ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    100 อันดับ โลกต้องจารึก

    ลำดับตอนที่ #18 : Munich : ย้อนรอยก่อการร้ายช็อคโลก

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.68K
      2
      4 ธ.ค. 49



    Munich : ย้อนรอยก่อการร้ายช็อคโลก


                   
    คืนวันที่
    4 กันยายน 1972

                    ในระหว่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปีคืนวันที่ 4 กันยายน  ค.ศ.1972 อันอื้อฉาว ณ นครมิวนิคของเยอรมัน มาให้ผู้อ่านทราบ เพื่อจะได้ดูหนัง "มัน" ยิ่งขึ้น

                    หลังจากที่ได้ เพลิดเพลินกับการชมภาพยนตร์เรื่อง Fiddler on the Roof ซึ่งเป็นภาพยนตร์เพลง เกี่ยวกับชาวยิวในรัสเซียแล้ว นักกีฬาอิสราเอลก็พากันนอนหลับตามปกติ จนกระทั่งเมื่อเวลาตี 4 ครึ่งของวันใหม่ ได้มีผู้ก่อการร้าย จำนวน 8 คน แต่งกายคล้ายนักกีฬาประเภทลู่ มีปืนและระเบิดมือ ใส่ไว้ในถุงเครื่องกีฬาที่ถืออยู่ ได้ไต่ข้ามรั้วโปร่งสูง 2 เมตรเข้ามา พวกเขาได้รับความช่วยเหลือ ในการแอบเข้ามาในบริเวณหมู่บ้านโอลิมปิก จากนักกีฬาอเมริกันกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเข้าใจว่าคนทั้ง 8 นั้นเป็นนักกีฬาหนีเที่ยวเช่นเดียวกัน

                    กรรมการผู้ตัดสินมวยปล้ำชาวอิสราเอล ชื่อ โยสเซฟ กุทฟรุนด์ ได้ยินเสียงงัดเบาๆที่ประตูของห้องแรก เมื่อเขาแง้มประตูออกดูก็เห็นประตูของห้องแรกเปิดออก และมีชายหลายคนสวมหน้ากากถือปืนอยู่อีกฟากหนึ่ง เขาจึงตะโกนขึ้นสุดเสียงเป็นภาษาฮีบรูว์ "พวกเรา หนีเร็ว!" แล้วเขาก็ทุ่ม ตัวเองซึ่งก็มีน้ำหนัก 135 กก. เข้าไปยันประตูไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ก่อการร้ายเข้ามาได้

                    ในความสับสนนั้น ผู้ฝึกสอน ทูเวีย โซโกลอฟสกี้ และนักแข่งเดินเร็ว ดร.ชาอูล ลาดานี ได้หนีออกไปได้ ส่วนแพทย์ 2 คน ที่ประจำคณะนักกีฬาของอิสราเอล และหัวหน้าผู้แทนการกีฬา ชามูเอล ลาลคิน พร้อมกับพวกอีก 4 คน ได้หลบซ่อนตัวอยู่อย่างมิดชิด ขณะที่ผู้ก่อการร้ายได้ต้อนนักกีฬาอื่นๆไปรวมกันไว้ในห้องหนึ่ง ผู้ฝึกสอนมวยปล้ำ โมเช่ เวียนเบอร์ก อายุ 33 ปี ได้เข้าขัดขวางผู้ก่อการร้าย เพื่อเปิดโอกาสให้นักกีฬาหนึ่งในนักมวยปล้ำผู้เป็นลูกศิษย์ แกด โซบารี ได้หนีไป

                    เวียนเบอร์ก ผู้กำยำได้ซัดผู้ก่อการร้ายคนหนึ่งด้วยมือเปล่าลงไปกองสลบเหมือดอยู่กับพื้น แล้วคว้ามีดปอกผลไม้แทงอีกคนหนึ่งก่อนที่เขาจะถูกยิงตายคาที่ ส่วนนักยกน้ำหนัก โยสเซฟ โรมาโน อายุ 31 ปี ก็ได้ต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายคนหนึ่ง ก่อนที่เขาจะถูกยิงตายด้วยห่ากระสุนของปืนยิงเร็ว

