ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #336 : 10 ความรู้สึกที่ผมมีต่อ Aldnoah.Zero

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.42K
      4
      14 เม.ย. 58

               ก่อนอื่นขอบอกว่าสิ่งที่เขียนต่อไปนี้คือความรู้สึกส่วนตัวของผมที่มีต่อ Aldnoah.Zero คล้ายๆ กับบทความ ตอนที่ 181 : 10 เหตุผลที่ทำให้ผมดูตอนจบ Guilty Crown ไม่ประทับใจ เพียงแต่คราวนี้จะเขียนทั้งด้านบวก และด้านขัดใจนิดหน่อย (โดยเฉพาะเสลดเป็ด) ซึ่งผมก็หวังว่าคนที่อ่านบทความนี้และได้ดูอนิเมะเรื่องนี้จะเข้าใจความรู้สึกผมบ้างนะครับ ผมก็เชื่อว่าหลายคนคงรู้สึกเหมือนกับผมไม่มากก็ไม่น้อย

     

                ในที่สุด Aldnoah.Zero ก็มาถึงบทสรุปสุดท้ายแล้ว หลังจากที่ครึ่งแรกจบลงด้วยเสียบ่นจากแฟนๆ เรื่องนี้ เป็นต้นว่า “เสล็ดเป็ด”, “ห่XXอะไรว่ะ”, “ไม่นะ”, “จบแบบนี้จริงดิ” แต่เชื่อเถอะแม้จะมีเสียงบ่น เสียงหยาบ แต่สุดท้ายทุกคนที่ก็ตั้งหน้าตาคอยอยากดูอนิเมะครึ่งหลังใจจะขาด และเป็นการรอคอยที่ทรมานมากๆ เพราะต้องรอหลายเดือนกว่าครึ่งหลังจะมาต่อ (ครึ่งแรกฉาย 5 กรกฎาคม 2014 และต้องรออนิเมะเดือนมกราคม ปีหน้าจึงจะได้ดูครั้งหลัง)

                สำหรับครึ่งแรก (ตอนที่ 12) จบลงด้วยการตัวละครทั้งสามถูกยิง ไม่ว่าจะเป็นซัสบาลัมหัวหน้าใหญ่, เจ้าหญิง (ที่ยิงหน้าอกฝั่งขวา) และพระเอกฮินาโฮะ (ขอนไม้คุง) ถูกยิงที่ศีรษะ ซึ่งเรื่องจบลงโดยไม่บอกตกลงแล้วตัวละครทั้งสามจะเป็นหรือตาย บอกแต่เพียงว่าฝ่ายโลกมีชัยเหนือการรุกรานของชาวดาวอังคาร และได้รับการบาดเจ็บล้มตายทั้งสองฝ่าย

                ครึ่งแรกผมรีวิวที่ http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=125456&chapter=294

                Aldnoah.Zero ครึ่งหลัง ได้เริ่มต้นขึ้น 19 เดือนจากเหตุการณ์ตอนที่ 2 ซึ่งเชื่อว่าเป็นครึ่งหลังที่หลายคนอึ้ง ไม่ว่าจะเป็นสามตัวละครที่คิดว่าจะตายโหงตายห่าแล้วในครึ่งแรก ปรากฏว่ายังอยู่ดีที่สุขดี ไม่ว่าจะเป็นซัสบาลัมกลายเป็นหัวหน้าใหญ่, ฮินาโฮะกลายเป็นอาวุธลับของโลกแถมได้ไอเท็มใหม่ “ดวงตาพันปี”!? และเจ้าหญิงโดนหญิงใหญ่สวมรอยให้ชาวดาวอังคารรุนรานชาวโลกอีกต่างหาก

                และสิ่งที่พลาดไม่ได้คือกระทู้สำหรับแฟนๆ เรื่องนี้ ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นยกใหญ่ แต่เชื่อเถอะว่าแม้จะเป็นอนิเมะหุ่นยนต์ยักษ์ แต่หลายคนแทบไม่สนใจในตัวหุ่นเลยแม้แต่น้อย หากแต่สนใจตัวละครในเรื่องมากกว่า

                ผมเชื่อว่าคนที่ติดตามการ์ตูนเรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะหวังจะดูฉากต่อสู้หุ่นยนต์สักเท่าไหร่  ฉากต่อสู้หุ่นยนต์มันก็แค่น้ำจิ้ม หากแต่ที่ดูอยากรู้ว่าตอนจบมันจะเป็นเช่นไร วิถีชีวิตของตัวละครในเรื่องจะเป็นอย่างไร ใครจะสมหวัง ใครจะรักคุด ใครจะตายโหงตายห่า (กองอวย กองแช่ง กองเดา เพียบ แต่ไม่โหดเหมือนกรณีขอมดำดินกับนางมารเขียวเสวย จาก Kakumeiki Valvrave)

               แน่นอนว่าหลายคนก็มีความคิดเห็นมากมายเกี่ยวกับอนิเมะเรื่องนี้ ซึ่งตัวผมเองก็มีความรู้สึกเกี่ยกวับอนิเมะเรื่องนี้มากมาย จึงทำการสรุปเป็น 10 อันดับความรู้สึกที่ผมได้ดู Aldnoah.Zero เอาไว้ดังต่อไปนี้

     อย่างไรก็ตาม สุดท้ายหลายอย่างก็ไม่เป็นอย่างที่หวัง

    คือ....ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร อนิเมะแนวไซไฟสมัยนี้ ครึ่งหลังทำไว้อย่างดีน่าติดตาม แต่ครึ่งหลังทำออกมาอย่างกับหน้ามือเป็นหลังมือ ทุกอย่างเละไปหมด ไม่ได้เรื่อง ดูแล้วขัดใจ ดูแล้วน่าโมโห และจบลงอย่างไม่ถูกใจหลายคน อย่างเรื่อง Guilty Crown และ Kakumeiki Valvrave ซึ่งล้มเหลวทั้งคู่

    และ Aldnoah.Zero ก็ยังดำเนินเรื่องตามรอยสองอนิเมะที่ทำเอาไว้ก่อนหน้า เช่นกัน

    Aldnoah.Zero ช่วงครึ่งหลัง (ซีซั่น 2) ความจริงก็ดำเนินเรื่องน่าติดตามดี แต่ปัญหาคือการตอนจบ บทสรุปทั้งหมดของเรื่องกลับไม่เป็นที่ถูกใจสำหรับหลายคนมากนัก  โดยเฉพาะจุดจบของตัวละคร “สเลน” และการตัดสินใจของ “องค์หญิง” ยิ่งทำให้หลายคน (ไม่ว่าจะเป็นทั้งไทยและต่างประเทศ) ต่างด่าอนิเมะเรื่องนี้กันถ้วนหน้า จนกลายเป็นกระแสดังตอนนี้ไปแล้ว

    แน่นอนว่า ซึ่งตัวผมเองก็มีความรู้สึกมากมายเกี่ยวกับการดูอนิเมะเรื่องนี้ จึงทำการสรุปเป็น 10 อันดับความรู้สึกที่มีต่อ Aldnoah.Zero อนิเมะ 24 ตอนจบ เอาไว้ดังต่อไปนี้

     

    10. ทำไมผมดู Aldnoah.Zero


              ความจริงแล้วผมไม่ถูกโรคกับแนวหุ่นยนต์ยักษ์สักเท่าไหร่ ยิ่งเป็นพวกรบกันบนอวกาศแล้วรู้สึกรับไม่ได้อย่างรุนแรงครับ คือมันทิ้งเรื่องเหตุผลทั้งหมด เป็นต้นว่า สู้บนอวกาศทำไมมีเสียงระเบิดตูมตามทั้งๆ ที่บนอวกาศไม่มีเสียง
    , คนขับหุ่นยนต์ยักษ์มันไม่เมาเหรออยู่ในที่แคบๆ แถมเคลื่อนไหวไปมาอย่างกับรถบัสกรุงเทพ ฯลฯ

    Aldnoah.Zero ก็เช่นกัน แม้ผู้ผลิตพยายามออกมาบอกว่าเป็นอนิเมะที่การต่อสู้สมจริง พระเอกใช้สติปัญญาเข้าต่อสู้ ทำให้เรื่องนี้พระเอกชอบยกทฤษฏีมากมายมากล่าวอ้าง ซึ่งไม่รู้ว่าทฤษฏีเหล่านี้จริงหรือไม่ ไปจนถึงการปรากฏตัวของลมบนอวกาศ จนผมต้องมาตั้งคำถามว่า “บนอวกาศมีลมเหรอ?

    สรุปเวลาดูการ์ตูนแนวหุ่นยักษ์ต้องทำใจมากๆ คือมันต้องโยนหลักเหตุผลทิ้งให้หมด แม้มันจะโครตขัดใจก็ตาม

    คำถามต่อมาทำไมผมถึงดูอนิเมะเรื่องนี้ แม้ไม่ถูกกับหุ่นยนต์ยักษ์

    ความจริงผมก็มีเหตุผลในการดูอนิเมะเรื่องนี้ เช่น การสู้รบเรื่องนี้สนุกดี คือมันเร้าใจ ตื่นเต้น การแก้เกมพระเอกว่าจะเอาชนะศัตรูยังไง ทั้งๆ ที่หุ่นของตนเองด้อยกว่า

    อย่างไรก็ตาม สาเหตุสำคัญที่สุดที่ทำให้ผมดูอนิเมะเรื่องนี้คือ ผมชอบ อามิฟูมิ อินโกะกับ เรยท์ อาเรียสครับ ทั้งสองคนน่ารักมาก และทำให้ผมติดตามอนิเมะเรื่องนี้แบบลุ้นๆ ว่าทั้งสองสาวจะตายหรือเปล่า และพระเอกจะปักธงสองสาวคนนี้หรือไม่

    คือต้องชมครับ ว่าอนิเมะ Aldnoah.Zero ประสบความสำเร็จตรงที่การสร้างตัวละครที่มีเสน่ห์ อินาโฮะ และทรอยยาร์ด สเลน ทั้งสองต่างหลงรักเจ้าหญิงอัสเซลัม เวิร์ส อัลลูเซีย (สำหรับความรู้สึกของอินาโฮะที่มีต่อเจ้าหญิงนั้นไม่ชัดเจนมากนัก แต่การแสดงออกที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าเขาชอบเจ้าหญิง และทำทุกอย่างในสิ่งที่ควรจะเป็น)  และทำทุกอย่างเพื่อแย่งชิง จนหลายคนลุ้นว่าสุดท้ายใครจะวินกับเจ้าหญิง และในขณะเดียวกันคนดูก็จิ้นอินาโฮะxสเลนกระจายอย่างเมามัน

    อย่างไรก็ตามทุกอย่างก็ไม่เป็นที่หวัง

     

    9.Aldnoah.Zero กับกัมดั้ม
                 
                 เชื่อว่าใครหลายคนที่ดูอนิเมะAldnoah.Zero ต้องรู้สึกตะหงิดหัวใจกันบ้างว่ามันเหมือนกัมดั้ม

    แม้ว่าทีมงานจะบอกว่าอนิเมะเรื่องนี้จะพยายามสร้างให้แตกต่างจากอนิเมะหุ่นยนต์ยักษ์เรื่องอื่นๆ เพราะที่ผ่านมามีแต่อนิเมะแนวหุ่นยนต์บ้าพลัง หุ่นเทพ พระเอกกาก สู้กับผู้รุกรานจากต่างดาวอย่างเดียว  ดังนั้น Aldnoah.Zero จึงเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับอนิเมะหุ่นยนต์บ้าพลังดังกล่าว ด้วยการพยายาทำลายกฏทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพระเอกเทพ หุ่นกาก สู้กันด้วยมันสมอง ฯลฯ ผสมกับเนื้อเรื่องที่ดูแล้วสนุก  จิ้นวายกระจาย (!?)

