ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    100 อันดับ โลกต้องจารึก

    ลำดับตอนที่ #132 : (ปริศนาโลกตะลึง) อะไรอยู่บนดาวอังคาร (Temples of Martian Moon Gods )

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.46K
      5
      20 เม.ย. 50



    อะไรอยู่บนดาวอังคาร (Temples of Martian Moon Gods )

    ดังที่เคยเป็นข่าวมาเป็นระยะๆ เกี่ยวกับเรื่องราวของดาวอังคารหรือดาวแดงของบางท่าน บนดาวอังคารมีอะไร ? อเมริกาตอบคำถามนี้ด้วยการส่งยานไปสำรวจดาวอังคารมานานนับเป็นร้อยปีแล้วครับ หลังจากที่เรา(หมายถึงทางอเมริกา) พิชิตดวงจันทร์ได้ ดาวอังคารก็เป็นเป้าหมายต่อไป นับมาตั้งแต่การสำรวจนับครั้งไม่ถ้วน เช่น ยานมารีเนอร์ (Mariner) ยานไวกิ้ง 1,2 (Viking) สำรวจเมื่อปี ค.ศ. 1976 ต่อมาในปี 1996 ก็ส่งยาน Mars Global Surveyor ไปอีก และในปีเดียวกันกับยาน Mars Pathfinder ซึ่งก็ไม่ได้อะไรมากไปกว่าบรรดาภาพถ่ายนับพันใบที่ส่งมายัง NASA เป็นไปได้หรือกับการที่ส่งทั้งยานอวกาศ ดาวเทียมและยานสำรวจไปตั้งมากมาย แต่กลับสิ่งที่เราได้รู้เพิ่มเติมภายหลังจากการสำรวจแต่ละครั้ง ก็ไม่ได้มากมายไปกว่าการสำรวจมหาสมุทรหรือท้องทะเลในโลกเราเลย เค้าอาจจะรู้แต่เราไม่รู้ ? แต่ก็ไม่แน่ครับว่าทาง NASA อาจจะ "ซุกซ่อนและปกปิด" อีกครั้งตามความถนัดของทางพี่เค้าเองอีกหรือเปล่า ?

     ทางดาวอังคารนั้นก็มีดาวบริวารเหมือนกันครับหรือที่เราเรียกว่าดวงจันทร์ของดาวอังคารอยู่ 2 ดวง ชื่อโฟโบส (Phobos) กับ ไดโมส (Deimos) มีรูปร่างเกือบกลมและมีขนาดเล็กมาก เล็กกว่าดวงจันทร์ของโลกเราเสียอีก ว่ากันว่าแต่เดิมเนี่ยดวงจันทร์ทั้งสองดวงเนี้ยไม่ใช่ดาวบริวารของดาวอังคาร แต่อาจจะถูกแรงดึงดูดของดาวอังคารจับเอาไว้ตอนมันโคจรผ่านเข้ามาแล้วก็เลยกลายเป็นดาวบริวารไป และโคจรอยู่ใกล้กับดาวอังคารมากจนเห็นได้ชัด แต่ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นมานานกี่แสนกี่ล้านปีมาแล้ว ก็ยังไม่อาจทราบได้

    บริเวณที่อเมริกาชอบส่งบรรดายานสำรวจหรือดาวเทียมถ่ายภาพระยะไกลทั้งหลายแหล่ไปนั้น เป็นส่วนที่เรียกกันว่า "ไซโดเนีย (Cydonia)" ทำไม๊ ทำไมถึงชอบไป Landing บริเวณนี้กันนักหนาล่ะ สำรวจทีไรก็ไซโดเนีย หรือไม่ก็ไม่ไกลจากบริเวณนั้นไปเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพียงพิกัดหรือบริเวณที่เหมาะแก่การสำรวจเท่านั้น แต่ !! ถ้ามีบางสิ่งอยู่ตรงบริเวณนั้นล่ะ ? บางสิ่งที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ในเวลานี้หรืออาจจะตลอดไปตราบเท่าที่ทางอเมริกาจะสามารถทำได้ แล้วมันคืออะไรละ ?