                    ผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้เป็นสมาชิกของ กลุ่มปาเลสไตน์เฟดายีน (ภายหลังถูกขนานนามว่า เหล่ากันยายนทมิฬ หรือ Black September) มาจากค่ายในเลบานอน ซีเรีย และจอร์แดน พวกเขาได้เข้ามาดูลาดเลาในหมู่บ้านโอลิมปิก 2 สัปดาห์ จนรู้แน่ว่าเป้าหมายอยู่ที่ไหน พวกมันได้ปล่อยตัวนักกีฬาจากฮ่องกง และอุรุกวัย ซึ่งพักอยู่ในอาคารเดียวกันกับนักกีฬาอิสราเอลเป็นอิสระ และจับนักกีฬาอิสราเอล 9 คนไว้เป็นตัวประกัน 

                    ผู้ก่อการร้ายได้ตั้งเงื่อนไขให้ปล่อยตัวนักโทษปาเลสไตน์จำนวน 234 คนที่ถูกคุมขังอยู่ในคุกของอิสราเอล และผู้ก่อการร้ายเยอรมันอีก 2 คนที่อยู่ในคุกของเยอรมัน อิสราเอลได้โต้ตอบทันทีว่าไม่รับเงื่อนไขของผู้ก่อการร้าย และพร้อมกันนั้นได้ยื่นข้อเสนอต่อทางการเยอรมัน จะส่งหน่วยพิเศษของอิสราเอลมาช่วยจัดการกับผู้ก่อการร้ายปาเลสไตน์กลุ่มนี้

                    แต่ทางเยอรมันได้ปฏิเสธไม่ยอมรับ ทั้งๆที่ตำรวจเยอรมันไม่เคยได้รับการฝึกในการปราบปรามผู้ก่อการร้าย และการช่วยตัวประกันในทำนองนี้มาก่อนเลย แต่ด้วยความที่ถือว่าเยอรมันเป็นประเทศใหญ่ที่มั่งคั่ง ไฉนเลยจะให้ประเทศเล็กๆอย่างอิสราเอลมาช่วยให้เสียเกียรติภูมิทำไมกัน

                    การเข้าจู่โจมของผู้ก่อการร้ายครั้งนี้เป็นเสมือนฝันร้ายของเยอรมัน ซึ่งตนเองเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เยอรมันจะต้องรับผิดชอบเมื่อจำเป็นต้องจัดการกับเหตุการณ์วิกฤติเอง ทางเยอรมันได้เสนอเงินไม่จำกัดจำนวนแก่ผู้ ก่อการร้าย หรือไม่ก็แลกเปลี่ยนตัวประกัน โดยเอาข้าราชการระดับสูงของเยอรมันไปแทน แต่ข้อเสนอทั้งสองได้ถูกผู้ก่อการร้ายปฏิเสธหมด

                    กำหนดเวลาเส้น ตายได้เลื่อนไปจาก 3 ชั่วโมง เป็น 5 ชั่วโมง ขณะที่เยอรมันพยายามเจรจาโดยหัวหน้าตำรวจเยอรมัน แมนเฟรด ชรีเบอร์ ได้ขอให้หัวหน้าทีมโอลิมปิกของอียิปต์ อาเหมด ทูนี มาช่วยเจรจาด้วย โดยได้ ย้ำว่า ทางเยอรมันจะให้เงินไม่จำกัดจำนวนเพื่อแลกกับชีวิตของตัวประกันอิสราเอลทั้งหมด แต่คำตอบยังคงเหมือนเดิม "เงินไม่มีความหมายสำหรับเราและชีวิตก็ไม่มีความหมายสำหรับเราด้วย" แม้จะขอร้องให้ทูตตูนิเซีย และลิเบียมาช่วยพูดก็ไม่ได้ผล

                    เมื่อใช้เงินกล่อมไม่ได้ผล เยอรมันจึงได้จัดเตรียมกำลังตำรวจชายแดนหน่วยหนึ่งแต่งกายเหมือนนักกีฬา แต่สะพายปืนกลเข้าไปในหมู่บ้านโอลิมปิก พวกเขาได้เข้าในที่ตั้ง และรอคำสั่งผู้บังคับบัญชา

