ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตามรอยเรื่องลึกลับ

    ลำดับตอนที่ #86 : โบสถ์แห่งบอร์ลีย์ (Borley Rectory) โบสถ์สยองขวัญที่อังกฤษ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.52K
      4
      24 ก.พ. 52




    โบสถ์แห่งบอร์ลีย์ (Borley Rectory) โบสถ์สยองขวัญที่อังกฤษ

    Borley Rectory ถ่ายเมื่อปี 1892

    ที่อยู่ Borley, Essex

    ถูกทุบทำลายปี 1939

     

     

    โบสถ์แห่งบอร์ลีย์หลังนี้ นำมาซึ่งเรื่องราวอันน่าเร้นลับน่าสะพรึงแก่ผู้พบเห็นอยู่เสมอ...........

     

                    โบสถ์แห่งบอร์ลีย์(บอร์ลีย์ เรคตอรีย์)  หลังนี้ ตั้งอยู่ห่างจากกรุงลอนดอนไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 60 ไมล์ แถบชานเมืองเอสเซกซ์ (Essex) ได้มีการบันทึกเป็นครั้งแรกไว้ในหนังสือ 1066 วันพิพากษา(1066 Doomsday Book) กล่าวถึงคฤหาสน์ของบอร์ลีย์ซึ่งต่อมามีการตั้งโบสถ์ไม้นี้ เมื่อ ค.ศ.1362 นักบวชในนิกายเบเนดิกทีน(Benedictine) และแม่ชีจากสำนักชีในละแวกนั้น ได้ถูกกล่าวหาว่ากระทำการเป็นหมอผี ทั้งสองพยายามที่จะหนี แต่ถูกพวกชาวบ้านที่งมงายขัดขวาง สุดท้ายนักบวชถูกแขวนคอ ส่วนแม่ชีถูกฝังให้เป็นภายในผนังของสำนักชี

                    โบสถ์ของบอร์ลีย์เป็นอาคารก่อด้วยอิฐแดง สร้างใน ค.ศ.1863 โดยบาทหลวงเฮนรี ดาวสัน เอลลิส บุลล์ พระอธิการปกครองแห่งบอร์ลีย์ โดยท่านอธิการได้ตั้งรกรากอยู่ที่นี้กับภรรยา คือแครอลีน ทั้งสองมีลูกด้วยกันถึง 14 คน

                    หลังจากนั้นเป็นต้นมาเหตุการณ์ประหลาดก็เกิดขึ้น.................

                    ครั้งแรก เมื่อวันที่ 18 กรกฏาคม ค.ศ.1900 โดยลูกสาว 3 คนของบาทหลวงเฮนรี บุลล์ ได้เห็นแม่ชีประหลาดคนหนึ่งเดินอยู่ในโบสถ์ จึงคิดไปทักทายตามมารยาท แต่ปรากฏว่าแม่ชีได้เดินหายเข้าไปทางด้านหลังโบสถ์อย่างไร้ร่องรอย หลังจากนั้นก็ได้มาปรากฏตัวโดยยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าให้ช่างไม้ที่เข้ามาทำงานเห็นถึงสี่ครั้งในเวลาต่างกัน

                    ตั้งแต่นั้นการได้เห็นแม่ชีปริศนานี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับโบสถ์แห่งนี้เสียแล้ว จนถึงปี ค.ศ.1928 สมาชิกครอบครัวของบาทหลวงบูลล์ก็ย้ายออกไป และบาทหลวงกาย สมิธและภรรยาก็เข้ามาอยู่แทน ทั้งสองได้ประสบเหตุการณ์ประหลาดสยองนอกเหนือจากการเห็นแม่ชีปริศนา เช่น จู่ๆ ก็มีก้อนหินขว้างมาโดยไม่ปรากฏผู้ขว้าง รอยเท้าประหลาด การได้ยินเสียงหลอนน่ากลัวยามค่ำคืน แสงไฟจากห้องมืด หรือแม้กระทั้งรถม้าปีศาจก็โผล่ออกมาให้เห็น ส่วนแม่ชีปริศนาก็โผล่มาแม้แต่ตอนกลางวันแสกๆ

