ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #476 : ด้านมืดของไอดอลมันโหดร้ายกว่า Back Street Girls เยอะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.5K
      8
      21 พ.ค. 61

    Back Street Girls - Washira Idol Hajimemashita  เป็นการ์ตูนที่มีเนื้อหาค่อนข้างประหลาด โดยเป็นเรื่องราวของยากูซ่าสามคน ประกอบด้วย ยามาโมโตะ เคนทาโร่ (อายุ 28 ปี), สุกิฮาระ คาสุฮิโกะ (อายุ 21 ปี) และทาจิบานะ เรียว (อายุ 25 ปี) ได้งานผิดพลาดขึ้นมา ทำให้องค์กรยากูซ่าที่พวกตนสังกัดอยู่เสียหายร้ายแรง อาจถึงขั้นต้องชดใช้ด้วยชีวิตเลยทีเดียว

    ทั้งสามต้องไปขมาหัวหน้าองค์กร พร้อมกับบอกว่าจะให้ทำอะไรก็ได้เพื่อชดเชยความผิด พอดีเวลานั้นหัวหน้าองค์กรเกิดสนใจธุรกิจไอดอล แล้วไอเดียบรรเจิดไปบอกให้ลูกน้องสามคนของตนเองไปประเทศไทย ผ่าตัด แปลงเพศ และศัลยกรรม เตรียมพร้อมเพื่อเป็นไอดอล (ไอเดียโครตแหวก)

    ลูกน้องทั้งสามอึ้งกับความคิดของหัวหน้า แถมโดนบีบให้ตัดสินอีกต่างหาก ทำให้ลูกน้องทั้งสามตอบตกลง แล้วไปไทยเพื่อไปทำศัลยกรรมจนกลายเป็นสาวน้อยน่ารัก (ประเทศไทยเป็นประเทศทำศัลยกรรมแปลงเพศดีที่สุดในโลก เดี๋ยวตอนหน้าจะเขียนเรื่องนี้ให้อ่านกัน)

    หนึ่งปีต่อมา ลูกน้องทั้งสาม จากตาลุงโหดสามหน่อ กลายเป็นสาวน้อยน่ารักสามคน ใช้เวลาหนึ่งปีในการฝึกฝนการเป็นไอดอลแบบนรก (เปิดวีดีโอไอดอลล้างสมอง ฝึกดัดเสียง

    แน่นอนว่าแม้จะโดนล้างสมองเป็นไอดอล แต่ยากูซ่าสามหน่อก็พยายามที่จะไม่ลืมตัวตนอดีตที่เป็นยากูซ่า แต่กลายเป็นว่ามันแปลกสำหรับคนรอบข้างไป ความฮ่าจึงบังเกิด

     

     รูปภาพที่เกี่ยวข้อง


    Back Street Girls - Washira Idol Hajimemashita เป็นการ์ตูนแนวไอดอล – ตลก ผลงานการแต่งขอ Jasmine Gyuh ตั้งแต่ปี 2015 ในไทยมีลิขสิทธิ์โดยรักพิมพ์ ซึ่งเนื้อเน้นตลกเกี่ยวกับยากูซ่าสามคน ที่สับสนชีวิตของตนเอง ถือว่าเป็นการ์ตูนแปลกแต่เนื้อหากลับตลกแบบไม่น่าเชื่อ แนะนำสำหรับคนอ่านเลยก็ว่าได้

    อย่างไรก็ตาม ในบทความนี้เราไม่ได้เน้นเรื่องของการ์ตูนเรื่องนี้มากนัก แต่จะหนักไปทางด้านมืดของไอดอล

    คือในเรื่อง เราจะพบว่ายากูซ่าไอดอลสามหน่อนั้น แม้ว่าจะเป็นไอดอล ได้รับความนิยม แต่ชีวิตความเป็นอยู่โครตจะเลวร้าย คืออยู่ในห้องเล็กๆ แคบๆ สกปรก และมีเครื่องใช้สอยไม่กี่อย่าง