                    ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวต่างก็พากันมาถ่ายโทรทัศน์ออกข่าวสดกันที่นั่นเลย ผู้ก่อการร้ายจึงรู้การเคลื่อนไหวของตำรวจจากโทรทัศน์นั่นเอง ทำให้ตำรวจต้องล่าถอย

                    ผู้ก่อการร้ายได้ตั้งเงื่อนไข ให้รัฐบาลเยอรมัน จัดการขนส่งพวกเขา และตัวประกันไปไคโร ทางรัฐบาลตกลงตามนั้น เมื่อเวลา 22.00 น. เฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ ได้มารับผู้ก่อการร้ายและตัวประกัน จากหมู่บ้านโอลิมปิก ไปยังฐานบินฟูลสเตนเฟลด์บรูค ซึ่งมีเครื่องบินโบอิ้ง 727 จอดรออยู่ ผู้ก่อการร้ายคิดว่าพวกตน กำลังไปขึ้นเครื่องที่สนามบินเรียม ซึ่งเป็นท่าอากาศยานสากล ของมิวนิค ทางการเยอรมันได้เตรียมแผน จะเล่นงานผู้ก่อการร้ายที่ฐานบินอยู่แล้ว

                    นักแม่นปืนเยอรมัน 8 คนได้เข้าที่เตรียมพร้อมรออยู่ที่สนามบินแล้ว ไม่มีรถถังหรือรถหุ้มเกราะใดๆให้เห็น มีคนของมอสสาด ซึ่งเป็นหน่วยสืบราชการลับของอิสราเอลคอยให้คำแนะนำอยู่ด้วย 2 คน คือ สวี สวาเมอร์ และ บารุช โคฮัง แต่พวกเขาไม่ได้มีโอกาสให้คำปรึกษาอะไร เพราะเจ้าภาพไม่ต้องการคำแนะนำใดๆ

                    บนลานจอด มีเครื่องบินเจ็ตจำลองจอดอยู่ลำหนึ่ง ตำรวจ 4-6 คนอยู่ข้างในแต่งตัวเป็นเจ้าหน้าที่ประจำเครื่องบินโดยสาร หน้าที่ของพวกเขาก็คือคอยจับผู้ก่อการร้ายที่จะมาตรวจเครื่องบิน และเปิดโอกาสให้นักแม่นปืนได้จัดการกับผู้ก่อการร้ายที่อยู่ในเฮลิคอปเตอร์ ครั้นเมื่อเฮลิคอปเตอร์มาถึง พวกตำรวจเหล่านั้นได้เผ่นหนีไปไหนไม่มีใครรู้

                    เฮลิคอปเตอร์ทั้ง 2 ลำ ลงจอดเมื่อเวลา 4 ทุ่มครึ่ง ได้มีผู้ก่อการร้าย 2 คน ลงมาจากเครื่องตรงมาตรวจเครื่องบินเจ็ต ว่าพร้อมจะออกบินหรือไม่ เมื่อเห็นว่าเป็นแค่หุ่นจำลอง พวกเขาจึงรีบวิ่ง           กลับไปยังเฮลิคอปเตอร์ และเป็นเวลาเดียวกับที่ผู้บังคับบัญชาสั่งให้นักแม่นปืนยิง ซึ่งเป็นปฏิบัติการที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง นักบินและช่างเครื่องประจำเฮลิคอปเตอร์เยอรมันทั้ง 4 คน ต้องวิ่งหนีตายหัวซุกหัวซุนไปคนละทิศละทาง

                    นักแม่นปืนไม่มีวิทยุติดต่อระหว่างกัน จึงไม่มีการประสานงานกันเลย ต่างคนต่างยิง สะเปะสะปะไปหมด ตัวประกันซึ่งถูกมัดติดอยู่ในเฮลิคอปเตอร์ ไม่มีทางหนี จึงเหมือนเหยื่อที่รอความตายเท่านั้น

