ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    100 อันดับ โลกต้องจารึก

    ลำดับตอนที่ #105 : (ปริศนาโลกตะลึง) เรื่องประหลาดของอับราฮัม ลินคอล์น (Abraham Lincoln)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.44K
      5
      23 ก.พ. 50



    เรื่องประหลาดของอับราฮัม ลินคอล์น


                   
    อับราฮัม ลินคอล์น เกิดในกระท่อมเล็กๆ ที่รัฐเคนตักกี เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1809 ชีวิตวัยเด็กลำบากมาก เพราะพ่อแม่ยากจน สิ่งที่ผลักดันนิสัยติดตัวคือรักการอ่าน อ่านหนังสือได้ทุกที่และยอมเดินเป็นระยะทางไกลๆ เพื่อไปขอยืมหนังสืออ่านเพียงแค่เล่มเดียว พออายุ 9 ขวบ แม่เขาก็เสียชีวิต พ่อแต่งงานใหม่โชคดีที่ลินคอล์นเข้ากับแม่ใหม่ได้ดี

                    อายุ 19 ลินคอล์นล่องเรือแจวจากแม่น้ำโอไฮโอไปที่รัฐนิวออร์ลีน ที่นั่นเขาได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของพวกทาสที่ถูกขายทอดตลาดเป็นครั้งแรก ทำให้เขาเกิดความคิดที่จะปลดปล่อยทาส เขาจึงเริ่มเบนเข็มมาเป็นทนายความ โดยเริ่มงานที่สปริงฟิลด์ รัฐอิลลินอยส์ ว่ากันว่าเขามีบุคลิกเฉพาะตัวที่มักจะพกเอกสารติดตัวมากมายด้วยการซุกไว้ในหมวกทรงสูงสีดำ

                    ลินคอล์นชอบพบปะช่วยเหลือผู้คน เริ่มมีชื่อเสียงจากความขยันขันแข็งและความซื่อสัตย์ ปี 1846 ได้รับการคัดเลือกให้เข้าไปในสภาคองเกรสหนึ่งสมัย ต่อมาปี 1858 เขาลงสมัครเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา แต่ไม่ได้รับเลือก ตอนนั้นพยายามชูนโยบายเรื่องการปลดปล่อยทาส และแม้ว่าไม่ได้รับเลือก ลินคอล์นก็ยังพยายามไปกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับเรื่องทาสตามมลรัฐต่างๆ จนเป็นที่รู้จักทั่วอเมริกา

                    ปี 1860 ลินคอล์นตัดสินใจลงแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดี และได้รับเลือกในวันที่ 4 มีนาคม 1861 เส้นทางสายผู้นำไม่แจ่มใสนักเนื่องจากนโยบายปลดปล่อยทาสของลินคอล์นไม่ได้รับการสนับสนุนจากบรรดารัฐต่างๆ ทางตอนใต้ของอเมริกา ซึ่งภายหลังระอุกลายเป็นสงครามกลางเมือง ในเดือนเมษายน ปี 1861 มีการสู้รบกันอย่างดุเดือดระหว่างทหารจากสังกัดส่วนกลางและทหารในรัฐทางใต้ แต่ถึงที่สุดฝ่ายของลินคอล์นก็ได้รับชัยชนะและมีประกาศปลดปล่อยทาสในปี1863

                    14 เมษายน 1865 ลินคอล์นถูกลอบสังหารขณะชมละครที่โรงละครฟอร์ด และเสียชีวิตในเช้าวันถัดมา ศพของลินคอล์นฝังอยู่ที่สปริงฟิลด์ รัฐอิลลินอยส์ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐ เป็นผู้นำที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดคนหนึ่งของโลก จนชื่อว่าเป็นบิดาแห่งระบอบประชาธิปไตยสมัยใหม่ เพราะมีบทบาทในการรักษาไว้ซึ่งสหภาพของอเมริกา และเป็นผู้ประกาศในสุนทรพจน์ที่ว่า "รัฐบาลประชาธิปไตย คือรัฐบาลของประชาชน เพื่อประชาชน และโดยประชาชน"