    แม้ว่ายากูซ่าสามหน่อจะไมได้คิดอะไรมากกลับความเป็นอยู่แบบนี้ แต่คนรอบข้างที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย เช่น ทีมงานบุกบ้านดารามาถ่ายทำถึงกับหน้าหวอเพราะไอดอลที่น่ารัก น่าจะมีห้องน่ารัก แต่กลายเป็นอยู่ในห้องที่โครตขยะแบบนี้

    ซ้ำยังไม่พอ ยากูซ่าสามหน่อยังต้องทนหับหัวหน้าตนเอง ที่โครตเผด็จการ นึกจะเอาก็เอาให้ได้ ไม่พอใจนิดหน่อยก็ซ้อม กำไรที่ได้ก็ได้คนเดียว ส่วนสวัสดิการลูกน้องโครตต่ำ ต้องกัดก้อนกินเหลืออย่างน่าอนาถ

    แรงงานทาสชัดๆ

    หลายคนอาจตลก ขำ ไม่ได้คิดมาก จนบางคนบอกว่าเป็นการ์ตูนตลกเอาฮ่า แต่ผมก็แอบคิดนะว่าชีวิตไอดอลจริงๆ นั้นมันเป็นแบบการ์ตูนเรื่องนี้หรือเปล่า

    ปรากฏว่า........มันมีความเป็นไปได้สูงมาก และบางทีมันอาจเลวร้ายกว่าการ์ตูนเรื่องนี้ด้วยซ้ำ

    เคยคิดไหมว่าวงการไอดอลอาจมีด้านมืดแอบแฝงอยู่

    ทุกวงการล้วนมีด้านสว่างและด้านมืด วงการไอดอลเหมือนกัน มีใครเคยคิดไหมว่าฉากหน้าที่สดใส น่ารัก ทุ่งลาเวนเดอร์ เบื้องหลังอาจมีอะไรน่ากลัวแอบแฝงอยู่

    ใครที่ดูโดจิน-สายมืด ก็ชอบนำเสนอด้านมืดของไอดอล (ญี่ปุ่น)  อย่างเรื่องไอดอลมาสเตอร์ นอกจากจะแนวรักใสๆ (รักกันธรรมดา) ก็ยังมีแนวข่มขืน ลงแขก จำพวกผู้อำนวยการเอาไอดอลสังกัดมาเป็นคู่นอน (ข่มขืนไอดอล)  ที่ร้ายกว่านั้นยังพาเพื่อนๆ มาลงแขก มีการใช้ยาเสพติด ยาอี รวมไปถึงทำธุรกิจเหมือนโสเภณีขายไอดอลตนเองแก่แฟนคลับที่จ่ายหนักเพื่อจะนอนกับไอดอลที่ชอบด้วย

    แน่นอนส่วนหนึ่งของโดจินนี้ก็เพื่อความสะใจของคนดู แต่มันก็น่าคิดเหมือนกันว่าเรื่องจริงๆ มันมีอยู่จริงหรือไม่


    ข้อมูลต่อไปนี้อ้างอิงจากข่าวในเว็บต่างๆ ซึ่งมีทั้งไอดอลญี่ปุ่นและไอดอลเกาหลีใต้

     

    ไอดอล (Idol)  หมายถึง ศิลปินนักแสดงวัยรุ่นในญี่ปุ่น ซึ่งจุดขายที่สำคัญ คือ ภาพลักษณ์อันน่ารักสดใส ไอดอล มีบุคลิกลักษณะที่สมบูรณ์แบบ  คือต้องเก่งหลายด้าน นอกจากร้องเพลงแล้ว ยังเป็น  พิธีกร นักพากย์ (Seiyuu) นักแสดง ถ่ายแบบในนิตยสาร และโฆษณา ด้วย