                    แต่ที่น่าสะพรึงที่สุดคือเสียงพูดลึกลับ

                    เงียบเถอะ!! คาร์ลอส อย่าคว่ำครวญเลย ดึกแล้ว

                    ซึ่งคาร์ลอสนี้เป็นชื่อเล่นของบาทหลวงเฮนรี บุลล์นั่นเอง

                    
                   ในปีต่อมา บาทหลวงสมิธทนไม่ไหวกับปัญหาที่เกิดขึ้น เขาเลยติดต่อกับหนังสือพิมพ์เดลิมิร์เรอร์ เพื่อขอความช่วยเหลือ แฮร์รี ไพรส์
    นักสืบสวนปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติระดับขึ้นชื่อลือชาสุดๆ แห่งอังกฤษ นอกจากนี้ก็ยังมีคณะนักข่าว ไปทำพิสูจน์ปรากฏการณ์แปลกๆ ซึ่งบังเกิดขึ้นในเรคตอรีย์แห่งนี้ และทั้งหมดต่างก็พบเหตุการณ์แปลหๆ มากมาย เช่น เสียงกระดิ่งที่ลั่นได้เอง ลูกกุญแจหลุดปลิวหวือจากตัวล็อคกุญแจ (โดยไม่มีมือคนไปแตะต้อง) มีคนเห็นวงแสงประหลาดและได้ยินเสียงย่ำฝีเท้าภายในห้องที่ไม่มีคนอยู่ มีคนเห็นปีศาจชายคนหนึ่งเดินป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้เคียงตัวบ้าน แต่ทั้งหมดก็ไม่รู้จะช่วยเหลือยังไง จนในที่สุดบาทหลวงสมิธก็ต้องย้ายออกไปจากโบสถ์แห่งบอร์ลีย์ในปีนั้น เพราะสุดทนกับความเฮ้ยนของสถานทีนี้

    นายไพรส์ได้เอาตัวเข้าไปพัวพันกับเรคตอรีย์แห่งนั้นหลายช่วงเวลา รวมแล้วก็นับหลายปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างปี 1930 ถึง 1935 เป็นช่วงเวลาที่ผู้เช่ารายต่อมาคือ ท่านภราดา ไลโอเนล ฟอยสเตอร์ กับภรรยาชื่อมาเรียนน์ และอะดิเลด ลูกสาว  เข้าพักอาศัยในเรคตอรีย์ แทนครอบครัวคนก่อน ซึ่งดูเหมือนว่าการหลอกหลอนจะรุนแรงมากขึ้น โดยมีเป้าหมายมาทีมาเรียนน์ครั้งแรกเธอโดนตบหน้า ครั้งสองถูกเหวี่ยงออกจากเตียง นอกจากนั้นก็มีเครื่องหมายและชื่อของนางมาเรียนน์(Marianne)ปรากฏไว้ที่ผนังบ้านด้วย

    นอกจากนั้น นายไพรส์ได้เห็นกับตา เมื่อลูกกุญแจหลุดปลิวหวือจากตัวล็อคส์ ได้ยินเสียงกระดิ่งลั่นไปเอง (บางครั้งบางคราวก็เป็นคำขอจากนายไพรส์เอง คือ ขอให้ปีศาจที่สิงอยู่ในเรคตอรีย์ "ช่วยชักกระดิ่งหน่อยเถอะ"ซึ่งนายไพรส์ก็ไม่ผิดหวังกับคำขอแบบ "ท้าพิสูจน์") มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ขวดเปล่าใบหนึ่งถูกเขวี้ยงใส่นายไพรส์ด้วย "มือที่มองไม่เห็น" เขายังแว่วเสียงฝีเท้าย่ำตึกๆ จาก "เท้าที่มองไม่เห็น" แล้วเขาก็ยังได้เห็น "เรือนร่างรางๆ" คล้ายรูปตัวคน นายไพรส์ประมาณว่าระหว่างที่ครอบครัวฟอยสเตอร์พำนักอยู่ในเรคตอรีย์แห่งนี้ เกิดปรากฏการณ์แนว "ปีศาจแผงฤทธิ์" ที่สามารถสังเกตการณ์ได้อย่างชัดๆ รวมแล้วประมาณ 2,000 ครั้งเป็นอย่างน้อยที่สุด

    ในปี ค.ศ.1935 ครอบครัวของบาทหลวงฟอยส์เตอร์จำต้องจากโบสถ์แห่งบอร์ลีย์ไป จากนั้นสองปีต่อมานายไพรส์ได้ขอ "เช่าช่วง" เข้าพำนักอยู่ในบอร์ลีย์ เรคตอรีย์ เป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม

    ไม่เพียงแต่ตัวเขาที่เฝ้าสังเกตการณ์เพียงคนเดียว นายไพรส์ได้เชื้อเชิญบรรดาบรรดา "ผู้ที่มีความสนใจ" ไปร่วมสังเกตการณ์ในบ้านหลังนั้นด้วย ได้จัดตั้งกลุ่มองค์กรผู้สังเกตการณ์รวม 48 คน ไปพำนักอยู่ในเรคตอรีย์ อย่างน้อยก็คนละหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ ที่ต้องไปพำนักอยู่และเฝ้าสังเกตการณ์ในบ้านหลังนั้น แต่ดูเหมือนว่าผีจะไม่ค่อยชอบคนมาก เพราะจากนั้นก็ไม่ปรากฏมาอีก หนำซ้ำคนอื่นก็กล่าวหาว่านายไพรส์นั้นแหละเป็นตัวการก่อเรื่องทั้งหมด