     
                   ผู้แพ้ที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาล

                    
                   
    เชื่อหรือไม่ว่าอับราฮัม ลินคอล์น เป็นผู้แพ้มาทั้งชีวิต 40 กว่าปี แพ้ตลอด แต่มาชนะเอาเมื่อ 7 ปีสุดท้ายของชีวิตนี้เอง

                    ลินคอล์น เกิดมาก็แพ้แล้ว ด้วยชีวิตที่ยากจนค้นแค้นสุดๆ เรียกว่าอยู่บ้านนอก พื้นบ้านเป็นดินชื้น บ้านไม่มีหน้าต่างหรือช่องลม แม่ตายตั้งแต่ยังเด็ก พ่อก็เหมือนคนสำมะเหร่เทเมา โชคดีหน่อยที่ได้แม่เลี้ยงที่ดี ลินคอล์น ถูกเพื่อนบ้านด่าว่าเป็นคนไม่เอาถ่าน เพราะพี่แกไปทำไร่ ก็ไม่กระจิตกระใจที่จะทำ นั่งฝันกลางวันอยู่ตลอดเวลา

                    เรื่องการเรียน ก็ไม่ได้เข้าโรงเรียนแบบคนปกติหรอก ทั้งชีวิตก็เรียนด้วยตนเองเสียมากกว่า

                    ยังไม่พอ พระเจ้ายังมอบความพ่ายแพ้ในความรักให้แก่ลินคอล์นด้วย รักแรกของลินคอล์น กับสาวน้อยที่น่ารัก จบลงด้วยการจากลาอย่างไม่วันกลับ เธอตายไปในอ้อมกอดของลินคอล์น

                    ตายของเธอ ถึงกับทำให้ลินคอล์นอยากฆ่าตัวตายตาม จนเพื่อนๆต้องคอยเป็นห่วง ดูแลไม่ให้เขาคิดสั้น 

                    ลินคอล์น เห็นว่า ไอ้การเป็นชาวไร่นี้ถ้าจะไม่มีอนาคต พร้อมกับได้แรงดลใจจากการอ่านหนังสือคำบรรยายกฎหมาย เขาจึงจะตัดสินใจเรียนกฎหมาย แต่ไม่ใช่ว่าจะไปเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ แบบนี้ลินคอล์นไม่มีปัญญา ก็อาศัยหยิบยืมหนังสือมาอ่านแล้วไปสอบเป็นทนายความ

                    จะเรียกว่า ลินคอล์น เป็นลูกอีช่างยืมก็ไม่ผิด...

                    ยังไม่พอ ลินคอล์น นอกจากเป็นทนายความ เงินทองไม่ค่อยจะพอ ก็ร่วมทุนกับเพื่อนทำร้านโชวห่วย ขอโทษ เปิดได้ไม่นาน เจ๊งไปตามระเบียบ

                    ชีวิตอะไรมันจะรันทดขนาดนี้

                    ก็ยังดีที่ ลินคอล์นเป็นคนที่มีคารมคมคาย แต่ไม่ใช่เรื่องพรสรรค์ แต่เป็นการทำงานหนักของเขาที่จะต้องศึกษาหาความรู้เพื่อจะนำมาร่างเป็นสุนทรพจน์ และด้วยแรงยุของเมียที่มีความทะเยอทะยานสุดๆ ผลัดดันให้คนเฉื่อยแฉะอย่างลินคอล์น ก้าวสู่วงการการเมือง

                    ยังครับ ลินคอล์นยังแพ้ไม่พอ ลงสมัครเป็น ส.ส. ของรัฐก็แพ้ แพ้หลายครั้ง จนไม่อยากจะจำ แต่ด้วยความที่เป็นนักต่อสู้ แพ้มาหลายครั้งในชีวิต จะแพ้อีกสักหน่อยจะเป็นไร ก็สู้สมัครเป็น ส.ส. รัฐ มาเรื่อย จนได้เป็นสมความหวัง