    อย่างไรก็ตาม มันมีอะไรหลายๆ อย่างเหมือนกัมดั้ม จนดูเหมือนว่าอนิเมะเรื่องนี้ไม่สามารถสละภาพของกัมดั้มได้

    ที่เหมือนกันดั้ม  ไม่ใช่การออกแบบตัวหุ่น (รู้สึกเว็บเมืองนอกจะบอกว่าหุ่นบางตัวเหมือนมาจากกัมดั้มด้วย อันนี้ไม่แน่ใจเพราะไม่ใช่แฟนกัมดั้ม) หากแต่อยู่ตรงที่เนื้อหา และการซ้อนทับของตัวละครในเรื่องต่างหาก

    หากใครติดตามเรื่องดังกล่าว จะพบว่ามีอะไรหลายๆ อย่างเหมือนกัมดั้ม โดยเฉพาะกัมดั้มสงครามหนึ่งปี (กัมดั้มภาคแรก ที่พระเอกเป็นอามุโร่) เป็นต้นว่าฉากชาวอังคารบุกโลกนั้นคล้ายกับซีออนบุกโลกเพราะต้นเหตุมาจากการขาดแคลนทรัพยากร, ฉากเปิดเรื่องครึ่งหลังที่ตัวละครสาวๆ อาบแดดในชายหาดทะเล ก็เหมือนเหล่าสาวๆ ในกัมดั้มพักผ่อนอาบแดดช่วงที่หนีมายังโลก เปลี่ยนฉากรบจากบนโลกขึ้นไปสู่อวกาศ (ก็เหมือนกัมดั้มภาคแรกอีก) ไปจนถึงฉากสเลนใช้การตายของพ่อบุญธรรมอ้างความชอบธรรมก็เหมือนฉากกิเรนเอาการตายของน้องชายตนเองเรียกขวัญกำลังใจทหารของนั้นเอง (แม้แต่ฉากเจ้าหญิงประกาศหยุดสงครามในตอนทั้งสองฝ่ายเตรียมจะสู้รบกัน ก็เหมือนกับซาบี้มาเจรจาสันติภาพขณะทำสงครามกับเละอีกต่างหาก)

    และที่สำคัญที่สุดคือการซ้อนทับของตัวละครในเรื่อง โดยเฉพาะฉากเจ้าหญิงที่หลบหนีจากการถูกไล่ล่านั้นเหมือน มิเนอร์วา ซาบี้ (ตัวละครจากโมบิลสูทกันดั้มยูนิคอร์น) ที่เป็นเจ้าหญิงที่หลบหนีและได้พบพระเอกช่วยเหลือ

    นี่คือสิ่งที่ผมสังเกตในเรื่อง ซึ่งความจริงแล้วหากไม่คิดเรื่องกัมดั้ม ก็ดูอนิเมะเรื่องนี้สนุกได้ เพราะความเหมือนที่ว่ามันก็ไม่ได้น่าเกลียด (หรือบางทีอาจเป็นมุกโหลๆ ที่พบเห็นในการ์ตูนหลายเรื่อง หยวนๆ ได้)    

     

    8.สงคราม ความรัก และความเกลียดชัง


                 หากตัดเรื่องหุ่นยนต์ยักษ์ เปลี่ยนดาวอังคารและโลกเป็นสองประเทศที่เป็นคู่อริแทน ผมว่า
    Aldnoah.Zero ไม่แตกต่างอะไรจากละครหลังข่าวไทยๆ เลยครับ

    คือมันเหมือนจริงๆ พล็อตหลักๆ คือสองประเทศเป็นศัตรูกัน มีความเกลียดชังซึ่งกันและกัน พระเอกเป็นทหารพบเจ้าหญิงของประเทศศัตรู และทั้งสองก็หนีมาด้วยกัน พยายามหยุดสงคราม  พระรองแอบชอบองค์หญิงและพยายามก่อสงคราม เพียงแต่ Aldnoah.Zero ขยายสเกลให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเท่านั้นเอง

    แน่นอนหากตามพล็อตนิยายน้ำเน่า สุดท้ายก็จบอย่างมีความสุข พระเอกได้แต่งงานกับเจ้าหญิง ประเทศทั้งสองก็เป็นมิตรต่อกัน ซึ่งมันควรจะจบอย่างนั้น (อย่างที่หลายๆ คนเขาคาดเอาไว้)

    อย่างไรก็ตาม มันไม่มีอะไรที่แน่นอน กับตอนจบ เพราะใช่ทุกเรื่องจะจบอย่างที่หลายคนคิด เมื่อ Aldnoah.Zero มาถึงตอนสุดท้าย (ตอนที่ 24) ที่หลายคนรอคอย จู่ๆ มีก็เรื่องน่าตกใจขึ้น ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายเตรียมจะทำสงครามเต็มอัตราศึกให้ตายไปข้าง จู่ๆ เจ้าหญิงอาเซลัมก็ประกาศให้ชาวดาวอังคารหยุดการต่อสู้ เล่นเอาทั้งสองฝ่ายอึ้งแด็ก แต่ก็มีบางส่วนไม่เห็นด้วย จึงทำสงครามกัน ส่วนเสลนขออยู่ฐานคนเดียวและให้ฐานเริ่มทำลายตัวเอง ระหว่างนั้นเสลนได้เห็นอินาโฮะซึ่งเป็นคู่ปรับขับหุ่นอยู่ด้านนอก  ตัวสเลนจึงออกไปสู้กับอินาโฮะ ผลการต่อสู้คืออินาโฮะสามารถล้มสเลนได้ในที่สุด

    ผลของสงครามไม่มีใครพ่ายแพ้ หลายเดือนต่อมาโลกก็ได้รับการฟื้นฟู และชาวดาวอังคารเป็นมิตรต่อโลกมากขึ้น เจ้าหญิงกลายเป็นทูตสันติภาพ อินาโฮะกลายเป็นนายทหารระดับสูง ส่วนสเลนถูกยัดข้อหาว่าเป็นคนที่จะลอบสังหารเจ้าหญิงอาเซลัมซึ่งเป็นต้นตอของสงครามความขัดแย้ง และประกาศว่าเสียชีวิตในสนามรบ ซึ่งความจริงแล้วสเลนไม่ได้ตายหากแต่ถูกขังในสภาพระทมใจ

    สรุปว่าอนิเมะเรื่องนี้จบลงโดยที่พระเอกไม่ได้สมหวังกับเจ้าหญิง  และเจ้าหญิงเลือกที่จะแต่งงานกับตัวละครที่ไม่ได้เป็นทั้งพระเอก และพระรองด้วยซ้ำ แต่เป็นเพียงตัวประกอบที่ปรากฏตัวในท้ายเรื่อง

    หลายคนแทบรับไม่ได้กับตอนจบดังกล่าว เพราะอย่างที่รู้กันว่า หลายคนที่ติดตาม Aldnoah.Zero ส่วนหนึ่งเพราะพวกเขาอวยตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นพระเอก, เสลน และองค์หญิง สาวตัวละครหลัก และทีมอวยที่อวยว่าสุดท้ายแล้วใครจะสมหวังกับเจ้าหญิง (แน่นอนหลายคาดเดาว่าพระเอกคงได้เจ้าหญิง) หากแต่ผลสุดท้ายไม่ได้จบลงตามที่หวัง และเมื่อตอนจบออกมาแบบนี้ มหกรรมสับแหลกจึงเกิดขึ้น ติเนื้อเรื่อง การดำเนินเรื่อง ไปจนถึงด่าตัวละคร เจ้าเทพส้มด่าเป็นไร้ซึ้งอารมณ์ความรู้สึก เจ้าหญิงจากที่ชมน่ารักกลายเป็นยัยโลกสวยไร้สมอง เสลนน่ารักโดนด่าว่าสเลดเป็ด (ส่วนเพื่อนสมัยเด็กของผมที่หลายคนแช่งให้ตาย ก็สบาย เพราะไม่มีใครด่ากัน ฮ่าๆ)

     

     

    7. มาริโตะมีบทแค่นี้เหรอ?


                รู้หรือไม่ครับ ตั้งแต่ผมดู
    Aldnoah.Zero ตั้งแต่ต้นจนจบ มีสิ่งที่ผมไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยว่าจะมีไปเพื่ออะไร? จะเพิ่มมาทำไม นั้นคือบทบาทของตัวละครที่ชื่อ ร้อยเอกมาริโตะ โคอิจิโร่ คือสรุปแล้ว “พี่แกมีบทสำคัญอะไรในเรื่อง?

    หลายคนอาจรุมด่าองค์หญิง หรือให้ความสำคัญกับตัวละครหลักมากกว่า แต่ผมก็ไม่ลืมละเลยตัวละครรองและตัวละครประกอบในเรื่องครับ ซึ่งโดยภาพรวมแล้วเรื่องนี้ตัวละครหลักไม่ว่าจะเป็นฝ่ายดาวอังคารและดาวโลกก็ล้วนมีบทน้อยมาก ฝ่ายด่าวอังคารหัวหน้าใหญ่ก็เอาแต่เหยียดชาติพันธุ์ พวกลูกน้องตัวประกอบก็อารมณ์ไม่แตกต่างจากคนธรรมดา ส่วนชาวโลกไม่ว่าเพื่อนพระเอก (นายแว่นกับทวินเทล) ซึ่งผมก็คิดว่ามีบทบาทน้อยๆ มากแทบไม่มีอะไรหวือหวาในเรื่องเลย

    และที่ไม่เข้าใจมากที่สุดคือร้อยเอกมาริโตะ โคอิจิโร่ แห่งกองทัพสหพันธ์โลก  พูดตามตรงนะ ทั้งเรื่อง ผมรำคาญพี่แกที่สุด คือ เมื่อถึงฉากของพี่แกเมื่อไหร่เห็นแต่แกเครียด กินเหล้า แล้วก็บ่นๆ เรื่องบาปในอดีต ความหวาดกลัวในอดีตที่ไม่สามารถลืมเลือนได้ ขับหุ่นก็เป็นภาระเจอภาพหลอนเพื่อนตายเป็นประจำ จนหลังๆ พระเอกโชว์เทพ พี่แกก็เป็นแค่ตัวประกอบ  แม้จะมีบทโรแมนติกอยู่บ้าง อย่างฉากโรแมนติกกับพี่สาวของอินาโฮะ ไม่ก็กัปตันแม็กบาเร็จ แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ตอนแรกผมก็คิดว่าพี่แกจะมีบทมากกว่าครับ เพราะเห็นมีการโปรยเรื่องอะไรมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว (หุ่นยักษ์ปริศนา?) หรือพี่แกอาจมีบทบาทในอนาคตที่น่าจดจำสักครั้ง (เป็นต้นว่าเสียสละอะไรสักอย่าง หรือแสดงความเป็นหัวหน้าให้น่าชื่นชมบ้าง) แต่กลายเป็นว่า ในซีซั่นสอง แทบไม่แตกต่างจากซีซั่นแรกเลยครับ แถมบทหายด้วย (เพราะโดนตัวละครใหม่เบียดบท) และยังคงรักษาโรคแอลกอฮอล์ลิซึ่ม เลิกเหล้า เยียวยาจิตใจกับหมอแว่น (ถ้ามีโดจินวายมาริโตะกับหมอแว่นนี้จะกราบเลยว่าฟินได้ไง)

    ถ้ามีซีรีย์แยก ผมจะตั้งชื่อ “จน เครียด กินเหล้า เอาหมอแว่นดีกว่า”

    นอกจากนี้ผมก็ลุ้นด้วยนะ ว่าไม่อยากให้มาริโตะคู่กับพี่สาวของอินาโนะ กลัวชีวิตคู่ล้มเหลวจริงๆ พับผ่า โชคดีตอนจบพี่สาวอินาโนะเลือกจะดูแลน้องชายมากกว่าดูแลลุงขี้เหล้าครับ (ฮ่า) ผมเลยสบายใจโล่งอกสุดๆ เลย

    สรุปคือ พี่แกแทบไม่มีบทสำคัญที่ส่งผลต่อเนื่องเรื่องเลย แล้วที่ผ่านมาโปรยเรื่องราวของพี่แกนี้เพื่อ?  ผมว่าฉากพี่แกเลิกเหล้ามันสำคัญกว่าฉากต่อสู้ของพี่แกเสียอีก   แถมหากตัดเรื่องราวของพี่แก อนิเมะเรื่องนี้ก็ดำเนินเรื่องแบบไม่มีปัญหาเลยครับ ชนิดว่าเอาตัดบทตาลุงขี้เมาให้ตายตั้งแต่ตอนต้นๆ เอาเวลาไปบริหารฮาเร็มพระเอกยังจะดีกว่าด้วยซ้ำ

    อย่างไรก็ตาม ก็มีสิ่งหนึ่งที่น่าจะได้ข้อคิดกับพี่แกก็คือ ขณะที่พี่แกกินแต่เหล้าเอาแต่หลอนอดีต เอาแต่ บ่นเรื่องการเรียนการสอนแบบล้างสมองว่าเราสามารถชนะชาวดาวอังคารได้ แต่สำหรับอินาโฮะไม่ได้คิดแบบพี่แกครับ การเรียนได้ทำให้อินาโฮะรู้ขีดจำกัดของตนเอง เขาไม่ได้มองอดีต เขามองแต่อนาคต มองหลักเหตุผลอะไรมากกว่า จนมาริโตะถึงกลับพูดถึงลูกศิษย์ของตนเองว่าเป็นคนเดียวที่เอาชนะพวกดาวอังคารได้



     

     6.นึกว่าจะตาย แต่ไม่ตาย


               Aldnoah.Zero เป็นอนิเมะที่ตัวละคเยอะพอสมควร แต่ที่แปลกคือตัวละครหลักตายน้อยกว่าที่คาดเอาไว้ หรือฝั่งพระเอกแทบไม่ตายเลย ส่วนมากตัวละครที่ตายจะเป็นพวกตัวโกงชาวอังคารที่โดนอิโนโฮะจัดการหมด ส่วนตัวละครที่หลายคนคิดว่าจะบทตายแต่สุดท้ายก็ไม่ตาย (พี่สาวของอิโนโฮะ,เพื่อนสมัยเด็กที่หลายคนคิดว่าจะมีบทตาย หรือแม้แต่สเลน )

    ก็ถือว่าแปลกดี เพราะ Aldnoah.Zero เป็นอนิเมะแนวสงครามที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งอนิเมะแนวๆ นี้มักมีเรื่องการสูญเสีย โดยเฉพาะบทพระเอกที่มักสูญเสียคนรักคนรู้จักไป จนต้องอยู่อาการจิตตกหลายตอนกว่าจะกลับมาได้

     แต่อย่างไรก็ตาม   Aldnoah.Zero เลือกที่จะไม่ฆ่าตัวละคร ไม่ต้องการให้อิโนโฮะเข้าโหมดดาร์กๆ ผู้กำกับ คนเขียนบทใจไม่แข็งพอที่จะฆ่าตัวละคร ซึ่งผิดจากคาดไว้มากเพราะที่ผ่านมาคนดูคาดเดามาตลอดว่าตัวละครหลักน่าจะมีบทตายบ้าง อย่างน้อยช่วงแรกๆ  อนิเมะนี้กำกับโดยจอมมารเก็น ผู้ที่ชอบเขียนบทให้ตัวละครหลักตาย และชอบวางพล็อตปวดตับมาโดยตลอด ยิ่งตอนจบครึ่งแรกที่อิโนโฮะและเจ้าหญิงถูกยิงหลายคนแทบอึ้ง อ้าปากค้างเข้าไปใหญ่ คิดว่าครึ่งหลังน่าจะมีฉากที่น่าตกใจกว่าครึ่งแรกแน่นอน

    แต่ปรากฏว่ามันไม่เป็นไปตามที่หลายคนคิด...