    การเป็นไอดอลต้องอาศัยความพยายามเป็นอย่างมาก นอกจากจะทำอะไรเก่งแล้ว ก็ต้องสร้างบุคลิกให้เป็นที่จดจำ ฝึกฝน และทำงานมากขึ้น  เพื่อเพิ่มจำนวนแฟนคลับใหม่ๆ ไปพร้อมกับรักษาฐานแฟนคลับเดิมที่มีอยู่เอาไว้ด้วย

    ปัจจุบันธุรกิจไอดอลมีมูลค่ามากขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากแฟนคลับชื่นชอบ แฟนคลับไอดอลหากจะชอบไอดอลคนใดละก็ พวกเขายินดีจะใช้เงินจำนวนมากซื้อของต่างๆ พวกลิมิตที่แพงๆ ซื้อของซ้ำๆ เพียงเพื่อพบหน้าไอดอลไม่กี่นาที จับมือกันเล็กๆ น้อยๆ

    ส่วนมากไอดอลที่เรารู้จักกันนั้น คือ ไอดอลญี่ปุ่น และไอดอลเกาหลี (เคป๊อป) แม้จะเรียกไอดอลที่ก็มีความแตกต่างกันในด้านการแสดง (จนมีดราม่าก็ว่าได้)

    แน่นอนว่าส่วนใหญ่เรามักเห็นแต่ด้านสวยงาม น่ารักของไอดอล จนบางทีเราละเลยด้านมืดของไอดอลไป

    พูดถึงด้านมืดของไอดอล ส่วนใหญ่เรามักได้รับรู้ข่าวจากฝั่งของเกาหลีใต้มากกว่า เมื่อไม่นานก็มีข่าวไอดอลชายคนหนึ่งตัดสินใจฆ่าตัวตาย สร้างความช็อกให้กับแฟนๆ ที่ชื่นชอบ หลังจากนั้นมหกรรมแฮด้านมืดของวงการไอดอลเกาหลีใต้ก็เริ่มออกมากมาย จนหลายคนอึ้งจนไม่เชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง

    ขอเริ่มจากเรื่องกามๆ ก่อน จะเห็นได้ว่าช่วงหลังๆ เราจะเห็นไอดอลหลายคนผันมาเป็นนางเอกหนังAV (หนังผู้ใหญ่) มากขึ้น จากข้อมูลระบุว่าเส้นทางไอดอลไม่ได้โรยกลีบกุหลาบทุกคน เพราะไอดอลนั้นมีการแข่งขันสูงมาก ไอดอลหลายคนที่ขายไม่ออก ต้องออกจากวงแล้วผันไปเป็นนางเอกหนัง AV ที่มีค่าตอบแทนสูง และเป็นอีกเส้นทางหนึ่งของเป็นดาราที่มีคนรู้จัก  (คนญี่ปุ่นไม่ได้แอนตี้หนังผู้ใหญ่มากนัก ทำให้มีนักแสดงหนังผู้ใหญ่หลายคนก้าวมาเป็นนักร้อง ดาราแสดงภาพยนตร์ได้เหมือนกัน)

    ไอดอลที่ว่าก็มีทั้ง คิโตะ โมโมนะ อดีตสมาชิกวง SKE48 โดยเจ้าตัวให้เหตุผลว่ารู้สึกอิ่มตัวกับสถานะไอดอลมานานถึง 5 ปี เช่นเดียวกับ มิเอโกะ อาราอิ อดีตสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปยุค 90 Giri Giri Girls