    อย่างไรก็ตามนายไพรส์ก็ทำการพิสูจน์เรื่องผีแห่งบอร์ลีย์นี้จนได้ เมื่อเขาทำพิธีเข้าทรงติดต่อกับวิญญาณ ในวันที่ 27 มีนาคมของปีนั้น ร่างทรงได้สื่อข้อความว่า

    ซูเนกซ์ อมูเรส(Sunex Amures)และลูกน้องคนหนึ่งของเขา จะวางเพลิงโบสถ์แห่งนี้ในคืนหนึ่ง

    ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1939 บอร์ลีย์ เรคตอรีย์ ถูกเพลิงไหม้เผาผลาญยุบลงกองกับพื้นเหลืออยู่แต่ตัวโครงอาคาร เหตุการณ์เกิดขึ้นก็เพราะว่าในตอนนั้น นายร้อยเอกดับบลิว. เอ็ช. เกรกอรีย์ ได้ซื้อบ้านหลังนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเองเลย และได้เข้าพำนักใน "บ้านผีสิง" ในระหว่างที่นายร้อยเอกเกรกอรีย์กำลังค้นหาหนังสือบางเล่ม หนังสือที่จัดตั้งไว้กองหนึ่งก็ปลิวกระจัดกระจายก็ไปกระแทกตะเกียงน้ำมันดวงหนึ่งพลิกคว่ำ ทำให้เกิดเพลิงไหม้ลุกลามไปทั่วสถานที่นั้น จนกระทั่งในที่สุดบอร์ลีย์ เรคตอรีย์ ถูกเผาผลาญยุบตัวหมดทั้งหลังเหลืออยู่แต่ส่วนโครงโด่เด่ หลังจากเกิดเพลิงลุกไหม้หนึ่งเดือน  และเมื่อเพลิงสงบโบสถ์แห่งนี้ก็เหลือเพียงซากอาคารเท่านั้น


                   แต่ถึงแม้โบสถ์จะเหลือแต่ซากก็ยังมีปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นต่อเนื่อง
    มีสุภาพสตรีกลุ่มหนึ่งในท้องถิ่นนั้นได้ไปเยี่ยมชมซากอาคารเป็นสุภาพสตรีรวมสี่คน ทั้งสี่คนนั้นได้เห็น "ผู้หญิงคนหนึ่ง" สวมชุดสีฟ้า กำลังเดินเข้าห้องชั้นบนห้องหนึ่งจากนั้นก็เกิดหลายอย่างเป็นเวลาต่อเนื่องไปอีกกว่าหกปี! หลังจากนั้นปรากฏการณ์แปลกๆ ก็ค่อยๆ สงบรำงับลงตามลำดับเวลา

    หลังจากวันที่ 29 เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1945 เมื่อมีผู้ค้นพบกะโหลกของหญิงสาวผู้หนึ่งภายในซากของอาคารแห่งนั้น ค้นพบหัวกะโหลกตรงจุดด้านล้างของส่วนพื้นห้องใต้ถุนของตัวอาคาร หัวกะโหลกนั้นได้ถูกนำไปกลบฝังตามพิธีการทางศาสนา

    หลังจากนั้นปรากฏการณ์แปลกๆ ที่จุดบอร์ลีย์ เรคตอรีย์ ก็แทบจะสงบรำงับลงโดยสิ้นเชิง ซากปรักหักพังของบอร์ลีย์เรคตอรีย์ ได้ถูกกวาดออดไปหมด จนราบเรียบเป็นหน้ากลอง

    อย่างไรก็ตาม นายฮารีย์ ไพรส์ พร้อมด้วยกลุ่มเพื่อนฝูงของเขาพากันไปเยี่ยมเยียน "ซากแห่งบอลีย์ เรคตอรีย์" เป็นครั้งสุดท้าย และเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของนายไพรส์เป็นตากล้องในสังกัดนิตยสาร "ไลฟ์" เขาได้ตั้งกล้องถ่ายภาพชุดครั้งนี้ ปรากฏว่ามีอยู่ภาพหนึ่งเมื่อนำฟิล์มมาล้างอัดภาพเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ปรากฏให้เห็นในภาพนั้น ก็คือก้อนอิฐก้อนหนึ่งจากซากอาคารลอยตัวตั้งเด่อยู่ท่ามกลางอากาศ ลอยตัวตั้งเด่อยู่ด้านหน้าของช่องทางอันมือคล้ำช่องหนึ่ง!

     

    (จากนิตยสารต่วยตูนพิเศษ ฉบับที่ 327 พฤษภาคม 2545+ +)

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×