    หากถามผมว่ารู้สึกยังไงที่ Aldnoah.Zero ตัวละครหลักไม่ตาย โดยส่วนตัวผมแล้ว ผมอยากให้ตัวละครที่มีบทตายสักนิด คนที่ว่าก็คือลุงโมริตะนี้แหละ บทจะได้น่าสนใจขึ้น ส่วนพี่สาวอิโนโฮะและเพื่อนสมัยเด็กที่หลายคนแช่งๆ ผมไม่อยากให้ตายหรอก

    หลายคนบอกว่าบทตายทำให้เนื้อเรื่องน่าสนใจมากขึ้น ทำให้พระเอกเข้มแข็งขึ้น (ประมาณว่าจากจุดตกต่ำของชีวิตพัฒนากลายเป็นที่พึ่งของทุกคน) ซึ่งก็ถือว่าถูก แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นดาบสองคม ที่ทำให้หลายคนรู้เซ็งได้ หากบทของตัวละครที่ตายนั้นคนดูไม่รู้สึกผูกพัน และมันเข้ากับเนื้อเรื่องหรือไม่   โดยส่วนตัวแล้วผมเห็นด้วยว่า Aldnoah.Zero ไม่ควรมีบทตัวละครหลักตายครับ เพราะมันจำเป็น จะให้ตัวละครหลักตายจนอิโนโฮะเข้าโหมดดาร์กๆ ก็คงไม่ได้ เพราะมันไม่เข้ากับพระเอกที่เยือกเย็นนิ่งๆ อีกทั้งจำนวนตอนมันไม่เหมาะที่จะให้ตัวละครหลักตายเสียด้วยซ้ำ (นอกจากเอาตัวละครหลักมาตายในตอนสุดท้าย เช่น เสลน ก็ว่าไปอย่าง)

     

    5.เหล่าตัวละครรอง ที่ถูกลืม


             แม้ว่าจะไม่มีตัวละครหลัก ตัวละครรองไหนมีบทตาย แต่กระนั้นน่าเสียดายที่
    Aldnoah.Zero ไปเน้นมุมมองสามตัวละครอย่าง อิโนโฮะ, เสลน และเจ้าหญิงมากเกินไป ส่วนตัวละครรองที่มีบทเด่นๆ ในช่วงครึ่งแรกหากแต่เมื่อถึงครึ่งหลังบทตัวละครเหล่านี้กลับหายไป เพราะโดนตัวละครรองใหม่ๆ กลบหมด

    เอ็ดเดลริทตูโอ้ (เมดน้อย)- เป็นหนึ่งในตัวละครที่หลายคนอวยแบบเงียบๆ เพราะน่ารักดี และบทของเธอแม้จะมีน้อย แต่ก็ถือว่าคุ้มดีในฐานะเมดส่วนตัวของเจ้าหญิง ไม่ว่าจะเป็นฉากขับรถเทพช่วงใกล้จบครึ่งหลัง ฉากร้องไห้ต่อหน้าสเลน และฉากปล่อยมวยผมตอนท้ายเรื่อง

    คาล์ม คราฟท์แมน -ไม่มีอะไรมากกว่าเพื่อนพระเอก (และผมพึ่งรู้ว่าเพื่อนพระเอกคนนี้ไม่ใช่คนญี่ปุ่น) ไม่มีบทสำคัญอะไรเลยแม้แต่น้อย (นอกจากจะมีส่วนร่วมในศึกแรกของอิโนโฮะ จากนั้นก็ไร้บทยาว)

    นีน่า เคลน์ – เพื่อนสนิทของอิงโกะ ที่ไม่มีบทสำคัญอะไรมากกว่าทำตัวน่ารัก มุ้งมิ้ง แม้จะมีหน้าที่ขับยานก็ตาม (ปกติหน้าที่นี้ถือว่าว่าสำคัญและเด่นที่สุดในเรื่อง)

                ยูทาโร่ สึมุกิ-นายแว่น ที่ดูเหมือนจะฉลาด แต่ไม่มีบทอะไรเลย แม้แต่บทคุยปฏิสัมพันธ์กับพวกพระเอกแทบไม่มี

                ยางาไร โซมะ-คุณหมอที่ไม่มีบทสำคัญอะไรในเรื่อง นอกจากจะ ต้องมาฟังเรื่องเครียดๆ ของลุงขี้เมา

                แม็กแบเรจ ดาร์ชาน่า-เจ้าหน้าที่ทางทหารของสหพันธ์โลก ที่โดดเด่นในช่วงครึ่งแรก และเชื่อว่าจะมีบทบาทสำคัญ เพราะเธอเป็นน้องสาวของเพื่อนลุงขี้เมาที่ตายไป หากแต่ครึ่งหลังบทหาย และบทก็ไม่มีอะไรสำคัญอีก

                มิซึซากิ คาโอรุ-ผู้ช่วยกัปตันแม็กแบเรจ เป็นตัวรับมุก “มิน่าถึงไม่มีคนมาจีบสักที”

    ซาสบาอุม –ผู้นำฝั่งชาวอังคารที่เป็นบอสใหญ่ครึ่งแรก ขับหุ่นเหมือนจะเก่ง แต่เอาเข้าจริงกากอนาถ แถมครึ่งหลังมาตายโง่ๆ อีกต่างหาก

    ส่วนตัวละครที่ปรากฏครึ่งหลัง ส่วนมากจะเป็นชาวอังคาร และมีความสัมพันธ์กับสเลน เด่นๆ ก็มี

    เจ้าหญิงเลมริน่า (หญิงเล็ก) หนึ่งในตัวละครที่เด่นในช่วงขึ้นหลัง ไม่ว่าจะเป็นบทอิจฉาหญิงใหญ่ แอบชอบสเลน และบทโศก น่าเสียดายในตอนท้ายเรื่อง ไม่อธิบายว่าหลังสิ้นสุดสงครามเธอหายไปไหน

    ฮาร์ก ไลท์-คนสนิทของเสลน นึกว่าจะมีบทตาย แต่ไม่ตาย และไม่มีอะไรให้น่าจดจำสักเท่าไหร่ (นอกจากจะจิ้นวายกับเสลน)

    คลานไคล์-บุตรชายของครูเธโอแต่นิสัยไม่ได้เหมือนพ่อ (ถือว่าเป็นคนดีเลยทีเดียว) เชื่อว่าหลายคนคงจดจำตัวละครรองนี้อีกนาน เพราะเล่นเอาหลายคนแทบช็อก เมื่อนางเอกเจ้าหญิงประกาศตัวละครรองนี้เป็นสามี!! แม้ว่าตัวละครดังกล่าวจะปรากฏตัวน้อยมาก แต่สุดท้ายก็ได้ตัวละครเจ้าหญิงเป็นคู่ครอง (เข้ากับประโยคที่ว่า รบกันแทบตาย สุดท้ายสุมาอี้ก็ได้ไป) อย่างไรก็ตาม หากให้ผมวิเคราะห์ แม้ว่าคลานไคล์จะปรากฏตัวน้อย แต่ในด้านความสัมพันธ์แล้วน่าจะเป็นรู้จักเจ้าหญิงเป็นอย่างดี และอาจเป็นเพื่อนสมัยเด็กด้วยซ้ำ (เพราะเจ้าหญิงรู้จักครูเธโอ ก็น่ะรู้จักคลานไคล์ตั้งแต่เด็กด้วย) ซึ่งเจ้าหญิงก็น่าจะสนิทคลายไคล์จนสามารถไว้ใจได้ และรู้ว่าเขาเป็นคนดีด้วย

     

     
                 4.
    ฮาเร็มของอินาโฮะ

    หากหลายคนจิ้นอินาโฮะXสเลน(?), อินาโฮะXเจ้าหญิง และ สเลนXเจ้าหญิง (ซึ่งสุดท้ายจิ้นพังหมด) ส่วนผมก็จิ้นฮาเร็มของอินาโฮะเหมือนกัน ก็อย่างที่บอกไว้ตอนต้นว่า ผมตามอนิเมะเรื่องนี้เพราะชอบเพื่อนสมัยเด็กของอินาโฮะ และน้องก่อการร้ายมากกว่าอวยเจ้าหญิงเสียอีก แม้ว่าหลายคนบอกว่าสองตัวละครรองบทจืดจาง แต่สำหรับผมแล้วถือว่าเป็นตัวละครปิดหลังพระ อดทน และมีความรู้สึกดีๆ กับพระเอกให้ผมรู้สึกฟินได้ (บางคนก็แช่งตาย ตั้งแต่ต้นจนจบ และผมสะใจมากที่ตอนจบไม่มีใครตาย)

                และนี่คือความรู้สึกบางส่วนของฮาเร็มอินาโฮะ


              ไคดูกะ ยูกิ
    (พี่สาวของอินาโฮะ) หลายคนบอกว่าพี่สาวของฮินาโฮะเข้าวิน เพราะตอนจบอินาโฮะอยู่กับพี่สาว (!?) ซึ่งจะว่าไปมีไม่กี่เรื่องที่พี่สาวพระเอกอยู่กับพระเอกในตอนท้ายๆ เพราะส่วนใหญ่แล้วพี่สาวพระเอกมักอยู่กับคู่รักของตนไม่สนน้องชายเลย (บางเรื่องพี่สาวพระเอกก็ตายพ้นๆ เพื่อพระเอกจะได้เติบโตด้วยซ้ำ)

    ตอนแรกผมก็คิดด้วยซ้ำว่าพี่สาวของอินาโฮะน่าจะเป็นตัวละครแรกๆ ที่อาจมีบทตายเหมือนกัน เพราะเป็นตัวละครที่ดูแล้วธรรมดา ไม่ได้พิเศษอะไร บางบทก็อาจทำให้หลายคนรำคาญด้วยเหมือนกันเพราะเอาแต่ห่วงน้องชายขับหุ่นสู้รบ ทั้งๆ พระเอกมันเทพ แต่ก็เข้าใจถึงความรู้สึกของคนเป็นพี่สาวและมีน้องชายเป็นญาติคนเดียวบนโลกใบนี้

    นอกจากนี้ สิ่งที่ผิดคาดคือ ผมคิดว่าพี่สาวของอินาโฮะจะได้ขี้เมาเป็นคนรัก เพราะเห็นมีฉากหยอกกันบ่อยๆ (แถมกฎพี่สาวส่วนมากไม่ค่อยอยู่ในฮาเร็มพระเอกด้วย) แต่อย่างไรก็ตามหลายตอนที่ผ่านมาพี่สาวของอินาโฮะก็แสดงให้เห็นว่าเธอรักน้องชาย อาจไม่ถึงขั้นค้ำคอร์ แต่ก็ห่วงแบบสุดชีวิตครับ ห่วงชนิดที่ว่าอยากดูแลใกล้ๆ มากกว่าแยกจาก เช่นฉากอินาโฮะถูกยิงที่ตาซ้าย (ยิงที่ตาซ้ายครับไม่ได้ยิงที่หน้าหาก) เธอก็ร้องไห้หนักมาก (พอๆ กับเพื่อนสมัยเด็ก) และตอนที่แยกทำหน้าที่ของตนก็ยังเป็นห่วงน้องชาย และฉากไม่อยากให้อินาโฮะไปรบในสงครามสุดท้ายก็ได้ใจผมไปเลยครับ

     สุดท้ายเห็นได้ชัดว่าพี่สาวของอินาโฮะเลือกที่จะดูแลน้องชายมากกว่า (ใครจะเอาขี้เมากันละครับ) แม้น้องชายจะมียศสูงกว่าตนก็ตาม แต่น้องชายก็คือน้องชายของพี่สาวเหมือนเดิม

