ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตามรอยเรื่องลึกลับ

    ลำดับตอนที่ #66 : แกะรอยตำนานขนแกะทองคำ (Golden Fleece) เรื่องจริงหรือเรื่องโม้?

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6K
      2
      16 ธ.ค. 51


    ขนแกะทองคำ (Golden Fleece)

     

                    นี้คือเรื่องราวที่โด่งดังและเป็นมหากาฬย์ยิ่งใหญ่ที่เราต่างรู้จัก และมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร แม้รายละเอียดจะแตกต่างกันบ้างแล้วแต่ละเจ้า แต่แกนเรื่องก็คือของที่ตามหาคือสิ่งเดียวเท่านั้นคือ ขนแกะทองคำ

    ตำนานเจสัน และลูกเรืออาร์โก นั้น เป็นตำนานคลาสสิกที่เกี่ยวข้องกับการผจญภัย ของวีรบุรุษ ครับ เหมือนกับ มิชชั่น อิมพอสซิเบิล ฉบับโบราณเลยนะครับ มันมีองค์ประกอบทุกอย่างของเทพนิยาย วีรบุรุษ และเจ้าหญิง เวทมนต์ และมังกร รวมไปถึง โศกนาฏกรรม

                    แต่มันก็มีปัญหาจนได้ที่ว่า การผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้มันเกิดขึ้นจริงๆ หรือ

                    ทุกวันนี้ นักโบราณคดีเริ่มหันมาสนใจตำนานมหากาฬย์โบราณอย่างจริงจังๆ นับตั้งแต่มีการค้นพบซากเมืองทรอยโดย ไฮน์ริช ชไลมันน์ บนชายฝั่งตุรกี ทำให้โลกได้รู้ว่าตำนานมหากาพย์กรีกมีหลายเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ ไม่ใช้เรื่องโม้แต่อย่างใด จนเป็นเหตุให้มีนักโบราณคดีหลายคนพยายามแกะรอยตำนานขนแกะทองคำบ้าง

    ในตำนานบันทึกไว้ว่าณ เมื่องท่าชื่อไอโอคุส(Iochus)ของกรีกโบราณแคว้นเทสซาลีในปัจจุบัน กษัตริย์ เพเลอัส ลุงที่ชั่วร้ายของเจสัน ได้ยึดบัลลังค์และขับไล่กษัตริย์ ไอโอคัส ซึ่งเป็นพ่อของเจสัน เพื่อความปลอดภัย เพเลอัสคิดจะฆ่าเจสัน แต่ว่าเจสันหนีรอดไปได้

    สำหรับเจสัน เขาโตขึ้นมาที่เขา เพลิออน ตอนกลางของกรีก โดยมีเซนทอร์  ชื่อไครอน เป็นอาจารย์ และเลี้ยงดูเจสัน จนเติบใหญ่พอที่จะทวงบัลลังก์

    เมื่อเจสันอายุ 20 ปี เขาออกจากเขา เพลิออน เพื่ออ้างสิทธิ์ของเขา ก็คือ อาณาจักรของพ่อเขา ระหว่างทางนั้นเขาเสียรองเท้าไป ตอนช่วยหญิงชราข้ามแม่น้ำ ซึ่งแท้จริงก็คือ เทพี ฮีรา เทพอุปถัมภ์ของเขาเองที่ปลอมตัวมา(บางแห่งคืออาเธน่า) จากนั้น เจสัน ก็มุ่งหน้าไปยังที่ราบ ไอโอคัส เพื่อไปยังวังของลุง

