ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #390 : (เฮ้ย! จริงเหรอ!! แบบแมวๆ) หลี่ซิน แม่เทพที่หลายคนไม่อยากจะจำ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.15K
      3
      26 เม.ย. 59

                 Kingdom เป็นการ์ตูนมังงะแนวสงคราม อิงประวัติศาสตร์ ผลงานของ Yasuhisa Hara  ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับจิ๋นซีฮ่องเต้ ถือว่าแปลกมากสำหรับการ์ตูนญี่ปุ่น ที่ส่วนใหญ่มักเน้นเรื่องประวัติศาสตร์สามก๊กมากกว่า

                โดยเนื้อเรื่องในการ์ตูนได้กล่าวถึงเด็กชายกำพร้าสถานะทาสคนหนึ่งชื่อ “ซิน” เขาอาศัยอยู่ยุคเลียดก๊ก (เป็นยุคสุดท้ายของสมัยจีนโบราณ ขณะนั้นมีรัฐใหญ่ต่างๆอยู่ 7 รัฐ คือ รัฐฉี (Qi), รัฐฉู่ (Chu), รัฐเอี้ยน (Yan), รัฐฉิน (Qin), รัฐหาน (Han), รัฐเว่ย (Wei) และ รัฐเจ้า (Zhao)ก่อนที่ฉินหวางเจิ้ง จะปราบรัฐต่างๆและรวมเป็นแผ่นดินจีน และสถาปนาตัวเองเป็นจิ๋นซีฮ่องเต้ เมื่อ 221 ปีก่อนคริสต์ศักราช)

                ซินมีความฝันอยากเป็นนายพลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เพื่อหนีจากวรรณะที่ต่ำต้อย จนกระทั่งวันหนึ่ง “เปียว” เพื่อนของเขาได้ถูกขุนนางคนหนึ่งพาเข้าวัง และไม่กี่เดือนต่อมาเปียวก็กลับมายังหมู่บ้านในสภาพเลือดท่วม ก่อนที่จะตายเขาได้บอกให้ซินไปพบกับชายคนหนึ่ง หากแต่เมื่อซินพบกับชายคนดังกล่าวก็พบว่าเขามีหน้าเหมือนเปียว แถมตัวจริงของเขาก็คืออ๋องฉิน (หรือก็คือจิ๋นซีฮ่องเต้ในอนาคต) ซึ่งเขาได้หนีจากการลอบสังหาร และเมื่อซินรู้เรื่องดังกล่าวเขาได้อาสาจะช่วยเหลือ โดยหวังว่ามันจะเป็นเส้นทางที่จะทำให้เขาเป็นนายพลที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตข้างหน้า


     


    Kingdom  เป็นการ์ตูนฮิตเงียบๆ ในญี่ปุ่น ออกตั้งแต่ปี 2006 ปัจจุบันก็ยังคงไม่จบ ส่วนในไทยลิขสิทธิ์โดยสำนักพิมพ์สยามตีพิมพ์ออกมาเรื่อยๆ  นอกจากนี้ยังมีอนิเมะสองซีซั่น และมีโครงการจะทำวีดีโอเกมอีกด้วย ถือว่าเป็นหนึ่งในการ์ตูนที่หลายคนตามพอสมควร

                 แม้ภาพรวมจะเป็นเรื่องของจิ๋นซีฮ่องเต้ แต่ตัวเอกของเรื่องนี้คือ “ซิน” ซึ่งเนื้อหาของการ์ตูนจะเล่าชีวิตของซินแบบช้าๆ  ไล่ตั้งแต่ตอนเป็นทาส ไต่เต้ามาเป็นพลเรือน เข้าร่วมสงครามครั้งแรกในฐานะทหารเลว จากนั้นก็เป็นผู้กอง และขึ้นสู่การเป็นแม่ทัพ พร้อมกับความรับผิดชอบมากขึ้น และสงครามทวีความรุนแรงขึ้นด้วย แต่ตัวซินนั้นแม้จะมีฝีมือ แต่เพราะความบ้าบิ่นก็เกือบทำให้ตายหลายครั้ง แต่ด้วยความมุ่งมั่น ความอดทน และความกล้าทำให้เขาสามารถอยู่รอดได้ในลกแห่งสงครามนี้