     เรยท์ อาเรียส (หรือไรเอล แต่ผมเรียกน้องก่อการร้าย) เป็นหนึ่งในตัวละครที่ผมดูแล้วค่อนข้างสนุกเลยนะครับ เพราะได้เห็นพัฒนาการตลอด  จากเด็กสาวชาวอังคารที่เกี่ยวข้องกันกับผู้ร่วมก่อเหตุลอบปลงพระชนม์เจ้าหญิงอัลลูเซีย (แต่คนที่ตายในตอนต้นคือตัวตายตัวแทนเจ้าหญิง) แต่โดนหักหลัง และถูกไล่ล่า ทำให้กลายเป็นเด็กที่ทำตัวเย็นชา ไม่พูดใครกับใคร และมีความแค้นชาวอังคาร ทั้งๆ ที่ลึกๆ แล้วเธอก็เป็นเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่ง และชีวิตเปลี่ยนไปเมื่อเข้าร่วมกับกลุ่มพระเอก กลายเป็นเพื่อนที่อินาโฮะเชื่อใจ เป็นอะไรที่ฟินๆ ดีนะครับ กับการพัฒนาคาแร็คเตอร์แบบนี้

    แน่นอนว่าฉากที่น่าจดจำของเธอก็คือฉากปลงพระชนม์เจ้าหญิง รวมไปถึงฉากที่เธอถูกอินาโฮะปักธงด้วย

    สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างอินาโฮะกับไรเอล นั้น อาจไม่มีเรื่องความรักที่เด่นชัดนัก เพราะ ปกติแล้วอินาโฮะจะไม่ค่อยคุยกับไรเอล สักเท่าไหร่ (แต่กลับกันหากอินาโฮะคุยกับไรเอลเมื่อไหร่ละก็เนื้อเน้นๆ)  แต่กระนั้นผมเชื่อว่าลึกๆ แล้วอินาโฮะเองก็แอบมองไรเอลเหมือนกัน ไม่งั้นอินาโฮะคงไม่พูดหล่อๆ กับไรเอลที่กำลังจะฆ่าตัวตาย หลังปลงพระชนม์เจ้าหญิงพลาดหรอก

    ซึ่งพระเอกพูดกับไรเอล ว่า “ชั้นเชื่อใจเธอ”

    แม้ว่าอินาโฮะจะเป็นพระเอกที่เหมือนจะไร้ความอารมณ์รู้สึก เยือกเย็น ซึ่งความจริงๆ แล้วอินาโฮะเป็นคนที่เข้าใจความรู้สึกของคนใกล้ตัวเป็นอย่างมาก หากอินาโฮะเชื่อใจใครขึ้นมา เขาก็จะเชื่อใจตลอดไป ไม่มีแปรเปลี่ยน ซึ่งเห็นได้ชัดคือตอนที่พระเอกร่วมมือกับไรเอล พาเคาท์หลบหนี

    และนอกจากนี้รู้หรือไม่!! ว่าในตอนที่ 5 ไรเอลได้ไปช่วยอินาโฮะลอยกลางทะเลก่อนใครเขาเพื่อน และไรเอลเป็นคนแรก (อีกคนเป็นเพื่อนสมัยเด็ก) ที่ทำให้อินาโฮะยิ้ม แสดงให้เห็นว่าทั้งสองนั้นเชื่อใจขนาดไหน

    ผมว่าคาแร็คเตอร์แบบนี้มันขาดไม่ได้ในการ์ตูนแนวขับหุ่นยนต์เลยนะครับ ทุกเรื่องมันจะต้องมีสาวแบบนี้สักคน ในฐานะผู้สนับสนุนพระเอก

    ก็น่าเสียดายนิดๆ ว่าน่าจะให้บทเธอในช่วงท้ายๆ สักนิด (ช่วงที่อินาโฮะจะไปสงครามสุดท้าย อุตส่าห์มีฉากกับพี่สาวและน้ำตาเพื่อนสมัยเด็กแล้ว น่าจะมีไรเอลด้วย จะได้สมเป็นฮาเร็ม)

    ในตอนสุดท้าย ก็สรุปได้ว่าไรเอลเลือกที่จะเป็นเด็กสาวชาวโลก อยู่ร่วมกับเพื่อนๆ ส่วนเรื่องสงคราม หรือเรื่องระหว่างเธอกับอินาโฮะ ก็แล้วอนาคตละกัน


                 อามิฟูมิ อิงโกะ
    (เพื่อนสมัยเด็กของอินาโฮะ) ปกติแล้วแนวขับหุ่นยนต์ยักษ์ ตัวละครเพื่อนสมัยเด็กมักเป็นตัวละครที่อาภัพอยู่เสมอ เพราะเป็นเพียงแค่นางรอง บทก็น้อย หากไม่ตายก็ซ้ำรัก แต่สำหรับเรื่อง Aldnoah.ตรงกันข้ามครับ (ก็สมกับผู้ทำบอกว่าอนิเมะเรื่องนี้แตกต่างจากแนวขับหุ่นยนต์ยักษ์เรื่องอื่นๆ )

    แม้ว่า Aldnoah.Zero จะถูกหลายคนด่าว่าเนื้อเรื่องช่วงหลังห่วยบรม และตอนจบไม่ถูกใจ แต่กระนั้นสำหรับผมไม่ได้สนเรื่องพวกนี้นัก ผมดูตัวละครที่ชอบอย่างไรเอล และเพื่อนสมัยเด็ก ผมว่าก็คุ้มค่าที่ดูเรื่องนี้แล้วครับ

    โอเคบทของอิงโกะ นั้นเป็นตัวละครรองที่บทน้อย บางคนบอกว่าเป็นตัวละครที่จืดจาง บางคนก็หมั่นไส้ขอมดำดินไม่หาย แช่งอินโกะให้ตายไปข้าง ไม่รู้อินโกะไปทำให้คนอื่นเกลียดตรงไหน

    แต่สำหรับผมแล้ว อิงโกะเป็นตัวละครที่ปิดทองหลังพระครับ และบทของเธอหากใครชอบคาแร็คเตอร์เพื่อนสมัยเด็กแล้ว ก็จะดูถูกครับ ว่าอินโกะเป็นตัวละรปิดทองหลังพระเอก ทำทุกอย่างเพื่อพระเอกจริงๆ จนทำให้ผมอยากให้รางวัล “สุดยอดเพื่อนสมัยเด็ก” เลยทีเดียว

    ในขณะความสัมพันธ์ของความรักของอินาโฮะกับเจ้าหญิง ค่อนข้างคลุมเครือ  คือตกลงแล้วอินาโฮะนั้นรักเจ้าหญิงจริงหรือเปล่า? และตัวเจ้าหญิงรักอินาโฮะจริงหรือเปล่า? คือไม่มีอะไรบ่อบอกเด่นชัดกับเรื่องพวกนี้เลย

    ตรงกันข้าม เรื่องราวของอินาโฮะกับเพื่อนสมัยเด็กนั้นค่อนข้างกระจ่างกว่า ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสมัยเด็กแอบชอบอินาโฮะ ไปจนถึงความรู้สึกของอิโนโฮะที่มีต่อเพื่อนสมัยเด็กด้วย (เป็นด้านบวก และผมเชื่อว่าอินาโฮะชอบเพื่อนสมัยเด็กด้วยซ้ำ!!)

    ถ้าถามอิงโกะมีความพิเศษแตกต่างจากเพื่อนสมัยเด็กคนอื่นๆ หรือเปล่า ก็ตอบว่าไม่ อิงโกะมีคาแร็คเตอร์เป็นเพื่อนสมัยเด็กธรรมดา  ร่าเริง ที่ไม่ได้เทพอะไร แต่อย่างน้อยก็เป็นสมาชิกสภาโรงเรียน เป็นคนใจดีรักเพื่อน เรียนอยู่ในห้องเดียวกับอินาโฮะ  และเวลาขับหุ่นออกรบครั้งแรกก็เก้งๆ ก้างๆ กลัวตาย (ซึ่งความจริงแล้วทักษะการขับหุ่นรบในชั้นเรียนถือว่าเก่ง เพียงแค่ไม่มีประสบการณ์ออกรบเท่านั้น)

    ก็ตามประสาเพื่อนสมัยเด็กหลายๆ เรื่องที่เพื่อนสมัยต้องชอบพระเอก อิงโกะเองก็แอบชอบอินาโฮะ ในอนิเมะไม่ได้เล่าสักเท่าไหร่ แต่ Wiki ได้ให้ข้อมูลว่าครอบครัวของอิงโกะเป็นร้านอาหาร และได้รู้จักอินาโฉะกับพี่สาวตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นสองพี่น้องพ่อแม่ตาย (ด้วยสาเหตุใดไม่ระบุเอาไว้) และสองพี่น้องมักไปขออาหารกินบ่อยๆ (เพราะไม่มีเงินจ่ายและเริ่มอดอาหาร ) ซึ่งครอบครัวของอินโกะก็ช่วยเหลือเรื่อยมา จนอินาโฮะและพี่สาวเติบใหญ่

    โดยฉากแรกๆ ที่เด่นชัดว่าเพื่อนสมัยเด็กรักอินาโฮะคือในตอนที่ 3 ของอนิเมะ ในคืนก่อนไปรบ อินาโฮะไม่ได้นอนหลับ แล้วแอบไปตรวจเช็คหุ่นคนเดียว อย่างไรก็ตามระหว่างนั้นอิงโกะได้มาหาอินาโฮะพูดหยอดประโยคให้กำลังใจพระเอกไปว่า “อย่านอนดึกจนไม่สบายนะ”

    แม้อิงโกะเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่ไม่มีความพิเศษอะไรเลย แต่จุดแข็งของเพื่อนสมัยเด็กที่ไม่จำเป็นต้องปรุงแต่งอะไรมาก และการแสดงออกถึงความจริงใจว่ารักอินาโฮะ ประกอบกับฉากที่เธอร่าเริง ทำให้มีหลายคนอวยเธออย่างเงียบๆ

    หลังจากนั้นอิงโกะก็ไร้บทหวานๆ พระเอกไปพักใหญ่ (เพราะเนื้อหาเทไปเรื่องของอินาโฮะ, เจ้าหญิง และสเลนมากกว่า) ส่วนมากจะเป็นฉากอิงโกะต่อสู้สนับสนุนพระเอกในสนามรบมากกว่า แต่ก็มีฉากเรียกเสียงอวยบ้าง เช่น ฉากที่พี่สาวของอินาโฮะบอกว่าน้องชายของเธอกำลังมีความรัก (กับเจ้าหญิง) เมื่ออิงโกะได้ยินถึงกับหึงหวงเลยทีเดียว ซึ่งฉากนี้ยิ่งเด่นชัดว่าอิงโกะแอบชอบอินาโฮะ

    ในซีซั่น 2 (ครึ่งหลัง) เมื่อเจ้าหญิงไม่อยู่ อิงโกะก็เริ่มมีบทมากขึ้น โดยเฉพาะฉากซึ้งๆ กับพระเอก ไม่ว่าจะเป็น ฉากร้องไห้ที่เห็นอินาโฮะนอนจมกองเลือด ซึ่งเธอร้องไห้หนักพอๆ กับพี่สาวของอินาโฮะ,  ฉากอินาโฮะกลับมารบอีกครั้งแล้วอิงโกะเดินเข้ากอดอินาโฮะแล้วร้องไห้อย่างอบอุ่น (และเป็นอีกครั้งที่อินาโฮะยิ้ม), ฉากดูดาวร่วมกัน แม้ว่าทั้งคู่จะไม่ได้คุยอะไรมากมาย แต่มันก็เพียงพอแล้วที่, ไปจนถึงฉากกับรบกับสเลนครั้งสุดท้ายที่อินโกะร้องไห้ต่อหน้าอินาโฮะอีกครั้ง

    อิงโกะถือว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็กอดทน และเป็นตัวละครปิดทองหลังพระอย่างแท้จริง เพราะทั้งเรื่องไม่เห็นอิงโกะออกลูกงอแง หรือทำให้พระเอกเป็นห่วงเลย อีกทั้งยังเป็นตัวละครที่พัฒนาฝีมือ เพื่อไม่ให้เป็นตัวถ่วงของพระเอก จนทำให้พระเอกไว้ใจ และฝากฝีมือได้

    คำถามต่อมา อินาโฮะรู้หรือเปล่าว่าอิงโกะแอบชอบเขาอยู่ ผมเชื่อว่าพระเอกคนนี้น่าจะรู้ครับ อย่างน้อยก็น่าจะรู้ว่าอิงโกะนั้นเป็นห่วงเขามากกว่าใคร  ทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก อินาโฮะเองก็เป็นคนวิเคราะห์อะไรเก่ง ก็น่ารู้เรื่องเหล่านี้บ้างไม่มากไม่น้อย  และที่แปลกคือเป็นไม่กี่เรื่อง ที่พระเอกใช้ประโยชน์เพื่อนสมัยเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะมีหลายครั้งที่อินาโฮะรบชนะเพราะความช่วยเหลือจากเพื่อนสมัยเด็ก อย่างในฉากรบที่บนอวกาศที่เพื่อนสมัยเด็กก็มาช่วยอินาโฮะ ซึ่งอินาโฮะก็พูดกับอิงโกะว่าเขารู้อยู่แล้วว่าเธอต้องมาช่วย  