    แม้เพลิอัส จะช่วงชิงบัลลัง แห่งไอโอคัสมาได้ แต่ก็ทรงรู้สึกไม่สบายใจ มีคำพยากรณ์จากวิหารเดลฟีว่า ให้ระวังคนแปลกหน้าที่ใส่รองเท้าข้างเดียว เมื่อเจสันมาถึง และอ้างสิทธิ์บัลลังอย่างกล้าหาญ เขาก็หวาดกลัวมาก กฎศักดิสิทธิ์ แห่งการเป็นเจ้าบ้านทำให้ เขาทำร้ายเจสันตรง ๆ ไม่ได้ แต่ เพลิอัส นั้นเจ้าเลห์ เขาเลยพูดกับเจสันว่า "บอกข้าสิเจ้าหนุ่ม ถ้าเจ้าเห็นข้า และต้องเผชิญหน้ากับคนที่มาทวงบัลลังก์ เจ้าจะทำอย่างไร" เจสันตอบว่า "ข้าจะส่งเขาไปทำงาน ที่ไม่มีใครทำได้ นอกจากเทพเจ้า" เพลิอัสก็ตอบไปว่า "ดีมาก งั้นถ้าเจ้าอยากได้มงกุฎ ข้า เจ้าจะต้อง ไปเอาขนแกะทองคำ มาให้ข้าก่อน"

    ซึ่งขนแกะทองคำนี้มีที่มาครับ มันมาจากของขวัญจากจอมเทพซุส ครับ แกะตัวนั้นได้บินไปทางตะวันออก ดินแดนซึ่งพระอาทิตย์ขึ้น ที่นั่น กษัตริย์ซึ่งเป็นบุตรของสุริยเทพ ได้บูชายันแกะนั้น และแขวน ขนแกะไว้บนต้นไม้ศักดิสิทธิ์ และมีมังกรคอยเฝ้า เป็นดินแดนมหัศจรรย์ที่ไม่เคยมีมนุษย์คนใด ไปเห็นมาก่อน


                  ด้วยความคะนอง ร้อนวิชา เจสันตอบรับคำท้าทันที เขาออกค้นหาขนแกะโดยมีเรือใหญ่ชื่อเรืออาร์โก(
    Argo)และเพื่อนร่วมเดินทางหลายคน ไม่ว่าจะเป็นเฮอคิวลีส ทเซอุส หรือ ออร์พิอุส แต่ละคนเป็นมนุษย์กึ่งเทพทั้งสิ้น โดยลูกเรือของเจสันมีทั้งสิ้น 50 คน

    การเดินทางเจสันเพื่อตามหาขนแกะทองคำนั้นไม่ได้โรยด้วยกรีบกุหลาบแน่นอน เพราะระหว่างการเดินทางเจสันและเพื่อนต่างประสบภยันอันตรายต่างๆ นาๆ ไม่ว่าจะเป็น

    ·       ที่เกาะเลมนอสที่ต้องเผชิญกับนักรบหญิง

    ·       โพไซดอน เทพแห่งท้องทะเล

    ·       เรือฝ่ากระแสน้ำที่รุนแรง ซึ่งไหลออกมาจากมหาสมุทรที่ยิ่งใหญ่ ผ่านช่องแคบบอสฟอรัส

    ·       ผ่านช่องแคบบอสฟอรัส ไปเจอเกาะลอยซึ่งมีหน้าผาหินกระทบกัน มันจะบดเรือทุกลำที่ผ่านเข้าไป

    ·       สัตว์ประหลาดในตำนานต่างๆ 

    ·       พบแม่มดมีเดียที่เจสันสัญญาว่าจะแต่งงานด้วยกัน

    และแล้วเจสันก็มาถึงที่หมายคือเมืองโคสซิส ที่นั้นเองที่กษตริย์เออิเตส(Aeetes)ที่เป็นเจ้าของขนแกะทองคำก็เอาบททดสอบต่างๆ ให้เจสันทำ แต่ด้วยความเก่งของเจสันบวกกับความฉลาดของมีเดียก็ได้ขนแกะทองคำมาอยู่ในมือจนได้

    คุณอาจคิดว่าตำนานจะจบลงตรงนั้นครับ เจสันและมีเดียกลับไปที่กรีก และสาบานว่าจะรักกัน และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป แต่ตำนานกรีกไม่ใช่แบบนั้นครับ