    บริเวณ Cydonia นั้นมีอะไรอยู่ ใช่แล้ว มันคือรูปภาพหน้าคนที่เราเรียกกันว่า "Face on Mars" หินที่ก่อตัวจนเป็นรูปหน้าคน บังเอิญหรือว่ามีอะไรหรือใครไปสร้างเอาไว้บนนั้น ได้มีการพิสูจน์กันว่าแท้ที่จริง "Face on Mars" คืออะไรกันแน่ เป็นเพียงภาพหินธรรมดาที่บังเอิญแสงและเงาทำให้เกิดภาพเช่นนี้ขึ้นมา หรือว่ามันเป็นสิ่งก่อสร้างของสิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญาบนดวงดาวนั้น หลายท่านอาจจะเคยผ่านตากับภาพชุดนึงที่เค้าว่าเป็นภาพถ่ายจากทางด้านข้างหรือทางด้านอื่นๆ ของ "Face on Mars" นี้ แล้วได้มีการสรุปออกมาว่า มันเป็นเพียงภาพก้อนหินใหญ่ธรรมดาที่โดนเล่นตลกด้วยแสงเงา จนเป็นรูปร่างหน้าคนขึ้นมา แต่ก็มีบรรดานักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์บางท่าน รวมไปถึงนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญและบรรดาชายขี้สงสัยทั้งหลายไม่เห็นด้วยและได้แย้งเอาไว้ว่า มันจะง่ายไปหน่อยหรือเปล่า กับการที่จะสรุปว่ามันเป็นเพียงก้อนหินธรรมดาที่ไม่มีอะไรหรือบังเอิญเกิดขึ้นจากธรรมชาติ โดยอาศัยบทสรุปเพียงภาพถ่ายจากทางด้านข้างหรือด้านอื่นที่ไม่ใช่ภาพด้านบน "ลองมองลายเส้นนาซก้าจากบนดินซิ คุณเห็นอะไรมั๊ย ? วิหารต่างๆ ละ ทำไมต้องสร้างให้มันใหญ่โตด้วย เพื่ออะไร ? แล้วปิระมิดหรือบรรดาสิ่งก่อสร้างโบราณที่ใหญ่ยักษ์ทั้งหลายล่ะ มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเหตุผลใด ? เพื่อบูชาและเป็นเครื่องหมายแสดงถึงการเคารพและเพื่อให้พระเจ้าของเขามองเห็นได้ง่ายยังไงล่ะ เมื่อเทพเจ้าของพวกเขาเสด็จหรือมองลงมาจากท้องฟ้า" ครับ ก็ว่ากันไป

     เมื่อมีการสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมาได้นั่นย่อมแสดงว่าบนดาวอังคารย่อมมีสิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญาอาศัยหรือ "เคยอาศัย" อยู่บนนั้น ดังที่อาจจะรู้กันแล้วว่าบนดาวอังคารนั้นไม่ได้มี "Face on Mars" เพียงหน้าเดียว ที่ถูกควรจะเป็น "Faces on Mars" มากกว่า ใช่ครับยังมีอีกใบหน้าหนึ่งนอกจากใบหน้าที่เราๆ ท่านๆ คุ้นเคยกัน แต่มีลักษณะที่เล็กกว่าและอยู่ถัดไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น (แต่ก็เป็นกิโลแน่ะ) ดวงจันทร์สองดวงนี้กับใบหน้ามีความเกี่ยวข้องอะไรกันหรือเปล่า ? เป็นประเด็นที่มีการขบคิดของบรรดาผู้ที่(อยาก)รู้ กันครับ

    แล้วสรุปกันออกมาว่า มันน่าจะเป็นสิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นมาเพื่อสักการะหรือบูชาต่อดวงจันทร์ทั้งสองดวง โอ้โฮ ! ช่างสรุปกันได้น่าสนใจทีเดียว เอ ลองฟังไว้ก็ไม่เสียหลายนี่นา ว่าแล้วก็ฟังหรือดูกันเลย ขอย้อนกลับไปในปี ค.ศ.1976 ที่ NASA ส่งยานไวกิ้ง (Viking) ไปถ่ายภาพดาวอังคาร หนึ่งในหลายๆ ภาพนั้นเป็นภาพของก้อนหินเป็นรูปร่างที่มีองค์ประกอบต่างๆ เช่น ดวงตา จมูก ปากและที่ครอบศีรษะหรือบางทีอาจจะเป็นหัว อยู่อย่างชัดเจน พูดกันง่ายๆ ว่ามันดูเหมือนใบหน้าของสิ่งมีชีวิตที่ดูคล้ายกับมนุษย์ !!!

    เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น ก็เป็นข่าวไปทั่วโลกว่าพบสิ่งก่อสร้างหรือใบหน้ามนุษย์บนดาวอังคาร แต่ทาง NASA ก็ไม่ได้ให้ข้อมูลหรือรายละเอียดมากไปกว่าที่เราทราบกัน ทั้งภายหลังยังพยายามออกมาชี้แจงรวมทั้งนำภาพถ่ายอื่นๆ จากทางด้านข้างและด้านอื่นให้ดูว่ามันไม่ใช่อะไรที่มากไปกว่าหินหรือภูเขาก้อนหนึ่งเท่านั้น เอ มันก้อแปลกๆ นาทำอย่างนี้ จนกระทั่งได้มีการวิเคราะห์และตรวจสอบกันจากทางทั้งนักดาราศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญและนักสืบเอกชน (ไปเกี่ยวไรด้วยว๊า -_-'') และนำมาตีแผ่ต่อสื่อ รวมทั้งต่อว่าทาง NASA ว่าปกปิดข้อมูลที่แท้จริงเอาไว้ และทาง NASA ก็ได้ออกมาโต้กลับว่า ก็มันไม่มีอะไรจริงๆ นี่น๊า จะไม่เชื่อกันบ้างหรือไง มันก็เป็นเพียงก้อนหินเท่านั้นไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้นเล๊ย และจากภาพถ่ายของดาวอังคารแถบบริเวณ Cydonia เค้าว่าถ้าสังเกตให้ดีบนภาพจะมีจุดอยู่ 4 จุด ถัดจาก "Face on Mars" ออกไปหรือก็คือมันล้อมรอบ "Face on Mars" อยู่นั่นเอง ซึ่งเค้าว่ากันว่าแต่ละจุดเปรียบได้กับมหาปิระมิดของอียิปต์ ซึ่งเราก้อได้ทราบกันไปบ้างแล้วใช่มั๊ยครับ ว่ามีการค้นพบสิ่งก่อสร้างที่คล้ายกำแพงเมืองและปิระมิด (Pyramid) รวมไปถึง สฟิงซ์ (Sphinx) บริเวณนั้นด้วย มาว่ากันต่อเรื่องจุดนั้นมีการเรียงตัวเป็นมุมทั้ง 4 และล้อมรอบด้วยกลุ่ม ปิระมิดเล็กๆ ที่ไม่เล็กเสียทีเดียว โดยทั้งบริเวณนี้กินเนื้อที่ไปกว่าหนึ่งไมล์หรือราว 1.6 กิโลเมตรโดยประมาณ แถมทั้งหมดนี่ยังมีการเรียงตัวที่เป็นเส้นตรงซะอีกแน่ะ

    ซึ่งเค้าว่ากันว่ามันดันเหมือนกับจุดศูนย์กลางกองบัญชาการของเพนทากอน (Pentagon) หรือกระทรวงกลาโหมของอเมริกาเพียงแต่เพนทากอนนั้นมีอยู่ 5 มุม แต่ก็คล้ายกับ "Face on Mars" ที่ล้อมรอบด้วยจุดหรือปิระมิดเหล่านี้เช่นกัน !!! หรือที่เรียกจดศุนย์กลางนี้ว่า "The Center Point" ทีนี้เราลองไปทางตะวันตกจาก Cydonia อีกหน่อยก็จะเจอกับหินที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายกับหัวแครอทหันไปทางใต้ อันนี้ละครับที่เค้าว่ามันคล้ายกว่าใบหน้าของสิ่งมีชีวิตมากกว่าอันแรกเสียอีก !! ซึ่งประกอบไปด้วยสองตา ริมฝีปากและคาง แม้แต่สันจมูกด้วยซ้ำไป รวมจากองค์ประกอบมันแล้วเป็นอะไรที่คล้ายใบหน้ามาก แต่ทว่าไม่น่าจะใช่ใบหน้าของมนุษย์อย่างเราๆ แน่นอนเลยครับ กับ "The Second Face" เป็นชื่อที่เรียกกันของสิ่งนี้

    (จากเว็บพระเจ้าจากอวกาศ)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×