                    จาก ส.ส. ลินคอล์น ก็นึกสนุกอยากจะเป็น ส.ว. บ้าง ลินคอล์น นี้ สังกัด รีพับลิกัน ต้องเจอกับคู่ต่อสู้ที่อดีตเคยเป็นคู่แข่งในชีวิตรัก แย่งแมรี่ ทอดด์ ซึ่ง คนโชคร้ายคือ ลินคอล์นที่ได้ น้องแมรี่เป็นเมีย เอ้อ ชื่อของคู่แข่งคือ  สตีเฟน ดักลัส

                    ดักลัสนี้เรียนสูง ร่ำรวย เรียกว่าเทียบลินคอล์นนี้คนละเรื่องเลย ปรากฏว่า ลินคอล์นพยายามต่อสู้อย่างดุเดือด สุดท้าย พี่ลินคอล์น แพ้อีกแล้วครับท่าน

                    แพ้ซ้ำซาก อย่างนี้ เป็นคนอื่น กระโดดน้ำตายไปแล้ว     

                     แต่คนมันจะรุ่ง ช่วยไม่ได้ มาตอนที่พรรครีพับริกันจะเลือกผู้สมัครท้าชิงประธานาธิบดี ที่จริง พรรคเขาจะเลือก วุฒสมาชิก ชิวเวิร์ด อยู่แล้ว แต่มีปัญหาทางเทคนิคนิดหน่อย เลยเลื่อนเวลาอีก 12 ชั่วโมง เพื่อลงคะแนนเสียง

                    ตอนนั้น  กรีลีย์ มีแค้นเก่ากับชิวเวิร์ด ก็ออกล็อบบี้ สร้างภาพน่ากลัวว่าเลือกชิวเวิร์ดละก็แย่แน่ๆ สู้หันมาเทคะแนนเลือก ลินคอล์น ซึ่งเคยเป็นคู่แข่งของ ดักลัส ซึ่งจะเป็นตัวแทนของเดโมแครตดีกว่า

                    แล้วที่สุด ลินคอล์นก็ได้รับเลือก แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว

                    คนมันจะดวงดี เอาช้างมาฉุดก็ไม่อยู่ ตอนนั้น เดโมแครต ทะเลาะกัน แทนที่จะส่งแต่ดักลัสคนเดียว ก็มีพวกที่แยกออกมาลงอีก 2 คน เรียกว่าคะแนนเสียงแตก ฟ้าบันดาลให้ ลินคอล์น เป็น ประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา

                    ยังครับยังไม่หมดเพราะความซวยกำลังมาเยือนอีกครั้ง

                    ตอนนั้น เป็นช่วงกลียุคของ สหรัฐอเมริกา เกิดสงครามกลางเมือง ฝ่ายเหนือให้เลิกทาส ฝ่ายใต้ไม่ยอม

                    ตอนแรกๆ ฝ่ายใต้นี้ก็ชนะมาเรื่อย ด้วยฝีมือของ นายพลดังอย่าง นายพลลี

                    ไม่วาย เป็นประธานาธิบดี ก็ยังต้องแพ้สงครามมาเรื่อยๆ จนเกือบประกาศยอมแพ้อยู่แล้ว

                    แต่ สุดท้าย ไปได้ นายพลฝีมือดี อย่างนายพล แกรนต์ มาเป็นนายทัพ คราวนี้ก็เริ่มดีขึ้นรุกไล่ฝ่ายใต้ จนชนะสงคราม

                    และแล้วผู้แพ้อย่าง ลินคอล์น ก็ถูกจารึกชื่อ เป็นประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลก่อนที่จบชีวิตลงในเวลาต่อมา


                   
    อัมบราฮัม
     ลินคอล์น ชีวิตรักขมและเป็นโรคกลัวเมีย

                    
                   