                ใครที่อ่านการ์ตูน Kingdom จะรู้ดีว่าเป็นการ์ตูนที่อ่านเพลินมาก แม้ว่าสงครามหนึ่งๆดำเนินเรื่องยาวมากกว่าจะจบก็ปาไปหลายเล่ม แต่อ่านเพลินมาก เพราะเต็มไปด้วยแอ็คชั่น สู้ด้วยกลยุทธ์ (แม้ว่าสุดท้ายพวกแม่ทัพจะสู้ตัวต่อตัวเพื่อปิดศึกก็เถอะ) อีกทั้งงานภาพโดยเฉพาะฉากทำสงครามที่ทำออกมาได้อย่างอลังการงานสร้าง เหมือนได้ดูหนังสงครามจีนดีๆ เรื่องหนึ่ง ภาพของทหารมากมายหลายหมื่นคน ที่วาดเต็มหน้ากระดาษหนึ่งหน้า โดยเฉพาะภาพชุดเกราะ อาวุธ ม้าศึก ทุกอย่างใส่ใจเก็บรายละเอียดได้ดีมาก

                 นอกจากความอลังการของการศึกแล้ว การต่อสู้ระหว่างทหารทั้งสองฝ่ายอย่างดุเดือดแล้ว สิ่งที่น่าชื่นชมอีกอย่าง คือการถ่ายทอดความโหดร้ายของสงคราม หากเลือดสาดกระจาย แขน ขา หัวขาด สิ่งเหล่านี้ดูน่าขยะแขยง สะอิดสะเทือน จนบางครั้งเรามาจั้งคำถามว่าทำไมเราต้องฆ่ากัน ทำไมหลายคนถึงใฝ่สันติกันนัก

                 นอกจากนี้ตัวการ์ตูนยังสอดแทรกประวัติศาสตร์ได้อย่างน่าสนใจ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์จีนของจิ๋นซีฮ่องเต้ ที่ตัวละครในประวัติศาสตร์ปรากฏตัวในเรื่องหลายคน แม้บางคนอาจไม่คุ้นหูเพราะชื่อตัวละครนั้นเป็นชื่อคันจิ หากแต่ถ้าแปลเป็นชื่อจีน ก็พอคุ้นบ้าง  (บางคนเปลี่ยนเพศ จากชายเป็นหญิงก็มี คงเพราะเรื่องนี้มีแต่ตัวละครผู้ชายทั้งเรื่องคงน่าเบื่อละมั้ง ก็ต้องมีดอกไม้งามในสนามรบบ้าง)

    มีบุคคลสำคัญมากในประวัติศาสตร์จิ๋นซี (ที่ควรจดจำ)  เป็นต้นว่า คนแรกคือหลี่ซื่อขุนนางสำคัญของฉินที่เป็นกุนซือคนสำคัญที่ทำให้จินซีรวบรวมแผ่นดิน และอีกคนคือหลี่ปู้เหว่ยผู้ทำให้รัฐฉินเจริญก้าวหน้าแต่พบจุดจบอันน่าอนาถ  เหมิงเทียนแม่ทัพที่สร้างกำแพงเมืองจีน  และหวังเจี๋ยนแม่ทัพชราที่ตีรัฐสุดท้ายทำให้ฉินรวมแผ่นดินได้สำเร็จ

    ยังกล่าวถึงแม่ทัพในตำนานของจีนอย่าง แม่ทัพไป๋ฉี (Bai Qi) แม่ทัพคู่ใจของ "เจ้าเซียงอ๋อง" (Zhaoxiang) ปู่ทวดของจิ๋นซีฮ่องเต้ ทำสงครามชนะรัฐเจ้าที่ฉางผิง (Battle of Changping) 5nvแม่ทัพที่เก่งที่สุดในยุคนั่นเพราะไม่เคยแพ้ศึกเลย และยังมีบุคคลที่น่าจดจำอย่าง หลี่มู่ (Li Mu) เป็นแม่ทัพรุ่นหลังของรัฐเจ้า คุมอำนาจในยุคหลังจากเหลียนผ่อย้ายรัฐ และเป็นคนที่สามารถต้านทานกองทัพของจิ๋นซีได้  ซึ่งทั้งหมดปรากฏในการ์ตูนและมีบทบาทสำคัญ รวมไปถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ต่างๆ ที่ตัวละครเหล่านี้เกี่ยวข้องด้วย

