลัทธิกิ่งก้านแห่งดาวิเดียน” พร้อมหลักคำสอนใหม่ว่า อีกไม่นานโลกจะถึงยุค “อมาเกดอน” หรือวันวิบัติโลก ซึ่งเขาผู้รับคำสั่งจากเบื้องบนมาปลดทุกข์ เขาคือตัวแทนของเหล่าพระองค์ที่มาหว่านเมล็ดพันธุ์ใหม่ของมนุษย์ ภายหลังวันพิพากษาโลก เผ่าพันธุ์ใหม่(หรือสาวกของเขา)เหล่านี้จะเป็นผู้รอดชีวิตและฟื้นฟูโลกใหม่ ก่อนที่จะปิดท้ายว่าพระเจ้ากำหนดให้เขาต้องมีภรรยา 140 คน
ด้วยหลักคำสอนนี้ทำให้เดวิดนั้นสามารถมีภรรยาหลายคน ซึ่งภรรยาส่วนใหญ่นั้นเคยเป็นภรรยาของสาวกของเขานั้นเอง นอกจากนี้เขายังชอบมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก ส่งผลทำให้ลัทธินี้เริ่มเสื่อมศรัทธาจากหลายๆ ประเทศ ที่ครั้งหนึ่งเคยโด่งดังไปถึงญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ มาบัดนี้กลายเป็นลัทธิเล็กๆ เท่านั้น แต่กระนั้นก็มีสาวกหลายคนยึดมั่นในตัวเดวิดอยู่ เนื่องจากเดวิดใช้วิธีการสอนสมาชิกด้วยวิธีล้างสมอง โดนเริ่มใส่โปรแกรมภาพความรุนแรง ความโหดร้ายต่างๆ จากภาพยนตร์และสารคดีให้แก่สมาชิกได้ชมทุกๆ วัน เพื่อให้มีความเชื่อฝังหัวว่าวาระสุดท้ายของโลกใกล้มาถึงแล้ว
Branch Davidians เป็นที่จับตาของกฎหมายมาหลายปี เนื่องจากมีคดีทารุณต่อเด็กและสตรีและสะสมอาวุธสงครามมาครอบครอง ทำให้ทางราชการต้องสู้รบกับสมาชิกต่อเนื่อง จนกระทั่งในปี ค.ศ.1993 เอฟ.บี.ไอ.ไล่ต้อนสาวกของลัทธินี้จนมุมที่เมืองวาโค รัฐเท็กซัส และผู้นำลัทธิเดวิด และผู้ติดตามได้ฆ่าตัวตายโดยการจุดไฟเผาเนื่องจากไม่อยากให้เจ้าหน้าที่บุกจับ ส่งผลให้เขาและสาวกตายกว่า 83 คน(จากรายงานของทางราชการพบศพ 79 ศพ)สิ่งที่สลดอย่างที่สุดคงจะเห็นไม่เกินซากศพมากจำนวนหนึ่งในห้องที่มีผนังคอนกรีตหนาและสูง(ห้องหลบภัย) คาดว่าเป็นสมาชิกของเด็กและผู้หญิงที่ทั้งหมดเอามารวมกันไว้อยู่ในสภาพไหม้เกรียมซึ่งมีมากถึง 41 ศพและเหตุการณ์เหล่านี้ได้ถูกสื่อมวลชนมากมายถ่ายทอดให้ประชาชนชาวอเมริกันนับล้านคนได้ดูทางทีวี
1.The People’s Temple
http://www.mythland.org/v3/viewthread.php?action=printable&tid=2739
เรื่องราวลัทธินี้ได้กลายเป็นตำนานที่กล่าวถึงคนธรรมดาที่อยากเป็นใหญ่แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวและกลายเป็นโศกนาฏกรรมสังหารหมู่คลั่งศาสนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก
จิมส์ โจนส์ เกิดเมื่อ 13 พฤษภาคม 1931 ในครอบครัวยากจนที่รัฐอินเดียน่า ประเทศอเมริกา ในครอบครัวที่แม่เชื่อว่าเขาเป็นนักบุญมาตั้งแต่เกิด เขาจึงเติบโตขึ้นเป็นผู้ศรัทธาในศาสนาคริสต์อย่างแรงกล้า และเขาได้ก่อตั้งลัทธิโบสถ์มวลชน และได้เริ่มทำการเผยแพร่ศาสนาเป้าหมายคือคนผิวสี ด้วยความมีพรสวรรค์ในการเทศน์ทำให้มีผู้ศรัทธาในตัวเขาจึงเพิ่มขึ้น เขาช่วยเหลือผู้ยากจน มีส่วนร่วมในการปกครองส่วนท้องถิ่น สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเองด้วยการอวดอ้างคุณงามความดีที่เขาทำให้ กับสังคม ในขณะเดียวกันก็ใส่ร้ายให้โทษลัทธิอื่นๆโดยกล่าวหาว่าลัทธิอื่นเป็นศาสน พาณิชย์ มุ่งแต่หาผลประโยชน์ กอบโกยเงินทองโดยไม่สนใจความทุกข์ยากของประชาชน มีแต่ลัทธิเขาเท่านั้นที่ดี ด้วยการพูดเช่นนี้ส่งผลทำให้โบสถ์มวลชนขยายตัวอย่างรวดเร็ว เขามีสาวกในมือมากราวกับเป็นกิจการขนาดใหญ่ สร้างเส้นสายในหมู่นักการเมืองซึ่งทำให้โบสถ์มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ แม้สมัยนั้นจะเป็นยุคเหยียดสีผิวก็ตาม