    อันนี้เรื่องจริงครับว่ากันว่าอัมบราฮัม
     ลินคอล์นเป็นโรคกลัวภรรยาแมรี่มากครับ ถึงขนาดว่ากันว่า อัมบราฮัม ลินคอล์น และแมรี่ ทอดด์ ตอนสมรสกันใหม่ๆ ที่เมืองสปริงฟีลด์ รัฐอินลินอยส์ พยานหลายคนประจักษ์ว่าเป็นคู่สมรสที่ดูโชคร้ายที่สุด และไร้ ความสุขที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา

                    เฮอร์นดัน เพื่อนรักของลินคอล์นกล่าวว่า " ถ้าลินคอล์นมีความสุขสักครั้ง ใน 20 ปีที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่นอกเหนือความรู้ของข้าพเจ้า"

                    หลังจากการแต่งงานกับแมรี่ ทอดด์ไม่นาน ลินคอล์นเริ่มสำนึกว่า เขากับหล่อนอยู่ในฐานะที่ตรงข้ามกันทุกๆด้าน และต่างจะไม่ได้รับความสุข เป็นอันขาด คนทั้งสองอยู่ในลักษณะขัดแย้งในด้านนิสัยใจคอ รสนิยม การอบรม และความปราถนา

                    แมรี่ ทอดด์ สำเร็จการศึกษามาจากโรงเรียนผู้ดีในรัฐเคนตักกี้ หล่อนสามารถพูดฝรั่งเศสสำเนียงคนปารีส และเป็นหญิงที่ได้รับการศึกษา มากที่สุดของรัฐอินลินอยส์ ส่วนลินคอล์นเคยเข้าเรียนโรงเรียนทั้งชีวิต ไม่ถึง 12 เดือน

                    ในเรื่องวงศาคณาญาติของแมรี่ ทอดด์ก็มาจากตระกูลของนายพลและ ข้าหลวง แต่ลินคอล์นมีญาติเพียงคนเดียว และถูกหาว่าเป็นขโมย

                    แมรี่ ทอดด์ สนใจในเรื่องเครื่องแต่งกาย การอวดรูปโฉม และการทำโก้ แต่ลินคอล์นไม่เอาใจใส่ค่อสารรูปของเขาในประการทั้งปวง ใช่แต่เท่านั้น บางครั้งเขาเดินไปตามถนนทั้งๆที่ขากางเกงข้างหนึ่งอยู่นอกเกือกบูต และขาอีกข้างหนึ่งอยู่ข้างเกือกบูต

                    หล่อนหยิ่งและถือตัว และขี้หึงอย่างร้ายกาจ และจะต้องเกิดเรื่องเป็นเป้า สายตาขึ้น ถ้าเขาเพียงแต่มองหญิงอื่น ความหึงของหล่อนเป็นไปอย่าง รุนแรง ปราศจากเหตุผล และน่าขนลุกขนพอง

                    ความเศร้าเสียใจในเรื่องของการสมรสของลินคอล์นสามารถอ่านจาก จดหมายฉบับนี้

                    "ในเวลานี้ฉันเป็นคนที่มีความทุกข์ยิ่งกว่ามนุษย์คนใดในภิภพ ถ้าหากว่า ความรู้สึกของฉันถูกมอบแก่มนุษย์ทุกๆคน ในโลกนี้จะไม่มีมนุษย์ที่มี หน้าตายิ้มแย้มเลยแม้แต่คนเดียว อาการของฉันมีหวังดีขึ้นบ้างหรือไม่ เป็นสิ่งซึ่งฉันไม่สามารถบอกได้ ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะไม่มีวันดีขึ้นเป็น อันขาด ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ ฉันรู้สึกเหมือนกับว่า ถ้าอาการของฉันไม่ไดีขึ้นฉันคงจะต้องตาย"

                    มีอยู่คราวหนึ่งที่ นางลินคอล์นไม่พอใจลินคอล์นมากๆ ถึงกับเอากาแฟใน ถ้วย สาดหน้าลินคอล์นขณะที่อยู่ต่อหน้าแขกและธารกำนัล และไม่ใช่เพียง ครั้ง หรือสองครั้ง แต่เกิดขึ้นบ่อยๆทีเดียว