    อย่างไรก็ตาม  ในเมื่อเรื่องนี้มีตัวละครที่มีตัวตนอยู่จริงในยุคจิ๋นซีฮ้องเต้ คำถามที่ตามมาคือ แล้วเจ้าพระเอก “ซิน” คนนั้นคือใครกันแน่ในประวัติศาสตร์ ในเมื่อตอนต้นเรื่อง มีการกล่าวถึงว่าเขาเป็นแม่ทัพคนสำคัญของจิ๋นซี แต่ทำไมเรากลับไม่คุ้นหูแม่ทัพซินเลย เขาเป็นใครกันแน่

    ความจริงแล้วแม่ทัพซินนั้นมีตัวจริงในประวัติศาสตร์ เพราะเขาก็คือแม่ทัพนาม “หลี่ซิน”  (Li Xin)

    แน่นอนว่าหลายคนไม่รู้จักแม่ทัพคนนี้มากนัก เพราะเขาก็ไม่ได้เป็นแม่ทัพระดับตำนาน แต่ถ้าจะเอาวีรกรรมของเขามาพูด หลายคนอาจคุ้นก็เป็นไปได้ เพราะเขาแม่ทัพหนุ่มเป็นผู้อาสาตีรัฐฉู่ ด้วยกำลังทหารจำนวนน้อย เพื่อหวังจะเป็นตำนาน หากแต่แพ้ไม่เป็นท่า จนต้องให้หวังเจี้ยนออกมากู้หน้าจนทำให้รัฐฉินชนะรัฐฉู่จนทำให้จิ๋นซีฮ่องเต้รวบรวมแผ่นดินได้ในที่สุด

     

     

    สารคดีจิ๋นซีฮ่องเต้

     

    แม้ว่าความพ่ายแพ้อนาถของหลี่ซินนั้น ทำให้ชื่อของเขาไม่เป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์มากนัก กลายเป็นตัวตลก ตัวประกอบ แถมทำให้หวังเจี้ยนเป็นที่รู้จักว่าเป็นวีรบุรุษของจีนแทน แต่กระนั้นถ้าเรามาดูประวัติแม่ทัพคนนี้ก็

      เท่าที่ค้นดูไม่พบประวัติชีวิตส่วนตัวของหลี่ซินมากนัก (เป็นเหตุทำให้การ์ตูนใส่สีสันประวัติศาสตร์ซินตอนเด็กแบบเมามัน จากทาส มาเป็นพลเรือน ก้าวสู่การเป็นแม่ทัพ) ดังนั้นประวัติของเขาส่วนใหญ่เป็นผลงานในสนามรบรวบรวมดินแดนมากกว่า

    หลี่ซินปรากฎตัวครั้งแรกในระหว่างสงครามรวบรวมแผ่นดินของจิ๋นซีฮ้องเต้ ระหว่างปี 236-221 ก่อนคริสตกาล ปรากฏชื่อครั้งแรกตอนที่รัฐฉินยกทัพไปตีแคว้นจ้าว ซึ่งตอนนั้นหวังเจี้ยนเป็นคนนำทัพร่วมกับแม่ทัพคนอื่นๆ หลี่ซินก็ติดตามมายังทัพนี้ด้วย ผลของสงครามครั้งนี้ต่างฝ่ายสูญเสียทหารมากมาย แต่ไม่มีใครแพ้ใครชนะ และกองทัพฉินต้องถอยกลับ แม้ว่า จะไม่มีการบันทึกว่าหลี่ซินทำอะไรบ้างในสนามรบ แต่ถ้าคงเป็นช่วงที่เขากำลังพยายามทำผลงานเพื่อเลื่อนขั้น