    และคำถามต่อมาอีกตกลงแล้วอินาโฮะชอบอิงโกะหรือเปล่า ผมขอตอบว่าลึกๆ แล้วพระเอกชอบอิงโกะ แม้ในเรื่องจะแสดงให้เห็นว่าอินาโฮะรักองค์หญิมากกว่า แต่กระนั้นการแสดงออกของอินาโฮะกับอิงโกะนั้นดูจะมีพลังกว่ามาก ยิ่งฉากตอนรบครั้งสุดท้ายอิงโกะได้ทำหน้าที่ของนางเอกขอให้อินาโฮะไม่ไปสนามรบก่อนที่จะร้องไห้ซบอกพระเอก (เพราะปกติฉากแบบนี้จะเป็นหน้าที่ของนางเอก)

    น่าเสียดายที่ตอนจบ อิงโกะไม่ได้อยู่กับอินาโฮะ (เพราะอินาโฮะไปหาเสลน และอิงโกะอยู่กับเพื่อนๆ ในงานต้อนรับองค์หญิง) แต่เชื่อว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็คงแนบแน่นเหมือนเดิม และก็คงตลอดไป  ถือว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่ดีอีกคนหนึ่งในโลกอนิเมะ

     

    3. สเลน พระรองที่ชีวิตต้องตายทั้งเป็น


              เรื่องของสเลน ทรอยยาร์ดนี้มีอะไรให้พูดถึงเยอะมาก เพราะถือว่าเป็นตัวละครหลักที่หลายคนชื่นชอบ บางคนก็จิ้นสเลน
    Xอินาโฮะ บางคนก็จิ้นสเลนXเจ้าหญิง  บางคนก็จิ้นเสลนXหญิงเล็ก ฯลฯ จิ้นกันกระจาย ซึ่งบทของสเลนก็มีทั้งดีและไม่ได้เรื่องปะปนกัน

                ในครึ่งแรก สเลน ตัวเอกชายฝ่ายดาวอังคาร เป็นคนสนิทของเจ้าหญิงอัสเซลัม ซึ่งทั้งรัก จงรักภักดีและเทิดทูนเจ้าหญิง ชนิดว่ายอมตายแทนกันได้  อย่างไรก็ตามสเลนนั้นไม่ได้เป็นชาวอังคารแท้ๆ หากแต่เขาเป็นลูกของชาวโลกที่มักโดนชาวดาวอังคารดูถูกว่าต้อยต่ำและน่ารังเกียจ แต่กระนั้นเสลนก็ยังคงมีจิตใจอ่อนโยนและพยายามกัดฟันเรื่อยมา

    นี่คือตัวตนของสเลนในช่วงครึ่งแรก ที่หลายคนอวยมาก ชนิดว่าหลายคนอยากกอดเสลน เอาใจช่วยสเลน บางคนก็อยากให้สเลนคู่กับเจ้าหญิงเสียที

    แต่อนิจจาชีวิตของสเลนนั้นไม่อาภัพเสียจริง ในช่วงครึ่งแรก หลังจากสเลนรู้ว่าเจ้าหญิงยังมีชีวิตอยู่ สเลนพยายามตามหาเจ้าหญิง และพยายามทำทุกอย่างเพื่อหยุดสงคราม แต่กลายเป็นว่าสเลนทำอะไรก็ล้วนล้มเหลวหมด แถมยิ่งทำยิ่งปานปลาย แถมจบลงด้วยความอนาถอีกต่างหาก แทบไม่มีใครเห็นหัว ขณะที่เจ้าหญิงกับอินาโอะกำลังโรแมนติกดูท้องฟ้าอันงดงามด้วยกันทาง แต่ด้านสเลนก็โดนแส้หวดอย่างเมามัน (เหมือนสื่อว่า เจ้าหญิงลืมสเลนไปแล้ว) ไม่แปลกเลยที่หลายคนเรียกสเลนว่า “เสลดเป็ด”

    และหลายคนคงลืม (ไม่สิแกล้งทำเป็นไม่รู้มากกว่า) คือคนเขียนบทได้ออกตัวแต่เนิ่นๆ แล้วว่าเจ้าหญิงอัลเซลัมไม่ได้หลงรักวเลนเลยแม้แต่น้อย!! สเลนจึงกลายเป็นตัวละครที่รับบทเป็นผู้ถูกกระทำ เป็นตัวละครที่ตรงกันข้ามกับอินาโฮะ แม้จะมีความพยายามแต่สุดท้ายมักจบด้วยความล้มเหลว และเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม   

    นอกจากสเลนเป็นตัวละครที่ทำอะไรแย่ไปหมดแล้ว ยังเป็นพวกอุดมการณ์ที่ไม่มั่นคงสักเท่าไหร่ เห็นได้จากตอนแรกๆ ที่สเลนมีความยึดมั่นในการช่วยองค์หญิงและพยายามหยุดสงครามระหว่างโลกกับชาวอังคารเพราะความปรารถนาองค์หญิง หากแต่ในเวลาต่อมาสเลนถูกซาสบาอุมตัวบงการแผนลอบปลงพระชนม์องค์หญิงช่วยเหลือ และพยายามอธิบายเหตุผลจำเป็นที่ชาวอังคารต้องรบกับโลกเพราะต้องการทรัพยากรของโลก (แต่รบไปรบมาโลกแทบเละไม่ต่างอะไรกับสตาลินกราด) และนั้นทำให้สเลนเริ่มโอนเอียงเปลี่ยนอุดมการณ์เดิม กลายเป็นว่า สเลนต้องการเจ้าหญิง และอยากให้มีการรบต่อไป!!

    ส่วนตัวผมแล้วตอนแรกๆ ก็แอบชอบสเลนเพราะเป็นพระรองที่โดดเด่นดี คือไม่เหมือนพระรองในการ์ตูนแนวขับหุ่นยนตร์ทั่วๆ ไป และเป็นตัวละครที่น่าแกล้งดี ก็แอบจิ้นวายอินาโฮะเหมือนกับหลายๆ คน หากแต่หลังดูไปนานๆ ยิ่งรู้สึกอนาถกับตัวสเลนมากกว่า และสิ่งที่ผมมั่นใจสุดๆ คือเสลนไม่มีทางสมหวังกับเจ้าหญิงแน่นอน

    ครึ่งแรกจบลงแบบทำให้หลายคนตะลึง เพราะสเลนจู่ๆ ก็โผล่มายิงอินาโฮะ แต่สเลนก็คือสเลน ฆ่าคนทั้งที ก็ฆ่าไม่ตาย อินาโฮะรอด ส่วนสเลนใช้เส้นของซาลบาอุมก้าวมามีอำนาจ จากเด็กหนุ่มอ่อนโยนทำอะไรก็แย่ไปหมด กลับกลายเป็นผู้นำ เด็ดขาด ภายนอกเหมือนเคารพนอบน้อม แต่ความจริงแล้วพร้อมกัดพร้อมชนทุกเมื่อ ไม่รู้ไปกินดีหมีไหนมา ถึงดุแบบนี้

    ส่วนตัวผมดูแล้วค่อนข้างเละและขัดๆ กับสเลนครึ่งหลังมาก ไม่กี่เดือนสามารถเปลี่ยนคนได้แบบนี้เลยเรอะ กลายเป็นสเลนมาดผู้นำได้ไง เป็นแค่สเลนแท้ๆ แถมมันขับหุ่นเก่งอีกต่างหาก (ต่อมาเรื่องก็กระจ่างเพราะหุ่นมันเทพ แต่คนขับกาก!!)

    การก้าวมีอำนาจอย่างรวดเร็วของสเลนนั้น ดูเหมือนฉลาด หากแต่มันบ้ามาก เพราะสเลนกำลังจับปลาสองมือ คืออยากได้เจ้าหญิง และอยากรบกับโลก ทั้งๆเจ้าหญิงต้องการสันติภาพแท้ๆ หากแต่เสลนได้เมินความต้องการของเจ้าหญิง

    สเลนกำลังคิดอะไรอยู่?

    บางทีสิ่งที่สเลนทำทั้งหมดไม่ใช่ต้องการลาภยศ ไม่ได้มีอุดมการณ์อยากได้ทรัพยากรของโลกเหมือนชาวอังคารอื่น หากแต่ที่ทำเพราะสเลนรักเจ้าหญิง  แต่ปัญหาคือเจ้าหญิงรักโลกมากเกินไป ก็ยิ่งอันตราย เพราะชาวโลกกับชาวอังคารไม่สามารอยู่ร่วมกันได้ ยิ่งเจ้าหญิงสร้างสันติภาพมากเท่าไหร่ยิ่งมีผู้ไม่เห็นด้วย สักวันเจ้าหญิงอาจถูกลอบพระชนม์อีก การยุติสงครามไม่ใช่คำตอบสำหรับสเลนต้องการ ในตอนที่เจ้าหญิงบาดเจ็บ สเลนได้ถูกกำหนดเลือกฝั่งชาวอังคาร เพราะมีเทคโนโลยีรักษาชีวิตองค์หญิง และสเลนทำทุกอย่างเพื่อให้เจ้าหญิงปลอดภัย ด้วยการเป็นผู้นำ ที่เหนือกว่า (เลือกฝั่งชาวโลก อย่างมากสเลนก็เป็นทหารกระจอกและโดนดูถูกอยู่ดี สู้ไปอยู่ชาวอังคารไต่เต้าจะง่ายกว่า)  และยึดโลก เมื่อฝ่ายหนึ่งชนะ เจ้าหญิงก็จะปลอดภัย

                    ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลอะไร สเลนลืมไปว่า เจ้าหญิงที่สเลนทั้งรักและเคารพดันเป็นคนไม่ชอบสงคราม มีหรือจะเห็นด้วยกับความคิดของสเลนเป็นแบบนี้

    สุดท้ายสเลนก็คือสเลน ทำอะไรก็เลวร้ายไปหมด คราวนี้ความเลวร้ายนั้นได้ส่งผลมายังเขา และคราวนี้ถึงขั้นต้องตายทั้งเป็น

    สเลนพลาด เพราะยิ่งเขามีอำนาจมากเท่าไหร่ชาวอังคารยศสูง (อัศวินวงโคจร) ก็ยิ่งเหม็นขี้หน้ามากเท่านั้น และรอเวลาที่เสลนตกอับก็จะเหยียดซ้ำเดิมให้หนัก (สังเกตเลยว่าตอนเสลนจับคุกไม่มีใครสนใจใยดีเลย เจ้าหญิงก็ดูท้องฟ้าสวยกับสามีอีกต่างหาก เจ็บซ้ำไหมละ) สเลนบ้ามากที่ฆ่าพ่อบุญธรรมทำให้ไม่มีใครมาคลุมหัวให้ (และบ้ามากว่าทำไมสเลนได้ตำแหน่งง่ายจัง เป็นเคานท์นี้ง่ายขนาดนี้เชียวเรอะ ไม่ทำสัญญาตามกฎหมายอะไรหน่อยเรอะ แค่มากเปล่าก็เป็นได้แล้ว)

    และที่เลวร้ายสุดๆ คือสเลนไม่คิดบ้างเหรอว่าหากเจ้าหญิงฟื้นคืนจะเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อตนเองปลอมราชโองการให้หญิงเล็กสวมรอยเป็นองค์หญิง แถมไปประกาศหมั้นเจ้าหญิงโดยไม่ถามเจ้าตัวก่อน พอเจ้าหญิงฟื้นคืนสติเท่านั้นแหละ แววหายนะของสเลนมาเต็มๆ เจ้าหญิงต้องการหยุดสงคราม เลยหนี และประกาศตนเป็นราชินี ให้เลิกสงคราม แถมประกาศแต่งงานกับตัวประกอบ เล่นเอาสเลนช็อกทั้งยืน

    สเลนสอบตกเล่นเกมจีบสาวอย่างร้ายแรง

    สเลนพูดอะไรไม่ออก เจ้าหญิงไม่ก็เอาสงคราม เจ้าหญิงไม่รักสเลนไปเอาตัวประกอบ ทุกอย่างที่ทำมาพังทลายในพริบตาเต็ม สเลนหวังจะฆ่าตัวตาย แต่พอเห็นส้มที่นอกอวกาศ  เอาว่ะในเมื่อเอาชีวิตตรูทำอะไรก็ห่วยหมด อย่างน้อยขอสู้เอาชนะส้มเทพละกัน เป็นเกียรติ์ต่อวงศ์ตระกูล

    ปรากฏว่าคราวนี้เสลนพ่ายยับเพราะเทพส้มอินาโฮะอัพเกรดหุ่นมาเรียบร้อยแล้ว ส่วนหุ่นเสลนแทบไม่อัฟเกรดอะไรเลย แบบนี้ก็แพ้สิครับ