                    แต่สิ่งที่น่ายกย่องลินคอล์นคือ เขาสามารถอดทนต่อชีวิตที่ไร้ความสุขภาย ในบ้านเป็นเวลาถึงยี่สิบสามปีโดยไม่ได้แสดงออกถึงอาการขมขื่นปวดร้าว มิได้แสดงความขุ่นเคืองและมิได้ปริปากพูดเรื่องนี้แก่ใครเลยแม้แต่คำเดียว จนเกือบไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาแล้ว


                   
    ความเหมือนในความต่าง

                    
                   
    เกือบ
    100 ปี หลังประธานาธิบดีลินคอล์นถูกลอบสังหาร ประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี้ก็ถูกลอบสังหารเช่นกัน มีหลายคนสังเกตเห็นความความอันน่าทึ่งระหว่างสองเหตุการณ์ณ์ลอบสังหารในครั้งนี้

                     - เกี่ยวกับนโยบายของบุคคลทั้งสอง ย้อนไปในปี ค.ศ. 1847 อับราฮัม ลินคอล์น ได้รับเลือกจากประชาชนรัฐอิลลินอยส์ เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ( สภาครองเกรส ) เป็นครั้งแรก….. ถัดมาอีก 100 ปี ในปี ค.ศ. 1947 จอห์น เอฟ เคนเนดี้ ก็ได้รับเลือกจากรัฐแมสซาชูเตส์เข้าสู่สภาครองเกสเช่นกัน

                     - ปี ค.ศ. 1856 ลินคอล์นถูกเสนอชื่อจากพรรคริพับลิกันเข้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีอย่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อน แต่เขาล้มเหลวไม่ได้รับเลือกตั้ง 4 ปีต่อมา ลินคอล์นถูกเสนอชื่ออีกครั้งให้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในฐานะเต็งหนึ่ง ปีค.ศ. 1956 หรือ อีก 100 ปีต่อมา……เคนเนดี้ได้รับการคัดเลือกจากพรรคเดโมแครตให้เข้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีแต่ไม่ประสบความสำเร็จ 4 ปีต่อมา เขากลับมาอีกครั้งในฐานะเต็งหนึ่งในการลงชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา

                     - ปี ค.ศ. 1860 ลินคอล์นเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา จากผล Electoral College ……100 ปีต่อมา เคนเนดี้ก็เป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง จากผล Electoral College เช่นกัน

                     - เป็นเรื่องน่าพิศวงอีกว่าลินคอล์นใช้เวลา 13 ปีนับจากวันที่เดินเข้าสู่สภาครองเกส ในปี ค.ศ. 1847 แล้วก้าวขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีในปี ค.ศ. 1860ส่วนทางด้านเคนเนดี้เองนั้นได้รับเลือกเข้าสภาครองเกสในปี ค.ศ. 1947 หรือและดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี ค.ศ. 1960 หรืออีก 13 ปีต่อมานั่นเองแถมยังมีระยะเวลาห่างจากลินคอล์น 100 ปีพอดีเสียอีก

                    - คำว่า Lincoln และ Kennedy ต่างมีตัวอักษรทั้งหมด 7 ตัวเท่ากัน และทั้งคู่เป็นประธานาธิบดีที่ให้ความสนใจกับสิทธิของประชาชนเป็นหลัก

                   
     
                   - ลินคอล์น มีลูก 2 คน ชื่อ Edward(คนบน)  และ Robert  ส่วนเคนนาดี้ มีน้อง 2 คน ชื่อ Edward และ Robert ………….ต่อมาลินคอล์นต้องพบกับความสูญเสียเมื่อ ลูกชื่อ Edward ป่วยและเสียชีวิตและเคนนาดี้ ต้องพบกับความสูญเสียเมื่อ น้องชื่อ Robert ถูกยิงเสียชีวิต

