ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตามรอยเรื่องลึกลับ

    ลำดับตอนที่ #44 : มาวคีลี เมมบี (Mokele Mbembe) สัตว์ยักษ์ผู้ขวางสายน้ำ (ตอนที่ 2 จบ)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.27K
      4
      31 ส.ค. 51

    ปี 1967 การสำรวจครั้งต่อมา ก็คณะใหม่แล้วครับคือวิศกรชาวเยอรมัน เฮอร์แทน รีกัสเตอร์ และเคียภรรยาของเขา ทั้งสองเดินทางไปทะเลสาบเทเล ปรากฏว่าที่นั้นทั้งสองได้ยินเสียงสัตว์ที่ไม่รู้จักคำราน นอกจากนี้ทั้งสองอ้างว่าได้ถ่ายรูปสัตว์ประหลาดตอนอยู่ในน้ำไว้ได้ และเห็นมันเดินบนชายหาดแล้วหายไปในพุ่มไม้ด้วย

     

    ปี 1967 เจมส์ เอช เพาเวล(ไม่เข็ด)มาสำรวจอีกครั้ง แต่คราวนี้เขามาพร้อมกับวิทยา รอย พี นักสัตว์ลึกลับวิทยาด้วย ปรากฏว่าคราวนี้ได้พบร่องรอยมันครับแต่เป็นคำบอกเล่าของพยานจำนวนมากแถบชายฝั่งลิโกอาลา-โอ-แซร์เบ ใกล้ทะเลสาบเทเล พวกเขาพูดถึงสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ มีสีสนิม และบางคนบิอกว่ามันมีหงอนหรือครีบด้วย

     

    ปี 1968 คราวนี้รอย พี แมคคาล เดินทางร่วมกับนักสัตว์วิทยาชาวคองโก มาเซลแลง ส่วนเจมส์ เพาเวลาผู้เคยร่วมทางกลับไม่ไปด้วย ซึ่งคราวนี้ประสบผลสำเร็จมากขึ้นครับ เนื่องจากเขาได้ยินเสียงของสัตว์ที่เชื่อว่าเป็นไดโนเสาร์คองโกตามแนวฝั่งแม่น้ำลิโกอูอาลา และยังพบแนวทางที่คาดว่ามันเดินเพราะมีแต่กิ่งไม้หักๆและรอยเท้าของมันด้วย

     

    ปี 1970 คราวนี้รัฐบาลคองโกเห็นว่ามีนักสำรวจต่างชาติมาหาไดโนเสาร์บ่อยๆ จึงอยากเอาด้วย คราวนี้พวกเขาส่งทีมงานของตนเองโดยมีมาแซลแลง อักนาญ่า นักสัตว์วิทยาชาวคองโกจากสวนสัตว์บราซซาวิลซึ่งเคยเดินทางร่วมกับรอย พี แมคคาลชาวอเมริกันมาก่อน เดินทางไปสู่ทะเลสาลบเทเลในหน้าแล้งที่ชาวพื้นเมืองบอกว่าเห็นเจ้าตัวมาวคีลี เมมบีได้ดีที่สุดคืออยู่ในช่วงน้ำลด

    อักนาญ่าอ้างว่าได้เห็นสัตว์ตัวหนึ่งอยู่ในทะเลสาบห้างจากจุดที่เขายืน 275 ฟิต เขาว่าหัวมันมีขนาดเล็กบางสีแดงคล้ายจระเข้ มีดวงตารูปไข่ และจมูกบางสูงราว 90 เซนติเมตร สูงประมาณ 5 เมตร สีบนหลังและด้านหลังคอเป็นสีดำ ด้านหน้าเป็นสีน้ำตาล น่าจะเป็นสัตว์เลื้อยคลาน แต่ไม่ใช้จระเข้ และไม่ใช้งูเหลื่อมหรือเต่าน้ำจืดแน่ และเมื่อเขาลุยพงหญ้าออกไปเพื่อที่จะถ่ายรูปมันชัดๆ มันก็เหลียวมาราวกับรู้ว่าเขาอยู่ที่นั้น ปรากฏว่าหนึ่งในทีมงานของเขาเกิดร้องตกใจขึ้นมา มันเลยดำน้ำหายไป

     

    ปี 1972 -1973 ข่าวการพบตัวมาวคีบี เมมบี กลับมาดังอีกครั้งและเป็นที่สนใจในวงกว้าง ใครต่อใครก็อยากไปหาเจ้าไดโนเสาร์คองโกกันยกใหญ่ ก็เลยมีคณะสำรวจระหว่างอังกฤษกับคองโกขึ้น โดยชาวอังกฤษชื่อวิลเลี่ยม เจ กิบบอนและคณะได้เดินทางมาหมู่บ้านโบฮาและเดินไปดูทะเลสาบเล็กๆ สามแห่ง ซึ่งชื่อกันว่าเป็นบ้านที่แท้จริงของมาวคีลี เมมบี จากนั้นทั้งคณะก็เฝ้ารอมันเป็นเวลา 55 วัน แต่ก็ไม่พบสัตว์ที่พวกเขาต้องการตัวแต่อย่างใด