    ในตอนสุดท้าย สเลนถูกจับขังลืม มีชีวิตแบบหมดอาลัยตายอยาก สิ่งทีเขาอุตส่าห์ทำล้มเหลวย่อยยับ  เขาได้กลายเป็นสเลนผู้อ่อนแอ สิ้นหวัง หมดอาลัยตายอยาก  แถมถูกยัดข้อหาว่าเป็นคนที่จะลอบสังหารเจ้าหญิงอาเซลัมซึ่งเป็นต้นตอของสงครามความขัดแย้งครั้งที่ 2 และถูกประกาศการตายของเขาทำให้โลกกับดาวอังคารมีความสัมพันธ์กลับมาดีเหมือนเดิม

                สเลนพยายามอดอาหารตาย ดีกว่ามีชีวิตอยู่ต่อ ไม่มีใครสนใจเขาเลย ยกเว้นอินาโฮะ ที่เขาโผล่มาเยี่ยมเพราะทราบข่าวว่าสเลนกำลังตรองใจตาย อินาโฮะได้บอกสเลนว่าแม้เขาไม่ได้องค์หญิงแต่ได้เพื่อนสมัยเด็กและยัยซึนจากดาวอังคาร (ปล. ประโยคนี้คนเขียนบทความมันมั่ว)

                อินาโฮะบอกให้สเลนมีชีวิตอยู่ต่อ หากแต่เลนย้อยถามเหตุผลทำไมไม่ฆ่าเขาให้ตายเลย  อินาโฮะตอบที่ไม่ฆ่านายก็เพราะอาเซลัมเป็นคนขอชีวิตสเลนเอาไว้ ทำให้สเลนจุกอก น้ำตาร่วง หลังอินาโฮะกลับไปพร้อมกับพี่สาว สเลนที่ถูกคุมตัวไปได้มองท้องฟ้าผ่านหน้าต่างและทำหน้าเหมือนปลอดโปร่ง

                จุดจบของสเลน หลายคนไม่ชอบมากนัก โดยเฉพาะแฟนอวยสเลนแทบร้องไห้ รับไม่ได้ ก็ว่าได้ ทำไมสเลนกลายเป็นแบบนี้ ทุกอย่างที่ทำล้มเหลวไปหมด (แต่อย่างน้อยก็ได้จิ้นวายกับอินาโฮะนะ) แบบนี้ไม่ต่างกับพระเอกอนิเมะเรื่องหนึ่งที่ แฟนตาย บอด ด้วน นั่งเพลงคนเดียวในสวนสาธารณะนั้นนะ แล้วหลายคนอวยว่าจบดีโครตๆ (เรื่องไหนไปคิดเอาเอง)

                ส่วนตัวผมชอบจุดจบของสเลนนะ เพราะเหตุผลมันก็ควรจบแบบนี้อยู่แล้ว สเลนจะเป็นต้องรับบทเป็นแพะรับบาป เพราะไหนๆ ก็มีผิดร้ายแรงแล้ว ยัดข้อหาร้ายแรงสักสองสามข้อหาหน่อยคงไม่ว่าอะไร เพราะเวลานี้ไม่ใช่เรื่องของยุติธรรม แต่จะทำยังไงให้สองฝ่ายสันติภายใต้เส้นด้ายบางๆ เรื่องการขุดคุ้ยรื่องจริงว่ามีใครบ้างที่มีส่วนลอบปลงพระชนม์องค์หญิง ซึ่งน่าจะเกี่ยวพันกับพวกยศสูงชาวอังคารหลายก็คงทำให้เรื่องวุ่นวายมากขึ้น สู้ที่จะปกปิดดีกว่า  และเห็นด้วยซ้ำว่าไม่ควรให้สเลนตายสบายๆ ควรให้อยู่ชดใช้ความผิดที่ทำมา ซึ่งน่าจะเป็นความประสงค์ขององค์หญิงด้วย 

               ความจริงแล้วบทของสเลนนั้นค่อนข้างน่าสนใจมาก คือจะเป็นพระรองที่ตรงกันข้ามกับอินาโฮะ ที่เดินสวมทางกัน สเลนจากเด็กหนุ่มที่อ่อนโยนที่เต็มไปด้วยความรู้สึก หากแต่เลือกเส้นทางที่ผิด (เพราะเหตุการณ์พาไปแบบจำใจ หรือจงใจให้ตนเองรับบาปคนเดียว) จนกลายเป็นหนุ่มที่เยือกเย็นและเย็นชา ส่วนอินาโฮะเลือกในทางที่สว่างกว่าคือเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนไร้ความอารมณ์ความรู้สึกในตอนแรก ได้กลายเป็นเด็กหนุ่มที่อารมณ์และมีความรู้สึก อ่อนโยน และเข้าใจจิตใจคนอื่น

    ทั้งสเลนและอินาโฮะต้องรับบทเป็นคู่ปรับกัน จะเห็นว่าในช่วงครึ่งหลัง ส่วนมากบทจะเท่ไปที่อินาโฮะ และสเลนสลับไปสนับมา สเลนได้เลือกเส้นที่ผิดพลาด และเกินตัว  ส่วนอินาโฮะเลือกเส้นทางที่เขาคิดว่ามันถูก แต่น่าเสียดายที่บทแบบนี้ควรทำเป็นอนิเมะขนาด 50 ขึ้นไป (ขนาดกัมดั้มสงครามหนึ่งปียังยาวหลายตอน) ซึ่งอนิเมะถูกจำกัดไม่สามารถทำได้ ดังนั้นคืออารมณ์ของสเลนดูแล้วไม่สุด ดูแล้วขาดๆ เกินอย่างบอกไม่ถูก

     

    2. อินาโฮะ พระเอกขอนไม้เทพ


                เรื่องราวของอินาโฮะนั้นมีอะไรมากมายต้องพูดถึง (ก็แน่ละ ก็พระเอกนิด) ในขณะที่สเลนเป็นตัวแทนของคนที่เดินทางในสายที่ผิดพลาดและเข้าสู่ด้านมืด แต่สำหรับอินาโฮะนั้นเป็นพระเอกสายสว่างที่เดินเส้นทางที่ตนคิดว่าถูกต้อง ด้วยความตั้งใจและมุ่งมั่น

    อินาโฮะถือว่าเป็นพระเอกแนวขับหุ่นยนต์ยักษ์ที่ค่อนข้างประหลาด กล่าวคือไม่เป็นลูกผู้กล้า ไม่ได้มีพ่อเป็นผู้พัฒนาหุ่น ไม่ได้ขับหุ่นเทพ ไม่ได้รับพลังวิเศษเหมือนหลายๆ เรื่อง อินาโฮะเป็นพระเอกแสนธรรมดา ไม่สิไม่ธรรมดาไปเสียทีเดียว ตามภาษาการ์ตูนแล้วอินาโฮะจุดอยู่ในคาแร็คเตอร์ประเภทคูลเดเระ คือเงียบๆ ทำหน้าไร้อารมณ์  ความรู้สึก ไม่ค่อยพูด เวลาจะพูดก็พูดแต่เรื่องยากๆ และนั้นทำให้อินาโฮะถูกตั้งฉายาจากคนดูว่า “ขอนไม้”

    อย่างไรก็ตาม หลายฉากก็แสดงให้เห็นว่าอินาโฮะไม่ได้ไร้ความรู้สึก เพราะอินาโฮะก็แสดงสีหน้ายิ้มเป็น และเป็นรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นและคนภายนอกเห็นก็รู้เลยว่าเป็นรอยยิ้มที่จริงจัง ไม่ใช่เสแสร้ง

    แต่ที่น่าตกใจคือในเว็บต่างประเทศได้วิเคราะห์เป็นฉากๆ ว่าอินาโฮะเป็นออทิสติก!

    ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อน ออทิสติกไม่ได้เป็นปัญญาอ่อนเหมือนหลายคนเข้าใจกัน ออทิสติกเป็นบกพร่องทางสมองที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับประสาทสัมผัสและการเรียนรู้ โดยบุคคลนี้มักแยกตัวอยู่ในโลกของตนเอง ไม่ค่อยสื่อสารกับใคร ทำให้ขาดการรับรู้จากสิ่งแวดล้อมรอบตัวโดยสิ้นเชิง ขาดการล่าช้าพัฒนาการด้านสังคม การพูด ภาษา การสื่อความหมาย มีพฤติกรรมหมกมุ่น ทำซ้ำๆ ไม่ค่อยยืดหยุ่น

    อย่างไรก็ตาม หลายครั้งเราก็เห็นเด็กที่เป็นออทิสติกมีความสามารถเก่งกว่าคนธรรมดา เช่นเก่งเรื่องคณิตศาสตร์มากๆ หรือเก่งเรื่องดนตรีระดับเทพด้วย

    กลุ่มออทิสติกนั้นมีหลายแบบ ใน Wiki ได้อธิบายว่าอินาโฮะน่าจะจัดอยู่ใน กลุ่มออทิสติกที่มีศักยภาพสูง (High-Functioning Autism มีความสามารถสูงในการเรียนรู้ และ สติปัญญาดี นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการพูด ใช้ภาษา ปรับให้เข้ากับคนอื่นๆ ด้วยและนอกจากนี้การมีความรู้อย่างฟิสิกส์ วิทยาศาสตร์ มีความคิดวางแผนสลับซับซ้อน การวิเคราะห์หาข้อบกพร่องหรือจุดอ่อนของศัตรู  การสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมด้วย

    แม้ว่าอินาโฮะจะเป็นออทิสติกหรือไม่ก็ตาม แต่เราก็มองออกว่าอินาโฮะเป็นเด็กกำพร้าที่สูญเสียพ่อแม่ (อาจเป็นในสงคราม) อินาโฮะน่าจะมีความคิดและความตั้งใจว่าสักวันหนึ่งเขาจะกลายเป็นคนที่มีค่า และเปลี่ยนมันได้

    เราได้เห็นสิ่งที่อินาโฮะทำ ในสิ่งที่หลายคนเป็นไม่ได้ เขาสามารถเอาชนะศัตรูที่เหนือกว่าด้วยความสามารถล้วนๆ อินาโฮะมองโลกแตกต่างจากเรา รับรู้ไม่เหมือนอะไรเรา ความจริงแล้วอินาโฮะปรับปรุงตัวเองเสมอ ความสามารถที่เกิดจากการเล่าเรียนศึกษา สังเกตสิ่งรอบข้างรอบๆ ตัว ทำทุกอย่างจริงจัง (อย่างตอนอินาโฮะช่วยชีวิตองค์หญิงจากการถูกรัดคอ แม้แต่ผู้ใหญ่เองก็ชมอินาโฮะว่า เขามีความรู้ด้านนี้ เพราะปกติเด็กวัยเท่าเขาไม่ได้สนใจเรื่องแบบนี้มากนั้ก)  และนั้นทำให้อินาโฮะพิเศษกว่าใคร

    อินาโฮะเป็นพระเอกที่แทบไม่มีข้อเสีย ทุกการตัดสินใจของอินาโฮะถูกต้องทุกอย่าง (ส่วนสเลนทำอะไรก็ผิดหมด) เป็นพระเอกที่ทุกคนควรทำแบบอย่าง ไม่ว่าจะเป็น เวลามุ่งมั่นจะทำอะไรก็จะทำจนถึงที่สุด เชื่อมั่นตนเอง มีความตั้งใจโดยไม่ใช่อารมณ์ ซึ่งผิดจากพระเอกแนวขับหุ่นยนต์เรื่องอื่นๆ

    อินาโฮะเป็นพระเอกที่ไม่ตกอยู่ด้านมืด ไม่ได้โดดเดี่ยวเดียวดายเหมือนสเลน อินาโฮะมีเพื่อน มีคนที่คอยเป็นห่วง และคำนึงผลส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง

    นอกจากนี้ จุดเด่นๆ ของอินาโฮะที่แตกต่างจากการ์ตูนเรื่องอื่นๆ คือ ปกติพระเอกแนวขับหุ่นยนต์ยักษ์มักขับหุ่นระดับเทพ หุ่นรุ่นใหม่ แต่ของอินาโฮะกลับตรงกันข้าม หุ่นยนต์ของอินาโฮะขับนั้นเป็นหุ่นยนต์รุ่นเก่าที่มีสถานะต่ำมาก ถือเป็นหุ่นยนต์ที่ใช้ฝึกซ้อมมากกว่าต่อสู้ เห็นชัดเจนคือทั้งตัวทาสีส้มซึ่งมันไม่ใช่สีที่เหมาะในสนามรบ (สนามรบควรใช้สีดำอะไรมากกว่า เพราะจะกลมกลื่นธรรมดา) แต่อินาโฮะไม่ได้สนเรื่องเหล่านั้น และขับหุ่นยนต์ดังกล่าวตั้งแต่ต้นจนจบ (มีการอัฟเกรดบ้าง แต่ไม่เปลี่ยนสี)

    เชื่อว่าอินาโฮะทำไปก็น่าจะมีเหตุผลหลายอย่าง เป็นต้นว่าอินาโฮะมั่นใจมากว่าเขาจะชนะแม้จะขับหุ่นด้อยกว่าฝ่ายศัตรูก็ตาม หรือไม่ก็อินาโฮะต้องการให้พวกศัตรูมุ่งทำร้ายตน (เพราะหุ่นมีจุดเด่นเกิน) ก็เป็นไปได้