                     - ทั้งลินคอล์นและเคนเนดี้ในขณะลงชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีนั้นก็ต่างส่งผู้ร่วมทีมลงสมัครตำแหน่งประธานาธิบดีนั้นต่างก็ส่งผู้ร่วมทีมลงสมัครตำแหน่งรองประธานาธิบดีที่มีนามสกุลเหมือนกัน คือ จอห์นสัน

                    - ฝ่ายลินคอล์น นั้นมีชื่อว่า แอนดรู จอห์นสัน เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1808  ส่วนเคนเนดี้นั้น มีชื่อว่า ลินดอน จอห์นสัน เกิดปี ค.ศ. 1908 โดยที่ชื่อของรองประธานาธิบดีทั้งสองมีความยาว 13 ตัวอักษรเท่ากันละอายุต่างกัน 100 ปีพอดีเหมือนกัน

                     
                    
      - ในฤดูร้อนปี ค.ศ. 1865ประธานาธิบดีลินคอล์นเดินทางไปชมละครกับภรรยาแล้วถูกลอบสังหารจากชาวใต้หัวรุนแรง นามว่า จอห์น บูธ ผู้ซึ่งโกรธแค้นประธานาธิบดีลินคอล์นตั้งแต่สมัยสงครามการเมืองสหรัฐอเมริกา จอห์น บูธ ถูกตำรวจไล่ล่าและถูกสังหารในโรงเก็บของโดยมีเงื่อนปมว่าการสังหารบูธในครั้งนี้อาจเป็นการฆ่าตัดตอน เพื่อไม่ให้สืบสาวถึงผู้บงการตัวจริง.......ปี ค.ศ. 1963 เคนเนดี้เดินทางไปปราศรัยหาเสียงที่เมืองตัลลัส รัฐเท็กซัส ด้วยการนั่งรถเปิดประทุนไปกับภรรยา และถูกลอบสังหารจากลี ฮาร์วีย์ ออสวัลด์ ผู้ซุ่มอยู่ที่โรงเก็บของบนหลังคาตึกการตายของมหาบุรุษทั้งสองเป็นปริศนาดำมืดที่ยังไม่คลายปมมาจนถึงทุกวันนี้

                    
      
                   - John Wilkes Booth และ Lee Harvey Oswaldมือสังหารที่สังหารประธานาธิบดีทั้งสองเป็นชาวใต้เหมือนกันJohn Wilkes Booth ซึ่งเป็นมือปืนที่สังหาร Lincoln เกิดในปี 1839 ส่วน Lee Harvey Oswald ซึ่งเป็นมือปืนที่สังหาร Kennedy เกิดในปี 1939ทั้งสองเกิดห่างกัน 100 ปี และชื่อมือปืนทั้งคู่มีความยาว 15 ตัวอักษรเท่ากัน

                    - ขณะที่ลินคอล์นจะออกไปดูละครนั้น เลขานุการส่วนตัวได้ทักท้วงมิให้เขาออกไปโดยเลขานุการคนนี้ชื่อ เคนเนดี้ ส่วนเคนเนดี้นั้น เลขานุการเขาก็ได้เอ่ยเตือนล่วงหน้าไว้เช่นกัน และเลขานุการคนนี้มีชื่อว่า ลินคอล์น

                    - มหาบุรุษทั้งสองถูกยิงฟุบจบชีวิตลงในอ้อมอกของภรรยาเหมือนกัน


                   
    ลางสังหรณ์ ฝันมรณะ

                    ก่อนหน้าที่ท่านอับบราฮัม ลินคอร์นจะถูกลอบสังหาร ได้ฝันว่า ท่านเดินเข้าไปในงานพิธียิ่งใหญ่งานหนึ่ง มีผู้คนมากมายมาร่วมงาน พอเดินเข้าไปใกล้อีกนิด ถึงได้สังเกตว่าเป็นงานศพ ในฝันแจ่มชัดจนท่านได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นของผู้คนดังระงมทั่วบริเวณงาน ท่านรู้สึกแปลกใจจึงถามผู้ที่มาร่วมงานว่า เป็นงานศพของใคร ใครเสียชีวิตหรือ หนึ่งในผู้มาร่วมงานตอบว่า... ท่านประธานาธิบดีลินคอร์นถูกลอบสังหารเสียชีวิต ปรากฏว่า ฝันเป็นจริงในเวลาไม่ถึงเดือน ท่านประธานาธิบดีก็ถูกลอบสังหาร