    แต่กระนั้นวิลเลี่ยมก็ไม่สูญเปล่านะครับ ภายหลังเขานำซากลิงลึกลับที่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นลิงชนิดไหนกลับอังกฤษด้วย ซึ่งต่อมามีการจัดตั้งสาขาใหม่เป็นชนิดลิงหางยาว นอกจากน้ก็ยังมีตัวอย่างปลาและแมลงที่พบในคองโกชนิดไหมที่ไม่เคยเห็นมาก่อนกลับมาให้คนอื่นได้เหก็นกันอีกด้วย

     

    ปี 1974 -1975 นอกจากชาวตะวันตก ชาวญี่ปุ่นก็แสดงความสนใจเรื่องมาวคีลี เมมบีเหมือนกันครับ พวกเขาจัดคณะเพื่อสำรวจคองโกถึงสองครั้ง โดยมีฮิเดยุกิ ทากาโนะ กับโตรุ มูกาอิจากมหาวิทยาลัยวาเซดะ โดยมี ดร. อักนาญ่าและฌองนี่เป็นที่ปรึกษา การเดินทางครั้งแรกล้มเหลวครับไม่ได้อะไรกลับไปสักอย่าง แต่ปีต่อมาพวกเขาสามารถถ่ายวีดีโอสิ่งมีชีวิตที่ทะเลสาบเทเลซึ่งมันมัวมากจนไม่อาจชี้อะไรมากนักว่ามันมีจริงหรือไม่ ภาพมันถ่ายจากระยะไกลและมันก็แตก ดูเหมือนชายสองคนอยู่บนเรือมากกว่า

    แต่ถึงแม้มันจะไม่ชัด แต่ก็นับได้ว่าวีดิทัศน์ม้วนนี้ถือว่าเป็นหลักฐานอีกชิ้นที่เป็นเครื่องยืนยันว่ามีมาวคีลี เมมบี อยู่จริง(รูปบน)

     

    ปี 1977 การสำรวจยังมีต่อไป คราวนี้เป็นของเรดมอนด์ โอแฮนลอน บรรณาธิการและนักสำรวจ ได้ข่าวว่ามีคนพบไดโนเสาร์ที่คองโก เลยตามไปพิสูจน์ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเลย เพราะข่าวมันออกมาผิดๆ เพราะคนเห็นช้างชูงวงข้ามแม่น้ำเพราะเข้าใจผิดนึกว่าไดโนเสาร์

     

    ปี  1979 อย่างไรก็ตาม วิลเลี่ยม เจ กิบบอน กลับมาอีกครั้ง คราวนี้พวกเขาเดินสำรวจแถมป่าริมทะเลเทเลซึ่งเผ่าปิ๊กมี่เผ่าแบนกอมเบอาศัยอยู่ อ้างว่าทุกเย็นเจ้า มาวคีลี เมมบี จะออกมาจากป่าเพื่อไปทะเลสาบเพื่อหาพื้นน้ำกินเป็นอาหาร ซึ่งการเดินทางของมันรบกวนการหาป่าของเผ่ามาก พวกเขาเลยต้องทำเขื่อนกันเจ้าตัวนี้ไว้

    ว่ากันว่ามีเจ้า มาวคีลี เมมบี สองตัวบุกเข้ามาครับ พวกเขาเลยฆ่ามันตัวหนึ่ง และก็ชำแหละเนื้อกิน ซึ่งตัวมันใหญ่มากสามารถกินได้หลายวัน อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปหลายคนที่ป่วยและจบชีวิตจนเสียสิ้น ด้วยพิษในอาหาร ซึ่งทำให้ชาวบ้านหวาดกลัวมากเพราะเชื่อกันว่ามาวคีลี เมมบีเป็นสัตว์คำสาป

     

    1980 มีการพบร่องรอยของสัตว์ตัวโตที่หลุดไปยังแม่น้ำในรัฐ Epena และพบรอยเท้ามากมายและรอยย่ำเป็นทางเดินบนแปลงผักของมันอย่างชัดเจน ทั้งยังชาวบ้านในละแวกนั้นได้ยินเสียงคำรามหรือเสียงร้องจากสัตว์ที่พวกเขาไม่รู้จัก ชาวท้องถิ่นหลายคนอ้างว่า เห็นตัวของมันขณะที่มันกำลังเดินออกจากบริเวณหมู่บ้านลงแม่น้ำไปอีกด้วย และคาดกันว่าขนาดตัวของมันน่าจะยาวประมาณ 30 -35 ฟุต จากหัวถึงหาง แต่ทว่าเป็นน่าเสียดายที่การออกค้นหาครั้งสำคัญนี้ไม่ประสบความสำเร็จในการถ่ายหรือจับตัวเจ้าสัตว์ลึกลับมาได้ ซึ่งก็เป็นที่ผิดหวังของบรรดาผู้ที่รอคอยอย่างใจจดใจจ่อที่จะยลโฉมเจ้าเจ้ามาวคีลี เมมบี อย่างมาก