    ยิ่งซีซั่นสอง ทั้งๆ ที่อินาโฮะเลื่อนยศ (มีผลงานตั้งมากมาย ไม่ได้ก็คงให้รู้ไป) อินาโฮะก็ยังขับหุ่นสีส้มรุ่นเก่า (คงมีการอัพเกรดบ้างน่า) เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ควรเปลี่ยนเครื่องใหม่ได้แล้ว ตรงจุดนี้ก็เดาได้ว่าอินาโฮะอาจจะชินเครื่องรุ่นเก่ามากกว่า

    แต่จะให้ยิ่งใหญ่กว่านี้ ผมเชื่อว่าอินาโฮะเป็นวีรบุรุษของโลกเป็นที่เรียบร้อย แม้ในเรื่องจะไม่ได้เด่นชัดอะไรมากมาย แต่ผมเชื่อว่าอินาโฮะก็เป็นที่ถูกใจแก่พวกคนใหญ่คนโตของโลกด้วยซ้ำ และพยายามโปรโมตอินาโฮะเต็มที ในฐานะเป็นเด็กหนุ่มที่ขับหุ่นกากเอาชนะหุ่นเทพได้อย่างสบาย เป็นการเรียกขวัญกำลังใจแก่ทหารที่สิ้นหวังในสนามรบได้เป็นอย่างดี ซึ่งผมเชื่อว่าอินาโฮะต้องการเช่นนั้นด้วย

    อินาโฮะไม่ใช่คนที่พูดเก่ง ไม่สามารถพูดบุกระดมเหล่าทหารกล้าได้ แต่เขาใช้วิธีกระทำมากกว่าพูด

    คำถามต่อมาเป็นคำถามสำคัญสำหรับหลายคน ตกลงแล้วอินาโฮะรักเจ้าหญิงอัลเซลั่มหรือเปล่า? แม้ในเรื่องจะบอกว่าอินาโฮะแทบชอบเจ้าหญิง หลายคนก็อวย wikiก็บอก และที่เด่นชัดคือฉากพี่สาวของอินาโฮะบอกว่าน้องชายของเธอกำลังมีความรัก (นั้นก็คือเจ้าหญิงอัลเซลั่ม) จนทำให้อิงโกะหวอเลยทีเดียว

    แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมมองไม่ออกเลยว่าอินาโฮะรักเจ้าหญิงจริงๆ หรือเปล่า

    ก่อนอื่นมาไล่เหตุการณ์อินาโฮะพบเจ้าหญิงอัลเซลั่มครั้งแรก ซึ่งอินาโฮะพบเจ้าหญิงโดยบังเอิญระหว่างทางหนีจากการรุกรานชาวอังคาร อินาโฮะพาเจ้าหญิงหนี เมื่ออินาโฮะรู้ความจริงเป็นเจ้าหญิงตัวจริง ที่ต้องการยุติสงคราม ผมเชื่อว่าเวลานั้นอินาโฮะก็เกิดความคิดแล้วว่าจะต้องปกป้องเจ้าหญิงตลอดรอดฝั่ง เพราะเจ้าหญิงมีตัวแปรสำคัญที่ทำให้สงครามยุติ

    โอเคครับ ในด้านความไว้เนื้อเชื่อใจ ทั้งสองต่างไว้ใจกันและกัน และเจ้าหญิงก็เป็นอีกคนที่ทำให้อินาโฮะยิ้มด้วย (ยิ้นตอนไหนก็ไม่รู้ ลืมไปแล้ว) แต่ปัญหาคือนี่คือสาเหตุที่อินาโฮะชอบเจ้าหญิงจริงหรือเปล่า? คำตอบคือไม่ใช่แน่นอนครับ

    รักแรกพบเหรอ เป็นไปไม่ได้หรอก มันมีเหตุการณ์ที่ทำให้อินาโฮะประทับใจตั้งแต่แรกเห็นเหรอ อีกทั้งบุคลิกอินาโฮะผมเชื่อว่าเขาชอบคนที่อยู่รอบตัวเขาที่มีผูกพันธ์กันมาอย่างยาวนานมากกว่าอย่างพี่สาวและอิงโกะที่เป็นเพื่อนสมัยเด็ก ในขณะที่เจ้าหญิงอัลเซลั่ม อินาโฮะรู้จักกันไม่กี่เดือน ไม่รู้ใส่รู้พุง ไม่รู้ใจกันและกัน มันเป็นไปไม่ได้หรอกว่าจะเกิดความรักง่ายดายขนาดนี้

     นอกจากนี้ฐานะยังแตกต่างกัน อินาโฮะก็คงคิดแล้วว่าพวกเราไม่สามารถรักกันได้เป็นความรักที่ไม่สมหวัง อีกทั้งระยะเวลาสั้นมันเกินไปที่ทำให้คนสองคนเกิดความรู้สึกรักกันและกัน  ฉากโรแมนติกเองก็ไม่ได้แสดงชัดเจนว่าอินาโฮะรักเจ้าหญิงเด่นชัดนัก  (ฉากโรแมนติกที่สุดคือดูท้องฟ้าโลกสวยงามนั้นแหละ)  ความสัมพันธ์ของอินาโฮะกับเจ้าหญิง อย่างมากก็เป็นเพื่อนกันและกัน  ขนาดตอนใกล้จบเจ้าหญิงยังยืนยันเลยว่าอินาโฮะเป็นแค่เพื่อน

    ด้วยความรู้สึกเหล่านี้จึงเป็นเหตุผลที่ผมไม่ได้ฟินอะไรกับอินาโฮะXเจ้าหญิงอะไรมากนัก และผมมองว่าสิ่งที่อินาโฮะทำเพื่อเจ้าหญิงคือการปกป้องในสิ่งที่เขาเชื่อใจในตัวเธอมากกว่า มันเป็นสิ่งที่เราสมควรทำ ซึ่งอินาโฮะเองก็ย้ำเรื่องพวกนี้บ่อยๆ อยู่แล้ว

    แม้อินาโฮะจะรักเจ้าหญิงจริงๆ ก็ตามแต่ ในตอนท้ายอินาโฮะก็ไม่ได้เสียใจกับรักที่ไม่สมหวังแม้แต่น้อย คนเรามีเส้นทางเดินที่แตกต่างกัน มีหน้าที่ไม่เหมือนกัน อยู่ในสังคมที่แตกต่างกัน ทั้งสองคิดแต่หน้าที่ของตน คิดถึงส่วนรวมมากกว่า

    ฮินาโฮะถือว่าเป็นพระเอก โครตพระเอกคนหนึ่ง  เป็นคนดี คนเก่ง เสียสละทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ตกด้านมืด ไม่เลือกเส้นทางที่ผิดพลาด คนรอบข้างต่างรักใคร่ให้กำลังใจ     ก็แปลกดีที่พระเอกแนวๆ นี้ เพราะพระเอกประเภทเป็นคนดี ทำอะไรดีไปหมด แบบเส้นตรงถือว่าน่าเบื่อมากในแนวขับหุ่นยนต์ หากแต่สิ่งที่ต่างคือเป็นการใช้คาแร็คเตอร์พระเอกคูลเดเระ และการแสดงให้เห็นว่าคนธรรมดาก็สามารถเปลี่ยนโลกได้ ก็ช่วยให้หลายคนรักพระเอก และลุ้นตั้งแต่ต้นจนจบ (แม้จะจบน่าผิดหวังสำหรับหลายคนก็ตาม)

     

    1. เจ้าหญิงอัสเซลัม เวิสท์ อัลลูเซีย นางเอกที่จำเป็นต้องแต่งงานเพราะการเมือง


              ผมไม่เถียงว่าเจ้าหญิงอัสเซลัม เป็นนางเอกของ
    Aldnoah.Zero เพราะเธอสำคัญต่อเนื้อเรื่อง เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด เป็นผู้ก่อสงคราม รู้จักกับพระเอก และพยายามหยุดสงคราม นางเอกจริงๆ

    ปกติคาแร็คเตอร์เจ้าหญิง แนวหุ่นยนต์ยักษ์ จะทำหน้าที่อยู่เบื้องหลังมากกว่าด้านหน้า กล่าวคือมีหน้าที่ตัดสินใจในสิ่งที่ตนต้องทำ รวมไปถึงเป็นตัวละครมีอิทธิพลกับจิตใจของพระเอกด้วย ซึ่งเจ้าหญิงอัซเซลัมก็คล้ายๆ กับคาแร็คเตอร์เหล่านั้น แถมนิสัยก็ยังตามแบบฉบับเจ้าหญิง คือ มีเมตตา อ่อนโยน อ่อนต่อโลก

    ในซีซั่นหนึ่ง โดยภาพรวมของเจ้าหญิงอัสเซลัม ก็ตามแบบฉบับแนวเจ้าหญิง แถมพล็อตๆ ยังโหลออกต่างหาก ไม่ว่าจะเป็น เกือบถูกลอบปลงพระชนม์ เป็นต้นเหตุสงคราม หนีการถูกไล่ล่า พยายามหยุดสงคราม เพียงแต่บทของเจ้าหญิงอัสเซลัมก็มีฉากลุยๆ แต่มันก็เท่านั้น

    แม้คาแร็คเตอร์เจ้าหญิงอัสเซลัมจะเป็นคาแร็คเตอร์ที่ดูซ้ำๆ แต่ด้วยความว่ามี “เจ้าหญิง” และ “นางเอก” นำหน้า ทำให้หลายคนอวยไม่น้อยเลยทีเดียว

    อย่างไรก็ตาม พอมาถึงซีซั่นสอง  หลายคนแทบหน้ามืดอยากจะเป็นลม เมื่อเจ้าหญิงออกตัวแรงแบบม้าตีนปลาย ด้วยการประกาศเปิดตัวผัว และผัวที่ว่าไม่ใช่พระเอก และพระรอง แต่เป็นตัวประกอบ!!

    เข้าทำนางว่าสู้กันแทบตาย แต่สุดท้ายตัวประกอบก็ได้ไป

    เชื่อว่าหลายคนคงรู้สึกเซ็งๆ กับเจ้าหญิงไม่หาย เพราะปกติแล้วไม่ว่าเรื่องไหน (เรื่องไหนก็ไม่รู้?) พระเอกมักต้องจบกับนางเอก  แต่เจ้าหญิงอัสเซลัมทำให้หลายคนผิดจน จนทำให้หลบายคนเหม็นขี้หน้า เซ็งจิต เซ็งในอารมณ์ จนหลายคนด่า หลากหลาย  เป็นต้นว่า ยัยโลกสวย”, “หาผัวให้เจ้าหญิง”, “แย่งกันแทบตายตัวประกอบคาบไปแด๊กฯลฯ ไม่รู้จะสรรหาคำที่จะด่าอะไรดี แหมเธอออกตัวแรงว่าเป็นนางเอกต้นเรื่อง มีความหวังว่าจะได้อินาโฮะเป็นสามี แต่ตอนจบ  ดันจบรูทตัวประกอบ เป็นใครก็อารมณ์ขึ้นหมด

    เชื่อเถอะครับ ใครดูตอนที่ 23 ต่างเอามือกุมหน้าผากทุกคนแหละ อารมณ์ประมาณว่า แล้วฉันติดตามอนิเมะเรื่องนี้เพื่ออะไร เพราะเนื้อหาอนิเมะก็สื่อชัดเจนว่าเป็นเรื่องของพระเอกและพระรองต่อสู้กันโดยมีเจ้าหญิงขั้นอยู่ตรงกลาง

    หลายคนเชียร์กันเยอะมาก ว่าสุดท้ายใครจะสมหวังเจ้าหญิง ถึงขนาดมีแฟนฟิควาดรูป สเลนXเจ้าหญิง ไม่ก็ อินาโฮะXเจ้าหญิง เยอะไม่แพ้กัน (แต่หลักๆ คือสเลน เพราะสเลนเป็นคนจริงจังเจ้าหญิงชัดเจน และทำทุกอย่างเพื่อเจ้าหญิง)

    แต่สุดท้ายพระเอกและพระรองก็ไม่ได้สมหวังกับเจ้าหญิง

    ส่วนตัวแล้ว ผมรู้สึกเฉยๆ ผมเคยคิดแล้วว่าอินาโฮะไม่มีทางสมหวังกับเจ้าหญิงหรอก ร้อยเปอร์เซ็นต์

    แม้ภายนอก Aldnoah.Zero จะพยายามนำเสนอเรื่องราวความรักระหว่างสงคราม ความรักต่างฐานะ ความรักต่างเชื้อชาติ ความรักแบบนี้เรามักเห็นหนังไทยบ่อยๆ และเรามักเห็นจบแบบสามัญชนได้พิสูจน์ว่าตนนั้นเหมาะสมกับเจ้าหญิง ในที่สุดก็สามารถทำลายอุปสรรค์ทั้งมวล สามารถแต่งงานกันได้ ชีวิตความรักดั่งเทพนิยาย ฟินกันทั่วหน้า