    ต่อมาชื่อของหลี่ซินปรากฎอีกครั้ง หลังจากเกิดเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์สำคัญ นั้นคือการลอบสังหารของจิงเคอ ที่ไท้จือตัน องค์ชายรัฐเอี้ยนได้ส่งจิงเคอลอบสังหารจิ๋นซี โดยปลอมตัวเป็นนักการทูตที่นำแผนที่เมืองหลวงของเอี้ยน และศีรษะของอดีตขุนพลของรัฐฉินมาถวายจินซี หากแต่ซ่อนมีดสั้นเอาไว้ที่ปลายแผนที่ แต่แผนนั้นล้มเหลว และนั้นทำจินซีโกรธแค้นและส่งกองทัพไปบุกรัฐเอี้ยน โดยหลี่ซินนำทัพไล่ล่าไท้จือตัน จนทำให้อ๋องเอี้ยนยอมจำนน พร้อมกับส่งหัวลูกชายของตนเองเพื่อแลก ซึ่งจิ๋นซีรับข้อเสนอแลกกับฉินไม่มารุกรานเอี้ยน 3 ปี ซึ่งจิ๋นซีรับข้อเสนอนี้ (และต่อมารัฐฉินก็ยกทัพไปตีรัฐเอี้ยนจนล่มสลายกลายเป็นแผ่นเดินเดียวกันได้ในที่สุด)

     

     

    หวังเจี้ยน

     

                    ต่อมาในปี 224 ก่อนคริสต์กาล ฉินเริ่มเตรียมบุกรัฐฉู่ คู่อริที่แข็งแกร่งที่สุถดในหมู่ 7 รัฐ (รัฐจ้าว รัฐหาน และเว่ยนั้นโดนตีแตกไปนานแล้ว) แน่นอนว่าหากตีรัฐนี้ได้สำเร็จ การรวบรวมแผ่นดินจีนก็จะสำเร็จได้อย่างง่ายดาย แต่ปัญหาคือจิ๋นซียังไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะส่งใครเป็นแม่ทัพนำทัพไปโจมตีรัฐนี้ดี

                    แน่นอนตัวเลือกน่าจะเป็นแม่ทัพหวังเจี้ยน เพราะเขานำศึกมากมาย ทั้งนำทัพตีรัฐจ้าว รัฐเอี้ยนจนแตก แต่ปัญหาคือตอนนี้หวังเจี้ยนเป็นแม่ทัพชราภาพไปมาก แถมเขาได้เสนอให้ฉินส่งกองทัพไป 6 แสนนายเพื่อตีรัฐฉู่ แต่จิ๋นซีไม่เห็นด้วยนักเพราะทหารมีมากเกินไป

                    ในเวลานั้นเองหลี่ซินซึ่งตอนนั้นเป็นแม่ทัพหนุ่ม ไฟแรง ทะเยอทะยาน อยากสร้างผลงาน ได้เสนอความบ้าบิ่นไปว่า หากตั้งเขาเป็นแม่ทัพ เขาจะใช้ทหารเพียง 2 แสนคนก็เพียงพอ เพื่อใช้แผนบุกแบบสายฟ้าแลบ จิ๋นซีอ๋องเห็นแผนนี้ไม่เสียหาย เลยให้หลี่ซินไปรบแทน ส่วนหวังเจี้ยนก็แอบนึกน้อยใจเลยอ้างว่าป่วยขอกลับไปอยู่บ้านที่บ้านนอกแทน


    เนื้อหาต่อไปนี้มาจากหนังสือ “จิ๋นซีฮ่องเต้ มหาราชหรือทรราช” โดยบุญศักดิ์ แสงระวี ซึ่งอธิบายว่าทำไมหลี่ซินถึงพ่ายแพ้ ปกติแล้วไม่ว่าเว็บไหนไม่ได้อธิบายส่วนนี้ไว้

     

    สาเหตุหนึ่งที่จิ๋นซีเลือกหลี่ซีเป็นแม่ทัพ นอกจากมองหวางเจี่ยนชราภาพมากแล้ว อีกสาเหตุหนึ่งก็เพราะหลี่ซินถึงสร้างผลงานการบุกรัฐเอี้ยนที่ประสบความสำเร็จงดงาม และสามารถนำศีรษะของไท่จื่อตันกลับมาถวายจนเป็นที่พอพระทัย จึงมีความเห็นว่าการมใช้กำลังมากในการบุกรัฐฉู่เหมือนขี่ช้างจับตั๊กแตน ดังนั้นทหารเพียง 2 แสนน่าจะดีกว่า

    เมื่อหลี่ฉินได้รับราชโองการให้เป็นแม่ทัพพร้อมด้วยหม่งอู่เป็นรองแม่ทัพ ยกกำลังสองแสนไปตีฉู่ โดยแยกเป็นสองทาง หลี่ซินมุ่งไปยังเมืองผิงหยี่ (ในเหอหนานในปัจจุบัน) ส่วนหม่งอู่ยกไปทางฉินซิว (ในมณฑลเหอหานในปัจจุบัน) นัดแนะกันว่าจะตีจนบรรจบทัพที่เมืองเฉิงฟู่