เมื่อจิมส์ โจนส์ ตั้งสิทธิตนเองได้ เขาประกาศว่า "ในไม่ช้าโลกจะถูกปรมาณูฆ่าล้างผลาญ มีแต่ผู้อยู่ในเวโลโอริซอนเด้ในบราซิลและยูเกียในแคลิฟอร์เนียเท่านั้นที่จะรอดชีวิต" เขาสอนให้ดำรงชีวิตแบบสังคมนิยม ปลูกผักเลี้ยงสัตว์บริโภคกันเองสังคมให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
แต่กระนั้นเมื่อนานเข้าลัทธินี้ก็ไม่ชอบมาพากลเมื่อมีข่าวว่าจิมส์เริ่มมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับสาวก (ทั้งกับผู้หญิงและผู้ชาย) ทำเขาสร้างฮาเร็มขึ้นในหมู่สาวก แต่กลับตั้งกฎให้งดเว้นการมีเซ็กซ์ระหว่างสามีภรรยาเพื่อให้ความสัมพันธ์ของครอบครัวอ่อนลง เด็กๆถูกแยกจากพ่อแม่ เขาสั่งให้สาวกเรียกตัวเองว่า"บิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์"จิมส์ชักชวนให้สาวกบริจาคสมบัติทั้งหมดแก่โบสถ์และมาใช้ชีวิตในโบสถ์ โดยบอกว่านี่เป็นการสร้างหนทางสู่สวรรค์ และเริ่มเทศน์ว่าท้ายที่สุดนั้น สาวกทุกคนต้องฆ่าตัวตายพร้อมกัน เพื่อที่วิญญาณของทุกคนจะได้เป็นหนึ่งเดียวและได้รับความสุขอันเป็นนิรันดรที่ดาวดวงอื่น
ปี 1973 จิมส์เริ่มวางแผนจะย้ายสาวกไปยังกีอาน่าในอเมริกาใต้และสร้าง"โจนส์ทาวน์"ขึ้นบนพื้นที่กว่า 300 เอเคอร์“วิหารเทวาลัย” เป็นจุดศูนย์กลาง โดยในปี 1978 มีผู้อยู่อาศัยในโจนส์ทาวน์ 1,000 คน ดินแดนแห่งนี้ตัดขาดจากโลกภายนอกไม่รับอนุญาตให้คนนอกเข้า ทำให้ที่นี่เป็นเหมือนเมืองในระบบเผด็จการของจิมส์ กฎมากมายถูกกำหนดขึ้น คนที่จำไม่ได้ คนที่ไม่ปฏิบัติตามและคนที่ทำท่าจะหนีออกไป ถูกลงโทษอย่างรุนแรงซึ่งยกระดับขึ้นเรื่อยๆ จากการใช้กำลังเป็นการทรมาน และจากการทรมานเป็นการใช้กำลังทางเพศหากถูกจับได้จะถูกนำมาทิ้งที่บ่อลึก ซึ่งรู้จักในชื่อ “โพรงแห่งทุกข์ทรมาน” โดยจะโยนทิ้งในเวลาเที่ยงคืน จากนั้นก็ไม่มีใครได้พบเห็นหน้าผู้เคราะห์ร้ายนั้นอีกเลย กลางป่าลึก โดยมี
ค.ศ.1978 ลีโอ รายอัน สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ กับผู้สื่อข่าว ได้เข้าไปที่โจนส์ทาวน์เนื่องจากได้รับคำร้องเรียนจากอดีตสาวกและครอบครัวของสาวกที่ยังอยู่ที่นั่น รายอันได้แอบนำสาวกที่เปลี่ยนใจซ่อนตัวออกมาเพื่อขึ้นเครื่องบินกลับ แต่ความแตก บรรดาสาวกที่บ้าคลั่งพากันขับรถตามมาสังหารรายอันกับสาวกที่แปรพักตร์และผู้สื่อข่าวอีก 3 คนตายเกลี้ยง
วันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ.1978 หลังจากเกิดการฆาตกรรมสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ จิมส์รู้ดีว่า ทุกอย่างกำลังจะถึงจุดอวสาน ตำรวจไม่ปล่อยเอาไว้แน่ เขาเรียกประชุมสาวกทั้งหมดมาที่โจนส์ทาวน์