    อย่างไรก็ตาม ธุรกิจหนังผู้ใหญ่นั้น มีเรื่องของยากูซ่าเข้ามาเกี่ยว อย่าง ยาซูชิ อากิโมโต คือชื่อของผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในแบรนด์ตระกูล “48” ก็มีข่าวลือว่ามีสายสัมพันธ์กับกลุ่มยากูซ่า ที่ทำธุรกิจหญิงค้าบริการ ซึ่งปัจจุบันก็มีการพัฒนามาเป็นธุรกิจโจชิ โคเซ  (ชุดนักเรียนมัธยม)  ที่มีการล่อลวงนักเรียนหญิงมัธยมปลายไปสู่ธุรกิจบริการทางเพศ เพื่อแลกกับค่าตอบแทนจำนวนมาก ซึ่งกำลังเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่ญี่ปุ่นพยายามเร่งแก้ไข

    เมื่อไม่นานก็มีข่าวที่น่าตกใจ เมื่อดาราหนังผู้ใหญ่ชื่อดังนาโซมิ โมโมอิ (Nozomi Momoi) ที่ออกจากวงการหนังผู้ใหญ่ เพื่อแต่งงานกับชายที่เธอรัก แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ หากแต่ต่อมาก็มีการพบเธอกับคนรักของเธอ ในรถยนต์ที่ไหม้เป็นตอตะโกที่บริเวณแม่น้ำนะไร (Narai) ซึ่งไหลผ่านเมืองชิโอะจิริ จังหวัดนะงะโนะ เป็นพื้นที่ห่างไกลชุมชนพอสมควร สภาพศพของนาโซมิไหม้ดำ และมีแผลถูกแทงกว่า 6 แห่ง

    คดีนี้ตำรวจลงความเห็นว่าเป็นการฆ่าตัวตาย อันเนื่องมาจากหาทางออกให้ชีวิตไม่ได้ เธอจึงให้แฟนหนุ่มใช้มีดแทงเธอให้เสียชีวิตแล้วเขาก็จุดไฟเผาตนเองและรถยนต์ตายตามกันไป เป็นคดีที่สะเทือนขวัญและสร้างความเคลือบแคลงใจให้ประชาชนอย่างมาก เพราะทางครอบครัวผู้ตายไม่เชื่อว่าทั้งสองฆ่าตัวตาย พร้อมกับเชื่อมโยงเกี่ยวกับธุรกิจมืดหนังผู้ใหญ่  เชื่อกันว่าการตายของคนทั้งคู่ คือการเชือดไก่ให้ลิงดู เพื่อให้สาวๆ ที่อยู่ในวงการหนังผู้ใหญ่กลัว ไม่สามารถปฏิเสธงาน และไม่สามารถหนีได้ จนกว่าบริษัทหนังจะใช้ประโยชน์เรืองร่างของเธอให้ได้มากที่สุด

     

    ส่วนเรื่องกามๆ ไอดอลเกาหลี ก็ใช่ย่อย เพราะมักมีข่าวไอดอลเกาหลีมาแฉว่าด้านมืดว่า ไอดอลหลายคนมีประสบการณ์ที่บริษัทต้นสังกัดบีบบังคับให้มีเซ็กต์กับสปอนเซอร์และผู้สนับสนุน (ไปจนถึงเหล่าโอตะสายเปย์)  อายุรุ่นพ่อ ซึ่งตอนแรกเริ่มจากมาเป็นเพื่อนเหล้าให้ดื่ม ก่อนที่จะเริ่มบีบให้หลับนอน ไอดอลบางคนโดนข่มขืนสองปีก็มี และถ้าหากพวกเขาไม่ทำตาม พวกเขาก็จะถูกไล่ออก และทำให้พวกเขาเองไม่กล้าแจ้งตำรวจเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น

    ส่วนเรื่องไอดอลญี่ปุ่นโดนบีบมีเซ็กต์กับเหล่าสปอนเซอร์นั้น อันนี้ไม่ทราบ แต่ดูจากโดจินแล้ว.....พบว่าเยอะที่เดียว จนไม่รู้ว่ามันจริงหรือเปล่า เพราะใม่ค่อยมีข่าวออกมาสักเท่าไหร่

     