    อย่างไรก็ตาม แผนการต่างๆ ไม่เป็นที่วางไว้มากนัก เนื่องจากรัฐฉู่นั้นมีอาณาเขตไฟศาล ทำให้สามารถรวมพลจำนวนมาก อีกทั้งขุนพลของรัญฉู่นั้นมีประสบการณ์การรบดี โดยไม่ยอมส่งกำลังปะทะทหารฉินซึ่งหน้า โดยปล่อยให้หลี่ซินและหมงอู่ตีเมืองผิวหนี่และฉินซิว ส่วนกองทัพตนเองนั้นไปตีเมืองหนานจิ้นของรัฐฉินแทน

    และเมื่อหลี่ซินทราบข่าว ว่าหนานจิ้นคับขัน จึงได้เปลี่ยนแผนนำทัพไปช่วยหนานจิ้นก่อน หากแต่มันก็ไม่ทันเวลาเพราะหนานจิ้นก็แตกเป็นของรัฐฉู่เสียแล้ว และนั้นทำให้ขวัญกำลังใจของทหารฉู่เต็มเปี่ยม

                    หลี่ซินพยายามนำทหารยึดเมืองคืน หากแต่เพราะเดินทางมากไกล อีกทั้งยังรบแบบไม่ยอมพักเลย ทำให้ทหารอ่อนล้า แม่ทัพของรัฐฉู่เห็นโอกาสจุงบุกตีซึ่งหน้า ทำให้ทัพฉินสู้ไม่ได้ จึงจ้องทิ้งอาวุธ ถอดเพราะหนีไม่เป็นขบวน ทัพฉู่ตีกระหน่ำซ้ำเติมไปถึง3 วัน 3 คืน ไม่ยอมให้ทัพหลี่ซินพักหายใจ จนในที่สุดกองทัพของฉินแตกพินาศย่อยับ ทหารเหลือรอดกลับมาแค่หมื่นกว่าๆ ส่วนทหารฉู่ยึดพื้นที่ที่หลี่ซิ่งและหมงอู่ที่ตีได้เอากลับคืนมาได้จนหมด

                    เมื่อฉินอ๋อง (จิ๋นซี) ทราบเรื่องที่กองทัพหลี่ซิ่นพ่ายแพ้ย่อยยับกลับมา นับว่าเป็นความพ่ายแพ้ที่น่าอัปยศที่สุดนับตั้งแต่ฉินอ๋องประกาศทำสงคราม 6 รัฐมา จึงทรงโกรธกริ้วและจำเป็นต้องขอให้ขุนพลหวังเจี้ยนมานำทัพอีกครั้ง หากแต่หวางเจี่ยนเล่นตัวอ้างว่าตนชราภาพมากแล้วขอให้ใช้ขุนพลที่หนุ่มกว่า ทำให้ฉินอ๋องพยายามอ้อนวอนหลายครั้ง พร้อมจัดทหารตามที่หวังเจี่ยนขอตั้งแต่แรก จนหวังเจี้ยนใจอ่อน รับตำแหน่งแม่ทัพบุกฉู่

     

    กองทัพของหวังเจี้ยนจำนวน 6 แสนไปถึงเมืองของรัญฉู่ในอีก 6 เดือนต่อมา แต่แทนที่จะทำสงครามประจันบานกันทันที หวังเจี้ยนกลับทำสิ่งที่แปลกไม่เหมือนใคร ด้วยกันสั่งให้ทหารอยู่เฉยๆ และซ้อมรบอยู่ในค่ายเท่านั้น ไม่ออกรบเลย จนเวลาผ่านไป 3 เดือนผ่านไป ฝ่ายทหารรัฐฉู่แม้จะ งง ท่าทีของฝ่ายศัตรู แต่ก็คงคิดว่ากองทัพฉินนั้นคงปอดแฉกไม่กล้าเข้ามาตี  เพราะกลัวแพ้ ทำให้มาตรการของการป้องกันคลายตัว  แถมยังเชิญกษัตริย์ของฝ่ายตัวเองเสด็จมาดูชัยชนะเสียด้วยซ้ำ  