จิมส์ประกาศผ่านลำโพงกระจายเสียง “ถ้าหากเราไม่สามารถอยู่อย่างสันติได้ก็ขอตายอย่างสันติ” จากนั้นเขาก็สั่งให้สาวกดื่มเครื่องดื่มที่ผสมไซยาไนด์อย่างแรงเพื่อฆ่าตัวตาย ถ้ามีผู้ปฏิเสธก็จะถูกยิง รัดคอ หรือไม่ก็ถูกจับฉีดไซยาไนด์เข้าเส้นเลือด เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าสำรวจพบว่ามีคนตายทั้งหมด 914 กว่าคน คนที่เสียชีวิตนั้น คาดการณ์ว่ามีถึง 300 กว่าคนที่ถูกฆ่าโดยคนอื่น มีทั้งศพที่ถูกยิงจากข้างหลัง และศพที่อยู่ห่างจากแก้วยาพิษจนไม่มีความเป็นไปได้ที่เขาจะเอื้อมไปถึง เกือบ 300 ศพจากทั้งหมดเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีส่วนศพของจิมส์ถูกพบบนแท่นเวที ที่ศีรษะด้านขวามีรอยกระสุน ไม่ทราบว่าเป็นการฆ่าตัวตายหรือฆาตกรรมกันแน่ แต่ดูจากสถานการณ์โดยรวม คนส่วนใหญ่ต่างก็ลงความเห็นว่านี่น่าจะเป็นการฆ่าตัวตายมากกว่า และนี้คือเหตุการณ์ฆ่าตัวตาย ที่ได้รับการบันทึกประวัติศาสตร์ว่าเป็นการฆ่าตัวตายหมู่โดยเจตนามากที่สุดในโลก!!
Cammy จัดอันดับเอง แปลและเรียบเรียง(เพิ่มเติมในวีกิพีเดียอังกฤษ)
http://www.toptenz.net/top-10-cults.php
http://www.thescene.com.au/Trash/Oddities/TOP-10-CULTS/
ไม่อนุญาตให้ตั้งกระทู้ใน เว็บไซต์ Dek- D + +
PS. ..+..ชั่วดีอยู่ที่เราอยากให้มันเป็น..+..
แต่จากการไปหาข้อมูลผมว่า เป็น คริส แสดงว่าเว็บไซต์จัดอันดับอย่าง thailand top ก็ให้ข้อมูลมั่วได้เหมือนกัน
PS. มีแสง...ก็ต้องมิเงา,มีขาว...ก็ต้องมีดำ
PS. ' รักที่สุด รู้ตัว..มั้ย ? : )
PS. ความรักเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับฉัน ฉันจะไม่ค้นหามัน ฉันจะให้มันมาค้นหาตัวของฉันเอง
- ลัทธิของชาร์ลส์ แมนสันโหดอ่ะ ฆ่าคนได้น่ากลัวมากทั้งๆ ที่หน้าตาแต่ละคนก็ดูน่ารักทุกคนเลย (จากในภาพประกอบ) ส่วนลัทธิ Heaven's Gate นี่คิดได้ไง มนุษย์มีต้นกำเนิดมาจากมนุษย์ต่างดาวเนี่ย - -"
ลัทธิ The People's Temple นี่น่ากลัวสุดๆ โหดแบบโรคจิตกล่อมประสาทสุดๆ
- ท้ายประโยคย่อหน้าที่ 5 ของ ลัทธิ The People's Temple เนื้อหาขาดหายหรือว่าพิมพ์ คำว่า "โดยมี" เป็น "โดยปี" รึเปล่าคะ?
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 25 มีนาคม 2554 / 00:40
PS. [ # ] TEAMIN . JONGHYUN => I ♥ Him.
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 8 พฤศจิกายน 2553 / 21:29
PS. ~I want Nobody But you~I want Nobody But you~
เสนอลัทธิอาเบะ(นั่นลัทธิเรอะ!)
แต่สาวกเฮียแกเยอะจริงๆนะ
PS.
"ลัทธิจานบิน"
พี่แคมมี่อย่าลืมเอามาไว้ลิทธิแปลกบ้างนะ
เฮ้อแต่ละลัทธิ เหอๆๆๆ
ขออนุญาตินำบางกระทู้ไปลงในเว็บ soccersuck บอร์ดวาไรตี้นะครับคุณ Cammy
ผมให้เครดิตคุณไว้ แล้วก็ลิ้งต้นฉบับด้วยนะครับ ^^
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 30 ตุลาคม 2553 / 18:32
-__ เดี๋ยวคงมีลัทธินุกสุขาวดี
PS. ไม่หล่อ แต่จี้เส้น
PS. การให้อภัยใคร ไม่ใช่ว่าเรื่องจะจบ
PS. I LOVE CARTOON !!! =w= รีบอร์น , แบล็คบัทเลอร์ , แพนโดร่าฮาร์ท , xxxHolic , สึบาสะ , โซลอีทเทอร์ , นูระ หลานจอมภูต ฯลฯ