                    
                    ผู้ก่อการร้ายคนหนึ่งได้กระโดดลงจากเฮลิคอปเตอร์ แล้วหันกระบอกปืนยิงเร็วขึ้นไปยิงตัวประกันบนเครื่อง หลังจากนั้นเขายังโยนระเบิดมือซ้ำเข้าไปด้วยอีกหนึ่งลูก ไฟได้ลุกไหม้ ขึ้นอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเฮลิคอปเตอร์ก็ระเบิด ส่วนตัวประกันซึ่งถูกกักตัวไว้ในเฮลิคอปเตอร์อีกลำหนึ่งก็พบกับชะตากรรมอย่างเดียวกัน พวกเขาได้ถูกผู้ก่อการร้าย 2 คนยิงตายหมด

                    หลังจากการต่อสู้จบลงเมื่อเวลาตี 1 ครึ่ง ปรากฏว่า ผู้ก่อการร้ายตายไป 3 คน (ตายในการต่อสู้กับทีมนักกีฬาอิสราเอลที่บ้านพักนักกีฬาอีก 2 คน) ถูกจับ 3 คน ฝ่ายตำรวจตาย 1 คน และทีมนักกีฬาอิสราเอลตาย 9 คน (ตายในการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายที่บ้านพักนักกีฬาอีก 2 คน)

    ศพของผู้ก่อการร้ายที่ถูกฆ่าตายในมิวนิคได้ถูกทางการเยอรมันส่งไปยังประเทศลิเบีย ทางการลิเบียได้จัดการฝังอย่างวีรบุรุษ โดยมีทหารกอง เกียรติยศเต็มอัตรา

                    วันที่ 29 ตุลาคม เครื่องบินของสายการบินลูฟท์ฮันซ่า ได้ถูกสลัดอากาศยึด และตั้งเงื่อนไขให้ปล่อยตัวนักโทษปาเลสไตน์ทั้งสามที่กำลังรอขึ้นศาลเยอรมันอยู่ ทางการเยอรมันจึงจำต้องปล่อยตัวไป บางคนวิจารณ์ว่าเยอรมันปล่อยตัวผู้ก่อการร้ายในเวลาอันรวดเร็วเช่นนั้น เป็นเพราะไม่พร้อมที่จะจัดการกับเหตุร้ายทำนองนั้น หากเกิดขึ้นอีก

                    ทางฝ่ายรัฐบาลอิสราเอลนั้น เห็นว่าผู้ก่อการ ร้ายไม่ได้ถูกขึ้นศาลยุติธรรม นายกรัฐมนตรี โกลดา เมียร์ และคณะกรรมการ ฝ่ายป้องกันประเทศ จึงได้มีมติให้อำนาจ กับมอสสาดในการฆ่าผู้ปฏิบัติ การของพี เอฟ แอล พี (Population Front for Liberation of Palestine) ที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าทีมนักกีฬา ที่มิวนิคได้ทันที ที่พบเห็น มอสสาดจึงได้ตั้งทีมฆ่า ขึ้นในยุโรปเพื่อล้างผลาญผู้ก่อการร้าย ปาเลสไตน์กลุ่มนี้ และเรียกว่า "ปฏิบัติการความแค้นเคืองของพระเจ้า" (Opration Wrath of God)

                    มอสสาดได้ทำบัญชีรายชื่อผู้สมควรตายขึ้น โดยได้รับข้อมูล จากหน่วยข่าวกรองของประเทศที่เป็นมิตร และพวก พี แอล โอ (Palestinean Liberation Organization) ซึ่งเป็นศัตรูกับกลุ่มพี เอฟ แอล พี ที่กลับใจมาร่วมมือกับอิสราเอล รวมทั้งจากคนของมอสสาดเอง คือบารุช โคฮัง ปฏิบัติการความแค้นเคืองของพระเจ้านั้น อิสราเอลใช้เวลากว่า 20 ปี ในการตามล่าผู้เกี่ยวข้องกับการฆ่าทีมนักกีฬาอิสราเอล ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกที่มิวนิคคนสุดท้ายที่ถูกฆ่าโดยมอสสาด ซึ่งถูกยิงในปารีส เมื่อปี 1992 นี่เอง

                                   
                            จาก
    http://www.artsmen.net/content/show.php?Category=mythboard&No=3725

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×