                    เมื่อเจสันเอาขนแกะทองคำเดินทางกลับเมือง ไอโอคัส พร้อมมิเดีย กษัตริย์ลุงที่ชั่วร้ายแปลกใจที่ได้เห็น เจสัน มีเดียได้ใช้เวทมนต์ ล่อลวงลูกสาวว่าพวกเธอจะชุบชีวิตพวกเขา สับร่างและนำ ไปต้มในหม้อใหญ่ กษัตริย์ลุจึงได้ตาย และเจสันก็ได้เป็นกษัตริย์ตามคำทำนาย พวกเขามีความสุขระยะหนึ่ง มีเดียมีลูกชายสามคน แต่ประชาชนในเมือง กลัวมีเดียและเวทมนต์ของเธอ ในที่สุด พวกเขาเนรเทศเจสันและครอบครัว ให้ออกจากเมืองไป แล้วลงทางใต้ที่เมืองคอริน

    ที่คอรินนี่เองที่เจสันผู้มีชื่อเสียง ได้เป็นกษัตริย์ เขาได้รับการเสนอเจ้าหญิงแสนสวยคนหนึ่ง ให้เป็นภรรยา เขารับ และผิดคำสัญญาที่ให้ไว้ กับมีเดีย แน่นอนครับ มีเดียไม่ใช่ตัวละครธรรมดาเท่านั้น เธอมีเทพเจ้าและมนุษย์เป็นบรรพบุรุษ อีกด้วย เพื่อที่จะแก้แค้น ในสิ่งที่สามีของเธอได้ทำเอาไว้ เธอได้สังหารลูก ๆ ของเจสันทิ้ง  

    สำหรับเจสันแล้ว เรื่องของเขาจบลงเหมือนกับตอนที่เริ่มต้นนั่นแหละครับ เขาอยู่อย่างโดดเดี่ยว กับรองเท้าเพียงข้างเดียว เขาเดินทางกลับไปที่ ไอโอคัส ด้วยสิ่งทำให้เขามีชื่อเสียงขึ้นมา เรือลำเก่าของเขาครับ เรืออาร์โก เรือเก่าของเขาลำนี้ ตั้งอยู่ที่ชายฝั่งขณะที่เขา นั่งร้องไห้อยู่ในเงามืด เพียงผุ้เดียวครับ คานวิเศษและหัวเรือที่พูดได้นั้น ได้หักลงมาทับเขาจนเสียชีวิตลงไป เทพเจ้าสร้างเขาขึ้นมา และเทพเจ้าก็ได้ทำลายชีวิตของเขาในทีสุด ครับ

                    นักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์ไม่เชื่อหรอกครับว่ามนุษย์เทพอย่างเฮฮคิวลิสมีจริง หรือมีอสูรตาเดียวเดินไปเดินทางในประวัติศาสตร์หรอกนะครับ แต่เขาเชื่อเว่าเรื่องราวนี้น่าจะเป็นการเดินทางในดินแดนที่ไม่รู้จักเสียมากกว่า

                    อย่างที่กล่าวมาว่ามีผู้บันทึกการค้นหาขนแกะทองคำเอาไว้นับร้อยสำนวน แต่ที่เก่าแก่ที่สุดเขียนก่อนใครก็ราว 2500 ปีก่อนโดยกวีชื่อ พินดาร์(Pindar) ในขณะที่ฉบับที่ อโพโลนิอุส แห่งเกาะโรดส์(Apollonius of Rhodes) เป็นผู้รจนา ในอีก 200 ปีให้หลังกลับเป็นที่ยอมรับกันกว้างขวางที่สุด จากเนื้อความในตำนานนี้ นักภูมิศาสตร์ได้พยายามเทียบคียงลักษณะภูมิประเทศ และชื่อสถานที่ปรากฏ เพื่อค้นหาเส้นทางการผจญภัยของเจสันและเพื่อน ในขณะที่นักโบราณคดีก็เฝ้าตามรอยซากอาคารโบราณที่อาจเป็นสิ่งที่ย้ำถึงการมาเยือนของเจสันและผองเพื่อน รวมทั้งเครื่องประดับและโบราณวัตถุอื่นๆ ที่มีเอกลักษณ์ของกรีกในดินแดนอันไกลพ้น