                   
    ผีอับราฮัม ลินคอล์น

                   

                    ว่ากันว่า ลินคอล์นเคยเป็นคนทรงซึ่งติดต่อกับวิญญาณคนตายได้ วิญญาณนั้นเองที่บอกให้เขาให้ปลดปล่อยทาสในภาคใต้ เขาปฏิบัติตามคำแนะนำนั้นจนเป็นจุดเริ่มต้นสงครามกลางเมือง และเมื่อเขาตายลงวิญญาณเขายังไม่ไปสู่สุขคติเพราะใจเขายังยึดติดอยู่ วิญญาณเลยวนเวียนอยู่บนโลกนี้

                    แมรี่ ลินคอล์นเคยไปพบช่างถ่ายภาพรูปวิญญาณชื่อมัมเลอร์ เธอขอให้เขาถ่ายรูปเธอกลับรูปวิญญาณของสามีที่ตายไปแล้ว เมื่อถ่ายภาพของเธอปรากฏว่ามีภาพผีอับราฮัมยืนอยู่ข้างหลังของเธอ แต่ทว่าภายหลังมัมเลอร์ถูกกล่าวหาว่าเป็นหลวกหลวงต้มตุ๋น และภาพบางภาพปรากฏว่าเป็นของปลอม และภายหลังต่อมา นางลินคอล์นกลับเป็นคนวิกลจริตอย่างรุนแรง เพราะความสูญเสียสามี(พึ่งรู้สำนึกเรอะ)

                    นอกจากนี้ยังมีการรายงานการปรากฏตัวของวิญญาณลินคอล์นในทำเนียบขาวเป็นระยะ เช่น

                    - สมเด็จพระราชินีเฮล์มมิน่าแห่งเนเธอร์แลนด์เคยประทับทำเนียบขาว เคยได้ยินเสียเคาะประตูห้องบรรทม เมื่อเปิดดูเธอถึงกลับล้มทั้งยืนเมื่อทอดพระเนตรเห็นร่างประธานาธิบดีลินคอล์นยืนอยู่ที่นั้น

                    - ประธานาธิบดีรูลเวลท์แม้ไม่เคยพบวิญญาณของประธานธิบดี แต่ท่านเล่าว่าในขณะที่เขาอยู่ลำพังเพียงคนเดียวในห้องสีฟ้า ท่านมักรู้สึกว่ามีวิญญาณของลินคอล์นวนเวียนอยู่ที่นั้น

                    - สาวใช้เคยเล่าให้ภรรยาประธานาธิบดีรูสเวลท์ฟังว่าเคยเห็นวิญญาณลินคอล์นให้ห้องของเขาโดยเห็นท่านนั่งขอบเตียงกำลังถอดรองเท้าบูธออก

                    - ประธานาธิบดีแฮรี่ เอช ทรูแมนเล่าหลายครั้งว่าท่านมักตกใจตื่นเพราะเสียงเคาะประตูห้องนอนในทำเนียบขาว แต่ทรูแมนไม่เคยเห็นกับตาเหมือนสมเด็จพระราชินีเฮล์มมิน่าเท่านั้นเอง


    http://www.thaichristians.net/content/index.php?option=com_content&task=view&id=56&Itemid=112

    http://www.artsmen.net/content/show.php?Category=mythboard&No=2412

    http://www.artsmen.net/content/show.php?Category=mythboard&No=2282
    + + http://www.prairieghosts.com/ph_history.html

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×