    ความจริงแล้ว ท ที่ทหารฝ่ายฉินไม่บุกนั้น มันเป็นแผนลวง เพราะพวกเขาได้แบ่งกำลัง โดยกำลังหนึ่งหลอกศัตรู ส่วนอีกกองกำลังซ่อนตัวอยู่ในป่าเลียบเขา รอพวกฉู่ประมาท และเมื่อ
     ฝูจู่อ๋องแห่งรัฐฉู่มาดูชัยชนะด้วยตัวเองถึงเมือง หวังเจี้ยนก็สั่ง กองทัพฉินก็เข้าโจมตีทันทีด้วยกำลังพลทั้ง 6 แสนนายทันที ทำให้ฝ่ายฉู่ตั้งตัวไม่ทันถูกตีพ่ายยับอนาถ ทหารตายนับแสน ส่วนอ๋องรัฐฉู่ก็ตายจากการรบครั้งนั้น และนั้นทำให้หวังเจี้ยนก็ได้รับฉายาว่าเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามนับจากนั้นเป็นต้นมา
            หลังจากนั้นไม่นานรัฐที่เหลือก็ตกเป็นของฉินอย่างง่ายดาย อ๋องฉินก็สถาปนาตัวเองเป็นจิ๋นซีฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่ ส่วนตัวหวังเจี้ยนนั้นหลังจากทำศึกรวมแผ่นดิน ก็ลาออกไปกลับบ้านเกิด ไม่สนลาศยศอีกต่อไป นับว่าเป็นแม่ทัพที่สามารถอยู่รอดปลอดภัย ไม่ตายอนาถเหมือนแม่ทัพชื่อดังคนอื่นๆ ในประวัติศาสตร์

    ทางด้านหลี่ซินนั้นไม่ค่อยมีการกล่าวถึงมากนัก ว่าหลังพ่ายศึกแบบอนาถกับรัฐฮู่เขาเป็นอยู่ยังไง บางคนอาจคิดว่าเขาคงถูกประหารเพราะทำผลงานล้มเหลว แต่เท่าที่ค้นดู พบว่าหลี่ซินยังคงอยู่รอดปลอดภัย เพราะยังปรากฏบันทึกประวัติศาสตร์อยู่บ้าง ในฐานะขุนพลที่ตีแคว้นรวบรวมแผ่นดินและนอกจากนั้นเขาก็ยังมีลูกหลานสืบทอดอีกหลายร้อยปี ซึ่งหนึ่งในลูกหลานเหล่านั้นก็มีขุนพลดังๆ ให้ได้จารึกอย่าง หลี่กวง รวมไปถึง “หลี่หยวน” ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ถัง  

    ดังนั้นพอเดาได้ว่าหลี่ซินอาจเพียงแค่กินตำแหน่ง แต่ไม่ถูกใช้ให้ทำผลงานใหญ่อีกเลย ความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฏ และหายไปในประวัติศาสตร์แบบเงียบๆ ไป

    แม้ว่าหลี่ซินจะเป็นแม่ทัพที่อนาถในประวัติศาสตร์ และไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ Kingdom ได้สร้างนำแม่ทัพจืดจางนี้ มาใส่สีสัน ใส่เรื่องราวให้ตื่นเต้น ตื่นใจ  จากแม่ทัพจืดๆ งี่เง่า กลายมาเป็นเด็กหนุ่มที่รักความถูกต้อง กล้าหาญ  น่าติดตาม และส่วนตัวผมเอง ผมก็อยากเห็นหลี่ซินในการ์ตูนทำศึกรัฐฉู่ว่ามันจะทำออกมาได้ดีเพียงใดด้วย

    Kingdom ยังคงเป็นมังงะแนวสงครามที่สนุก ไม่จำเป็นต้องแฟนตาซี ไม่ต้องมีเวทมนต์ตูมตามเวอร์ๆ ก็สามารถสนุกได้ เพราะการใส่สีสัน การเปลี่ยนประวัติศาสตร์จีนที่เราไม่ค่อยน่าสนใจ น่าเบื่อ ให้มันน่าสนใจมากขึ้น พร้อมกับการสอดแทรกประวัติศาสตร์ รวมไปถึงทฤษฏีที่น่าสนใจหลายอย่าง ซึ่งคราวหน้าจะพูดถึงการ์ตูนเรื่องนี้อีกครั้ง






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×