    อีกหนึ่งที่ไม่ว่าไอดอลญี่ปุ่นและไอดอลเกาหลีต้องรับมือ คือบรรดาแฟนคลับโรคจิต ที่มีทั้งเกลียดชังมากเกินไป กลับคลั่งไคล้มากเกินไป

       ปัจจุบันศิลปินสาวชาวญี่ปุ่น มักจะเน้นทำงานแบบใกล้ชิดกับแฟนคลับ โดยเฉพาะในอีเวนต์ต่างๆ ที่จะมีกิจกรรมให้เหล่าสาวๆ และผู้ที่คลั่งไคล้ในตัวเธอได้ใกล้ชิดกันเป็นพิเศษอยู่เสมอ แต่บางกรณีก็เกิดปัญหาที่รุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อขึ้นมา รวมถึงเหตุการณ์เมื่อปี 2014 ที่ไอดอลแห่งวงป๊อประดับชาติ AKB48 2 คนได้ถูกชายที่อ้างตัวว่าเป็นแฟนคลับใช้อาวุธทำร้ายจนบาดเจ็บหนักมาแล้ว

    อีกรายที่ดัง ก็มายุ โทมิตะ นักร้องสาวชาวญี่ปุ่นวัย 20 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณ์สุดสะเทือนขวัญ ที่เธอถูกแทงถึงมากกว่า 20 ครั้งทั้งที่บริเวณคอ และหลัง ระหว่างรอขึ้นแสดงอยู่ที่สถานที่จัดคอนเสิร์ตแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว โดยผู้ต้องหาที่ชื่อว่านาย โทโมฮิโระ ฮิวาซากิ วัย 27 ปี ซึ่งเป็นแฟนคลับติดตามผลงานของเธออย่างเหนียวแน่น  หลังจากถูกจับกุมฮิวาซากิ ได้บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเขาเป็นแฟนคลับติดตามผลงานของ มายุ โทมิตะ และรู้สึกไม่พอใจอย่างรุนแรงที่เธอคืนของขวัญที่เขาตั้งใจมอบให้เธอกลับมา จึงก่อเหตุดังกล่าวไป

    นอกจากคนโรคจิตทำร้ายไอดอล แล้ว ก็ยังต้องรับมือกับพวกสโตกเกอร์ ทก็มีข่าวว่าไอดอลบางคนโดนสโตกเกอร์คุกคาม ไม่ว่าจะเป็นคุ้ยถุงขยะหน้าบ้าน  ป้วนเปี้ยนอยู่แถวบ้านของไอดอล ตามติดเธอ หลายครั้งต่อหลายครั้ง

     

    ส่วนด้านมืดอีกเรื่องที่หลายคนรู้ๆ กันก็คือ “สัญญาทาส” ที่สัญญาไม่เป็นธรรม และริบชีวิตของไอดอลเกือบทั้งหมด ความจริงเรื่องสัญญาณทาสนี้เกาหลีใต้นั้นโหดสุดๆ โหดชนิดว่าต้องมีการแฉกัน นำไปสู่การแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับทำสัญญาณไอดอลในภายหลัง

     สัญญาณทาสไอดอลเกาหลีนั้น เรื่องก็คือเหล่าวัยรุ่นที่มีความฝันอยากเป็นไอดอล ส่วนบริษัทที่ทำสัญญาณก็อยากได้ผลประโยชน์มากที่สุด ทุกอย่างก็ต้องมีการลงทุน ก็อยากได้ผลกำไรมากเท่าที่มากได้ และนั้นทำให้มีการเอาเปรียบไอดอล

    เริ่มตั้งแต่การฝึกหนัก ฝึกโหด ซ้อมเต้นทั้งวัน ไอดอลที่อยู่วัยเรียนแทบไม่ได้ไปเรียน หรือแทบบไม่มีชีวิตประจำวันส่วนตัวเลย