     

    หลังจากนั้นก็แทบจะไม่มีคณะออกตามหา ข่าวคราวหรือว่ารายงานของเจ้าสัตว์ชนิดนี้ออกมาอีกเท่าไหร่ ซึ่งเวลาผ่านนานไปจนหลายคนเกือบจะลืมไปแล้ว  

     

    และล่าสุดปี 2002 มีการค้นหาไดโนเสาร์ที่คองโกครั้งใหญ่อีกครั้ง โดยระดมเหล่านักวิชาการจากหลายสาขาที่มีความชำนาญมารวมกันทั้งนักธรรมชาติวิทยา นักสัตว์วิทยา ผู้ชำนาญด้านพื้นที่และภูมิประเทศรวมไปถึงวิศวกรที่มีความเชื่อในการมีตัวตนอยู่ของเจ้าสัตว์ชนิดนี้มารวมกัน ผลหรือ? ก็เป็นไปตามที่คุณคิดแหละครับ เพียงแต่คราวนี้คณะสำรวจได้รายงานว่ามีชนเผ่าหนึ่งในหมู่บ้านห่างไกลทางตอนเหนือได้ฆ่าและกินเนื้อ ดิโกเนค(dingonek) แปลว่าสัตว์ประหลาดคอยาวเข้าไปแล้ว? แต่เอาเข้าจริงปรากฏว่าคนที่กินเนื้อมันปรากฏว่าตายครับ แล้วต่างพากันเชื่อว่าเนื้อของมันมีคำสาปพวกเขาเลยเอาซากมันและศพคนที่ตายเพราะกินเนื้อเจ้าตัวนี้ๆไปทิ้งไว้ที่ลึกลับทางทิศใต้เพื่อล้างอาถรรพณ์

    นอกจากนี้ยังพบมูลไดโนเสาร์ด้วยครับ พวกเขาก็เก็บตัวอย่างไว้ด้วย และยังถ่ายภาพอีกแต่เป็นภาครางเลือนครับเพราะคนถ่ายเขาตกใจตอนที่ยกกล้อง จนดูไปไม่เหมือนเจ้าไดโนเสาร์สักนิดจนไม่ขอมาลงในที่นี้นะครับ

     

     

    และสุดท้ายผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์เจ้ามาวคีลี เมมบี "Mokele Mbembe"อย่างไร?

    หลักฐานที่น่าเชื่อถือที่สุดในการยืนยันตัวตนของมาวคีลี เมมบี การค้นพบรอยเท้าไดโนเสาร์นี้แหละครับ โดยในปี พ.ศ.2002 มีการสำรวจแอ่งคองโก โดยอีแวน แซนเดอร์สัน นักสัตวึลึกลับวิทยาชาวอังกฤษได้เปิดเผยรอยพิมพ์เท้าไดโนเสาร์คาดว่าเป็นของเซาโรพอต คราวจริงไดโนเสาร์ชนิดนี้พบในอเมริกาเหนือเท่านั้นนะครับ(มีรายงานพบที่ไทยด้วยแต่เป็นฟอสซิลนะ) ซึ่งถ้าสมมุติเจ้าเซาโรพอตมีจริง ก็เกิดคำถามแหละว่าทำไมมันถึงโผล่มาในแอฟริกาได้ละ? นี้คือเป็นปัญหาที่ขบคิดมากกว่าจะตามหาเจ้ามาวคีลี เมมบีเสียอีก

                   

    ต่ออีกนิดก่อนจบ ภายหลัง.....แม้ไม่เจอตัวมันก็เถอะ แต่ก็มีผู้เอาชื่อเจ้ามาวคีลี เมมบี มาตั้งชื่อปลาครับคือ Polypterus mokelembembe เป็นปลากลุ่ม Polypterus ชนิดใหม่, โดยเริ่มแรกนั้นถูกค้นพบโดยผู้เลี้ยงปลาใน Aquarium trade หลังจากนั้นจึงได้ถูกบรรยายโดยนักวิทยาศาสตร์ และตั้งชื่อให้ว่า Polypterus mokelembembe โดย Frank Schafer และ Ulrich Schliewen ใน วารสารชื่อ Zootaxa. ซึ่งเราพบปลาชนิดนี้ได้ตั้งแต่ลุ่มน้ำคองโก ไปจนถึง แหล่งระบายน้ำ Alima ใน ประเทศคองโกครับ

     

    ครับ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวในหน้าประวัติศาสตร์ของบรรดาสัตว์ลึกลับในโลกใบนี้หรือบางทีอาจจะไม่ลึกลับก็ได้ ถ้าคองโกเจริญป่าวนี้คงเผาป่าวอดแล้วครับ และแน่นอนเจ้ามาวคีลี เมมบีเสร็จเราแน่ฮ่าๆๆ

     

    จากหนังสือปฏิบัติการค้นหาสัตว์ดึกดำบรรพ์ยังมีชีวิต โดยคอสมอส สำนักพิมพ์เครือเภา และ cammy ดัดแปลง+ +

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×