                    ถึงบัดนี้ มีผู้รู้ออกมาเสนอข้อสันนิษฐานเรื่องเส้นทางการผจญภัยของเจสันกันนับไม่ถ้วน บางคนบอกว่าเจสันบอกว่าเจสันเดินทางไกลมาถึงทวีปอเมริกา โดยข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ผ่านทางช่องแคบยิบรอลตาร์ สู่เกาะคิวบาและไฮติ ก่อนจะเข้าล่องลงใต้ผ่านแม่น้ำอเมซอน สู่อาร์เจนตินาแล้วล่องผ่านแม่น้ำปารามาสู่ทะเลสาบติติกากาสู่แหล่งอารยธรรมของพวกอินคาแถบนครลึกลับมาชูปิกชู

                    นี้อาจเป็นเส้นทางเดินทางที่ไกลเกินจริงสักหน่อย แต่ทฤษฏีนี้มาจากเฮนเรียต เมิร์ทซ์ (Henriette Mertz) ผู้เสนอข้อสันนิษฐานนี้อ้างว่า เรื่องหินลอยน้ำที่สามารถเลื่อนที่ประกบกันที่คอยทำลายเรือที่ผ่านมานั้นเป็นเรื่องจริง โดยมันปรากฏในบันทึกปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นในเกาะไฮติและคิวบา เนื่องจากระดับน้ำของช่องแคบระหว่างสองเกาะจะขึ้นลงได้คราวละมากๆ ดังนั้น หากมีเรือล่องผ่านช่องแคบในคราวน้ำลงก็อาจต้องติดคาแนวหินโสโครกและนักเดินเรือที่รู้จักปรากฏการณ์นี้จะรอคอยให้น้ำหนุนสูงจนปลอดภัยสำหรับการเดินเรือ

                    แม้เฮนเรียต เมิร์ทซ์ จะอ้างการค้นพบของเขาอย่างแข็งขัน แต่ทว่าคนส่วนมากเห็นว่าการเดินทางข้ามหมาสมุทรแอตแลนติกนั้นดูจะเหลือเชื่อมากไป มันเป็นไปได้เหรอที่เรือไม้ที่ต่อขึ้นจะสามารถข้ามมหาสมุทรที่ก้าวใหญ่นี้ได้และสามารถผ่านพ้นต้านทานคลื่นลมรุนแรงของมหาสมุทรใหญ่ได้

                    ดังนั้นทฤษฏีหนึ่งที่หลายฝ่ายเชื่อมากที่สุดก็คือ เส้นทางเดินเรือที่เจสันและพรรคพวกเดินทางนั้นคือแถบยุโรปนี่เอง โดยเห็นว่าเมืองท่าโคลซิสที่เป็นเมืองท่าที่เป็นเป้าหมายในการค้นหาขนแกะทองคำน่าจะอยู่แถวๆ ทะเลดำซึ่งอยู่ถัดขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลเมดิเตอเรเนียมนี่เอง ผู้สนับสนุนทฤษฎีนี้มีข้อพิสูจน์หลายอย่าง โดยเรื่องหินลอยน้ำนั้นแท้จริงคือเนินเขาบนช่องแคบดาร์ดาเมล ซึ่งเชื่อมทะเลเมดิเตอเรเนียมเข้ากับทะเลดำนี่เองและเมืองไอโอคุส บ้านเกิดของเจสันก็อยู่ห่างจากช่องแคบนี้เพียงไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น ที่สำคัญยิ่งกว่า คือตำนานขนแกะทองคำ นักประพันธ์อโพโลนิอุสเรียกทะเลที่เป็นที่ตั้งเมืองท่าโคลซิลว่า ทะเลยูซิน(Euxine sea) หรือขอบสุดที่ทะเลมาบรรจบกัน อันเป็นชื่อโบราณที่ชาวกรีกใช้เรียกทะเลดำฟากตะวันออก ในส่วนใกล้สาธารณรัฐจอร์เจียมาช้านานแล้ว แถมหลักฐานทางโบราณคดีและบันทึกประวัติศาสตร์ฉบับอื่นๆ ก็ยืนยันว่าช่วงที่อารยธรรมของชาวกรีกเริ่มขยายตัวนั้น ได้มีนครรัฐกรีกขยายอำนาจเข้ามายังบริเวณอยู่ในแถบนี้มาตั้งแต่ 2700 ปีก่อนแล้ว