    ที่โหดกว่าคือไอดอลแทบไม่ได้เงินเดือน (เงินรายวัน, เงินตอบแทน) เลยแม้แต่น้อย พวกเขามีชีวิตอยู่โดยแทบไม่มีเงินเข้ากระเป๋า แม้กระทั่งดังแล้วก็ตาม บางคนยังต้องขอเงินพ่อแม่เพื่อนำมาจ่ายเงินให้บริษัทอีกต่างหาก ผลคือไอดอลบางคนต้องกินบะหมี่กิ่งสำเร็จรูป (บะหมี่สำเร็จรูปเกาหลีแพงนะเอ่อ)

    ด้วยความเครียดนี้เอง ก็ทำให้เราได้ยินข่าวไอดอลเกาหลีฆ่าตัวตายกันหลายราย ล่าสุดก็คิมจงฮยอน ซึ่งสาเหตุฆ่าตัวตายก็เกิดจากความเครียดและอาการซึมเศร้า พร้อมกับฝากข้อความอำลาก่อนจบชีวิตไว้กับเพื่อนสนิทว่า "ข้างในตัวตนของผมแตกสลาย...ชีวิตแบบคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังนั้นไม่ใช่สำหรับผมเลย ช่วยบอกทีเถิดว่าที่ผ่านมาผมทำได้ดีแล้ว ช่วยบอกทีว่าผมทำงานหนักและมันก็เพียงพอแล้ว นี่คือคำอำลาสุดท้ายจากผม"

    การเสียชีวิตของคิมจองฮยอนทำให้เกิดการหยิบยกสัญญาณทาสไอดอลมาทบทวนอีกครั้ง พบบว่าเป็นสัญญาณที่ไม่เป็นธณรม บงการชีวิตไอดอลไปทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนอย่างหนัก ไปจนถึงการกินอยู่ การแต่งกาย การใช้โทรศัพท์ การตัดสินใจทำศัลยกรรมความงาม หรือแม้กระทั่งการคบหาเพื่อนหรือมีคน แต่ตัวไอดอล  เองนั้นกลับมีรายได้ตอบแทนเป็นเพียงเงินเดือนจำนวนไม่มาก

    ปัจจุบันก็มีการแก้กฎหมายสัญญาณทาสไอดอลเกาหลีให้ดีขึ้น พยายามที่จะปกป้องคุ้มครองไอดอลหน้าใหม่ แต่ถึงอย่างไรก็ตามบริษัทต้นสังกัดก็ยังคงมีอำนาจเหมือนเดิม ก็คงมีประเด็นเรื่องไอดอลเกาหลีฆ่าตัวตายเอามาพูดถึงอีก

    ส่วนประเด็นสัญญาณทาสไอดอลของญี่ปุ่น ก็น่าแปลกใจที่ตอนนี้ไม่ค่อยมีเรื่องหวือหวาเทียบเท่าเกาหลีใต้ นอกเสียจากเรื่องสัญญาณใจห้ามไอดอลมีแฟนหนุ่ม หากถูกจับได้ ไอดอลแทบถูกยำ ดราม่า บางคนโกนผมก็มี (ซึ่งผมเขียนแล้วจากบทความโตเกียวไอดอล)

    ส่วนที่เหลือๆ ก็ไม่ต่างกัน เพราะไอดอลญี่ปุ่นก็ได้รับการฝึกหนักเหมือนกัน ไอดอลบางคนบ่นว่าไม่ค่อยมีอิสระในการทำงานเลย

    ตารางงานที่แน่น รู้สึกกดดัน ไม่เคยหยุดงานเลยแม้แต่วันเดียว  ดังนั้นการที่ผู้หญิงคนหนึ่งก้าวมาสู่การเป็นไอดอลจะต้องมีพลังชีวิตที่แกร่งมากพอดู

     

    ดังนั้นชีวิตไอดอลของจริง มันโหดฮาร์คคอยิ่งกว่า ยากูซ่าสามหน่อ Back Street Girls  แน่นอน

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×