    แต่  Aldnoah.Zero กลับนำเสนอตรงข้ามกับเทพนิยายเหล่านั้น ด้วยการนำเสนอในเหตุและผล ความเป็นจริง เมื่อการเมืองสำคัญกว่าความรัก (หากอินาโฮะกับเจ้าหญิงกันจริงๆ

    ผมมานั่งคิดๆ ดูว่าอินาโฮะกับเจ้าหญิงสามารถรักกันได้หรือไม่

    ก็อย่างที่บอกแหละว่าผมไม่ได้อวยเจ้าหญิง จึงไม่ได้รู้สึกอะไรที่สุดท้ายเจ้าหญิงไม่ได้คู่อินาโฮะ หรือเจ้าหญิงไปเอาตัวประกอบในตอนท้ายสักเท่าไหร่ หรือต่อให้อวย ผมก็ทำใจตั้งนานแล้วครับหากสังเกตดีๆ อนิเมะแนวไหนที่มีพล็อตประเภทนี้ เจ้าหญิงไม่ค่อยลงเอยพระเอกหรอกครับ (นอกจากฮาเร็มสายมืด)  ทั้งคู่ฐานะต่างกัน อยู่คนละฝั่งกัน มันไม่ใช่ละครไทยที่คนจากสองฝั่งที่เกลียดกันแต่งงานกันจะทำให้ทุกคนเลิกเกลียดชัง ปรองดองสามัคคีกัน มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ

    นอกจากนี้ตามที่ผมเข้าใจ เจ้าหญิงมองอินาโฮะเป็นแต่แค่เพื่อน อาจเป็นเพื่อนพิเศษ แต่ไม่ถึงขั้นรักกัน พูดง่ายๆ เจ้าหญิงไม่ได้รักอินาโฮะ และอินาโฮะเองก็ไม่ได้รักเจ้าหญิง

    ผมพูดอาจโหดร้ายไปหน่อย แต่ผมว่าเชื่อว่าเจ้าหญิงไม่ได้รู้จักความรัก ตามประสาอ่อนโลก นกน้อยในกรงทอง ที่ไม่ได้สู่โลกภายนอก ความรักชายและหญิงนั้นจึงเป็นเรื่องที่เจ้าหญิงไม่เข้าใจ

    หลักฐานที่เห็นได้ชัด คือ ตัวสเลนเอง เจ้าหญิงยังไม่รู้เลยว่าสเลนนั้นรักตนเองมากขนาดไหน ขนาดเจ้าหญิงอยู่กับสเลนตั้งแต่เด็กยังมองไม่ออกเลย แล้วเจ้าหญิงจะมองอินาโฮะออกเหรอครับว่าอินาโฮะรับตน  (ยิ่งอินาโฮะเป็นคนไม่ค่อยพูดอีกต่างหาก) ยิ่วประโยคท้ายสุดตอนจบของอนิเมะที่เจ้าหญิงบอกคลานไคล์ว่าอินาโฮะเป็น “เพื่อนบนโลก” ก็บอกชัดเจนอยู่แล้วว่าเจ้าหญิงมองอินาโฮะยังไง (ถ้าเจ้าหญิงรักอินาโฮะจริงแล้วใช้คำว่า “รักแรก” ก็ว่าไปอย่างครับ)

    และด้วยความรู้สึกไม่ชัดเจนนี้แหละ ทำให้ผมไม่ค่อยอวยเจ้าหญิงสักเท่าไหร่

    นอกจากนี้เจ้าหญิงยังเป็นตัวละครที่ดูขัดๆ คือการกระทำของเธอมันสวนกระแสกับความรู้สึกของผู้ดูมากๆ โดยเฉพาะฉากเจ้าหญิงประกาศสามีคือคลานไคล์ เล่นทำสเลนและคนดูช็อกทั้งยืนไปตามๆ กัน เท่านั้นแหละมหกรรมด่าเจ้าหญิงเกิดขึ้นทันที และด่าเจ้าหญิงว่า “ยัยโลกสวย” (ความจริงน่าจะด่าตั้งแต่ภาคแรกๆ คนเขารบกันแทบตาย ตนเองมาดูนกบนท้องฟ้า โลกสวยงาม)

    ความจริงแล้วฉากนี้มันมีเหตุผลของมันอยู่ คือเจ้าหญิงจำเป็นต้องการหยุดสงคราม ได้เห็นความกล้าและความเสี่ยงตายของอินาโฮะ สิ่งเหล่านี้ทำให้เจ้าหญิงตัดสินใจด้วยตนเอง ด้วยการสละความสุขส่วนตัวของเธอ ตั้งตนเป็นจักรพรรดินี  และประกาศสามี ซึ่งเป็นนายคลานไคล์ ซึ่งเป็นคนสนิท มีชาติตระกูล บารมีดี  และเป็นคนที่เจ้าหญิงไว้ใจ เจ้าหญิงจำเป็นต้องแต่งงานการเมืองเพื่ออำนาจของตนยังอยู่ และมีคนฟังตน

    แต่อย่างไรก็ตาม การแทรกแซงของเจ้าหญิงหยุดสงคราม มันกลับกลายเป็นสิ่งที่เลวร้ายสำหรับหลายๆ คน

    -ทั้งสองฝ่ายกำลังทำสงครามเต็มอัตราศึกอยู่แล้ว จู่ๆ เจ้าหญิงมาแทรกตรงกลางว่า หยุดสงครามเถอะ เป็นใครก็เซ็ง

    -การประกาศขององค์หญิง ทำให้ชาวอังคารหลายคนเลือกที่จะทำตามองค์หญิง คือ มันง่ายไปหรือเปล่า ทั้งสองรบกันแทบตาย มีหลายคนตายเป็นจำนวนมาก มันยอมกันง่ายๆ ขนาดนี้เลยเหรอ นอกเสียจากเจ้าหญิงจะแสดงไพ่ที่เหนือกว่าควบคุมทหารของตนได้ เป็นต้นว่ามีพลังหยุดทำงานหุ่นเป็นต้น แต่ในเรื่องแค่เจ้าหญิงประกาศเป็นจักรพรรดินี ประกาศหาผัว แค่นี้นะหยุดสงคราม

    นอกจากนี้มันจบง่ายไปหรือเปล่า คือสงครามก็ย่อมเกิดเมล็ดพันแห่งความเกลียดชังมากมายในหมู่ชาวโลกและชาวอังคาร แต่เวลาผ่านไปไม่กี่เดือน ทั้งสองฝ่ายคืนดีง่ายไปหรือเปล่า ขนาดเยียดเชื้อชาติในโลกแห่งความจริงผ่านมากี่ทศวรรษยังแก้ไม่หายเลย

    พูดง่ายเจ้าหญิงเป็นตัวละครที่หล่นจากตำแหน่งนางเอกอย่างอนาถแท้ๆ  (ชนิดสู้อิงโกะไม่ได้) ไร้ซึ้งอารมณ์ฟิน

    ที่เจ็บซ้ำที่สุดคือ ตอนจบ   แทนที่จะมีฉากอินาโฮะเจอกับเจ้าหญิงอีกครั้ง สักนิด ไม่มี กลายเป็นจิ้นอินาโฮะกับสเลนแทน เจ็บปวดจริงๆ

               

    0.ไม่ถึงขั้นแย่ แต่ก็น่าผิดหวัง


             ถ้าถามตามความคิดเห็นผม แบบไม่มองอคติแล้วละก็ โดยภาพรวมตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว
    Aldnoah.Zero ทำได้ดีกว่า Guilty Crown และ Kakumeiki Valvrave กว่ามาก (แม้อนิเมะทั้งสามเรื่องจะน่าผิดหวังในช่วงครึ่งหลังก็ตาม) หากให้คะแนนผมให้คะแนนระดับกลางๆ (สัก 5/10 หรือไม่ก็ 6/10) อย่างน้อยก็จบแบบมีเหตุผล (แต่ไม่ถูกใจคนดู) ตัวละครน่าอวย (อย่างน้อยก็ทำให้ผมชอบอิงโกะ และอิงโกะไม่ตาย) และฉากต่อสู้ที่ดูสนุก (วิทยาศาสตร์บ้าง ไม่วิทยาศาสตร์บ้าง)   

    Aldnoah.Zero เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของที่เปลี่ยนผู้คนเขียนบ กลางคันแล้วเรื่องมันเละขนาดไหน เมื่อบทเนื้อหาจากครึ่งแรกได้รับคำชื่นชม พอมาถึงช่วงหลัง จู่ๆ  ก็รู้สึกแปลกๆ อย่างเห็นได้ชัด เหมือนไม่ปะติดปะต่อจากครึ่งแรก ราวกับเป็นคนละเรื่องเดียวกัน

    ผลจากการเปลี่ยนตัวผู้กำกับ ผลก็คือประเด็นสำคัญที่อุตส่าห์ปูไว้ตั้งแต่ต้นเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น มนุษย์ต่างดาวคืออะไร, เหตุผลทำไมดวงจันทร์แตก, งานวิจัยของพ่อของสเลนคืออะไร, ไปจนถึงบอสลับ (ตัวที่ลุงขี้เมาสู้ในวัยหนุ่ม) ก็ไม่ถูกกล่าวถึง  และที่สำคัญคือใจความของเรื่อง อัลด์โนอาห์คืออะไร ทำไมไม่ถูกอธิบาย ทำไมมีแต่คนของราชวงศ์เท่านั้นที่สามารถใช้มันได้ สิ่งเหล่านี้ถูกละเลยแบบไม่ให้อภัย  

    และที่ละเลยคือ บทสรุปของตัวละคร (ที่ส่วนมากชาวอังคาร) อย่าง หญิงเล็กขี้อิจฉาที่เด่นมากในช่วงครั้งหลังนั้นจู่ๆ บทหาย ในตอนท้ายก็ไม่บอกว่าท้ายสุดแล้วเธอไปอยู่ที่ใด เป็นตายร้ายดียังไง ไม่ทราบว่าจะทำภาพยนตร์ หรือ OVA ต่ออีกหรือไงก็ไม่ทราบได้

    นอกจากนี้ในเรื่องยังเต็มไปด้วยเรื่องไม่สมเหตุสมผลมากมาย อารมณ์ของเรื่องไม่ได้สื่อความโหดร้ายของสงครามมากนัก ขายแต่ความเทพพระเอกท่าเดียว ส่วนการขายคาแร็คเตอร์องค์หญิงกับสเลนนั้นก็ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

     

    สรุปแล้ว Aldnoah.Zero ก็เป็นเพียงการ์ตูนขับหุ่นยนต์ยักษ์ที่ไม่ได้เป็นตำนานที่หลายคนจดจำนัก อย่างที่ผู้สร้างคุยเอาไว้ เพราะเนื้อหาก็ยังคงรูปแบบเดิมๆ คือจะทำยังไงให้ เหล่าร้ายเลวที่สุด ส่วนพวกพระเอกดีที่สุดแต่การสร้างความโดดเด่น ความแตกต่าง  หรือฉากน่าจดจำ ทั้งหมดสอบตกโดยสิ้นเชิง (นอกจากฉากจบครึ่งแรก) แถมจบลงแบบขาดๆ เกินๆ ไม่เป็นที่ชื่นชอบสำหรับหลายคนสักเท่าไหร่

    เรื่องตอนจบของ Aldnoah.Zero อาจเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับคนดูการ์ตูนอนิเมะญี่ปุ่นที่เราต้องพบเรื่องผิดหวัง ที่เรามักพบตอนจบไม่ดีเป็นส่วนมาก ทั้งๆ ที่จริง แล้ว “จบไม่ดี” มันไม่มีอยู่ในโลก มันมีแต่ “ตอนจบที่ถูกใจเรา” และ “ตอนจบไม่ถูกใจเรา” เท่านั้น แน่นอนว่า Aldnoah.Zero ไม่ใช่อนิเมะเรื่องสุดท้ายแน่นอนที่คิดรู้สึกว่าตอนจบรู้สึกผิดหวัง

    ดังนั้นเราพยายามทำใจ และคิดบวกเข้าไว้ครับ สักวันเราก็จะพบตอนจบที่ถูกใจบ้างน่า

    แต่ส่วนตัวแล้วอิงโกะไม่ตาย อิงโกะรอด อิงโกะยังลุ้นอินาโฮะ แค่นี้ผมก็คุ้มแล้วละ

     

    Aldnoah.Zero ยังถูกภาคย่อยอีกเรื่องคือ Aldnoah.Zero Gaiden: Twin Gemini ซึ่งเป็นภาคมังงะ โดยตัวเอกมังงะเรื่องนี้ไม่ใช่อินาโฮะ แต่เป็นเด็กหนุ่มที่ชื่อฮารุยะ มิคากะ ซึ่งจะว่าไปคาแร็คเตอร์ก็ไม่แตกต่างไปจากพระเอกแนวขับหุ่นสักเท่าไหร่ คือเลือดร้อน และรักความถูกต้อง ไม่รู้ว่ามีใครตามเรื่องหรือเปล่า

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×