                    นอกจากนี้ การที่เนื้อเรื่องกล่าวถึงการค้นหาขนแกะทองคำ ซึ่งความจริงแล้วชาวกรีกไม่ชอบใช้ทองคำเพื่อนำมาใช้ทำเครื่องประดับซับซ้อนหรอกครับ บางทีขนแกะทองคำในเรื่องอาจหมายถึงเทคโนโลยีการเรียนรู้วิธีการทำเครื่องประดับทองคำแล้วนำกลับมาใช้ในกรีกก็เป็นได้

                    แม้เมืองท่าโคสซิสจะเป็นที่ยอมรับระดับหนึ่งแล้ว แต่ปริศนาเส้นทางการเดินเรือจากโคสซิสกลับสู่บ้านเกิดไอโอคุสยังไม่สิ้นสุดเนื่องจาก เนื้อความกวีอโพโลนิอุสแห่งเกาะโรดส์ กล่าวถึงการล่องตามแม่น้ำสายใหญ่ที่ชื่ออิสทรัส(Istrus) ทางเหนือของทะเลดำ ซึ่งน่าจะเป็นแม่น้ำดานูบที่ชาวกรีกรู้จักกันดี ก่อนจะเดินทางสู่ทะเลเดรียติก ลัดเลาะออกไปที่แม่น้ำโคดานุส(Rhodanus) ซึ่งถอดเสียงแล้วอาจเป็นแม่น้ำโรนในฝรั่งเศส เมื่อถึงทะเลเมดิเตอเรเนียม เจสันและคณะคงนำเรืออาร์โกลงใต้ผ่านช่องแคบทางใต้ของอิตาลีกับเกาะชิลีแล้วจึงมุ่งสู่ตะวันออกก่อนจะกลับถึงบ้านที่เมืองไอโอคุสเพื่อครองบัลลังก์ของพระบิดา

                    เส้นทางที่สองนี้เกิดจากการตีความหมายตามชื่อสถานที่ที่กล่าวถึงในเรื่องมากที่สุด แต่ก็ยังสงสัยอีกว่า เจ้าเจสันนี้มันจะเดินทางลัดเลาะชมภูมิประเทศในยุโรปมากขนาดนี้เลยเหรอที่สำคัญมาช่วงก็มีภูเขาสูงใหญ่กั้นอยู่ ถ้าเรือเล็กๆ อย่างอาร์โกข้ามได้ ก็เทพเกินไปแล้ว

                    หนึ่งในนั้นคือข้อสันนิษฐานที่ว่าเจสันเคยนำเรืออาร์โกเลาะรอบทวีปยุโรปมาแล้ว ในการนี้เขาผานแม่น้ำโวลก้าที่ตัดผ่านที่ราบใหญ่ของรัสเซียไปทางเหนือ สู่ทะเลแบเรนส์ที่แม้จะมีบางช่วงต้องนำเรือขึ้นบกเพื่อเปลี่ยนแม่น้ำสายอื่นบ้าง แต่ก็ช่วงสั้นๆ เท่านั้น แล้วเรือก็มุ่งลงใต้ไปๆ มาในชายฝั่งนอร์เวย์ อังกฤษ ฝรั่งเศส  เข้าสู่ช่องแคบยิบรอลต้าร์ และทเลเมดิเตอเรเนียน

                     

                    เอาเถอะ จะจริงหรือไม่จริง คนอื่นเขาก็ไม่สนหรอกครับ เพราะถึงไงตำนานนี้ยังอยู่คู่โลกเราเสมอมาในฐานะความน่าอัศจรรย์ของเทพนิยาย

                   

     

    http://www.mythland.org/html/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=191&page=1

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×